เย่เฟิงออกจากห้องพิจารณาคดี เดินมาถึงหน้าประตูศาล อาศัยเพียงจิตหยั่งรู้ของเขาก็สามารถรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องพิจารณาคดี เซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่กำลังสารภาพความผิดของตัวเอง ทำให้การพิจารณาคดีเกิดความวุ่นวาย แม้แต่หลินเหรินเทียนก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้
เดิมทีพวกเขาวางแผนไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ทว่าสามคนนี้เกิดโง่เง่าสารภาพความผิดของตัวเองออกมา ไม่เอาผลประโยชน์แล้วยังยินดีโยนตัวเองเข้าคุกอีก นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาโง่เง่าเกินไปเหรอ?
เนื่องจากในห้องพิจารณาคดียังมีคนของสำนักอัยการอยู่ แน่นอนว่าหลินเหรินเทียนไม่อาจเข้าข้างพรรคพวกของตัวเองอย่างโจ่งแจ้งเกินไป หลังจากเซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่สารภาพความผิดของตัวเอง หลินเหรินเทียนจำต้องบันทึกลงไปแม้ไม่เต็มใจนัก หลังผ่านการซักถามสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว เขาก็ประกาศคำตัดสินคดีอย่างรวดเร็ว
กฎหมายของประเทศจีนไม่มีคดีจ้างวานฆ่าระบุไว้ ดังนั้นเซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่จึงถูกตัดสินคดีข้อหา ‘ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา’ ซึ่งต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกจำคุกตลอดชีวิต
คดีเจตนาฆ่าของหลี่ต้าโก่วและคำตัดสินโทษของซูซิ่นชางถูกเลื่อนออกไปก่อน เพราะเมื่อผ่านไปแล้วมันก็ไม่ใช่กรณีเดียวกัน แต่แน่นอนว่าคำตัดสินโทษของหลี่ต้าโก่วอย่างน้อยที่สุดก็คงเป็การจำคุกตลอดชีวิต และเมื่อรวมเข้ากับข้อหาให้การเท็จ โทษของเขาก็อาจถึงขั้นปะาชีวิต
สำหรับหลินเหรินเทียน แผนการนี้มีเพื่อโต้ตอบเย่เฟิงและซูเมิ่งหานเท่านั้น หากมันทำให้ภาพลักษณ์ผู้ทรงความยุติธรรมของเขาพังลงต่อหน้าสาธารณชน เขาย่อมต้องล้มเลิกแผนนี้ไปก่อน เนื่องจากผลที่ตามมาจะได้ไม่คุ้มเสีย จึงให้คำตัดสินอย่างเที่ยงธรรมและเฉียบขาด การที่เขาไม่ได้ตัดสินให้เซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่ต้องถูกปะาชีวิตก็นับว่าดีเท่าไรแล้ว
หลังจากประกาศคำตัดสิน ในใจหลินเหรินเทียนไม่เป็สุข เมื่อนึกถึงสภาพของลูกชายที่ยังอยู่ในโรงพยาบาล ใบหน้าของเขายิ่งบูดบึ้งดูน่าเกลียดมากขึ้น...
เมื่อเห็นเซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่ยอมถูกจับกุมด้วยความเต็มใจ ซูเมิ่งหานก็ถึงกับร้องไห้ด้วยความดีใจ เธอไม่อาจระงับความยินดีนี้ได้ จึงรีบร้อนวิ่งออกจากห้องพิจารณาคดีเพื่อไปบอกข่าวดีกับเย่เฟิง
ภายในห้องพิจารณาคดี ผู้คนมากมายมีสีหน้ามืดครึ้ม เซี่ยผิงฮุยรู้สึกเดือดดาล เขากำหมัดแน่นจนเส้นเืปูดโปน คนตระกูลเซี่ยต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ เซี่ยผิงฮุยเองก็นึกไม่ถึงว่าลูกสาวและลูกชายของเขาจะโง่เง่าถึงขั้นยอมสารภาพผิดออกมาเอง!
คิดว่าการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเป็เื่ล้อเล่นหรืออย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นเื่นี้ยังถูกปกปิดเอาไว้ถึงหกปีเต็ม แน่นอนว่ามันย่อมถือเป็คดีที่ร้ายแรงมาก! ต่อให้ยอมสารภาพผิดด้วยตัวเอง แม้จะมีความสัมพันธ์อันดีกับหลินเหรินเทียนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ไม่อาจปกป้องพวกเขาได้หรอก อีกทั้งหลินเหรินเทียนยังไม่ยอมเปลืองแรงปกป้องพวกเขาด้วยซ้ำ การที่พวกเขายอมสารภาพผิดออกมาถือเป็เื่ที่บ้ามาก!
