องค์หญิงหลานซินเองก็ตกตะลึงเช่นกัน นางคิดไม่ถึงว่าไทเฮาจะลงมือรวดเร็วและรุนแรงเช่นนี้ นี่มันเหนือความคาดหมายของนาง
ต่อมาเห็นไทเฮาชี้หน้าเฟิ่งเฉี่ยนและด่าทอด้วยโทสะ “อายเจียคิดไม่ถึงเลยว่า เ้าจะเป็คนใจคอเหี้ยมโหดเพียงนี้! องค์หญิงขอร้องเ้าถึงขั้นนี้แล้ว เ้าไม่เพียงแต่ไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย ซ้ำยังจะลงมือลงไม้กับนาง จิตใจของเ้าทำด้วยอะไรกันแน่?”
“ไม่ว่าอะไรอายเจียล้วนยอมเ้าได้ แต่หากเป็เื่ลูกหลานของราชวงศ์ อายเจียไม่มีวันยอมให้เ้ากระทำตามใจ!” ไทเฮาโน้มตัวลงไปประคององค์หญิงหลานซินขึ้นมาจากพื้นแล้วพูดอย่างปวดใจ “หลานซิน เ้าไม่ต้องขอร้องนาง! เ้าก็แค่้าเืเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้คนหนึ่ง เป็เื่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว เ้าไม่มีความผิดตรงไหน! กลับเป็นาง นางที่มีฐานะฮองเฮาไม่เพียงไม่คิดจะทำให้ราชวงศ์แตกกิ่งก้านสาขา กลับคิดจะเป็ที่โปรดปรานของฮ่องเต้เพียงคนเดียว กีดกันสนมและชายาคนอื่นๆ คนเช่นนางไม่คู่ควรเป็มารดาของแผ่นดิน!”
ไทเฮาตบหลังมือขององค์หญิงหลานซินและพูดอย่างเมตตา “หลานซิน เ้าวางใจ! เื่ถวายตัวนั้นอายเจียจะจัดการเอง จะทำให้เ้าสมปรารถนาแน่นอน! ตำหนักในแห่งนี้ยังมิใช่นางที่เป็ฮองเฮาตัดสินเพียงคนเดียว!”
“ไป อายเจียพาเ้าไปพบฮ่องเต้เดี๋ยวนี้! คืนนี้จะให้พวกเ้าร่วมหอกัน!” นางจับมือองค์หญิงหลานซิน มองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสายตาเ็า “อายเจียอยากดูนักว่าเ้าจะขัดขวางอย่างไร?”
องค์หญิงหลานซินลอบยินดีกับตนเอง ทว่าสีหน้ายังคงแสดงท่าทีว่าซาบซึ้งใจจนน้ำหูน้ำตาไหล นางพูดทั้งสะอื้น “ขอบพระทัยไทเฮาเพคะ! ไทเฮาดีกับหลานซินเช่นนี้ หลานซินซาบซึ้งใจยิ่งนัก วันหน้าจะตอบแทนไทเฮาและกตัญญูต่อไทเฮาเพคะ!”
ไทเฮาเห็นนางเป็เช่นนี้จึงยิ่งปวดใจ เช็ดน้ำตาให้นางและตบหลังมือนางเมื่อพูดว่า “เด็กดี! มีอายเจียอยู่ ดูว่าใครกล้ารังแกเ้า?”
ก่อนออกไป นางหันมาถลึงตาใส่เฟิ่งเฉี่ยนพร้อมกับจับจูงมือองค์หญิงหลานซินออกไปจากตำหนักบรรทม
วินาทีก่อนที่จะก้าวออกไปจากตำหนักบรรทม องค์หญิงหลานซินพลันหันกลับมายิ้มอย่างผู้กุมชัยชนะให้เฟิ่งเฉี่ยน
หัวใจเฟิ่งเฉี่ยนเย็นวาบ คิดถึงครั้งก่อนที่นางล่อเสือออกจากถ้ำ และจับองค์หญิงหลานซินได้คาหนังคาเขาก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน
ตอนนี้ถึงคราวนางเองบ้าง...
นางยื่นมืออกมาััแก้มของตนเอง บริเวณนั้นยังคงปวดแสบปวดร้อน!
ไม่รู้เพราะเหตุใด นางไม่คิดจะกล่าวโทษการกระทำหุนหันพลันแล่นของไทเฮา เพราะนางเข้าใจผิด ถูกคนหลอกใช้ นางไม่อยากกล่าวโทษจิตใจเคียดแค้นขององค์หญิงหลานซินเช่นกัน เพราะนางเป็ผู้หญิงในวัง นางคิดเพียงแค่้าแย่งชิงผลประโยชน์ของตนเอง ดังนั้น พวกนางล้วนไม่ผิด!
