ต่อให้ิอวี่จะมีพลังเทียบเท่ากับราชสีห์สิบตัว แต่การอยู่ต่อหน้าิเฟิงผู้ที่มีอาณาจักรพลังสูงสุดของขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้า ถึงอย่างไรก็ต้านทานไม่ไหว
ใน่เวลาวิกฤตินั้น ก็เกิดมีลมกระโชกรุนแรงกระเพื่อมขึ้นมาอย่างฉับพลัน ชายแก่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของิอวี่ และใช้ฝ่ามือที่บอบบางคว้าหมัดของิเฟิงเอาไว้แล้วเหวี่ยงกลับไปทันที
ท่านซ่งเหล่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เ็าว่า “องค์ชายสิบสาม พอได้แล้ว เชิญท่านกลับไปได้แล้ว จำไว้ว่าที่นี่คือวังหลวง อย่าคิดว่าตัวเองเป็องค์ชายแล้วจะทำลายกฎเกณฑ์อะไรก็ได้นะ”
ถึงแม้ท่านซ่งเหล่าจะไม่ชอบิอวี่เท่าไร แต่อย่างไรเขาก็ยังเป็หนึ่งในสิบองครักษ์หน้าพระที่นั่งผู้เป็ขุนนางเก่าแก่ จะปล่อยให้องค์ชายสองคนมาทะเลาะกันต่อหน้าเขาแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
หากเขาไม่ห้ามปราม ความน่าเกรงขามของเขาจะยังมีอยู่อีกหรือ?
ิเฟิงหรี่ตาแล้วมองไปที่ท่านซ่งเหล่า วันนี้มีท่านซ่งเหล่าให้ท้าย เขาจึงทำอะไริอวี่ไม่ได้ แต่ว่าในใจของเขากลับเกลียดและแค้นิอวี่เพิ่มขึ้นอีก เขามองไปยังิอวี่ที่อยู่ด้านหลังของท่านซ่งเหล่าด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“ิอวี่ เ้าจำไว้เลยนะ ั้แ่วันนี้ไป ถ้าเ้าแน่จริงก็หลบอยู่ในตำหนักของเ้าให้ได้ตลอดก็แล้วกัน หากข้าจับตัวเ้าได้เมื่อไหร่ ข้าจะตีเ้าให้ตายเลยคอยดู”
พอพูดจบเขาก็หันหลังเดินกลับไปทันที หลิวกงกงกุมแก้มซ้ายที่บวมแดงเอาไว้ อดทนต่อความเ็ปแล้วลุกขึ้นมา เขาหันมาจ้องใส่ิอวี่ก่อนที่จะสะบัดหน้าเดินจากไป
พวกเชื้อพระวงศ์กับขุนนางชั้นสูงที่เห็นเหตุการณ์อดที่จะเห็นใจิอวี่ไม่ได้ เขาตีสุนัขรับใช้ขององค์ชายสิบสาม ทำให้องค์ชายสิบสามไม่พอใจ ต่อแต่นี้ไปเขาจะอยู่ลำบากกว่านี้แน่นอน
แต่ว่า คนที่น่าสงสารก็มักจะมีจุดที่ทำให้เกลียดได้เหมือนกัน ใครเป็คนบอกให้เขาคิดว่าพอจะมีความสามารถนิดหน่อยก็คิดอวดดีขึ้นมากันล่ะ ใครจะคิดว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน
ทำตัวเองแท้ๆ ถ้าตายก็สมควรแล้ว
ิอวี่หันไปคำนับให้กับท่านซ่งเหล่าแล้วพูดว่า “ขอบคุณท่านซ่งเหล่าที่ช่วยชีวิต ข้าซาบซึ้งใจมาก”
“เ้าหนู บนโลกใบนี้ ความสามารถอยู่ที่ตัวเ้า หากเ้ายังอ่อนแอเช่นนี้ต่อไป คงไม่มีใครช่วยเ้าได้หรอกนะ” ท่านซ่งเหล่าพูด
ิอวี่ตอบรับ และหันหลังเดินไปทันที
ท่านซ่งเหล่ามองแผ่นหลังของิอวี่แล้วบ่นพึมพำว่า “หมัดของเขาเมื่อครู่ เหมือนจะมีจิตของเพลงกระบี่สังหารหนีลวนอยู่ ในเวลาแค่สองชั่วยาม เขาจะบรรลุเข้าถึงจิตแบบนี้ได้ยังไงกัน ดูท่า ข้าคงดูผิดไปเอง”
ท่าทางของิอวี่เ็ามาตลอดทาง เมื่อกลับมาถึงตำหนักลั่วฮวา บ่าวไพร่ต่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร วันนี้องค์ชายเหมือนจะมีนิสัยบางอย่างแปลกออกไปแบบที่พวกเขาก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
ิอวี่กลับถึงห้องของตัวเอง แล้วหยิบเอากล่องทรงยาวสีแดงเปื้อนฝุ่นออกมาจากใต้เตียง เมื่อเปิดมันออกก็เห็นกระบี่พร้อมฝักสีแดงเล่มหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ในนั้น
กระบี่เฟิงโหว ... เป็ของขวัญที่ิอ๋องมอบให้ิอวี่ตอนที่เขายังเล็กๆ
กระบี่เล่มนี้มีความยาวยี่สิบห้านิ้ว หนาสองนิ้วมือ ตัวกระบี่บาง แต่ตีจากเหล็กกล้าอย่างดี และหนักถึงห้าร้อยยี่สิบเจ็ดกรัม!
