มีฝูงชนมารวมตัวมุงดูอยู่ด้านหน้าหอเจินเป่า ตัวเอกในคราวนี้คือนายน้อยของตระกูลฉู่กับคุณหนูและนายน้อยของตระกูลโอวหยาง
เดิมทีฉู่หยวนไม่เกรงกลัวอยู่แล้ว แต่เื้ัโอวหยางจิ้งคือบุคคลระดับผู้าุโของสำนักก้งเฟิ่ง จึงทำให้เขามีปัญหาตึงมือ
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันโดยไม่ลดราวาศอก
“ฉู่เส้า ข้าจ่ายผลึกเสวียนให้หนึ่งแสนก้อน เ้ามอบจิ้งจอกวายุั์ตามรกตตัวนั้นมา ถือว่ามอบให้สหาย ว่าอย่างไร?” โอวหยางจิ้งมองฉู่หยวนแล้วเอ่ยเรียบๆ
แต่ฉู่หยวนไม่ยินยอม
น้องสาวของเขาชอบเ้าตัวเล็กนั่นมาก เขาจะมอบให้ได้อย่างไร?
“คิดว่าตระกูลฉู่ขาดเงินหรือ?” ฉู่หยวนมองโอวหยางจิ้งด้วยสายตาเ็าและแค่นเสียง ตระกูลฉู่เป็ตระกูลอันดับหนึ่งในแคว้นเยี่ย ร่ำรวยเทียบได้กับแว่นแคว้น แค่เทียบทรัพย์สมบัติ เกรงว่าตระกูลในแคว้นเยี่ยที่เทียบกับตระกูลฉู่ได้มีไม่เกินห้า
โอวหยางจิ้งยิ้มกล่าว “ตระกูลฉู่ไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่ข้าอยากคบฉู่เส้าเป็สหาย หวังว่าฉู่เส้าจะเห็นแก่หน้าตระกูลโอวหยางและไว้หน้าผู้าุโสาม ว่าอย่างไร?”
ฉู่หยวนมีสีหน้าแปรเปลี่ยน
ตระกูลฉู่ย่อมดูแคลนตระกูลโอวหยาง แต่ตระกูลฉู่จำต้องใคร่ครวญถึงผู้าุโสามที่โอวหยางจิ้งเอ่ยถึง เพราะผู้าุโสามที่โอวหยางจิ้งกล่าวนั้นเป็หนึ่งในผู้าุโของสำนักก้งเฟิ่งแห่งแคว้นเยี่ยและเป็อาจารย์ของโอวหยางจิ้ง
ฉู่หยวนหันกายจากไปโดยไม่เอ่ยวาจา
แต่โอวหยางจิ้งกลับขวางฉู่หยวนไว้และเก็บงำรอยยิ้มบนใบหน้าช้าๆ
โอวหยางจิ้งหมดความอดทนแล้ว เขาเป็ผู้มีพร์ของตระกูลโอวหยาง เขาติดตามผู้าุโสามฝึกวิชาั้แ่เล็ก พร์โดดเด่นเหนือธรรมดา อายุสิบเก้าปีอยู่ขั้นเสวียนฟ้าแปดชั้นฟ้าระดับสูงสุด มีชื่อเสียงอย่างมากบนผังบุตร์แคว้นเยี่ย เขาลดตัวมาเจรจากับฉู่หยวนโดยไม่ลงมือแย่งชิงก็ถือว่าไว้หน้าตระกูลฉู่มากแล้ว
“ฉู่หยวน ข้าหวังว่าเ้าจะใคร่ครวญให้กระจ่าง”
โอวหยางจิ้งเอ่ยช้าๆ มีเจตนาคุกคามในน้ำเสียงรางๆ
ฉู่หยวนมีสีหน้าอัปลักษณ์สุดขีด
“ไม่ต้องครุ่นคิดแล้ว ไม่ขาย”
โอวหยางจิ้งมีสีหน้าอึมครึมลงโดยสมบูรณ์ “นี่เ้าคิดจะเป็ศัตรูกับตระกูลโอวหยางหรือ?”
แต่ในเวลานี้เอง พลันมีเสียงราบเรียบดังมา
“เ้าคิดจะใช้สำนักก้งเฟิ่งมากดดันคนอื่นหรือ?”
ประโยคเดียว ทำให้สีหน้าของโอวหยางจิ้งและโอวหยางเสวี่ยอัปลักษณ์ทันที “ไอ้คนไม่รู้จักตายคนใดพูดจาลับหลัง? ไสหัวออกมา!”