ตอนนี้ นาทีนี้ นางโทษตัวนางเอง!
นี่เป็ชีวิตที่นาง้าจริงๆ หรือไม่?
สองสามวันก็ต้องแสดงละครแก่งแย่งชิงดีในวังหลัง ป้องกันจนไม่รู้จะป้องกันอย่างไร นางหลบหลีกได้ครั้งสองครั้ง นางหลบหลีกการทำร้ายซึ่งหน้าและลับหลังได้ทุกครั้งหรือ?
นาง้านำเอามันสมองและเรี่ยวแรงทั้งหมดของตนเองมาเสียเวลาอยู่กับการแย่งชิงที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้จริงๆ หรือ?
นางถามหัวใจลึกๆ ของนางไม่หยุด...
ชิงเหอกูกูและนางกำนัลอีกหลายคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตูและมองนางด้วยสายตาเป็ห่วง
“เหนียงเหนียง พระองค์ไม่เป็ไรกระมัง? เมื่อสักครู่พวกบ่าวถูกคนของไทเฮาควบคุมตัวเอาไว้เพคะ จึงไม่อาจเข้ามารายงานเหนียงเหนียงได้ พวกบ่าวไร้สามารถจริงๆ เพคะ!” ชิงเหอกูกูพูดด้วยความละอายแก่ใจ
เฟิ่งเฉี่ยนโบกมือด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ “ข้าไม่เป็ไร พวกเ้าออกไปให้หมด! ให้ข้าอยู่คนเดียวเงียบๆ!”
ชิงเหอกูกูเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ยอบกายแล้วพานางกำนัลทั้งหมดออกไป
หลังจากออกมาจากตำหนักเว่ยยาง ไทเฮาพาองค์หญิงหลานซินมายังห้องทรงพระอักษร ทว่าองค์หญิงหลานซินกลับห้ามนางไว้
“ไทเฮาเพคะ แม้หลานซินจะมีใจต่อฝ่าา และปรารถนาว่าจะมีสักวันหนึ่งที่สมหวัง ได้ยืนอยู่เคียงข้างฝ่าา แต่หลานซินไม่อยากฝืนใจฝ่าา ยิ่งไม่ปรารถนาที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์และฝ่าา อีกทั้งหลานซินมีความมั่นใจว่าต้องมีสักวันหนึ่งที่จะทำให้ฝ่าาหวั่นไหวและได้พระทัยของฝ่าา ให้ฝ่าาเรียกตัวหลานซินเข้าถวายตัวอย่างเต็มใจเพคะ!”
ไทเฮาประหลาดใจเล็กน้อย แต่ต่อมากลับมีใบหน้าเปื้อนยิ้มขณะตบหลังมือของนาง “หลานซิน เ้าช่างเป็เด็กที่รู้ความคนหนึ่ง! เ้าวางใจ เวลาวันข้างหน้าอีกยาวไกล อายเจียช่วยเหลือเ้าแน่นอน ให้เ้าสมปรารถนา!”
องค์หญิงหลานซินยิ้มอย่างน่ารัก “ไทเฮา หลานซินมีความปรารถนาเล็กๆ ในใจเพคะ ไม่ทราบว่าไทเฮาจะช่วยให้หลานซินสมปรารถนาได้หรือไม่?”
ไทเฮาตอบอย่างใจกว้าง “มีความปรารถนาอันใด ขอเพียงเ้าพูดมา อายเจียจะช่วยให้เ้าสมหวัง!”
องค์หญิงหลานซินพูดด้วยท่าทีเขินอาย “นับั้แ่หลานซินเข้าวังมา ยังไม่เคยร่วมโต๊ะเสวยกับฝ่าาเลยเพคะ หลานซินไม่มีคำร้องขอใดๆ ขอเพียงคืนนี้ไทเฮาบอกให้ฝ่าามาเสวยพระกระยาหารค่ำที่ตำหนักยีหลันของหลานซินเพคะ!”
ไทเฮาตอบรับทันที “เื่เล็กแค่นี้ ไม่เป็ปัญหา! หากฮ่องเต้ไม่มา อายเจียจะลากเขามาเอง!”