เมื่อก่อนิอวี่แทบจะยกมันไม่ขึ้นด้วยซ้ำ แต่วันนี้กลับสามารถถือมันเอาไว้ในมือได้อย่างสบายๆ เขาลูบด้ามและฝักของกระบี่เบาๆ แล้วความเย่อหยิ่งทะนงตนก็ผุดขึ้นในใจของเขา
ในชาติที่แล้ว ิอวี่ชื่นชอบกระบี่มาก เขาชอบความคมของกระบี่ ความสง่างามของกระบี่ ความอิสระไม่ถูกกดขี่ใดๆ ของกระบี่!
ในชาตินี้ ข้าจะใช้กระบี่ฟันฝ่าขวากหนาม อยู่อย่างเป็ตัวตนของตัวเอง ปกป้องความถูกต้อง!
“วันนี้ กระบี่เล่มนี้ควรจะออกจากฝักแล้ว”
“ฟึ่บ!”
ิอวี่ชักกระบี่เฟิงโหวออกมา มันมีสีขาวราวกับหิมะ เปล่งประกายแสงระยิบระยับ เพราะตัวกระบี่ค่อนข้างมีน้ำหนักและมีปลายที่แหลมคมมาก มันจึงฟันเหล็กจนเละเหมือนโคลนได้ ดังนั้นกระบี่ที่ดูเรียบง่ายก็มักจะแฝงไปด้วยจิตสังหาร
ิอวี่จับกระบี่เฟิงโหวไว้แน่นแล้วเดินออกจากห้อง ในใจของเขาเริ่มท่องเคล็ดวิชาเพลงกระบี่สังหารหนีลวน และเริ่มร่ายรำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เริ่มแรก ิอวี่ยังมีท่าทางเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย ท่าทางยังไม่ค่อยคล่องเท่าไร แต่เมื่อเขาตกไปในห้วงความคิดและลืมตัวไป ก็ฝึกฝนต่อเนื่องไม่หยุดและครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา
“เพลงกระบี่สังหารหนีลวน คือพลัง คือความแม่นยำ คืออำนาจที่ดุดัน กระบี่คือจิต จิตคือกระบี่!”
ิอวี่เริ่มฟาดฟันกระบี่ขึ้นมา พลังของกระบี่พุ่งออกมาอย่างไร้รูปลักษณ์ มันทบพลังกระบี่ออกมาเป็สามชั้น ห่างกันประมาณห้าเมตร ทำใหู้เาปลอมที่อยู่ด้านข้างถูกผ่าออกเป็สองท่อน
เมื่อิอวี่เก็บกระบี่ ก็พบว่าฟ้ามืดแล้ว
ภายในเวลาครึ่งวัน ิอวี่เรียนรู้และเข้าถึงเพลงกระบี่สังหารหนีลวนได้ถึงสามขั้น! ไม่ว่าใครที่ได้รู้ก็จะต้องใอ้าปากค้างแน่นอน
เพียงแต่ตอนนี้ิอวี่ยังไม่สามารถปล่อยพลังอานุภาพของเพลงกระบี่สังหารหนีลวนออกมาได้ เพราะพลังฝีมือของเขานั้นต่ำเกินไป เลยไม่สามารถแสดงพลังของวิชาออกมาได้ทั้งหมด
ดังนั้น ิอวี่เลยเริ่มฝึกเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูงอีกครั้ง
เคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูงกระบวนท่าที่สอง “ชีพจรัเฉินจิน” เดิมทีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สองคือระดับเสริมเอ็น ส่วนชีพจรัเฉินจินกลับจำเป็จะต้องดูดซับพลังงานธาตุไฟจำนวนมากมาเผาผลาญเส้นชีพจร จนกระทั่งเส้นเืทั้งหมดกลายเป็สีทอง เหมือนกับเส้นเืของัที่พันรอบร่างกาย
ิอวี่ไปที่ป่าหลังวังหลวงอีกครั้ง ครั้งที่แล้วเขายังมีความอกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อย แต่คราวนี้เขาได้นำพาความกล้าที่สามารถจะทำลายกองทัพให้แตกพ่ายไปด้วย!