จากนั้น เซียวเฉินและฉู่เยียนหรานก็เดินออกมา
สิ่งที่ฉู่เยียนหรานอุ้มอยู่ในอ้อมอกคือจิ้งจอกวายุั์ตามรกตที่โอวหยางเสวี่ยอยากได้ เื่นี้ทำให้โอวหยางเสวี่ยดวงตาเปล่งประกาย อยากพุ่งมาแย่งชิงใจแทบขาด
โอวหยางจิ้งมองเซียวเฉิน “คำพูดเมื่อครู่เ้าเป็คนพูด?”
เซียวเฉินยิ้ม ไม่ได้ปฏิเสธ
“ข้าพูดเอง แค่พูดตามความจริงเท่านั้น”
หลังจากโอวหยางจิ้งมั่นใจว่าไม่มีบุคคลนี้ในแคว้นเยี่ย สีหน้าก็อึมครึมแล้วเอ่ยเสียงเ็าทันที “เ้าสุนัขรับใช้ เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร? เ้าคู่ควรที่จะพูดสอดหรือ?”
เซียวเฉินมีสีหน้าเย็นเยียบทันควัน
ส่วนโอวหยางจิ้งมองฉู่หยวนแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ฉู่หยวน วันนี้จิ้งจอกวายุั์ตามรกตตัวนั้น เ้าจะมอบก็ต้องมอบ ไม่มอบก็ต้องมอบ ไม่ต้องเจรจาอีก นี่คือสิ่งที่ตระกูลโอวหยางจองไว้ล่วงหน้า มีคนของหอเจินเป่าเป็พยาน”
จากนั้น มีสตรีคนหนึ่งเดินออกมาจากหอเจินเป่า เป็สตรีที่ขายจิ้งจอกวายุั์ตามรกตให้พวกฉู่หยวนในวันนั้น สตรีผู้นั้นดวงตาเป็ประกาย เอ่ยว่า “คุณชายฉู่ ขออภัยจริงๆ วันนั้นข้าจำผิด ตระกูลโอวหยางจองจิ้งจอกวายุั์ตามรกตตัวนี้ไว้”
ฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานมีสีหน้าน่าเกลียดทันที
ฉู่เยียนหรานกอดจิ้งจอกน้อยไว้แน่น ไม่ยอมคลายมือด้วยเกรงว่าจะถูกแย่งไป
ส่วนดวงตาของโอวหยางจิ้งและโอวหยางเสวี่ยก็มีแววยิ้ม
“ว่าอย่างไร? ยังไม่มอบมาอีก?”
โอวหยางเสวี่ยบอกฉู่เยียนหรานอย่างเหิมเกริม น้ำเสียงไม่เกรงอกเกรงใจเลยสักนิด ฉู่เยียนหรานย่อมไม่ฟัง เซียวเฉินที่อยู่ด้านข้างมองสตรีผู้นั้นพลางเอ่ยช้าๆ “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดเ้ายังต้องขายให้พวกเรา เห็นตระกูลฉู่รังแกง่ายหรือ?”
สิ้นเสียง สตรีผู้นั้นตัวสั่นสะท้านทันที
นางล่วงเกินตระกูลโอวหยางและตระกูลฉู่ไม่ได้ทั้งนั้น นางถูกบีบให้จำต้องทำเช่นนี้ สตรีอ่อนแออย่างนางจะทนรับการข่มขู่ได้อย่างไร ชั่วขณะ น้ำตาก็ไหลชวนให้คนสงสาร แต่เซียวเฉินกลับมองนางอย่างเ็าโดยไม่รู้สึกเวทนา
เพราะคนแบบนี้ไม่มีค่าให้สงสาร
คนต่ำช้าที่ทำร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเองแบบนี้มีคุณสมบัติอะไรให้คนอื่นสงสารเห็นใจ?
โดยเฉพาะสตรี ยิ่งทำให้คนชิงชัง!
“ข้าจำผิดไปชั่วขณะ...” สตรีผู้นั้นเอ่ยอย่างเสียใจ ดวงตามีประกายน้ำตา ท่าทางน่าสงสาร ทำให้ทุกคนที่มุงดูรอบด้านเกิดความเห็นใจ
ทว่าเซียวเฉินกลับหัวร่อหยัน “หึหึ จำผิดหรือ? อย่างแย่ที่สุดตระกูลโอวหยางก็ถือเป็ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง เ้าถึงกับจำผิดได้? ดูท่า หอเจินเป่าก็เพียงเท่านี้...”
สตรีผู้นั้นมีสีหน้าน่าเกลียดทันที
“ข้า...ข้า...”
โอวหยางจิ้งเห็นสตรีผู้นั้นพูดไม่ออกก็เอ่ยด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ “เ้าสุนัขรับใช้ เ้านับเป็ตัวอะไร คู่ควรจะมาชี้นิ้วที่นี่หรือ ไสหัวไปเสีย ไม่เช่นนั้นจะให้เ้าตายซากศพไม่สมบูรณ์”
ดวงตาของเซียวเฉินเปล่งประกายเย็นเยียบฉับพลัน
“เ้าด่าใครเป็สุนัข?”
