ทักษะการชักกระบี่ที่สมบูรณ์แบบของเสวียนเทียนก็ทำให้คนรู้สึกทึ่งแล้ว
แต่ต่อมา เขาก็ฟันรัศมีกระบี่ออกมาอีก ยิ่งทำให้คนทึ่งมากกว่าเดิม
อีกทั้ง ตอนนี้จางเจ๋อเทาอยู่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งกลับถูกเสวียนเทียนฟันหนึ่งกระบี่ปลิวตกเวทีประลองในฐานะมือกระบี่ กระบี่หลุดจากมือหน้าอกถูกรัศมีกระบี่ของเสวียนเทียนฟันจนได้แผลลึกถึงกระดู ร่างาเ็สาหัส
เหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างไม่คาดคิดเหล่านี้ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนอ้าปากค้างแทบจะวางไข่ไก่ได้ สองตาเบิกโตเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ!
พลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าของเสวียนเทียนสามารถใช้รัศมีกระบี่ของยอดฝีมือชั้นเบิกนภาออกมาได้ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนยังพอเข้าใจ
แต่ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งแพ้ให้แก่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าเื่เช่นนี้บรรดาผู้ฝึกยุทธ์แทบไม่มีใครยอมรับได้
ระยะห่างระหว่างชั้นเบิกนภากับชั้นวิถียุทธ์แตกต่างอยู่ถึงหนึ่งชั้นใหญ่ ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาซึ่งปกติถูกเรียกว่ายอดฝีมือ กลับแพ้ให้กับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้านี่มันไร้เหตุผลเสียจริง
แต่ความจริงที่อยู่ตรงหน้าทำให้เหตุผลทั้งหลายในสมองของบรรดาผู้ฝึกยุทธ์เป็ต้องพังทลายบางคนขยี้ตาทั้งสองข้างของตน สงสัยว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า แต่เงาร่างของจางเจ๋อเทาที่ปลิวตกลงมาและเสียงร้องอย่างเ็ป ทั้งหมดล้วนมีอยู่จริง
จางเจ๋อเทาพ่ายแพ้อย่างแน่นอนแล้วอีกทั้งยังแพ้ครั้งใหญ่ แพ้ให้แก่เสวียนเทียนชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้า าเ็ไม่น้อยในเวลานี้ นอกจากเสียงร้องโอดโอยของจางเจ๋อเทาก็มีเพียงเสียงสูดหายใจเฮือกของบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ เสวียนเทียนในสายตาของพวกเขา พริบตาก็สูงส่งขึ้นมาอีกระดับดวงตาที่มองเสวียนเทียนราวกับมองปีศาจตัวหนึ่ง
ไม่เพียงผู้ฝึกยุทธ์ด้านล่างเวทีเท่านั้นที่ตื่นตะลึงจนต้องสูดหายใจผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาบนอัฒจันทร์ทั้งสี่ทิศแต่ละคนก็ตกตะลึงนอกจากผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลหวงที่ตะลึงปนยินดีแล้วแน่นอนว่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นไม่ใช่เช่นนั้น ต่างตกตะลึงตื่นตระหนก
ในบรรดาผู้คนทั้งหลายคนที่ตระหนกที่สุดหนีไม่พ้นผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลจาง ทั้งหมดลุกขึ้นยืนแทบจะในทันทีทิศทางที่จางเจ๋อเทาปลิวตกไปเป็ทิศของอัฒจันทร์ที่ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลจางอยู่พอดี
เมื่อมองเห็นจางเจ๋อเทากำลังจะตกจากเวทีประลองชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีผู้หนึ่งก็พลันพุ่งออกมาจากอัฒจันทร์ รับจางเจ๋อเทาไว้
จางเจ๋อเทาเป็ลูกชายของจางกู่ซง ผู้ที่ใหญ่เป็อันดับสองของตระกูลจางคนที่รับจางเจ๋อเทาไว้คือจางกู่ซงนั่นเอง
จางกู่ซงมองร่างของจางเจ๋อเทาหนึ่งที เห็นาแกระบี่จากแขนซ้ายไปจนถึงหน้าอกขวาาแลึกจนเห็นกระดูก เืสดรินไหลออกมา อาการาเ็ไม่เบาไม่รักษาสักหนึ่งเดือนก็ต้องเก็บตัวพักรักษา ไม่ต้องคิดว่าจะหายดีหรือไม่
จางกู่ซงสกัดจุดต่อเนื่องกันหลายจุดห้ามเืให้จางเจ๋อเทา ดวงตาเต็มไปด้วยไฟโทสะคุโชน มองเสวียนเทียนบนเวทีประลองคำรามเคียดแค้น “ไอ้ลูกหมากล้าลงมือรุนแรงขนาดนี้!”
