“พี่สะใภ้ท่านช่วยเล่าเกี่ยวกับว่าที่พระชายาตวนอ๋องให้ข้าฟังได้ไหมเ้าคะ?” ปาเม่ยกล่าวด้วยความลังเล “อีกไม่กี่วัน พระชายาก็จะเข้ามาอยู่ในจวนแล้วข้ากังวลว่าจะปรนนิบัติได้ไม่ดีเ้าค่ะ”
กู้เจิงมองท่าทางประหม่าของปาเม่ย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปาเม่ยถามนางเกี่ยวกับน้องสาม “เ้าไม่ต้องกังวล น้องสามก็จะพาสาวใช้ประจำตัวมาด้วยเ้าแค่ทำหน้าที่ของเ้าให้ดีก็พอแล้ว” นางเดาว่าน้องสามคงพาสาวใช้มาด้วยไม่เป็แม่เฒ่าฉินก็อาจจะเป็แม่เฒ่าซุน
“พี่สะใภ้ ข้าเองก็อยากเป็สาวใช้ส่วนตัวของพระชายาเหมือนกันเ้าค่ะ” ปาเม่ยพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อด้วยเหตุนี้นางจึงอยากรู้จักพระชายาตวนอ๋องให้มากขึ้นต่อไปเวลาปรนนิบัติรับใช้จะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาด
กู้เจิงไม่นึกว่าปาเม่ยจะอยากเป็ถึงสาวใช้ส่วนตัวของน้องสามนางนึกเพียงว่าปาเม่ยเพียงอยากจะทำหน้าที่ให้ดี แต่ทว่านั่นก็เป็เื่ที่เป็ไปได้เพราะเมื่อนางเข้ามาทำงานในจวนตวนอ๋อง นางก็ย่อมต้องอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานปาเม่ยเพิ่งจะอายุสิบสามก็ตระหนักรู้เช่นนี้แล้วเทียบกับตัวนางตอนอายุสิบสามกำลังทำอะไรอยู่นะ นึกแล้วก็รู้สึกละอายใจนัก
“น้องสามเป็สตรีที่สง่างามและรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร” กู้เจิงพูดถึงกู้อิ๋งที่ตนรู้จัก “นางนิสัยดี เ้าก็แค่ทำงานของเ้าให้ดีก็พอแล้ว อีกอย่างเ้าคือคนที่ตวนอ๋องมอบให้นาง นางย่อมรู้แจ้งดี” กู้อิ๋งเป็คุณหนูผู้สูงศักดิ์อันเป็แบบอย่างที่ดีซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาสามทัศน์[1] ในยุคนี้ หากบุรุษผู้ใดแต่งกับนางเื่หลังบ้านย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน
ปาเม่ยรู้สึกโล่งใจขึ้น
ในตอนนั้นเอง ก็มีสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้าพูดกับปาเม่ย “ช่างบอกว่ากำแพงของหออิ๋งจวงทำเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เ้าไปดูหน่อยว่ามีอะไรจำเป็ต้องแก้อีกหรือไม่”
“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” ปาเม่ยหันไปชวนกู้เจิง “พี่สะใภ้ ท่านก็ไปกับข้าเถอะ นั่งตรงนี้น่าเบื่อเสียเปล่าไปดูหออิ๋งจวงเป็เพื่อนข้าสักพักหนึ่งก็คงจะได้เวลาพอดีเ้าค่ะ”
กู้เจิงพยักหน้าเห็นด้วย “ก็ดีเหมือนกัน”
หออิ๋งจวงเป็เรือนที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดในจวนอ๋องกู้เจิงและปาเม่ยเดินกางร่มตรงไปยังลานทางด้านหลังแม้ลานด้านหลังจะสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันทว่าท่ามกลางฤดูหนาวนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยสีสันของมวลดอกไม้แปลกตาน่าเสียดายที่เ้าของจวนให้สร้างกำแพงมาคั่นตรงกลางของสวนดอกไม้ที่กำลังผลิดอกงดงามบานสะพรั่งสวนดอกไม้งามตาเช่นนี้จึงต้องถูกแยกออกจากกัน