โอวหยางจิ้งหัวร่อหยัน “ด่าเ้าว่าเป็สุนัข แล้วมีอะไร?”
เพี้ยะ!
เซียวเฉินเงื้อมือขึ้นตบหน้าโอวหยางจิ้งโดยไม่ยั้งแรง ตบจนโอวหยางจิ้งกระเด็นไปไกลสิบกว่าเมตร กระอักฟันปนโลหิตออกมา ใบหน้าครึ่งซีกบวมเป่ง ร่วงกับพื้นอย่างหนักหน่วง
ฮือฮา!
ภาพนี้ทำให้ทุกคนตะลึงงัน!
โอวหยางจิ้งถูกตบ!
ถึงกับมีคนกล้าทุบตีคนของตระกูลโอวหยางในเมืองหลวง หรือเขาไม่กลัวว่าจะล่วงเกินสำนักก้งเฟิ่งและตระกูลโอวหยาง? ต้องรู้ก่อนว่า โอวหยางจิ้งคือผู้มีพร์ของตระกูลโอวหยาง ตบหน้าโอวหยางจิ้งก็เท่ากับตบหน้าตระกูลโอวหยางและผู้าุโสำนักก้งเฟิ่ง!
โอวหยางเสวี่ยที่อยู่ด้านข้างกรีดร้องเสียงแหลมทันใด “ไอ้คนสารเลว เ้ากล้าตบพี่ชายข้า!”
เพี้ยะ!
ตบเข้าที่ใบหน้าของโอวหยางเสวี่ยอีกฉาด
ใบหน้าของโอวหยางเสวี่ยปรากฏรอยฝ่ามือสีแดงในพริบตา เซียวเฉินมองพวกเขาแล้วเอ่ยเสียงเ็า “บุตรหลานตระกูลใหญ่พูดจาสกปรกแบบนี้หรือ? เสียทีที่พวกเ้าได้รับการอบรม! ควบคุมปากของพวกเ้าให้ดี ไม่เช่นนั้น ข้าจะจัดการพวกเ้า!”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็มองโอวหยางจิ้ง “หากที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวง ข้าต้องฆ่าเ้าแน่ เป็บุตรหลานตระกูลใหญ่ เป็ศิษย์ผู้าุโสำนักก้งเฟิ่งถึงกับวางอำนาจขนาดนี้ อาศัยอำนาจของวงศ์ตระกูลและอาจารย์มาบีบคั้นสตรีคนหนึ่ง พวกเ้ายังมียางอายหรือไม่?” เซียวเฉินชี้ไปที่สตรีจากหอเจินเป่าผู้นั้น ทำให้นางซึ้งใจจนน้ำตาไหลอีกครั้ง
เซียวเฉินมองสตรีผู้นั้นพลางเอ่ยช้าๆ “ข้ารู้ว่าเ้าถูกพวกเขาบังคับ ข้าไม่ตำหนิเ้า เ้าไปเถอะ หากพวกเขามาหาเื่ก็ให้มาหาข้าที่ตระกูลฉู่” ว่าแล้วก็โยนผลึกเสวียนถุงหนึ่งให้สตรีผู้นั้น
สตรีผู้นั้นซาบซึ้งจนน้ำตาไหล คารวะเซียวเฉิน
“ขอบคุณคุณชาย” เอ่ยจบก็หันกายจากไป
เซียวเฉินมองโอวหยางจิ้งและโอวหยางเสวี่ยอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “วันนี้ถือว่าสั่งสอนพวกเ้าสองคน หากยังมีครั้งหน้าอีก ข้าจะไม่ยั้งมือแล้ว พวกเ้าอย่าได้หวังเื่จิ้งจอกวายุั์ตามรกต สิ่งของของพวกเ้าย่อมเป็สิ่งของของพวกเ้าวันยังค่ำ หากไม่ใช่สิ่งของของพวกเ้า ต่อให้อยากได้ก็เปล่าประโยชน์ ตระกูลฉู่กลัวสำนักก้งเฟิ่ง แต่ข้าไม่กลัว หากจะหาเื่ ข้าเฉินเซียวจะรอพวกเ้า!”
ว่าแล้วก็พาฉู่เยียนหรานและฉู่หยวนหันกายจากไป
โอวหยางจิ้งมองเงาหลังคนทั้งสามจากไปด้วยสีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว เจตนาสังหารพวยพุ่ง
“ฉู่หยวน พวกเ้าคอยดูเถอะ…”