ตอนนี้จางกู่ซงไฟโทสะเทียมฟ้าแทบทนไม่ได้อยากพุ่งขึ้นไปบนเวทีฟันเสวียนเทียนให้เป็ชิ้นๆ ระบายความคั่งแค้นในใจแต่ตระกูลหวงยังมีหวงฉีซานยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสามคนนั้นอยู่ ตอนนี้กำลังจับจ้องมาที่เสวียนเทียนบนเวทีประลองบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ของอำเภอเป่ยโม่ก็ดูอยู่รอบเวทีประลอง จางกู่ซงได้แต่เก็บความแค้นไม่พุ่งขึ้นไปบนเวทีลงมือกับเสวียนเทียนจริงๆ
“หวงเทียน เ้ากล้านัก!”
เพื่อแสดงความยุติธรรม คนตระกูลจางล้วนเงียบเสียงแต่อู๋เหวินเสียงที่อยู่บนเวทีประลองกลับตวาดขึ้นมาเสียงดัง “เ้ากล้าตั้งใจทำร้ายคน”
น้ำเสียงของอู๋เหวินดุดัน คิ้วขมวด ตาเบิกโตจ้องเขม็งมาที่เสวียนเทียนด้วยความโกรธ พอเปิดปากพูด ก็โยนข้อหาตั้งใจทำร้ายคนมาให้
อู๋เหวินเสียงเดิมคิดว่าเสวียนเทียนอายุเพียงแค่สิบสี่ปีจิตใจความคิดยังไม่แข็งแกร่ง โดนเขาตวาดหน่อยย่อมต้องหวาดกลัว ก้มหัวรับความผิดขอเพียงเสวียนเทียนยอมรับว่าตนเองตั้งใจทำร้ายคนถ้าอย่างนั้นเขาก็ลงโทษเสวียนเทียนได้อย่างสง่าผ่าเผยหรือแม้กระทั่งริบเอาชัยชนะของเสวียนเทียนลงโทษให้เขาเป็ฝ่ายแพ้การต่อสู้ครั้งนี้
แต่เสวียนเทียนไม่ได้กลัวเสียงตวาดด้วยความโมโหของอู่เหวินเสียงแม้แต่น้อยเขายังคงสงบนิ่ง ท่าทีสบายๆ เหมือนเดิม พูดขึ้นว่า “‘ระหว่างการประลอง ห้ามทำร้ายกันถึงชีวิต แต่มีดดาบไร้ตาหมัดเท้าไร้ใจ ยากป้องกันอุบัติเหตุ ถ้าอยากปกป้องชีวิตของตัวเอง ล้วนพึงระวังตัวเองระหว่างการประลองถ้าเกิดกลัวก็รีบยอมแพ้เสีย!’ ท่านผู้นำตระกูลอู่หรือคำพูดที่ท่านกล่าวมาก่อนหน้านี้เป็แค่เพียงเสียงผายลม?”
“ฮ่าๆๆๆ...!”
ผู้ฝึกยุทธ์รอบทิศที่ได้ยินคำพูดของเสวียนเทียนก็ะเิเสียงหัวเราะออกมา
อู๋เหวินเสียงถูกบรรดาผู้ฝึกยุทธ์มองเป็ตัวตลกถูกหัวเราะเยาะ ใบหน้าชราเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว
แต่เสวียนเทียนฟันจางเจ๋อเทาาเ็หนักตระกูลจางโกรธจัด สายตาของผู้นำตระกูลจางกำลังจ้องมาที่ร่างของอู๋เหวินเสียงเขาต้องหาวิธีจัดการบางอย่าง
อู๋เหวินเสียงพูดด้วยความโมโหว่า “เ้า...เ้าลูกหมาอย่างไรเ้าก็ตั้งใจทำร้ายคน”
“ตาเฒ่าใจหมา ข้าว่าเ้านั่นแลตั้งใจพูดจาเหลวไหล!”