“ปาเม่ยมาแล้วหรือ?” ช่างฝีมือเมื่อเห็นปาเม่ยจึงถามขึ้นว่า “จะไม่ทำกำแพงทัศน์[2] จริงๆ หรือ? ทำประตูดวงเดือน[3] ก็ยังดี ไม่เช่นนั้นคงน่าเสียดายฉากทิวทัศน์ด้านในนัก”
“หอเล็กๆ ด้านในก็สร้างได้ประณีตงดงามมาก” ช่างฝีมืออีกคนกล่าวเสริม “สถานที่ที่สวยงามขนาดนี้ หากทำกำแพงกั้นจะเสียของเปล่าๆ นา”
ถึงแม้กู้เจิงจะไม่เคยเห็นหอเล็กทางหลังกำแพงที่เขาพูดถึงแต่สวนดอกไม้ที่นางได้เห็นอยู่นี้ล้วนงดงามเป็อย่างมากนางคิดว่าสวนอีกด้านจะต้องงดงามยิ่งกว่านี้แน่
“ข้าเคยแจ้งท่านอ๋องในเื่นี้ไปแล้วแต่ท่านอ๋องบอกว่าไม่้าสวนตรงนี้แล้ว” ปาเม่ยตรวจดูกำแพงที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นสวนออกจากกันแล้วพยักหน้าด้วยความพอใจนางหันไปกล่าวกับช่างฝีมือ “ใช้ได้แล้วพวกเ้าไปรับเงินที่ฝ่ายบัญชีเถอะ”
เมื่อได้ยินว่าไปรับเงินได้เหล่าช่างฝีมือต่างคนต่างก็รีบเดินไปทางห้องฝ่ายบัญชีทันที
“ฟังจากที่พวกเ้าพูด พื้นที่ทางฝั่งนั้นไม่มีประตูหรือ?” กู้เจิงถามปาเม่ยพลางก้มตัวลงมองดูดอกไม้ที่ถูกเศษหินดินโคลนและหญ้าแห้งทับถมจนเละดอกหนึ่งมีกลีบเป็สีม่วง อีกดอกเป็สีเหลือง ดูน่ารักมาก
“ไม่มีประตูเ้าค่ะ พอสร้างกำแพงนี้ สวนข้างในก็จะถูกปล่อยร้าง” ปาเม่ยกล่าวอย่างเสียดาย นางเห็นกู้เจิงก้มลงมองดอกไม้ที่พื้นจึงถามว่า “พี่สะใภ้ชอบดอกไม้ชนิดนี้หรือเ้าคะ?”
“ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน เลยรู้สึกว่ามันแปลกมาก ดอกไม้นี้มองไกลๆแล้วช่างเหมือนนกกระเรียน์ที่กำลังโบยบิน” แต่พอก้มลงดูใกล้ๆ กลับได้กลิ่นหอมเย็นสดชื่นโชยออกมา
“เช่นนั้นข้าจะเอาใส่กระถางให้พี่สะใภ้แล้วกันเ้าค่ะถึงอย่างไรดอกไม้พวกนี้ก็ต้องถูกทิ้งอยู่ดีเ้าค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก” กู้เจิงยิ้มปฏิเสธ “จะปลูกดอกไม้ไม่ใช่เื่ง่ายๆ ข้าแค่รู้สึกเสียดายเท่านั้น”
“ที่จริงท่านอ๋องก็ชอบดอกไม้เหล่านี้มากเ้าค่ะยังมีสวนดอกไม้ที่อยู่อีกฟากของกำแพงเมื่อไม่กี่วันก่อนท่านอ๋องยังขังตัวเองอยู่ในหอเล็กกลางสวนนั้นอยู่นานแต่คิดไม่ถึงว่าพอออกมาท่านอ๋องกลับบอกว่าจะสร้างกำแพงกั้นสวนนี้ขึ้น” ปาเม่ยเองก็งุนงง
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆก็มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาพูดกับกู้เจิงว่า “ฮูหยินน้อยเสิ่น พ่อบ้านว่านให้ข้าน้อยมาแจ้งท่านว่าท่านอ๋องกับท่านที่ปรึกษาได้คุยงานกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอเชิญท่านไปรอที่หน้าประตูขอรับ”
กู้เจิงบอกลาปาเม่ยแล้วตามบ่าวรับใช้ไปที่ประตูจวนอ๋อง
