นี่คือข่าวดี
สำหรับอนาคตของโจวเฉิงเื่นี้นับว่าเป็เื่ดีแน่นอน วิทยาลัยของโจวเฉิงอยู่ที่มณฑลจี้เป่ยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปักกิ่งมากนัก เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถเดินทางไปหาโจวเฉิงที่วิทยาลัยได้ใน่สุดสัปดาห์
เซี่ยเสี่ยวหลานถือจดหมายพลางอมยิ้ม สมาชิกห้อง 307 เมื่อเห็นเช่นนั้นต่างพากันอยากรู้อยากเห็น
“อะไรกัน นายจ.ของเธอส่งจดหมายมาอีกแล้วรึ”
“จดหมายเขียนอะไรมาถึงดูดีใจขนาดนี้กัน...”
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ติดใจซูจิ้งคือ เธอยังไม่เคยเห็นรูปภาพของนายจ.ผู้ลึกลับคนนี้เลย มีอย่างที่ไหนเป็แฟนกันแต่ไม่มีภาพอีกฝ่ายติดตัวเลย พอถามหากับเซี่ยเสี่ยวหลานก็บอกแค่ว่าไม่มี ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งคู่เขียนจดหมายหากันประจำ สมาชิกห้อง 307 คงสงสัยว่า ‘นายจ.’ คนนี้เป็เพียงคนที่เซี่ยเสี่ยวหลานกุเื่ขึ้นมาเอง
“เขาจะไปเรียนที่มณฑลจี้เป่ยแล้ว โอกาสเช่นนี้หาได้ยากนัก ฉันดีใจแทนเขาน่ะ!”
หยางหย่งหงอุทาน “โอ้ มณฑลจี้เป่ยเหรอ สถาบันไหน!”
จี้เป่ยคือบ้านเกิดของหยางหย่งหง เธอย่อมรู้สึกตื่นเต้นที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมหออยู่แล้ว
มหาวิทยาลัยที่มณฑลจี้เป่ยก็มีอยู่ไม่น้อย คู่ครองของเซี่ยเสี่ยวหลานเรียนที่ไหนกันแน่นะ แน่นอนว่าไม่ว่ามหาวิทยาลัยไหนของจี้เป่ยก็ดังสู้หัวชิงไม่ได้ นักศึกษาสาวยุคนี้ยังคงไร้เดียงสายิ่งนัก ไม่ได้ใช้ชื่อเสียงของสถาบันมาตัดสินว่าชายหญิงนั้นคู่ควรกันหรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วพวกเธอจะมองกันที่หน้าตา
ณ ห้อง 307 การคาดเดาที่เกี่ยวข้องกับ ‘นายจ.’ ถือเป็เนื้อหาหลักของบทสนทนาก่อนเข้านอน เซี่ยเสี่ยวหลานปล่อยให้พวกเขาทายกันไป เธอแค่ยิ้มกว้างไม่เถียงกลับแต่อย่างใด โจวเฉิงต้องเดินทางไปที่วิทยาลัยค่อนข้างด่วน หน่วยงานจึงอนุมัติวันลาให้เขากลับบ้านก่อนรอบหนึ่ง
โจวเฉิงบอกว่าจะพาเซี่ยเสี่ยวหลานกลับไปด้วยกัน
ครั้งก่อนที่ไปบ้านสกุลโจว เธอเจอกับแม่ของหวังเจี้ยนหัวพอดี เซี่ยเสี่ยวหลานหวังว่าการไปบ้านสกุลโจวครั้งนี้ทุกอย่างจะสงบสุข
ไม่ทันไรสัปดาห์หนึ่งก็ผ่านไป เช้าวันเสาร์ เซี่ยเสี่ยวหลานเตรียมตัวไปพบกับโจวเฉิงที่จุดนัดหมาย ผู้จัดการใหญ่อู่บอกว่าบ้านที่สือช่าไห่ เ้าของบ้านยอมเจรจาแล้ว
“แปดหมื่นหยวนคงน้อยเกินไป แต่อีกฝ่ายยินดีต่อรองราคาจากหนึ่งแสนหยวน วันนี้คุณจะไปดูสักหน่อยไหม”
ตอนนี้เพิ่งแปดโมงเช้า เซี่ยเสี่ยวหลานกับโจวเฉิงนัดเจอกันตอนแปดโมงครึ่ง
โจวเฉิงมาถึงจุดนัดหมายตอนแปดโมงสิบกว่านาที เซี่ยเสี่ยวหลานถามเขาว่า้าไปดูบ้านด้วยกันหรือเปล่า