เมื่ออู๋เหวินเสียงด่าทอตน เสวียนเทียนแรงมาก็แรงกลับเขาด่าสวนกลับไป พูดเสียงดังว่า “พลังวัตรข้าต่ำกว่า โจมตีย่อมไม่อาจยั้งมือได้ตามใจ ระหว่างการต่อสู้ยากเลี่ยงทำคนาเ็โดยไม่ตั้งใจ ผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่อยู่ที่นี่ก็เห็นกับตาตาเฒ่าใจหมา ต่อให้เ้าตั้งใจพูดจาเหลวไหล ก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าข้าไม่ได้ตั้งใจทำคนาเ็ไม่ได้ถ้าลูกหลานตระกูลหนิว เฉิง จางไม่กล้าสู้กับข้า เช่นนั้นก็หดหัวเป็เต่าในกระดองรีบยอมแพ้ไปซะ การประลองครั้งนี้จะได้จบเร็วๆ สิ้นเื่สิ้นราวเสียที”
“เ้า...เ้า...เ้าลูกหมาตัวนี้!” อู๋เหวินเสียงถูกตอกหน้าอย่างแรง แทบจะโกรธจนกระอักเื
“ตาเฒ่าใจหมา” เสวียนเทียนก็ตอบคืนกลับไปไม่มีเกรงใจ
“อึก!” อู๋เหวินเสียงไหนเลยจะเคยโกรธเช่นนี้มาก่อน? ใบหน้าของเขาบวมจนแทบจะกลายเป็ตับหมูกระอักเืออกมาจากปาก
คนที่โดนเสวียนเทียนตอกหน้ายังมี ตระกูลหนิวเฉิง จางทั้งสามตระกูล ใบหน้าของหนิวเจิ้นซาน เฉิงหยวนอู่ และจางกู่เฟิงผู้นำของทั้งสามตระกูลรู้สึกราวกับโดนเสวียนเทียนตบเข้าหนึ่งฝ่ามือทั้งยังต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์มากมายขนาดนี้ โดนตบหนึ่งฝ่ามือท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย
เื่ทั้งหมดที่เกิดบนการประลองวันนี้ไม่นานย่อมต้องแพร่ไปทั่วอำเภอเป่ยโม่เป็แน่เมื่อครู่ที่เสวียนเทียนฟันจางเจ๋อเทาาเ็ บอกไม่ได้แน่ชัดว่าตั้งใจหรือไม่ แต่ถ้าบอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าคนหนึ่งตั้งใจโจมตีทำร้ายยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งคนหนึ่งให้าเ็หากข่าวนี้แพร่ออกไป ใครก็ย่อมไม่เชื่อ คนที่ได้ยินข่าวนี้ก็คงกล่าวว่าตระกูลหนิวเฉิง จางสามตระกูลตั้งใจรังแกคน
เฉิงหยวนอู่ผู้นำตระกูลเฉิงพูดเสียงเบากับเด็กหนุ่มที่สะพายดาบอยู่ข้างกายว่า“จิ้งเฟิงเ้าไป อย่าได้เหลือทางรอดไว้ให้เ้าลูกหมานั่น ฟันมันให้ขาดเป็สองท่อน”
เด็กหนุ่มที่สะพายดาบคนนี้ก็คือลูกชายของเฉิงหยวนอู่เฉิงจิ้งเฟิง เป็ศิษย์ในของสำนักดาบเทวะคนหนึ่ง
เฉิงจิ้งเฟิงปีนี้อายุสิบแปดปีก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งใกล้จะครบหนึ่งปีแล้ว โตกว่าจางเจ๋อเทาครึ่งปีความสามารถแข็งแกร่งกว่าไม่น้อย
