วันนั้นเป็เพียงแค่วันหนึ่งในฤดูกาลอันแห้งแล้ง อากาศร้อนผ่าวจนแสบผิว ผืนดินแห้งแตก นอกจากวัชพืชหน้าตาน่าเกลียดก็ไม่มีพืชผลใดสามารถเติบโตขึ้นได้
แต่ในวันนั้นมีดอกไม้งามดอกหนึ่งปรากฏขึ้น ท่ามกลางภาพวิวทิวทัศน์สีซีดจาง มีสีสันหนึ่งถูกสาดเข้ามาในสถานที่แห่งนั้น
“สวัสดีค่ะ พอดีรถของพวกเราเสีย ไม่ทราบว่าพอจะรู้จักช่างซ่อมหรือคนดูแลรถยนต์แถวนี้หรือเปล่า”
สถานที่ทุรกันดาร พื้นที่ฟาร์มที่ตอนนี้เหลือเพียงพืชพรรณเน่าตายคาต้น และกระท่อมหลังเล็กทรุดโทรม รถยนต์สีดำคันหนึ่งที่สมควรจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หรู กลับมาปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้
อัลฟ่าหญิงหน้าตาสะสวย ชุดกระโปรงแม่บ้านแบบที่มักเคยเห็นผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อได้มีโอกาสพิศดูของจริงจึงพบว่ามันทำมาจากเนื้อผ้าฝ้ายนุ่มราคาแพง เธอลงมาจากรถคันนั้น ตรงเข้าไปหาคุณยายของเขา ใบหน้าเฉยชายามเอ่ยประโยคขอความช่วยเหลือ แต่เพราะท่าทางสุภาพนอบน้อมเช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะทำให้รู้สึกดี
เย็นมากแล้วพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ฟากฟ้าถูกย้อมกลายเป็สีส้ม ช่างซ่อมที่อาจจะพอมีความรู้เื่รถยนต์อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ทว่าหนทางจากที่นี่ไปจะต้องผ่านป่ารกทึบ ยามค่ำคืนสัตว์ป่าอันตรายจะออกมาหากิน อย่างเร็วที่สุดนายช่างคงออกมาได้พรุ่งนี้เช้า
“เช่นนั้นพวกเราขอแวะพักที่นี่สักคืนได้หรือเปล่าคะ” อัลฟ่าหญิงคนนั้นคงรู้ได้ถึงความลำบากใจ เนื่องจากบนรถยังมีอัลฟ่าชายผู้ติดตามอีกสองคนจึงเสริมต่อ “แค่เพียงดิฉันกับคุณหนูเท่านั้น เราจะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ให้อย่างงาม”
คุณยายยอมตอบตกลง อัลฟ่าหญิงคนนั้นกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อม ก่อนจะรีบสาวเท้าตรงไปยังประตูของเบาะหลังรถยนต์ กระจกถูกเลื่อนลง ใครบางคนนั่งอยู่ในนั้นแต่เพราะอัลฟ่าหญิงยืนบังอยู่จึงมองไม่ชัดนัก สิ่งเดียวที่เห็นอย่างเลือนรางคือเรือนผมสีเงินของอีกฝ่าย
บานประตูรถคันนั้นถูกเปิดออก รองเท้าส้นสูงสีดำโผล่พ้นออกมานอกตัวรถ เหยียบย่างลงบนดินอันแห้งแตก ข้อเท้าบอบบางและเรียวขาขาวเนียนจนเหมือนเป็ประติมากรรมมากกว่าอวัยวะของมนุษย์
คนผู้นั้นลงมาจากรถ แล้วเมื่อตนได้สบกับั์ตาสีแดงสดคู่นั้น ก็ราวกับถูกเกาะเกี่ยวกระชากิญญาให้หลุดลอย
ความงามของอัลฟ่าหญิงเมื่อครู่ กลายเป็เพียงเื่ตลกเมื่อเทียบกับโอเมก้าชายตรงหน้า