ที่นอกประตู ชุนหงที่รอคุณหนูของนางอยู่ที่รถม้านางกำลังลูบไล้เ้าม้าตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมา พอเห็นคุณหนูนางก็รีบหยิบร่มพร้อมวิ่งไปรับที่หน้าประตู “คุณหนูเ้าคะ” เพิ่งสิ้นคำนางก็เห็นท่านอ๋องและเสิ่นเยี่ยนกำลังเดินมาทางนี้ “ท่านบุตรเขย ท่านอ๋อง”
กู้เจิงหมุนตัวไปก็เห็นเสิ่นเยี่ยนกับตวนอ๋องจ้าวหยวนเช่อกำลังเดินมาท่านอ๋องสวมชุดผ้าแพรหรูหรา บนศีรษะประดับด้วยกวานหยก สีหน้าเ็าเหมือนดังเช่นปกติส่วนเสิ่นเยี่ยนก้าวย่ำมั่นคง มีสีหน้าสงบนิ่งเช่นเคย
เมื่อเห็นทั้งสองเดินคู่กันมา กู้เจิงก็เพิ่งสังเกตว่าตวนอ๋องกับเสิ่นเยี่ยนสูงไล่เลี่ยกัน
“คารวะท่านอ๋องเพคะ” กู้เจิงทำความเคารพ ชุนหงก็รีบทำตามเช่นกัน
ตวนอ๋องเหมือนเพิ่งเห็นนาง เขาเพียงเหลือบมอง แล้วพูดเสียงเย็นว่า “ลุกขึ้นเถอะ”
เวลานี้รถม้าของจวนตวนอ๋องได้มาจอดเทียบที่หน้าประตูแล้วสารถีรีบลงจากรถมารอท่านอ๋องด้วยท่าทีนอบน้อมหนึ่งในองครักษ์ข้างกายของเขารีบยกม่านรถขึ้นให้ ส่วนองครักษ์อีกคนก็ถือร่มรออยู่
ในขณะที่ทุกคนกำลังก้าวขึ้นรถม้าของตน เสียงะโของปาเม่ยก็ดังขึ้น “พี่สะใภ้เ้าคะ”
กู้เจิงชะงัก นางเห็นปาเม่ยวิ่งอุ้มกระถางดอกไม้ออกมาเป็ดอกไม้ในสวนเมื่อครู่
เมื่อจ้าวหยวนเช่อเห็นดอกไม้นี้ แววตาก็เปลี่ยนไปทันที
ปาเม่ยรีบคารวะตวนอ๋องแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง บ่าวเห็นว่าพี่สะใภ้ชอบดอกไม้นี้มากและอย่างไรท่านอ๋องก็ไม่้าแล้วบ่าวจึงเลือกต้นที่สภาพดีที่สุดใส่ในกระถางเพื่อนำมาให้พี่สะใภ้เ้าค่ะ”
กู้เจิง “...” นางไม่ได้บอกว่าอยากได้สักหน่อยยิ่งต่อหน้าตวนอ๋องยิ่งไม่อยากได้เข้าไปใหญ่ ดูเถิด สีหน้าของตวนอ๋องยิ่งแปลกไปยิ่งนัก
เสิ่นเยี่ยนมองไปที่ภรรยา เขาเอ่ยถามเสียงเบาว่า “เ้าชอบดอกไม้นี้หรือ?”
จ้าวหยวนเช่อก็เอ่ยปากถามขึ้นพร้อมกันแต่น้ำเสียงของเขาค่อนข้างแปลกแปร่ง
กู้เจิงทำตัวไม่ถูก ที่จริงนางเองก็ไม่ได้ชอบอะไรมากนักแต่ตวนอ๋องดันถามขึ้นมา หากนางบอกว่าไม่ชอบบรรยากาศจะยิ่งน่าอึดอัดใจหรือไม่? กู้เจิงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครั้งแรกที่เห็นหม่อมฉันรู้สึกว่าดอกไม้นี้งดงามมากแต่หม่อมฉันเลี้ยงไม่เป็ คงได้แต่เพียงชื่นชมให้คนที่เลี้ยงเป็มาเลี้ยงดอกไม้พวกนี้จะดีกว่าเพคะ” กู้เจิงกล่าวปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
ดวงตาลึกล้ำของจ้าวหยวนเช่อหยุดอยู่ที่ใบหน้าของกู้เจิงเพียงครู่เดียวก็รีบเบือนหน้าหนีไป เขากล่าวเสียงเย็นว่า “ให้คนที่เลี้ยงดอกไม้เป็มาเลี้ยง ดอกไม้ก็ใช่ว่าจะซาบซึ้งในบุญคุณไม่แน่อาจจะแทงคนที่เลี้ยงมันในสักวันก็ได้ ว่านเหอ”
“ขอรับท่านอ๋อง?” พ่อบ้านว่านรีบเดินเข้ามาเพื่อรอรับคำสั่ง
“นำดอกไม้ที่เปิ่นหวังไม่้าไปเผาให้หมด” จ้าวหยวนเช่อสั่งเสียงเย็นก่อนจะขึ้นรถม้าไป
ปาเม่ยตกตะลึง “...” นางทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?