คู่ต่อสู้คนที่สองของเสวียนเทียนก็คือเฉิงจิ้งเฟิงเดิมทีเฉิงจิ้งเฟิงเห็นจางเจ๋อเทาพ่ายแพ้ในมือของเสวียนเทียนก็กำหมัดแน่นแล้วอยากจะไปพลิกสถานการณ์กลับมาตอนนี้ได้ยินบิดาเฉิงหยวนอู่บอกให้เขาไปฟันเสวียนเทียนให้ขาดเป็สองท่อนเฉิงจิ้งเฟิงดวงตาก็ยิ่งวาวโรจน์ จิตใจฮึกเหิม
เฉิงจิ้งเฟิงพยักหน้ารับหนักแน่น ร่างะโออกมาเงาร่างสายหนึ่งแล่นผ่านไปในอากาศ พริบตาก็ร่อนลงบนเวทีประลอง
“หวงเทียน เ้าอย่าได้ลำพองไปสิ่งที่เ้าทำร้ายจางเจ๋อเทา ข้าเฉิงจิ้งเฟิงจะเอาคืนจากเ้าเป็เท่าตัว ‘ดาบพายุเงาวายุคลั่ง’ ของข้ารวดเร็วเหนือสิ่งใดหนึ่งดาบฟาดฟัน ชั่วลมหายใจก็ไปถึง รั้งกลับมาไม่ได้ ฮึๆ...ตอนนี้เ้าก้มหัวยอมแพ้ให้ข้าก้มหัวยอมรับผิดกับจางเจ๋อเทา ข้าจะยอมปล่อยเ้าไปไม่อย่างนั้นข้าไม่ทันระวังบั่นหัวสุนัขของเ้า นั่นก็ไม่ตั้งใจเช่นกัน”
เฉิงจิ้งเฟิงชักดาบยาวที่สะพายอยู่บนหลังออกมาดาบเล่มนี้ส่องแสงเย็นะเื เป็อาวุธมีชื่อชิ้นหนึ่ง เป็รองแค่อาวุธชั้นอาวุธวิเศษเท่านั้น
“เ้ากล้า!” สิ้นเสียงของเฉิงจิ้งเฟิง เสวียนเทียนยังไม่ทันตอบคำ หวงฉีซานก็ผุดลุกขึ้นยืนะโเสียงดังว่า “การประลองยากจะเลี่ยงการาเ็แต่ถ้ากล้าทำร้ายเทียนเอ๋อร์ถึงชีวิต ตระกูลหวงของข้าจะทำให้อำเภอเป่ยโม่ทั้งหมดถล่มเป็หน้ากลองฟ้าถล่มดินทลาย!”
ระหว่างที่พูด สายตาของหวงฉีซานก็กวาดมองตระกูลใหญ่ทั้งสามตระกูลหนิวตระกูลเฉิง ตระกูลจาง รวมถึงตระกูลสำคัญต่างๆ ในอำเภอเป่ยโม่บนอัฒจันทร์ทั้งสี่ทิศดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ปล่อยออกมาไม่มีเก็บไว้
ตัวตนของเสวียนเทียนสำคัญยิ่งเขาเป็ถึงหลานคนโตของเสวียนสง เ้าตระกูลเสวียนตระกูลขั้นสองเมื่อเส้นปราณของเสวียนหงขาดสะบั้นหมดแล้วกลายเป็คนพิการความหวังที่จะกลับตระกูลเสวียนทั้งหมดตกอยู่ที่เสวียนเทียนตระกูลหวงอยากพลิกฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็มีแต่ต้องรอหลังจากเสวียนหงกับเสวียนเทียนกลับไปล้างแค้นที่ตระกูลเสวียนได้สำเร็จ
หากเสวียนเทียนเกิดเป็อะไรไปตระกูลหวงย่อมต้องคิดบัญชีกับตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูลอย่างสุดกำลังสู้ให้ฟ้าถล่มดินทลาย ทำตามที่พูดอย่างแน่นอน
หลังตระกูลหวงมาที่อำเภอเป่ยโม่เก็บตัวอยู่อย่างสงบมาตลอดมีครั้งนี้เป็ครั้งแรกที่แสดงท่าทีแข็งกร้าวจะเป็ฝ่ายบุก ถึงแม้ว่าหวงฉีซานในตอนนี้พลังวัตรจะเหลือเพียงชั้นเบิกนภาขั้นสามทั้งร่างกายยังาเ็หนัก ไม่พร้อมต่อสู้ แต่เดิมทีก็เป็ยอดฝีมือชั้นปฐีท่าทีน่าเกรงขามยังคงอยู่
