ผมพุ่งทะยานเข้าไปในพงหญ้าด้วยท่าทางราวกับเสือร้ายขย้ำเหยื่อหรือสุนัขดุแย่งอุจจาระก็สุดจะรู้ จากนั้นผมก็กำดาบเล่มยาวเอาไว้แน่นทั้งน้ำตาอาบหน้า “ลูกรัก ในที่สุดฉันก็หานายเจอ”
จากนั้นผมสำรวจดาบเล่มยาวในมือ ด้ามดาบถูกหุ้มด้วยหวายสีเขียว ตัวดาบคมกริบและมีแสงสีเขียวเปล่งประกายออกมาพร้อมกับกลิ่นอายความเย็นสดชื่นที่แผ่เข้ามาที่ฝ่ามือ ดูจากคุณสมบัติแล้วมันเป็ของดีจริงๆ ด้วย
[ดาบขจีไพร] (อาวุธหินดำ)
พลังโจมตี : 10-18
พละกำลัง : 4
เลเวลที่้า : 8
......
ของดีชิ้นนี้มีพลังโจมตี 18 หน่วย ส่วนกระบี่ที่ได้มาตอนเริ่มเกมนั้นผมก็โยนมันทิ้งไปได้เลย ดาบสีเขียวเล่มนี้สุดยอดเกินไปแล้ว จากสภาพการณ์ของหมู่บ้านเริ่มต้นในตอนนี้การที่ผมได้ดาบเล่มนี้เพียงคนเดียวก็ทำให้ผมยิ้มอย่างภาคภูมิใจไปได้ทั่วอาณาจักรแล้ว
และในขณะนั้นเองเสียงกระดิ่งก็ดังมาจากบนฟ้าทันที
“ติ๊ง~!”
ประกาศจากระบบ (จากผู้เล่นหลงสิงเทียนเซี่ย) : สหายทั้งหลาย ผมคือหัวหน้าสมาคมจ้าวัผยอง ในป่าแห่งแสงอรุณมีิญญารัตติกาลตนหนึ่งปรากฏขึ้น นักรบโครงกระดูกน่ากลัวผู้นี้ว่ากันว่าเป็บอสใหม่ของหมู่บ้านเริ่มต้น ตำแหน่งของมันอยู่ทางใต้ของป่าแห่งแสงอรุณ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีศักยภาพมากพอก็สามารถรวมกลุ่มกันเพื่อบุกไปกำจัดมันได้
......
ผมอึ้งนิดหน่อย หลงสิงเทียนเซี่ยมันมีเงินเยอะจังเลยนะ ใช้ประกาศของระบบหนึ่งครั้งต้องจ่ายตั้ง 5,000 หยวน เ้านี่มันตัดใจจ่ายไปได้อย่างไร?
อีกอย่างเ้านี่มันช่างหน้าเนื้อใจเสือไปประกาศว่าผมเป็บอสซะได้ เห็นชัดว่ามัน้ายืมมือคนอื่นฆ่าคน
ผมเป็ผู้เล่นของค่ายฝ่ายมืด ในสายตาของพวกเขาแม้แต่ชื่อของผมก็ยังเป็สีแดง* ช่างเถอะ ไม่หาเื่ใส่ตัวดีกว่า ผมกับสมาคมจ้าวัผยองมีความแค้นต่อกันแต่ไม่จำเป็ต้องหาศัตรูเพิ่ม แบบนั้นไม่ฉลาดเอาซะเลย
ผมมองไปที่แถบค่าประสบการณ์ 57% เลเวล 9 ม รอขึ้นเลเวล 10 แล้วได้อาชีพสมบูรณ์ก่อน จากนั้นก็ไปเรียนรู้ทักษะการต่อสู้อีกสักหน่อยแล้วค่อยว่ากัน หลงสิงเทียนเซี่ยอยากตามล่าก็ปล่อยมันไปวุ่นวายในหมู่บ้านเริ่มต้นเถอะ ผมไม่สนใจจะไปสู้กับมันหรอก
เมื่อผมได้ถือดาบขจีไพรแล้วพลังของผมก็เพิ่มขึ้นมามาก ถ้าเริ่มฆ่าจากป่าแห่งแสงอรุณออกไปแถบค่าประสบการณ์ก็จะเพิ่มขึ้นตลอดทาง เมื่อกลับถึงเขตล่วนซื่อแล้วส่งมอบภารกิจเสร็จก็น่าจะเลื่อนขึ้นเป็ระดับ 10 พอดี
แต่เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาผมก็เห็นตั๊กแตนเขียวระดับ 10 กำลังมุ่งตรงเข้ามาหาผม
ผมยกดาบขจีไพรขึ้นมาโดยไม่ต้องคิดก่อนที่เสียงถูกโจมตีจะดังขึ้นมาแล้วเหนือหัวตั๊กแตนก็มีตัวเลขความเสียหายลอยขึ้นมา
“124!”