เหตุใดคนโง่ทั้งสองคนนี้ถึงเกิดเป็คนตระกูลเซี่ยของเขาได้นะ? ต่อไปไม่ว่าเขาอยากจะเอาทั้งสองคนออกมาจากคุกมากแค่ไหน ต่อให้ตระกูลเซี่ยของเขาจ่ายเงินไปมากเพียงใด ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะสามารถทำได้สำเร็จ
หลี่ต้าโก่วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึง้าหลบหนี แต่เพียงไม่นานก็ถูกตำรวจจับกุมตัวได้อยู่ดี เดิมทีเขาไม่มีแม้แต่โอกาสหลบหนีด้วยซ้ำ ในใจนึกสาปแช่งเซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่ ไอ้พวกโง่เง่า ทำไมสองคนนั้นถึงโง่เขลาขนาดนี้!
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเซี่ยเฉิงเย่ต่างสบตากัน คำตัดสินเช่นนี้พวกเขาเองก็นึกไม่ถึง ในความคิดของพวกเขา เซี่ยเฉิงเย่ไม่เพียงเป็หัวหน้าของตน แต่ยังเป็ลูกพี่คนสนิทของพวกเขาด้วย ชายคนนี้เป็คนซื่อสัตย์มาก เหตุใดถึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างวานฆ่าผู้อื่นเมื่อหลายปีก่อนได้? หรือที่ผ่านมาพวกเขามองเซี่ยเฉิงเย่ผิดมาโดยตลอด?
พวกเขานึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ช่วยเซี่ยเฉิงเย่คุกคามเย่เฟิงและซูเมิ่งหานถึงสองครั้ง ทันใดนั้นก็รู้ว่าตัวเองทำผิดเพราะความเข้าใจผิด เดิมทีพวกเขาคิดว่าเซี่ยเฉิงเย่ถูกรังแก พอตอนนี้มองย้อนกลับไปจึงรู้ว่าพวกเขาช่วยคนเลวทำชั่วโดยแท้!
เย่เฟิง เด็กหนุ่มนั่นที่จริงแล้วเป็ใครกันแน่? ไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ใน่เวลาสำคัญ แค่เขาะโออกมาก็ทำให้ทั้งสามคนนั้นคุกเข่าลงสารภาพผิดได้...
ทางด้านญาติฝั่งแม่ของซูเมิ่งหานรวมทั้งหวงอานเต๋อต่างรู้สึกงุนงง สำหรับเื่นี้ ไม่เพียงเขาจะไม่ได้เงินสองแสนหยวนแล้ว หวงอานเต๋อยังมีความผิดฐานให้การเท็จอีกด้วย ทั้งหมดนี้ไม่เท่ากับว่านอกจากจะไม่ได้เงินแล้วยังต้องมีความผิดติดตัวอีกหรือนี่!
“นังเด็กสารเลวนั่น!” ภรรยาของหวงอานเต๋อสบถด้วยความเดือดดาล เธอเริ่มโวยวายเสียงดัง และยิ่งรู้สึกเกลียดซูเมิ่งหานมากขึ้นไปอีก! ในสายตาของเธอ ซูเมิ่งหานเปรียบเหมือนนางจิ้งจอก ไม่เพียงล่อลวงผู้ชาย แต่ยังทำลายครอบครัวของเธอจนพังพินาศด้วย แน่นอนว่าเธอต้องให้ซูเมิ่งหานชดใช้สิ่งที่มันทำ!
หญิงวัยกลางคนไม่คิดด้วยซ้ำว่าเื่ที่เกิดขึ้นจนมาถึงจุดนี้ ใครกันแน่ที่เป็คนทำผิด...
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ภายในห้องพิจารณาคดียังมีคนที่ยินดีกับคำตัดสินอยู่บ้าง ซึ่งมีหลินซือฉิงและเซียวฉี่รวมอยู่ในนั้นด้วย
“นี่มันเื่อะไรกัน ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว...” เซียวฉี่มองตามเซี่ยิ่กับเซี่ยเฉิงเย่ที่ถูกจับกุมตัวไปอย่างมึนงง เธอแทบไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ลองไปถามเย่เฟิงดูไหม ไม่แน่เขาอาจรู้เื่นี้ก็ได้?” หลินซือฉิงเรียงลำดับเหตุการณ์ในใจ ทั้งสามคนนั้นสารภาพผิดด้วยตัวเองหลังจากเย่เฟิงะโออกมา หากจะบอกว่าเย่เฟิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประหลาดนี้ หลินซือฉิงไม่เชื่อแน่นอน
ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่คิดไปในทางเดียวกับหลินซือฉิง ไม่ว่าจะเป็คนตระกูลเซี่ย คนตระกูลหลิน บรรดาลูกน้องของเซี่ยเฉิงเย่ และคนอื่นๆ เมื่อหลินเหรินเทียนประกาศคำตัดสิน ทุกคนต่างทยอยเดินออกไปพร้อมพูดคุยเื่ที่เกิดขึ้น
…………
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เย่เฟิงก็เดินมาถึงหน้าประตูศาล เมื่อผลการตัดสินคดีเสร็จสิ้น เขาก็ไม่จำเป็ต้องเสียเวลากับที่นี่อีก เพียงรอให้ซูเมิ่งหานเดินออกมาก็กลับบ้านได้แล้ว หลังจากนั้นค่อยคิดหาวิธีสลัดเย่เวิ่นเทียนให้หลุดแล้วมุ่งหน้าไปทะเลตะวันออก!