เมื่อสบสายตากับหวงฉีซาน หนิวเจิ้นซานจางกู่เหิง เฉิงหยวนอู่ในใจก็เย็นเยียบขึ้นมาราวกับเกิดความกลัวขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
หนังตาของเฉิงหยวนอู่กระตุก พูดว่า “จิ้นเฟิง พยายามคุมดาบของตัวเองอย่าตั้งใจทำร้ายคนให้ถึงตาย แต่ไม่ต้องอ่อนข้อให้ ใช้ความสามารถเต็มกำลังทำให้ตระกูลหวงได้รู้ว่า ในอำเภอเป่ยโม่ใครเป็นายที่แท้จริง”
เฉิงหยวนอู่กล่าวคำนี้ออกมา เป็การชี้ช่องให้เฉิงจิ้งเฟิงแม้ทำตามที่เขาบอกเมื่อครู่ฟันเสวียนเทียนให้ขาดเป็สองท่อนไม่ได้แต่ถ้าเป็แบบเดียวกับจางเจ๋อเทา ขอแค่ไม่ตาย ฟันให้าเ็หนักก็ได้แล้ว
เฉิงจิ้งเฟิงพยักหน้ารับ พูดกับเสวียนเทียนว่า “ไอ้หนูได้ยินว่าเ้าเป็ศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักนอกสำนักกระบี่์หรือ? ฮ่าๆ สำนักดาบเทวะของเราเป็ถึงสำนักอันดับหนึ่งของอาณาจักรเสินเตาส่วนข้าเป็ถึงศิษย์ในของสำนักดาบเทวะ วันนี้ข้าจะให้เ้าได้รู้ พูดถึงตระกูลเ้าก็สู้ข้าไม่ได้ พูดถึงสำนัก เ้าก็ยังสู้ข้าไม่ได้ ให้เ้าได้เปิดโลกสักหน่อยท่าไม้ตายสำนักดาบเทวะ...ดาบพายุเงาวายุคลั่ง”
ดาบพายุเงาวายุคลั่ง...เพลงดาบชั้นนิลขั้นต้นท่าไม้ตายของสำนักดาบเทวะ
ระหว่างที่พูด สองขาของเฉิงจิ้งเฟิงก็กระทืบพื้นทั้งร่างราวกับสายลมคลั่งพัดขึ้น พุ่งเข้ามาหาเสวียนเทียน ดาบในมือสะท้อนแสงวาววับชั่วพริบตาไม่รู้ว่าฟาดฟันออกมากี่ดาบ เงาดาบราวกับม่าน คล้ายวายุคลั่งพัดถล่มแผ่นดินร่างกายทุกส่วนของเสวียนเทียนล้วนอยู่ในขอบเขตการโจมตีของ ‘ดาบพายุเงาวายุคลั่ง’ นี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังดาบครอบคลุมอาณาเขตสิบเมตรเงาดาบซ้อนเป็ชั้น เป็เพลงดาบที่ขอบเขตการโจมตีกว้างอย่างหนึ่งปิดทางหนีของเสวียนเทียนหมดสิ้น
ถลาลมเก้ากระบี่...ท่าวายุคลั่ง!
เมื่อเผชิญหน้ากับ ‘ดาบพายุเงาวายุคลั่ง’ ที่ราวกับวายุคลั่งของเฉิงจิ้งเฟิงเสวียนเทียนก็ใช้เพลงกระบี่ที่ขอบเขตการโจมตีกว้างเหมือนกันออกมา กระบี่หิมะเหมันต์ขยับชั่วพริบตาก็สว่างขึ้นมา ม่านกระบี่ผืนหนึ่งปรากฏขึ้น เป็ดั่งพายุคลั่งกวาดแผ่นดินเช่นเดียวกันเงากระบี่เต็มท้องฟ้า ต้านรับเงาดาบมากมายนั้นฟาดฟันอย่างบ้าคลั่งไปทางเฉิงจิ้งเฟิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้