ผู้จัดการใหญ่อู่เหลือบมองรถจี๊ปป้ายทะเบียนพิเศษอย่างเงียบงัน มีแต่คนโง่เท่านั้นที่เห็นอะไรก็ตื่นตูมไปเสียหมด ผู้จัดการใหญ่อู่ดูออกแต่ไม่พูดอะไร เขาทำได้เพียงคาดเดาอยู่ในใจ
โจวเฉิงอยากกอดจูบแฟนสาวเหลือเกิน แต่หลังจอดรถก็พบว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย และเซี่ยเสี่ยวหลานก็บอกว่าจะไปดูบ้านที่สือช่าไห่
โจวเฉิงเองก็อยากเห็นบ้านที่เซี่ยเสี่ยวหลานชอบเช่นกัน “อย่างนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ กลับบ้านก่อนมื้อเที่ยงก็พอแล้ว วันนี้ฉันจะพาเธอไปบ้านคุณปู่คุณย่า”
โจวเฉิงหันไปทักทายผู้จัดการใหญ่อู่ ผู้จัดการใหญ่อู่ไม่รู้เกี่ยวกับพื้นเพของโจวเฉิง แต่เขารู้ว่าคนหนุ่มผู้นี้เป็คนพูดจาหนักแน่นน่าเชื่อถือ ผู้จัดการใหญ่อู่ขี่จักรยานคู่ใจตามหลังรถของโจวเฉิงอย่างช้าๆ สือช่าไห่อยู่ไม่ไกลจากจุดนัดพบ แค่ครู่เดียวก็ถึงจุดหมายแล้ว
วันนี้ที่บ้านที่สือช่าไห่คึกคักมาก ไม่ได้มีแค่เ้าของบ้านคนก่อนที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยพบ เวลานี้มีคนมากหน้าหลายตานับสิบคนรออยู่ในบ้าน เห็นได้ชัดว่าครอบครัวของเ้าของบ้านอยู่กันพร้อมหน้า
เมื่อพวกเซี่ยเสี่ยวหลานสามคนเดินเข้าบ้านก็มีคนมารุมล้อมทันที
“แปดหมื่นน้อยเกินไป จะขายได้อย่างไรกัน!”
“นั่นน่ะสิ คุณจะไปหาบ้านที่มีแปลนบ้านดีขนาดนี้ได้ที่ไหน...”
“แสนหนึ่งขาดตัว พวกเราปรึกษากันแล้ว!”
เซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่มองหน้าผู้จัดการใหญ่อู่
เธอมาดูบ้านนะ ไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับใครเสียหน่อย
โจวเฉิงยิ้ม “เราจะมาที่นี่ทำไม สู้กลับกันเลยไม่ดีกว่าหรือ ยังมีบ้านหลังอื่นให้ดูอีกมากนี่”
สำหรับโจวเฉิง เขาไม่ขาดเรือนสี่ประสาน เนื่องจากเขาให้คังเหว่ยช่วยซื้อไว้แล้วหลายหลัง เรือนพวกนั้นจะให้เขาอาศัยอยู่คนเดียวก็คงไม่ไหว แต่เพราะเชื่อคำพูดของแฟนสาว เขาจึงตัดสินใจซื้อไว้ เงินเป็ของเสี่ยวหลาน และบ้านก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไร
ถ้าเสี่ยวหลานอยากได้บ้านจริงๆ โจวเฉิงก็สามารถเอาโฉนดบ้านทั้งหมดมากองรวมกันให้เสี่ยวหลานเลือกได้
ถ้าเธอ้าจ่ายเงิน โจวเฉิงก็จะรับเงินนั้นเอาไว้ ถึงอย่างไรเงินพวกนี้เขาก็มอบให้เสี่ยวหลานเป็ผู้ดูแลอยู่แล้ว
แต่ถ้าไม่จ่าย โจวเฉิงจะยิ่งดีใจ!
ถึงอย่างไรก็ดีกว่าการถ่อมาที่บ้านหลังนี้ั้แ่เช้า และเจอสถานการณ์เช่นนี้
อยากขายบ้านแต่ราคาขายยังตกลงกันไม่ได้ บอกว่าสามารถต่อรองราคาได้ ทว่าพอเซี่ยเสี่ยวหลานมาถึงก็ยังจะเอาหนึ่งแสน!
ผู้จัดการใหญ่อู่รู้สึกโมโหเช่นกัน เขาเรียกเ้าของบ้านที่ประสานงานด้วยมาคุย
“นี่มันเื่อะไรกัน ไหนบอกว่าสามารถลดราคาได้ คุณเห็นเวลาของพวกเราไม่มีค่าหรืออย่างไร คิดจะปั่นหัวพวกเราเล่นอย่างนั้นหรือ?”
คนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ หากบอกว่าเวลาของใครมีค่าที่สุดย่อมเป็ผู้จัดการใหญ่อู่อย่างแน่นอน เขาต้องคลุกคลีอยู่กับเื่เงินๆ ทองๆ ทั้งวัน หากธนาคารจะปล่อยสินเชื่อหลักล้านขึ้นไปย่อมจำเป็ต้องให้ผู้จัดการใหญ่อู่เป็ผู้เจรจา เทียบกับตัวเลขเหล่านี้แล้ว การซื้อขายบ้านที่สือช่าไห่เป็แค่ ‘ธุรกิจเล็กๆ’ เท่านั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานกับโจวเฉิงเป็หนุ่มสาวหน้าตาดี แต่ไม่ใช่ว่าจะรังแกกันได้ง่ายๆ
ได้ยินดังนั้น พวกเขาก็เลิกโวยวายและพากันเงียบทันที
ผู้จัดการใหญ่อู่เป็คนฉลาด เขาแสร้งทำเป็โน้มน้าว ขอให้สองหนุ่มสาวหายโกรธ อย่าเพิ่งรีบกลับ
“ทุกท่านครับ ต้องขออภัยด้วย รบกวนออกไปรอด้านนอกก่อนนะครับ”
คนในบ้านถูกเชิญออกไปหมดแล้ว ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้พาโจวเฉิงเดินดูบ้านอย่างสงบเสียที
เซี่ยเสี่ยวหลานนำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ ด้วยการอธิบายลักษณะของเรือนสี่ประสานหลังนี้ให้โจวเฉิงฟัง
“ที่นี่คือเรือนสี่ประสานแบบสามชั้นตามมาตรฐาน เรือนด้านหน้ามีพื้นที่ไม่มากนัก แต่หลังจากเข้าประตูมาก็จะพบกับ ‘เรือนบริวาร’ ในอดีตเรือนบริวารเหล่านี้สามารถใช้เป็ที่พักของผู้เฝ้าประตู หรือไม่ก็เป็ห้องนอนแขก ห้องรับแขก เวลามีแขกมาเยือนจะไม่อนุญาตให้เข้าไปยังเรือนชั้นใน เพราะเรือนชั้นในมีสตรีพักอาศัยอยู่... ด้านหลังประตูชั้นในมาก็จะเป็เรือนชั้นใน มองตรงไปที่ตั้งอยู่กึ่งกลางคือเรือนประธาน สองฝั่งคือเรือนตะวันออกและเรือนตะวันตก เรือนเล็กๆ ที่ตั้งขนาบเรือนประธานสองฝั่งจะมีความสูงเตี้ยกว่าเล็กน้อยเรียกว่า ‘ห้องหู’ เพราะมีลักษณะคล้ายใบหูที่ห้อยอยู่สองฝั่งของเรือนประธาน ส่วนที่อยู่ด้านหลังสุดก็คือ ‘เรือนหลังบ้าน’ ในอดีตจะใช้เป็เรือนบ่าวรับใช้ ห้องเก็บของ หรือไม่ก็เป็โรงครัว... นี่ฉันพูดมากไปหรือเปล่า?”
ความจริงแล้วเธอยังไม่ได้เรียนเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมโบราณตะวันออก ทว่านี่คือสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานสนใจ เธอจึงได้ไปศึกษาค้นคว้าที่ห้องสมุดเพิ่มเติม
โจวเฉิงมองเธอด้วยแววตาเจือรอยยิ้ม “เธอดูชอบเรือนหลังนี้มากจริงๆ สินะ ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อเถอะ”
ไม่ใช่เพียงชอบเรือนสี่ประสานหลังนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานยังชอบ ‘สถาปัตยกรรม’ ของมันอีกด้วย โจวเฉิงชอบที่ว่าที่ภรรยาของเขารู้เื่หลากหลาย คำพูดคำจาเต็มไปด้วยศาสตร์และศิลป์เช่นนี้
โจวเฉิงเองก็รู้สึกว่าเรือนสี่ประสานแห่งนี้ไม่มีข้อเสีย แถมยังมีผู้จัดการใหญ่อู่ช่วยต่อรองราคา ท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ยอมถอยหลังกันคนละก้าว และเคาะราคาบ้านอยู่ที่ 88,000 หยวน
หลังจ่ายเงินค่ามัดจำเรียบร้อย เรือนสี่ประสานหลังนี้ก็นับว่าเป็ของเซี่ยเสี่ยวหลานค่อนข้างแน่นอนแล้ว
ในที่สุดเธอก็ซื้อบ้านที่เมืองหลวงได้สำเร็จ คนเราพอเจอเื่ดีสีหน้าย่อมแจ่มใส โจวเฉิงพาเธอตรงไปยังบ้านพักของสองผู้าุโตระกูลโจวทันที เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงยิ้มแย้ม คุณปู่โจวไม่เห็นความฝืนอยู่บนใบหน้าเธอแต่อย่างใด ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เซี่ยเสี่ยวหลานเคยไปพบพ่อแม่ของโจวเฉิงมาแล้ว การกระทำดูมีกาลเทศะเช่นเดิม ท่าทีก็ไม่เปลี่ยนไปหรือแสดงออกว่าถือสาปฏิกิริยาของตระกูลโจวที่มีต่อเื่ที่เธอกับโจวเฉิงคบกัน
คุณย่าโจวอดถามออกไปไม่ได้ “เสี่ยวหลาน เธอดีใจเื่อะไรหรือ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้