“เช่นนั้นขอบพระทัยไทเฮาเพคะ!” องค์หญิงหลานซินหลุบตาลงต่ำนางยกยิ้มลำพองใจขณะที่ไทเฮามองไม่เห็น
ใกล้จะถึงเวลาอาหารค่ำ เฟิ่งเฉี่ยนเตรียมอาหารพร้อมหนึ่งโต๊ะ รอเพียงการมาถึงของเซวียนหยวนเช่อ
แม้ตอนกลางวันไทเฮาจะพูดปาวๆ ว่าจะให้องค์หญิงหลานซินถวายตัวคืนนี้ แต่นางเชื่อใจในตัวเซวียนหยวนเช่อ เชื่อว่าเขาจะไม่แหกกฎของตัวเองเพราะคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของไทเฮา และไปทำเื่ที่ตนเองไม่ยินดีทำ ดังนั้นนางวางใจอย่างยิ่ง ถึงขั้นไม่ไปสืบข่าว
ชิงเหอกูกู จื่อซูและคนอื่นๆ ต่างยินดี พากันล้อมรอบกายเฟิ่งเฉี่ยนพูดจาจ๊อกแจ๊กจอแจไม่หยุด
“เหนียงเหนียง ท่านจะเปลี่ยนอาภรณ์ที่สีสว่างกว่านี้หรือไม่เพคะ? ชุดนี้จืดชืดเกินไปเพคะ!”
“ใช่แล้วเพคะ คืนนี้ฝ่าามาเสวยพระกระยาหารค่ำที่ตำหนักเว่ยยางอย่างหาได้ยาก เหนียงเหนียงต้องแต่งกายให้งดงามดึงดูดสายตาจึงจะถูกต้องเพคะ!”
“สีชาดบนปากของเหนียงเหนียงอ่อนเกินไปเพคะ เปลี่ยนสีเข้มหน่อยเถิดเพคะ!”
“ทรงผมจะเปลี่ยนทรงใหม่หรือไม่? ชิงเหอกูกูมวยผมเก่งที่สุด สางผมทรงใหม่ให้เหนียงเหนียงเถิด ถึงเวลานั้นฝ่าาคงไม่ละสายตาไปไหน!”
“...”
เฟิ่งเฉี่ยนเอามือเท้าแก้ม ฟังคำพูดเ่าั้ทว่าสายตากลับมองไปด้านนอกประตูเป็พักๆ
“เหนียงเหนียงอย่าใจร้อนเพคะ ฝ่าาทรงมีราชกิจมากมาย มาตรว่ายังสะสางราชกิจไม่แล้วเสร็จกระมัง” ชิงเหอกูกูพูดอย่างใส่ใจ
เฟิ่งเฉี่ยนฉีกปากยิ้มพร้อมกับรู้สึกตัว ตนเองเคยมีความอดทนมานั่งรอคนๆ หนึ่งเช่นนี้ั้แ่เมื่อใดกัน?
ที่แท้การรอคอยการกลับมาของคนๆ หนึ่ง คืออารมณ์เช่นนี้ มีความรู้สึกหวานล้ำ และมีความร้อนรนอยู่บ้าง ราวกับทุกวินาทีล้วนยาวนานไม่สิ้นสุด เวลาผ่านไปช้าเหลือเกิน!
เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป...
เวลาสองก้านธูปผ่านไป...
เวลาสามก้านธูปผ่านไป...
เซวียนหยวนเช่อยังคงไม่มา!
อารมณ์ของการรอคอย ั้แ่เริ่มต้นที่อ่อนหวานร้อนรน แปรเปลี่ยนเป็ไม่เป็สุข เฟิ่งเฉี่ยนกระวนกระวายใจ เขาคงไม่ลืมว่ารับปากกับนางว่าจะมาทานอาหารเย็นด้วยกันกระมัง? หรือเขายังสะสางงานราชกิจจนถึงตอนนี้?
หรืออาจจะมีสาเหตุอื่น?
นางควรส่งคนไปสอบถามดูหรือไม่ หรือรอคอยอย่างอดทนต่อไป?
หากเขายังทำงานอยู่ นางส่งคนไปถาม จะเป็การรบกวนเขาหรือไม่? นางควรส่งอาหารไปให้เขาหรือไม่?
ราวกับอ่านใจของนางออก ชิงเหอกูกูพูดขึ้นอย่างเอาใจใส่ “เหนียงเหนียง บ่าวให้คนไปสอบถามดูแล้วเพคะ ดูว่าฝ่าาสะสางราชกิจเสร็จแล้วหรือไม่ ท่านอย่าได้ร้อนใจไป ฝ่าาให้ความสำคัญกับท่านถึงเพียงนี้ รับปากแล้วว่าจะมาเสวยพระกระยาหารเย็นร่วมกับท่าน ย่อมไม่ลืมนัดเพคะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้