เสิ่นเยี่ยน “...”
กู้เจิง “...” ดอกไม้ผิดอะไร? ท่านอ๋องพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?
แม้จะเป็เวลาเที่ยงวันแต่บรรยากาศกลับมืดครึ้มจนคล้ายกับเวลากลางคืน ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก
รถม้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ของกู้เจิงเคลื่อนตัวตามรถม้าของจวนตวนอ๋องไปยัง ‘หอถงชุน’
หอถงชุนเป็ร้านอาหารที่ดีที่สุดและสูงที่สุดในเยว่เฉิงโดยมีทั้งหมดสามชั้น ชั้นบนสุดสามารถมองออกไปเห็นถึงแม่น้ำเฉาเยว่
จ้าวหยวนเช่อได้เหมาชั้นสูงสุดไว้เพื่อชมทัศนียภาพของเมืองเยว่เฉิง
กู้หงหย่ง นายหญิงเว่ยซื่อ และกู้เหยารออยู่นานแล้วกู้อิ๋งไม่ได้มาด้วย เนื่องจากนางกำลังตระเตรียมงานแต่งงานที่ใกล้เข้ามา นางจึงจำต้องกักตัวอยู่แต่ในเรือน
หลังจากทุกคนคารวะตวนอ๋องตามมารยาทจึงค่อยนั่งลง
สายตาของนายหญิงเว่ยซื่อกวาดมองกู้เจิงราวกับไม่ได้สนใจนักแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายรู้จักวางตัวเหมาะสม นางก็รู้สึกพอใจขึ้น บวกกับที่นางประทับใจเสิ่นเยี่ยนอยู่เป็ทุนเดิมทำให้สายตาที่นางมองบุตรสาวอนุคนนี้เปลี่ยนไปไม่รู้สึกขัดหูขัดตาเหมือนเดิม
เหล่าสตรีต่างนั่งกินข้าวกันเงียบๆส่วนฝั่งบุรุษก็กำลังคุยกันถึงเื่การสอบโดยเฉพาะกู้เจิ้งชินที่เอาแต่ถามเื่ข้อสอบถงเซิงให้เสิ่นเยี่ยนช่วยไขปัญหาที่สงสัย
เมื่อพูดถึงเื่นี้ กู้เจิงพบว่าทั้งบิดา ตวนอ๋อง และน้องรองรวมถึงเสิ่นเยี่ยนต่างมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างมากเห็นได้ว่าพวกเขาล้วนจริงจังกับข้อปัญหาการสอบพวกนี้ทั้งสี่คนจิบสุราและคุยเื่ข้อสอบไปพลางจนกระทั่งกู้เจิ้งชินถามคำถามที่สงสัยทั้งหมดจบ หลังจากฟังคำตอบของเสิ่นเยี่ยนเขาก็หันไปพูดกับบิดาอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อ ข้าต้องสอบติดห้าอันดับแรกแน่ขอรับ”
ยังไม่ทันที่กู่หงหย่งจะเอ่ยปากพูดนายหญิงเว่ยซื่อก็วางตะเกียบลงแล้วรีบถาม “ชินเอ๋อร์ จริงหรือลูก?”
กู้เจิ้งชินพยักหน้าอย่างมั่นใจ เขากล่าวอย่างดีใจว่า “คำตอบของข้ากับพี่เขยใหญ่เหมือนกันทุกประการท่านอ๋องก็เห็นด้วยกับที่พี่เขยใหญ่พูด ท่านแม่ครั้งนี้ลูกจะต้องติดห้าอันดับแรกอย่างแน่นอนขอรับ”
---------------------------------------------------
[1] ปรัชญาสามทัศน์ หมายถึง ทัศนคติทั้งสามด้านที่มีต่อโลก คุณค่าและชีวิต กล่าวโดยรวมคือคนเรามองโลกและสิ่งรอบตัวอย่างไรอะไรคือสิ่งที่ควรให้คุณค่า และดำรงชีวิตอยู่เพื่ออะไร
[2] กำแพงทัศน์ เป็กำแพงที่ฉลุลวดลายเป็ช่องจนเห็นอีกฝั่งของกำแพงได้
[3] ประตูดวงเดือน หนึ่งในสถาปัตยกรรมของจีนเป็ประตูวงกลมที่มีลักษณะเปิดโล่ง ซึ่งเชื่อมติดกับผนังหรือกำแพงที่ล้อมรอบสวนในยุคจีนโบราณประตูดวงเดือนมักสร้างขึ้นในสวนของผู้สูงศักดิ์เท่านั้น