เฉียบสุดๆ ไปเลย พลังโจมตี 38-64 ไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ
เืของมอนสเตอร์ระดับ 10 มีแค่ประมาณ 500 หน่วย ใช้ดาบฟัน 4 ครั้งก็จัดการได้สิ้นซากแล้ว ความรู้สึกที่ได้อัปเกรดอาวุธนี่มันฟินจริงๆ!
ผมฆ่าไปตลอดทางที่เดินออกจากป่าแห่งแสงอรุณมุ่งตรงไปที่หมู่บ้านเริ่มต้น
แล้วทันใดนั้นเสียงกระดิ่งเตือนของระบบก็ดังขึ้น
“ติ๊ง~!”
ประกาศจากระบบ : ผู้เล่นวาตะเพ้อฝันเลื่อนขั้นขึ้นเป็เลเวล 10 และเป็ผู้เล่นคนแรกของหมู่บ้านเริ่มต้นหมายเลข 7 ที่ได้รับคุณสมบัติสมบูรณ์ และได้รับรางวัล : เลเวล 1, ชื่อเสียง 50, และทอง 1 เหรียญ!
......
ผมตะลึงงัน เ้านี่เป็คนร้ายกาจจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนไปถึงระดับ 10 เร็วกว่าผมอีก เป็อย่างที่คิดไว้จริงๆ ในยุทธภพนี้มีเื่ราวมากมายและนี่คือยุคของผู้ที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง
ผมกลับมายังหมู่บ้านเริ่มต้นแล้วส่งมอบภารกิจให้ผู้พิทักษ์แห่งล่วนซื่อจนได้เลื่อนระดับขึ้นเป็เลเวล 10 ตามคาด เสียดายที่ระบบไม่ให้เกียรติผมโดยไม่มีการประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ แต่ก็ดี ฐานะของผมตอนนี้ไม่เหมาะที่จะเปิดเผยให้ทุกคนรับรู้ ไม่อย่างนั้นพวกฝ่ายสว่างที่มีความแค้นกับฝ่ายมืดคงยกพวกเข้ามาฆ่าผมถึงในเขตล่วนซื่อแน่ บางทีพวกนั้นอาจจะจับผมตอกตะปูแขวนไว้กับไม้กางเขน หรือจับผมมัดเหมือนหมูแล้วเอาไปถ่วงน้ำก็ได้ นี่ผมไม่อยากจินตนาการสภาพน่าสยดสยองเ่าั้เลย
จากนั้นผมก็ไปที่ร้านขายของแล้วควักหินเวทขนาดใหญ่ออกมา โครงกระดูกสาวถึงกับอ้าปากค้างไปชั่วครู่ก่อนที่เธอจะหันมาพูดกับผม “โครงกระดูกน้อย เ้าเก่งกาจเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าจะเก็บสะสมหินเวทที่เปี่ยมไปด้วยพลังเวทมากมายเช่นนี้มาได้ มาสิ ข้าจะซื้อเ้าด้วยราคา 1,980 เหรียญทองแดง!”
ผมพยักหน้าแล้วขายหินเวทขนาดเล็ก 4 ก้อนไปพร้อมกันด้วย ดังนั้นตอนนี้ในกระเป๋าของผมก็มีเหรียญเงิน 24 เหรียญแล้ว จากนี้การจะไปเรียนทักษะก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป
จากนั้นผมกลับมาหานักเวทิญญาอีกครั้ง ท่านผู้นี้คือหัวหน้าหมู่บ้านดังนั้นก่อนจะจากไปผมควรจะบอกกล่าวกับเขาเสียก่อน
“โครงกระดูกน้อยเ้าเติบโตรวดเร็วยิ่งนัก ข้ารู้สึกปลื้มใจเสียจริง!”
