หลังจากที่มาถึงตระกูลกู กูเฟยเยี่ยนก็ถูกพาไปยังห้องรับรองเฟิงหวาถางทันที
ในยามที่นางมาถึงหน้าประตูก็เห็นกูเอ้อร์เย่และภรรยาเอกหวังฟูเหรินนั่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งหลัก ส่วนทางด้านตระกูลฉีมีเพียงสองคนคือฉีอวี้และฉีฟู่ฟาง
ฉีอวี้สวมใส่อาภรณ์สีขาวพร้อมด้วยเข็มขัดหยก รูปร่างลักษณะองอาจผึ่งผาย แม้ว่าเขาจะเป็นายทหารฝ่ายการรบ ทว่าก็ยังขาดในสิ่งที่เฉิงอี้เฟยมี อย่างเช่นความหัวแข็งห้าวหาญ แต่กลับมีบุคลิกข้าราชการที่มีจิตใจงดงามและมีคุณธรรมสูงส่งแทน และเป็ที่แน่นอนว่าในมุมมองของกูเฟยเยี่ยนจิตใจงดงามและคุณธรรมสูงส่งพวกนั้นล้วนเป็เื่จอมปลอม
ผู้ที่นั่งอยู่ด้านข้างฉีอวี้นั่นคือพี่สาวของเขาที่เกิดจากฮูหยินเอก ฉีฟู่ฟาง คุณหนูใหญ่ผู้นี้เป็ถึงเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดขององค์หญิงหวายหนิง อีกทั้งยังมีนิสัยที่เบื่อหน่ายและน่ารำคาญเช่นเดียวกับองค์หญิงหวายหนิงด้วย สตรีทั้งสองมีรูปโฉมภายนอกงดงามดั่งทองคำและหยก ทว่าภายในกลวงโบ๋ เป็หญิงสาวที่งามวิจิตรทว่าชั่วร้ายดั่งงูอสรพิษ
ทั่วทั้งห้องล้วนเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ไม่เหมือนกำลังพูดคุยเื่ถอนหมั้นกันเลยแม้แต่นิด กูเอ้อร์เย่ยังคงมีลักษณะท่าทางเฉกเช่นผู้าุโอยู่บ้าง ส่วนท่าทางของหวางฟูเหรินนั้นเรียกได้ว่าประจบสอพลอ ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู เสียงภายในห้องก็เงียบสงัดลงทันที
เมื่อพบว่าใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนปราศจากเครื่องประทินโฉม ผมเผ้ายุ่งเหยิง อีกทั้งยังสวมใส่เสื้อนวมปุยฝ้ายเก่าๆ ที่เย็บปะติดปะต่อกัน ฉีอวี้พลันขมวดคิ้วทันทีพร้อมกับหันหน้าหนีไปอีกด้าน ราวกับหากลอบมองไปที่กูเฟยเยี่ยนอีกคราก็จะทำให้ดวงตาเปรอะเปื้อนได้ ทางด้านฉีฟู่ฟางนั้นกลับได้ตั้งใจจ้องเขม็งมองนางอย่างละเอียด สายตานั้นเปี่ยมไปด้วยความพยายามในการจับผิด
กูเฟยเยี่ยนมองข้ามพวกเขาไป นางยืดเอวตั้งตรง จากนั้นก็เดินเข้าไปด้วยความสุภาพเรียบร้อย
เพียงเเต่ว่าในขณะที่นางเดินผ่านฉีฟู่ฟางไป นางพลันหัวเราะขึ้นมา “กูเอ้อร์เย่ นี่คือการต้อนรับจากพวกท่านตระกูลกูหรือ? สภาพเหมือนผีเช่นนี้ของนางยังกล้าที่จะตรงมายังห้องรับรองอีกหรือ? ตระกูลกูของพวกท่านนั้นไม่ให้ความเคารพต่อพวกข้าสองพี่น้องเกินไปหรือไม่? ”
เดิมทีกูเอ้อร์เย่นั้นก็ทนมองรูปลักษณ์ของกูเฟยเยี่ยนไม่ไหวอยู่แล้ว สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง “เฟยเยี่ยน เหตุใดจึงไม่มีมารยาทเช่นนี้? ยังไม่รีบไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาอีก”
ความเคารพ? มารยาท?
กูเฟยเยี่ยนหยุดเดินทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง
มาถอนหมั้นกลางดึกกลางดื่น ปลุกนางขึ้นมาจากการหลับฝัน ให้นางปะทะลมเหนือรีบร้อนออกมาจากพระราชวัง พวกเขายังมีหน้ามาพูดกับนางเื่ความเคารพ? เื่มารยาท? หากในคืนนี้นางไม่ตั้งใจสอนพวกเขา ว่าอะไรที่เรียกว่าความเคารพ อะไรที่เรียกว่ามารยาท คงมีเพียง์ที่ทราบดีว่าเมื่อไหร่พวกเขาถึงจะตื่นขึ้นมาจากความเพ้อฝันอันดีงามของตนเอง!