หลังจากยืนอยู่หน้าประตูศาลสักพัก เย่เฟิงที่กวาดสายตามองบริเวณโดยรอบพลันขมวดคิ้ว ลานจอดรถข้างศาลดูเหมือนมีบางอย่างแปลกไป? รถคันหนึ่งที่จอดอยู่ในลานจอดกำลังโยกไปมา ชายหนุ่มไม่ชอบสอดแนมเื่ส่วนตัวของคนอื่น ทว่าก็จำเป็ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยของซูเมิ่งหาน เมื่อพบเหตุการณ์สงสัย เขาต้องใช้จิตหยั่งรู้ตรวจสอบเพื่อความสบายใจ
“ที่แท้ก็เป็พวกมันสองคนเองเหรอ?” เมื่อเย่เฟิงใช้จิตหยั่งรู้สำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นก็ถึงกับพูดไม่ออก
ภายในรถ Mazda สีแดงมีชายร่างท้วมน่าสมเพชคนหนึ่งกำลังออกแรงขยับโยกโดยมีหญิงสาวในเสื้อผ้าสุดเซ็กซีอยู่ใต้ร่าง ทั้งคู่เป็คนที่เย่เฟิงเคยพบ นั่นก็คือหูเหมยเหม่ยและลุงรองของเซี่ยิ่!
เย่เฟิงไม่สนใจกับพวกเขาอีก เมื่อพวกเขาทำธุระส่วนตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วลงจากรถ ก็เห็นเย่เฟิงยืนอยู่หน้าประตูศาลจึงเหลือบมองเขาด้วยสายตาดูถูก
“ครั้งนี้ยัยเด็กนั่นคงโดนฟ้องกลับแน่ เหอะๆ” เมื่อชายร่างท้วมผู้น่าสมเพชนึกถึงซูเมิ่งหานก็แทบน้ำลายไหล
“หึๆ คนที่คิดต่อต้านตระกูลเซี่ยย่อมไม่มีทางพบจุดจบที่ดีแน่” หูเหมยเหม่ยคล้องแขนชายร่างท้วมผู้น่าสมเพชพลางเอ่ยด้วยเสียงแหลมปรี๊ด
แน่นอนว่าเย่เฟิงคร้านจะสนใจพวกเขาเต็มที
คนทั้งคู่เดินผ่านหน้าเย่เฟิง ท่าทางเหมือน้าเข้าไปฟังคำตัดสินคดี ในเวลานั้นเองเสียงหวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางประตูศาล
“เย่เฟิง! เย่เฟิง!” เป็ซูเมิ่งหานที่ะโและวิ่งออกมา
เมื่อชายร่างท้วมและหูเหมยเหม่ยเห็นซูเมิ่งหาน พวกเขาก็ตาเบิกกว้างทันที ราวกับได้พบบุคคลที่น่าตื่นตะลึงมาก
“โอ้ พระเ้า! ฉันเห็นพระเ้า!” ชายร่างท้วมและหูเหมยเหม่ยต่างอุทานด้วยความตื่นตระหนก พวกเขาถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าซูเมิ่งหาน แทบจะคลานไปกราบกรานเธอ!
เย่เฟิงยิ้มมุมปาก สำหรับเหตุการณ์นี้เขาคาดเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว ตอนอยู่ที่วิลล่าเยี่ยนซี เขาสะกดจิตคนทั้งคู่ว่าเมื่อไรที่พบซูเมิ่งหานให้พวกเขารู้สึกเหมือนได้พบพระเ้า!
ซูเมิ่งหานเห็นอย่างนั้นถึงกับยืนตะลึงไปครู่หนึ่ง นี่มันเื่อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น เหตุใดลุงรองของเซี่ยิ่และอดีตเลขาฯ ของซูซิ่นชางอย่างหูเหมยเหม่ยถึงได้คุกเข่าและเรียกเธอว่าพระเ้า?
หลินซือฉิง เซียวฉี่ และคนอื่นๆ ที่เพิ่งออกมาจากห้องพิจารณาคดีเดินมาเห็นฉากที่น่าในี้เข้า ทุกคนต่างจ้องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนตาแทบถลน โดยเฉพาะเซี่ยผิงฮุยที่แทบจะอกแตกตายอยู่แล้ว
เมื่อครู่เซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่สารภาพผิดในชั้นศาลยังไม่พอ แล้วคนตระกูลเซี่ยยังนั่งคุกเข่าหน้าประตูศาลเพื่อเรียกคนอื่นว่าพระเ้าอีกหรือ?
นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
ชายชราที่เพิ่งปลดเกษียณอย่างเซี่ยผิงฮุยไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ ถึงกับเป็ลมล้มพับไปทันที!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้