หัวหน้าหมู่บ้านใช้คทาเวทเคาะที่หัวของผมแล้วกล่าวต่อว่า “ไปเถอะ ข้างนอกนั่นมีโลกที่กว้างกว่ารอเ้าอยู่ ที่ที่เ้าจะไปต่อก็คือเมืองฝูปิง (น้ำแข็งลอย) ห่างออกไป 10 ลี้นอกเมืองฝูปิงมีป้อมศีตเหมันต์อยู่ ที่นั่นจะเป็ที่พักของเ้าและเ้ายังไปหานักดาบิญญาซูหลุนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นได้ด้วย จากนั้นเ้าจงเอาจดหมายแนะนำที่ข้าเขียนเองกับมือมอบให้ซูหลุนแล้วเขาจะรับเ้าเป็ศิษย์!"
“ฟิ้ว” เสียงจดหมายแนะนำบินเข้ามาในกระเป๋าของผม มันคือจดหมายรับรองอาชีพสมบูรณ์ของผม จากนี้ไปผมก็คือนักดาบิญญาที่มีเกียรติและกล้าหาญ และยังมี “เงินทองกับผู้หญิง”เป็เป้าหมายในชีวิตด้วย!
ผมเดินตามเส้นทางเพื่อไปยังเมืองฝูปิงด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม นั่นคือสถานที่ที่จะทำให้ฝันของผมเป็จริง
เมืองฝูปิงคือหนึ่งในเก้าเมืองที่เป็เมืองระดับ 2 ของเขตประเทศจีน ขยับขึ้นไปอีกก็เป็เมืองใหญ่ 3 เมืองแล้ว เพียงแต่ชื่อของเมืองใหญ่ 3 เมืองนี้ยังไม่ถูกเปิดเผยบนแผนที่เท่านั้นเอง
โดยพื้นฐานผู้เล่นในภูมิภาคเจียงเจ้อจะถูกส่งไปเมืองฝูปิง นี่คือวิธีการแบ่งตามเขตพื้นที่ของเกมนี้
......
ผมกางแผนที่ผืนใหญ่ออกมาดูก็เห็นพิกัดของเมืองฝูปิงปรากฏขึ้นห่างจากเขตล่วนซื่อประมาณครึ่งชั่วโมง มีหมู่บ้านเริ่มต้นจำนวนมากอย่างน้อยสิบเมืองรายล้อมอยู่รอบเมืองฝูปิง และผู้เล่นยอดฝีมือของทั้งสิบหมู่บ้านเริ่มต้นก็จะมารวมตัวกันอยู่ภายในเมืองฝูปิงด้วย เมื่อถึงเวลานั้นมันจะต้องเป็่เวลาอันรุ่งโรจน์ที่เหล่ายอดฝีมือจะถือกำเนิดขึ้นมาอย่างแน่นอน
ผมยิ้มบางแล้วแบกดาบขจีไพรออกเดินทางไปยังเมืองฝูปิง สถานที่ที่ “ลั่วเฉิน” จะกลับมาผงาดอีกครั้ง!
ตอนที่มุ่งหน้าไปตามทางเล็กๆ ระหว่างทางผมไม่พบเจออันตรายใดๆ เลยแม้แต่น้อย ผมเห็นเพียงทหารยามของพวกมนุษย์กองหนึ่งซึ่งผมก็แค่ต้องหลบออกไปอยู่ห่างๆ พวกเขาหน่อยเท่านั้นเอง ทหารพวกนี้เห็นอะไรไม่เข้าตาเป็ไม่ได้ ยิ่งเป็ทหารโครงกระดูกอย่างผมก็ยิ่งแล้วใหญ่
“ติ๊ด!”
ระบบส่งข้อความแจ้งเตือนให้กับผม : สวัสดีเจ๋อจี่เฉินซา เนื่องจากคุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้ถูกทอดทิ้งคุณจึงสามารถเข้าไปในพื้นที่สงบศึกของค่ายฝ่ายสว่างและค่ายิญญารัตติกาลได้โดยไม่ถูกโจมตี แต่หากคุณอยู่ในพื้นที่สู้รบร่างกายของคุณจะอยู่ในสถานะปีศาจทันที
......
อ้อ ที่แท้ผมก็ยังสามารถเข้าเมืองหลักได้!