เรือนผมสีเงินเรียบลื่นดุจแพรไหมยาวถูกรวบขึ้นเป็ทรงหางม้าสูง ปอยผมบางส่วนตกลงมาคลอเคลียกับใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ผิวของอีกฝ่ายขาวผ่อง ส่งเสริมดวงตาและริมฝีปากอิ่มสีแดงสดให้ยิ่งดูโดดเด่น ราวกับดอกพลับพลึงแดงที่แบ่งบานขึ้นท่ามกลางผืนหิมะขาวโพลน
ถ้อยคำพรรณนาถึงนางฟ้า เทพยดาที่เคยฟังจากนิทานสมัยเด็ก บางทีอาจจะมีความหมายถึงคนตรงหน้าก็เป็ได้
“ฮิโนกิ พาแขกไปอาบน้ำ พักผ่อนที่ห้องหน่อยสิ”
เสียงของคุณยายช่วยดึงสติที่หลุดลอยกลับมา ฮิโนกิลุกขึ้น เดินนำแขกทั้งสองเข้าไปในบ้าน อย่าว่าแต่เพียงสบตา แค่เพียงยามที่รู้สึกได้ว่าโอเมก้าคนงามกำลังเดินตามมา เขาก็ยิ่งงุ่นง่าน ตัวเกร็ง หลุบมองเสื้อผ้าเก่า ๆ และสภาพมอมแมมของตนแล้วก็นึกหงุดหงิดที่วันนี้ตนไม่เลือกเสื้อผ้าให้ดีกว่านี้
ห้องนอนของแขกคืนนี้เป็อดีตห้องนอนที่ถูกทำเป็ห้องเก็บของ ฝั่งหนึ่งเป็ข้าวของวางระเกะระกะซ้อนทับกันจนเฉียดเพดานห้อง ส่วนอีกฝั่งเป็เตียงขนาดเล็กสำหรับหนึ่งคนมีผ้าปูคลุมทับเตียงไว้อยู่ เมื่อหยิบมันออกมา ฝุ่นก็ฟุ้งลอยไปทั่วทั้งอากาศ ได้ยินเสียงโอเมก้าคนงามผู้นั้นไอออกมาเบา ๆ
ห้องอันทรุดโทรมเทียบกับแขกที่ดูมีสถานะสูงส่ง ทำให้ฮิโนกิเกิดความรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย
“คุณหนูคะ…” อัลฟ่าหญิงคนนั้นก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน
“ช่างเถอะ” ไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาที่งดงามหมดจด สุ้มเสียงยังไพเราะราวกับเสียงพิณของออร์ฟิอุส[1] “คราวหลังอย่าสะเพร่าเช่นนี้ซ้ำสอง”
“เดี๋ยวผมซักผ้าปู…” ฮิโนกิกล่าวเสียงตะกุกตะกัก สายตาจดจ้องมองแผ่นหลังคนร่างบางที่กำลังกวาดสายตาสำรวจภายในห้อง คงจะดีไม่น้อยหากได้สบตาคู่นั้นอีก
“เย็นมากแล้วเกรงว่าจะแห้งไม่ทัน เดี๋ยวดิฉันนำผ้ามาปูทับอีกทีหนึ่ง” อัลฟ่าหญิงตอบรับอย่างมีมารยาท “อย่างไรก็ขอบคุณมากเลยนะคะ”
โอเมก้าคนงามก้าวหายลับเข้าไปในห้อง นั่นเป็ภาพสุดท้ายก่อนที่ในเช้าตรู่วันถัดไป กว่าฮิโนกิจะตื่น รถฟักทองก็ได้พาซินเดอเรลล่าจากไปไกลเสียแล้ว
ตอนที่ได้รู้อย่างนั้นความผิดหวังก็พาดผ่านในใจ นึกเสียดายที่เมื่อคืนตนไม่หาเื่คุยกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ทว่าเมื่อฮิโนกิกลับมาที่ห้องนอนแขกก็ต้องเป็อันชะงักไป ซินเดอเรลล่าจากไปแล้วแต่กลับยังทิ้งบางสิ่งบางอย่าง
มิใช่รองเท้าแก้ว แต่เป็ผืนผ้าสีแดงที่คงใช้ปูเตียงให้แขกผู้สูงศักดิ์นอนเมื่อคืน