เขาใช้เพลงกระบี่สังหารหนีลวนสังหารสัตว์ร้ายและดูดซับพลังจากสัตว์ร้ายนั้น เพื่อฝึกเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูงไปด้วย
หลังจากนั้นสามวัน ิอวี่ก็สามารถทะลวงชีพจรทั้งหมดทั่วร่างกายให้ขยายกว้างและแข็งแกร่งขึ้นเป็ผลสำเร็จ ร่างกายแบบนี้ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าเดิมกี่เท่า และพลังของิอวี่ตอนนี้ได้เทียบเท่าราชสีห์ห้าสิบตัวไปแล้ว!
“กระบวนท่าที่สามของเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูง นั่นคือกระดูกชุบทอง”
ิอวี่รู้สึกยังไม่พอใจกับความสำเร็จในปัจจุบัน จึงเริ่มศึกษากระบวนท่าต่อไป
เคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูงกระบวนท่าที่สามอย่างกระดูกชุบทองพูดถึงการทำให้กระดูกเข้ารูป แต่ว่ามีความแตกต่างกับขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สามระดับชุบกระดูกโดยปกติ เพราะ้าพลังงานความร้อนจำนวนมหาศาลปล่อยเข้าไปในกระดูกของผู้ฝึก จนไปสู่ระดับตัดไขกระดูกได้ ระหว่างการฝึกจะมีความเ็ปอย่างมาก แต่เมื่อฝึกจนสำเร็จแล้วกระดูกก็จะแข็งแกร่งมากกว่าวิธีชุบกระดูกหลายเท่าตัว
ผ่านไปห้าวัน ิอวี่ก็ฝึกกระดูกชุบทองจนสำเร็จ ตัวเขาดูสูงขึ้นมาอีกเล็กน้อย กระดูกทั่วทั้งตัวแข็งแกร่งราวกับเหล็ก ขาที่เตะออกไปนั้นรุนแรงเหมือนกับมีดดาบที่แหลมคม!
ต่อมาก็เป็การฝึกที่ยากมากอย่างเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูงกระบวนท่าที่สี่ ที่มีชื่อว่าผลาญโลหิต เป็การนำเอาพลังหยางกังที่อยู่ในมวลกระดูกและกล้ามเนื้อทั้งหมดมาหลอมรวมเข้ากับเื เพื่อผสมผสานจนกลายเป็น้ำหนึ่งเดียวกัน ไปจนสู่ระดับการผ่าตัดเปลี่ยนกระดูกใหม่ได้!
ผ่านไปสิบวัน
ิอวี่ถือกระบี่เฟิงโหวไว้ในมือ แล้วเดินตรงไปยังูเาปลอมขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า สายตาของเขาเปล่งประกาย กระบี่เฟิงโหวถูกตวัดออกไปแล้วปล่อยพลังรังสีกระบี่ออกมาถึงสามขั้น
จากนั้นก็ สี่ขั้น ห้าขั้น!
กระบี่ถูกฟันออกไป พลังสังหารห้าขั้นถูกปล่อยออกมา “ตู้ม!” ูเาปลอมด้านหน้าะเิออกจนกลายเป็รูขนาดใหญ่ นี่คืออานุภาพของพลังสังหารห้าเท่า!