แต่ลองคิดดูแล้วช่างมันเถอะ NPC ในเมืองหลักไม่มีทางที่จะมอบภารกิจให้นักรบิญญาหรอก ผมไปเอ้อระเหยอยู่ที่ป้อมศีตเหมันต์น่าจะดีกว่า ที่นั่นยังพอมีภารกิจให้ได้ทำบ้างและยังสามารถเรียนรู้ทักษะที่ร้ายกาจได้ด้วย
พอนึกถึงทักษะผมก็น้ำตาคลอขึ้นมา การไม่มีทักษะทำให้เสียเวลาทั้งคืนกว่าจะกำจัดมอนสเตอร์ได้สำเร็จ และเมื่อเมฆหมอกจางหายไปจนเผยให้เห็นดวงจันทร์ ในที่สุดผมก็จะได้เรียนทักษะเสียที
ผมรีบบึ่งออกนอกเขตเมืองฝูปิงเข้าไปในดงป่าเขียวขจี ผ่านไปไม่นานกลิ่นิญญาคละคลุ้งก็ลอยมาพร้อมกับเสียงลมหนาวหวีดหวิวก่อนที่ป้อมศีตเหมันต์ซึ่งเป็จุดหมายของผมจะปรากฏขึ้น ที่นี่คือป้อมรักษาการณ์ของค่ายฝ่ายมืด ด้านในเป็ที่ตั้งของกองทหารยามิญญารัตติกาลซึ่งไม่ใช่กองที่ยิ่งใหญ่และเก่งกาจสักเท่าไร
“ปุดๆ ปุดๆ...”
เสียงฟองอากาศผุดขึ้นมาจากบึงโลหิตที่ขนาบล้อมป้อมศีตเหมันต์สองข้าง สิ่งที่อยู่ในนั้นล้วนเป็ซากแขนขาและร่างกายทั้งสิ้น ที่...ที่นี่คงจะเป็โรงอาหารของพวกิญญารัตติกาลล่ะมั้ง?
แค่คิดผมก็ทนไม่ไหวจนเกือบจะคลื่นไส้ออกมา ตีผมให้ตายผมก็ไม่ยอมกินศพเป็อาหารเด็ดขาด!
พอเดินเข้าไปในเขตป้อมศีตเหมันต์ผมก็เห็นว่ารอบนอกมีเหล่า NPC ที่ทำการค้าขายอยู่กลุ่มหนึ่ง โครงกระดูกิญญาช่างตีเหล็กกำลังกวัดแกว่งค้อนเหล็กตีลงบนเหล็กร้อนๆ ดัง “ชิ้งๆ” โครงกระดูกิญญาหมอยาชูขวดยาสกัดในมือพร้อมเผยรอยยิ้มสุดแสนจะชั่วร้ายให้เห็น และเมื่อสายตาของผมประสานกับดวงตาของเขาผมกลัวจนแทบอยากจะวิ่งหนีไปเลยทีเดียว
ผมเดินลึกเข้าไปในค่ายระวังทุกฝีก้าว แล้วในที่สุดคนที่ผมตามหาก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
นักรบิญญาที่ทั่วทั้งตัวถูกปกคลุมไว้ด้วยเสื้อเกราะและในมือยังถือดาบคมแสงโลหิตเอาไว้ สายตาเยือกเย็นของเขามองไปรอบด้านและที่เหนือศีรษะของเขาก็มีตัวอักษรลอยอยู่
นักดาบิญญาซูหลุน LV-???
......
ฮือ หาอาจารย์เจอแล้ว!
แล้วผมก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับยื่นจดหมายแนะนำที่หัวหน้าหมู่บ้านให้มาออกไป
ซูหลุนรับจดหมายไปอ่านแล้วพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “เ้าหนุ่ม เ้าจะได้เป็ศิษย์ของข้า ในฐานะที่เป็นักดาบิญญาผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญเ้าต้องจดจำให้ดีว่าที่พวกเราต้องเข่นฆ่าก็เพียงเพื่อการมีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น เพื่อความอยู่รอดเราสามารถละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่เกียรติของิญญาเป็สิ่งเดียวที่พวกเราจะละทิ้งไม่ได้!”