“เ้าค่ะ! ”
กูเฟยเยี่ยนตอบตกลงอย่างง่ายดายทว่ากลับหันไปทางฉีฟู่ฟาง ก่อนจะเอ่ยเสริมว่า “เพียงแต่จะต้องขอรบกวนคุณหนูใหญ่และคุณชายฉีไปรอที่ด้านหน้าประตูจวนชั่วครู่”
“เ้าหมายความว่าอย่างไร? ” ฉีฟู่ฟางเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ
กูเฟยเยี่ยนหยักยิ้มบางเบาอย่างสุภาพให้แก่นาง “เพื่อรอคอยคุณหนูอย่างข้าหวีผมแต่งตัวด้วยอาภรณ์ที่สวยหรู ก่อนจะนำผู้คนไปรอต้อนรับพวกท่านที่มายกเลิกการหมั้นหมายกับข้าอย่างไรเล่า! เช่นนี้เรียกว่ามีมารยาทมากพอหรือไม่เ้าคะ? ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ผู้คนล้วนพากันตกตะลึง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยได้ยินมาก่อนว่ากูเฟยเยี่ยนเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคนแต่ว่าเมื่อได้มาพบด้วยตาของตนเองจะอย่างไรก็อดประหลาดใจไม่ได้
ฉีฟู่ฟางได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว นางโกรธเป็อย่างยิ่ง “กูเฟยเยี่ยน กำเริบเสิบสาน! ”
กูเอ้อร์เย่รีบร้อนตำหนินางทันที “เฟยเยี่ยน มิอาจไร้มารยาทได้! ”
กูเฟยเยี่ยนมองกูเอ้อร์เย่ดั่งอากาศธาตุ นางมองตรงไปยังฉีฟู่ฟาง มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยถากถาง ก่อนจะเอ่ยว่า “ดูจากท่าทางแล้วคุณหนูฉีคงยังไม่พอใจ เช่นนั้นแล้ว ให้อารองของข้าสั่งให้ผู้คนทั้งหมดในจวนตระกูลกูจุดตะเกียงขึ้นเพื่อปลุกทุกคนให้มารอคอยต้อนรับพวกท่านเป็อย่างไร ทั้งนี้ทั้งนั้นกลางดึกกลางดื่นเช่นนี้ ผู้ที่ไม่ทราบอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าพวกท่านมาทำเื่ราวอะไรที่ไม่อาจให้ผู้อื่นรับรู้ได้! ”
คำพูดของกูเฟยเยี่ยนเสียดสีฉีฟู่ฟางจนทำให้ใบหน้าของนางแดงก่ำ
ฉีฟู่ฟางทั้งโกรธทั้งอับอายจึงด่ากลับไป “กูเฟยเยี่ยน ผู้ใดที่ทำเื่ที่ไม่อาจให้ผู้อื่นรับรู้ได้กัน เ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ! หญิงสาวใจง่ายเช่นเ้าไร้ซึ่งความยับยั้งชั่งใจ ไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ยั่วยวนผู้ชายไปทั่วดั่งคนชั้นต่ำ ไม่คู่ควรติดต่อกับพวกเราตระกูลฉีด้วยซ้ำ ข้าจะบอกอะไรเ้าให้ พวกเรามายกเลิกการหมั้นหมายภายในชั่วข้ามคืนก็เป็เพราะว่าไม่้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเ้าอีกแม้แต่นิดเดียว เมื่อผ่านคืนนี้ไปเ้าอย่าได้เพ้อเจ้อใช้ชื่อเสียงว่าที่ลูกสะใภ้ตระกูลฉีโอ้อวดไปทั่วอีก! ”
หลังจากที่นางเอ่ยจบถ้วยชาบนโต๊ะก็ถูกกวาดใส่กูเฟยเยี่ยนอย่างคาดไม่ถึงทันที โชคดีที่กูเฟยเยี่ยนหลบทันอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นแล้วก็จะคงโดนกระแทกเข้าเต็มๆ
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนก็โกรธเป็ฟืนเป็ไฟอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้นับได้ว่าโกรธอย่างถึงที่สุด
้าที่จะสู้กับนางใช่หรือไม่?
ในค่ำคืนนี้หากนางมิใช้คำว่า “มารยาท” มาทำลายทัศนคติของสองพี่น้องให้เกิดข้อสงสัยในชีวิตของตนได้ นับว่านาง…แพ้!