และในเวลานี้ ิอวี่ตวัดกระบี่ด้วยพลังขีดสุดแล้ว เืและกระดูกในร่างกายถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ เืลมในร่างกายของเขาดูเหมือนกำลังลุกเป็ไฟ มันร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัว
ดวงตาสีดำกลมโตของิอวี่เหมือนซ่อนเปลวเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุดเอาไว้ ทำให้คนที่ได้พบเห็นเกิดความหวาดกลัว
เคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูงกระบวนท่าที่สี่คือผลาญโลหิต เขาได้ฝึกสำเร็จแล้ว
นั่นก็หมายความว่า ิอวี่ได้ก้าวเข้าสู่การฝึกขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สี่ระดับถ่ายเือย่างเป็ทางการแล้ว
ิอวี่ใจสั่น เืภายในร่างกายของเขากลายเป็สีแดงทอง จนมองเห็นได้ผ่านทางิั เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้เขารู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็พลัง ความเร็ว หรือความว่องไวของร่างกายเขานั้น ไปถึงระดับสูงอย่างที่เขาไม่เคยมีมาก่อน!
มันเป็ผลลัพธ์ที่น่ากลัวของกระบวนท่าที่สี่ของเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูงอย่างผลาญโลหิต!
แต่การผลาญโลหิตจะกระทำเป็ระยะเวลานานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นความร้อนจะทำร้ายิัและทำร้ายระบบเื
“ฮู้ว ...”
ิอวี่เก็บพลังผลาญโลหิต ควบคุมให้เืลมสงบลง ในเวลานี้เขาตัวสูงขึ้นจากเดิมอีก ทั่วทั้งร่างกายมีร่องกล้ามเนื้อเด่นชัด อีกทั้งร่างกายเขายังเป็กายเหล็กสุริยัน ลมปราณที่แท้จริงไหลผ่านชีพจรและเส้นเื ส่งเสียงคำรามออกมาราวกับั กระดูกแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า เปล่งแสงสีทองเล็กน้อย ธาตุไฟในร่างกายไหลเวียนไม่หยุด
ทุกอย่างนี้ มันมอบความสามารถอันน่ากลัวอย่างที่สุดให้กับิอวี่!
“ตุ้บ!”
ิอวี่เก็บกระบี่เฟิงโหวแล้วชกหมัดไปที่ต้นไม้ ทันใดนั้น ต้นไม้ที่มีรอบวงเท่ากับสองคนโอบก็แตกออกเป็ผุยผงทันที
“ทรัพยากรที่เคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูง้าหลังจากนี้มันจะไม่ใช่แค่สัตว์ร้าย แต่ยังต้องใช้เงินมหาศาลถึงจะซื้อได้ด้วย ตอนนี้ร่างกายของข้าเหมือนจะอยู่ในจุดสูงสุดได้แค่นี้ ทะลวงไปมากกว่านี้ได้ยาก แต่ว่า ด้วยพลังของข้าตอนนี้ คิดว่าน่าจะเทียบเท่ากับราชสีห์ห้าร้อยตัวได้!” สายตาของิอวี่เปล่งประกาย แล้วพูดอย่างมั่นใจ
“อิอิ ...”
ทันใดนั้นเอง ในหูของิอวี่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้หญิงดังขึ้น ฟังดูมีความสุขมาก แต่พอิอวี่มองไปรอบๆ กลับไม่พบใครเลย
‘หรือว่าภาพหลอน? ไม่ว่าอย่างไร ก็คงจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว’
ิอวี่เคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วราวกับลมพายุแล้วหายไปจากตรงนี้ทันที
ตอนที่ิอวี่กลับไปถึงตำหนักลั่วฮวาก็ดึกมากแล้ว
หลายวันที่ผ่านมานอกจากฝึกวิชาแล้ว ิอวี่ยังเก็บรวบรวมหลิงจือโลหิตม่วงมาอีกหกถึงเจ็ดต้น เขารีบนำมันไปปรุงเป็ยาแล้วป้อนให้แม่ของเขาที่นอนป่วยอยู่บนเตียง
“อวี่เอ๋อร์ หลายวันมานี่ ... เ้าไปไหนมา แม่ ... คิดถึงเ้าเหลือเกิน แค่กๆ ...”
หยางเสวี่ยหรงพูดอย่างอ่อนแรง สีหน้าของนางไม่มีเืฝาดเลย ตอนนี้แม้แต่หายใจก็ยังทำได้ลำบาก สายตาที่นางมองมาที่ิอวี่นั้นเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดูและกังวลมาก
นางกังวลว่า ... ตัวนางนั้นจะยังอยู่ได้อีกนานแค่ไหน นางจะได้เห็นหน้าลูกชายสุดที่รักของนางได้อีกสักกี่ครั้งกัน ...