ผมพยักหน้า “เข้าใจครับ อาจารย์”
ซูหลุนขำออกมา เขาก้าวเท้ามาด้านหน้าแล้วยื่นมือหนึ่งข้างออกมาวางเหนือศีรษะของผมก่อนจะพูดเสียงทุ้มออกมา “ผู้ตายที่หลับใหลจงตื่นขึ้นเถิด ให้พลังิญญาของท่านส่องแสงไปทั่วปฐีและโค่นล้มกฎเกณฑ์ทั้งมวล!”
“ฟึ้บ!”
ในสมองของผมขาวโพลนทันทีตามมาด้วยเสียงกริ่งที่ดังก้องอยู่ข้างหู
“ติ๊ง~!”
ระบบแจ้งเตือน: คุณเรียนรู้พร์—พลังิญญาสำเร็จแล้ว!
......
ผมเปิดแถบทักษะออกมาดูอย่างรวดเร็ว แล้วในนั้นก็ปรากฏคุณสมบัติของทักษะติดตัวขึ้นมาหนึ่งอย่าง
[พลังิญญา] (พร์ - ระดับ 1) : ปลุกพละกำลังที่หลับใหลของผู้ตายให้ฟื้นคืน การสร้างความเสียหายต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 5% และผลลัพธ์ของทักษะจะรุนแรงขึ้นตามระดับที่สูงขึ้น
ผมรู้สึกดีใจอย่างถึงที่สุด ทักษะนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษแต่ความจริงมันร้ายกาจไม่เบาเชียวนะ พลังิญญาระดับ 1 สามารถเพิ่มความเสียหายได้ 5% ถ้าผมอัปเลเวลถึงระดับ 100 แล้วฝึกทักษะพลังิญญาไปถึงระดับ 10 ล่ะก็ ความเสียหายจะบวกเพิ่มอย่างน้อย 50% หรือมากกว่านั้นน่ะสิ
ตอนนี้ผมดีใจจนแทบบ้า!
ตอนนี้นักดาบิญญาซูหลุนกำลังมองมาที่ผม ในดวงตาของเขามีประกายไฟลุกไหม้ขึ้นมา จากนั้นเขาก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นมา “เ้าหนุ่ม ศักยภาพของเ้าถือว่าไม่เลวเลย ตอนนี้ข้าจะมอบคุณสมบัติของนักดาบิญญาให้เ้า!”
มีเสียง “ติ๊ง” ดังขึ้นมา อาชีพของผมสมบูรณ์แล้ว ในที่สุดผมก็กลายเป็นักดาบิญญาอย่างเป็ทางการซะที!
หลังจากนั้นซูหลุนก็ไม่ขยับอีกเลย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอให้ผมจ่ายค่าเรียนทักษะอยู่
ผมก้าวไปข้างหน้าแล้วเปิดกล่องสนทนาของซูหลุนกับผมขึ้นมา ในนั้นมีรายการทักษะให้กดเลือกเรียนเรียงกันอยู่ หลังจากผมกดเลือกไปก็มีทักษะ 3 ประเภทที่ผมสามารถเรียนได้ในตอนนี้โผล่ออกมา
[ทักษะดาบพื้นฐาน] : เพิ่มความแม่นยำในการออกอาวุธและเพิ่มความเสียหายจากการใช้อาวุธประเภทดาบ, ทักษะพื้นฐานของอาชีพเดิม
[ฉกฉวยจากความตาย] : สำรวจซากศพและอาจได้รับสิ่งของพิเศษ
[ดาบสังหาร] : สร้างความเสียหายให้กับเป้าหมาย 110% ความแม่นยำลดลง 35%
......
เยี่ยมไปเลยในที่สุดก็มีทักษะโจมตีแล้ว ดาบสังหารเล่มนี้ดูแข็งแกร่งมาก แค่ระดับ 1 ก็เพิ่มความเสียหายได้อีกตั้ง 10% เพียงแต่ความแม่นยำของมันจะลดลงมาหน่อยเท่านั้นเอง แต่ไม่เป็ไร ขอแค่โจมตีเร็วแรงและแม่นยำก็อาจจะชดเชยอัตราความแม่นยำนี้ได้
*ชื่อสีแดง หมายถึงตัวละครที่ฆ่าสิ่งมีชีวิตในเกมถึงจำนวนที่เกมกำหนดไว้จากนั้นชื่อของเขาจะเปลี่ยนเป็สีแดงหรือผู้เล่นที่ตกเป็เป้าหมายของผู้เล่นคนอื่นในการรวมตัวกันเพื่อตามฆ่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้