ความปรารถนาบางอย่างทำให้ตนเดินเข้ามาหยิบฉวยผ้าผืนนั้น เป็ครั้งแรกที่ฮิโนกิได้ัักับผ้าไหม เนื้อผ้าที่คงราคาแพงจนตนไม่อาจจินตนาการถึง ปลายนิ้วััผ่านความเย็นจากผ้านั้นอย่างทะนุถนอม ก่อนจะยกมันขึ้นมาสูดดมช้า ๆ
ตัวตนผู้เป็เ้าของยังคงติดค้างอยู่ที่ผ้าไหมผืนนั้น
กลิ่นหอมหวานดอกไม้เฉกเช่นคนผู้นั้น
สีแดงฉานดั่งั์ตาของคนผู้นั้น
และััเรียบลื่นดุจผิวกายที่เขาเคยจินตนาการไว้ยามมองคนผู้นั้น
ฮิโนกิไม่ได้ตั้งใจจะขโมยผ้าไหม หากเ้าของหวนคืนกลับมาเขาก็จะส่งมอบมันกลับไป
แต่เพราะเ้าของไม่กลับมา ตอนนี้ฮิโนกิจึงนำมันมาโอบกอดต่างหมอนข้าง เฝ้านึกจินตนาการว่าสักวันก็จะมีของราคาแพงเช่นนี้เป็ของตน แล้วเมื่อถึงวันนั้นบางทีเขาอาจจะได้มีโอกาสพูดคุยกับคนผู้นั้นด้วยสถานะทัดเทียม
ไม่กี่ปีถัดมา ฮิโนกิถูกรับเข้าไปอยู่คฤหาสน์เบอร์ตินี มารดาที่เคยคิดว่าทิ้งหนีหายไปแล้ว ที่แท้ก็เป็ภรรยาน้อยของเ้าตระกูลผู้ร่ำรวย ชีวิตที่ถูกขังอยู่ในบ้านผุ ๆ พัง ๆ บนพื้นที่ฟาร์มอันกว้างใหญ่ เมื่อได้เข้ามาเมืองหลวง พักอาศัยในคฤหาสน์เบอร์ตินี ฮิโนกิก็คิดว่านี่คงเป็วิมาน์ที่ตนฝันถึงมาตลอด
โอเมก้าผู้นั้นก็คงอาศัยในคฤหาสน์สักแห่งของเมืองหลวง บางทีพวกเขาอาจจะได้เจอกันในสักวันหนึ่ง ถึงตอนนั้นฮิโนกิที่สวมใส่เสื้อผ้าหรูหรา เนื้อตัวสะอาดสะอ้านจะเดินเข้าไปทักทายอีกฝ่าย
คุณหนูครับ จำผมได้หรือเปล่า
ทว่าคฤหาสน์เบอร์ตินีไม่ใช่์อย่างที่เขาฝันถึง ที่นี่ประกอบด้วยสมาชิกครอบครัวขนาดใหญ่ มีบุตรที่เกิดจากภรรยาคนอื่นของเ้าตระกูลเบอร์ตินีหลายคน ใน่แรกคนพวกนั้นเริ่มจากการแสร้งเมินเฉย ทำราวกับฮิโนกิไม่มีตัวตนในคฤหาสน์ จวบจนเบื่อหน่ายกับการเสแสร้ง จึงเปลี่ยนมาเป็เหยียบย่ำรังแกคนที่มองว่าต่ำต้อยกว่าอย่างฮิโนกิ
ลูกโสเภณีสะเออะมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกฉัน ไม่ละอายใจเลยหรืออย่างไร
เลียมันให้หมด คนอย่างแกควรรู้คุณค่าของอาหารมากที่สุดสิ ตอนอยู่บ้านนอกได้ยินว่าใช้ชีวิตอย่างอด ๆ อยาก ๆ มากเลยไม่ใช่หรือ
หากเกิดเป็อัลฟ่า อย่างมากการอยู่ในบ้านหลังนี้ก็คงมีแค่ความกลัวเจ็บ กลัวตาย ทว่าพอเป็โอเมก้านอกจากการกลัวเจ็บ กลัวตาย ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่านั้น
นี่! จะเอาก็ให้มันเป็ที่เป็ทางหน่อย เกิดติดกามโรคจากมันขึ้นมา ฉันจะบอกคุณพ่อให้ไล่แกออกจากบ้าน
จนสารเลวผู้นั้นผละจากไปไกลแล้ว ฮิโนกิก็ยังคงหวาดกลัวจนตัวสั่น ต่อให้จะถูกเอ่ยวาจาเหยียดหยาม ถูกทำร้ายร่างกายหนักแค่ไหน ก็ยังไม่เคยมีครั้งใดที่ตนจะรู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้ คงนับว่าเป็โชคดีที่เขามีสถานะต่ำต้อยน่าสะอิดสะเอียนในสายตาพวกนั้น จึงทำให้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับขุมนรกที่ทรมานยิ่งกว่านี้