ิอวี่กำหมัดแน่น เขารู้ดีว่าร่างกายของหยางเสวี่ยหรงเหมือนจะเริ่มดื้อต่อฤทธิ์ของหลิงจือโลหิตม่วง แล้วฤทธิ์ของหลิงจือโลหิตม่วงก็ไม่แรงพอที่จะชะลออาการของหยางเสวี่ยหรงอีกต่อไป
หากไม่สามารถหาหลิงจือโลหิตแดงมาได้ คาดว่าอีกไม่ถึงเดือนหยางเสวี่ยหรงก็น่าจะอยู่ไม่ไหวแล้ว เขาจำเป็จะต้องหาเงินให้ได้ห้าล้านหยกดำภายในหนึ่งเดือน!
แต่ว่า ทำอย่างไรถึงจะหาเงินได้เยอะขนาดนั้นล่ะ?
ิอวี่กลับไปที่ห้องแล้วนั่งคิดอยู่บนเตียง แต่คิดอยู่นานก็ยังคิดหาวิธีไม่ออกสักที
“พี่สาวมีวิธีช่วยเ้านะ”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงใสๆ ของหญิงสาวดังขึ้นมา ิอวี่ก้มหน้าลงไปมองหยกโบราณที่จู่ๆ ก็เปล่งแสงออกมา แล้วแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากตัวหยก
ตอนที่ิอวี่เงยหน้าขึ้นมา สิ่งที่อยู่ในตาของเขาทำให้เืแทบพุ่ง!
ท่ามกลางแสงจันทร์ เงาของหญิงคนหนึ่งรูปร่างสง่างาม ใบหน้าปิดด้วยผ้าบางๆ สีขาวสะท้อนอยู่ตรงข้ามเตียง อวดทรวดทรงองค์เอวที่อ่อนช้อยไร้ที่ติ ทำให้คนที่ได้พบเห็นไม่อาจจะละสายตาได้ คงต้องจ้องมองและชื่นชมความงดงามที่ไม่มีใครเทียมนี้
ทันใดนั้นเอง นางก็ค่อยๆ โผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังม่านประตู อาศัยแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่งดงามราวกับหยก
วินาทีที่ิอวี่เห็นใบหน้าของนางนั้น เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดนิ่งไป รวมไปถึงลมหายใจและการเต้นของหัวใจเขาด้วย
ใบหน้ารูปไข่ที่เล็กเรียว แค่แรกเห็นก็ต้องตกตะลึงไปด้วยความงาม เมื่อมองอย่างละเอียดก็ยิ่งรู้สึกว่ามองเท่าไรก็ไม่พอสักที
ไม่แน่ว่าวินาทีนี้มันอาจจะผ่านไปยาวนานแล้ว ราวกับหัวใจของิอวี่กลับมาเต้นอีกครั้งหลังจากที่หยุดไปแล้ว ยิ่งเต้นก็ยิ่งแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่จังหวะการหายใจยังดูเร่งรีบไปหมด
สาวงามที่มีดวงตางดงามภายใต้แสงจันทร์ กำลังมองมาที่ิอวี่ด้วยความตื่นเต้น ขณะที่นางหายใจ จมูกของนางเหมือนจะขยับเล็กน้อย ปากเล็กๆ ของนางเป็สีชมพูโค้งมน ใช่แล้ว นางกำลังยิ้มอ่อนๆ ให้กับิอวี่
ิอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางคิดว่าเขาเองก็เคยเจอผู้หญิงสวยๆ มานับไม่ถ้วน แต่วันนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจว่ายิ้มโลกละลายนั้นเป็อย่างไร
นางเหมือนภูตในความมืดที่กำลังยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุขในยามค่ำคืน เริงระบำอยู่ใต้แสงจันทร์อย่างน่าหลงใหลราวกับเด็กน้อย มีทั้งความน่ารักและแก่นแก้ว
แต่เื่ราวหลังจากนั้นกลับน่าใยิ่งกว่า เพราะผู้หญิงคนนั้นได้ถอดผ้าสีขาวบางเบาออก มีผ้าปิดกายเพียงผืนเดียว แล้วใช้ขาขาวอันเรียวยาวเดินมาหาิอวี่
“เ้าคิดจะทำอะไร ...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้