ฮิโนกิพลันนึกสมเพชตัวเอง ชีวิตเขามาถึงจุดที่คิดว่าการไม่ถูกข่มขืนเพราะตนเองถูกลดค่าให้ต่ำกว่าสัตว์นั้นนับเป็โชคดีงั้นหรือ
ครั้งหนึ่งฮิโนกิเคยถูกพวกเบอร์ตินีลงโทษที่ตนทำความสะอาดคฤหาสน์ไม่สะอาดด้วยการขังไว้ในห้องเก็บของแคบ ๆ ฝุ่นลอยฟุ้งไปทั่วห้องจนระคายทั้งจมูกและลำคอ แสงไฟส่องสว่างเพียงหนึ่งเดียวมาจากตะเกียงเ้าพายุที่ยังหลงเหลือในห้อง
ฮิโนกิค้นเจอหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ฉบับหนึ่ง ความหวาดกลัวและเงียบเหงาที่แล่นเข้ามาจับใจจึงนึกอยากหาอะไรทำ และในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์นั้นตนก็ได้พบกับดอกไม้งามที่เฝ้าถวิลหาอีกครั้ง
การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโนแมนแลนด์
พาดหัวข่าวขนาดใหญ่กำกับไว้ใต้รูปภาพของคนสองคนที่ยืนเคียงข้างกันภายในสถานที่หรูหราแห่งหนึ่ง แม้จะเป็เพียงภาพขาวดำแต่ก็ไม่ได้ลดทอนความเปล่งประกายทั้งคู่
หนึ่งอัลฟ่าหน้าตาหล่อเหลาภายใต้ชุดสูทประณีต และหนึ่งโอเมก้าผู้งดงามภายใต้ชุดเ้าสาว
ราวกับนี่เป็ภาพประกอบนิทานในตอนสุดท้ายที่เ้าหญิงเ้าชายได้ครองรักกันอย่างมีความสุข
ไฮยาซินท์ ลูเซียโน
ฮิโนกิไล่บรรจงอ่านชื่อที่กำกับไว้ในหนังสือพิมพ์ หัวใจภายในอกประเดี๋ยวก็พองโตด้วยความดีใจที่ได้รับรู้เื่ราวของอีกฝ่าย ประเดี๋ยวก็ฟีบลงเมื่อคิดได้ว่าตอนนี้เ้าหญิงได้เจอเ้าชายที่แท้จริงแล้ว
คล้ายกับว่าโลกของฮิโนกิจะขยับเข้าไปใกล้เมื่อได้รับรู้ตัวตนอันแสนยิ่งใหญ่ของโอเมก้าคนงาม ขณะเดียวกันระยะห่างก็ดูจะยิ่งห่างไกล ในขณะที่ตนติดอยู่ภายในห้องเก็บของชั้นใต้ดินที่ทั้งมืดและเหม็นอับ แต่อีกฝ่ายกลับได้ยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟและผู้คน
ริษยา ขณะเดียวกันก็หลงใหล
หากฮิโนกิมีโชค เกิดมาในตระกูลเช่นนั้นบ้าง พื้นที่ตรงนั้นบางทีอาจจะเป็เขา
เพราะเ้าตระกูลเบอร์ตินีรำลึกได้ว่ามีบุตรนอกสมรสที่ปล่อยทิ้งไว้อด ๆ อยาก ๆ อยู่ชนบท ฮิโนกิจึงได้เข้ามาที่คฤหาสน์หลังนี้ ทว่าท่าทีของเ้าตระกูลกลับไม่ได้รักใคร่ คะนึงหาในตัวบุตรชายผู้นี้เลย อีกฝ่ายจงใจหมางเมิน ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เขาไว้ในนรกราวกับว่าจะรอดหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับตน
เช่นนั้นแล้วทำไมต้องพาฮิโนกิกลับมาที่แห่งนี้ ไม่นานเขาก็ได้รับคำตอบของคำถาม ตระกูลเบอร์ตินีกำลังเข้าสู่ยุคตกต่ำ และการที่จะกอบกู้ตระกูลด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุดคือการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ และการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ที่ง่ายที่สุดคือการส่งคนไปเป็ ‘ภรรยาน้อย’
ภรรยาน้อยที่มีฐานะเป็เครื่องบำเรอกาม ไม่ได้รับการออกหน้าออกตาเฉกเช่นภรรยาหลวง
มารดาของฮิโนกิแม้จะไม่ใช่ผู้ปกครองที่ดีนักในบ้านหลังนี้ ลำพังยังเอาตัวเองไม่รอด แต่ฮิโนกิก็พอจะได้รับเศษความห่วงใยเล็ก ๆ น้อย ๆ จากหญิงสาวมาบ้าง ทั้งการช่วยเขาประวิงเวลางานแต่งออกไป หรือให้คำแนะนำเื่ที่จู่ ๆ ฮิโนกิก็พลันปรากฏเพศรองเพียวโอเมก้าเมื่อไม่นานมานี้
ทุกความลับไม่มีในโลก ฮิโนกิฮีตและพวกบุตรภรรยาหลวงทันทีที่ได้กลิ่นฟีโรโมนของฮิโนกิก็นำไปเปิดโปงให้เ้าตระกูลเบอร์ตินีรู้
วันนั้นเขาต้องหนีหัวซุกหัวซุน เพราะไม่อยากเป็เพียงสิ่งของที่ถูกขายเหมือนของเล่นราคาถูก ร่างกายอ่อนล้าจนแทบปางตาย แต่เขาก็ยังฝืนขาที่สั่นน้อย ๆ ให้พาร่างก้าวไปข้างหน้าต่อ หลีกหนีชะตากรรมที่ผู้อื่นกำลังยัดเยียด
ฮิโนกิไม่อยากเป็ภรรยาน้อยของใคร
ฮิโนกิไม่อยากเป็เพียงเพียวโอเมก้าทั่วไปที่มีสถานะแม่พันธุ์ หรือโสเภณีบนเตียง
ฮิโนกิอยากเป็ตัวเอกของโลกใบนี้
ฮิโนกิอยากเป็เ้าหญิงที่ได้ครองคู่กับเ้าชาย
ฮิโนกิอยากเป็อย่างไฮยาซินท์บ้าง
ลมหายใจหอบถี่ ปลายหนามแหลมบางอย่างกำลังเสียดแทงเข้ามาในปอด ในที่สุดเรี่ยวแรงก็หมดลง ฮิโนกิล้มลง นอนแผ่ที่พื้นอย่างสัตว์ใกล้ตายไร้ทางสู้ ่เสี้ยววินาทีก่อนสิ้นสติเขานึกถึงไฮยาซินท์ ่เวลาที่เคยนึกว่าอาจจะมีโอกาสได้พบไฮยาซินท์อีกครั้งที่นี่กลับกลายเป็เพียงภาพฝัน เมืองหลวงกว้างใหญ่เสียจนสามารถเว้นระยะห่างระหว่างโอเมก้าผู้แสนต่ำต้อยกับเ้าหญิงในปราสาทให้ไกลเสมือนอยู่คนละโลก
ทว่าเมื่อฮิโนกิลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ตนเองกลับได้พบกับคนที่ใฝ่หามาตลอด
“ขออภัย ฉันแค่มาดูอาการเพิ่มเติมไม่ได้มีเจตนาทำให้ใ”
เสียงพิณของออร์ฟิอุสกำลังบรรเลงมอบให้กับเขา
ทับทิมน้ำงามในดวงตาก็กำลังหลุบมองมาที่ใบหน้าเขา
“ที่นี่คือคฤหาสน์ลูเซียโน่”
ไม่ว่าจะโชคชะตา หรือประสงค์ของพระเ้า ฮิโนกิก็ได้มาปรากฏตัวในปราสาทของเ้าหญิงแล้ว
[1] ออร์ฟิอุส (Orpheus) – บุตรของเทพธิดาแคลลิโอฟี หนึ่งในเทพธิดามิวส์ทั้งเก้า ออร์ฟิอุสมีเครื่องดนตรีประจำกายคือพิณ (Lyrae) ซึ่งได้รับมาจากอะพอลโล ว่ากันว่าเสียงพิณที่ออร์ฟิอุสเล่นนั้นไพเราะขนาดที่สะกดให้ต้นไม้ก้อนหินร่ายรำ หรือทำให้สายน้ำไหลเปลี่ยนทิศทาง