ตกเย็นเซี่ยโม่นึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า
เซี่ยวฉางเซิงเจอเธอแล้ว พรุ่งนี้ต้องมาดักรออีกเป็แน่
เธอจะทำอย่างไรดี ดูจากนิสัยของอีกฝ่ายเมื่อชาติที่แล้ว พรุ่งนี้คงไม่แคล้วตามราวีเธอแบบวันนี้แน่นอน
ถนนดีๆ จากโรงเรียนประถมไปในตำบลมีแค่เส้นเดียว หากใช้เส้นทางอื่นก็ต้องอ้อมไปไกล ทั้งทางยังขรุขระไม่ดีเหมือนเส้นนี้
แล้วเธอก็คิดวิธีออก
พอคิดได้เธออดยกนิ้วชมตัวเองไม่ได้
เช้าวันต่อมาเซี่ยโม่ตื่นแต่เช้าเดินออกไปดูที่หน้าบ้าน วันนี้ยังคงไม่มีร่องรอยของแม่เสี่ยวเฮย
หลังจากไปตัดหญ้าแห้วหมูกลับลงมา เธอกับคนในบ้านกินข้าวเช้าด้วยกัน จากนั้นเธอพาน้องชายกับสือโถวไปส่งที่โรงเรียนประถม ออกจากโรงเรียนประถมมาได้พอประมาณ เซี่ยโม่ก็ขี่จักรยานเข้าไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ข้างทาง
พอเห็นว่าแถวนี้ไม่มีคน จึงขี่จักรยานเข้าไปในโกดังสินค้าเพื่อแต่งหน้า
ชาติที่แล้วสี่เวทมนตร์ทางความงามที่มีชื่อเสียงที่สุดในเอเชียแบ่งออกเป็ การศัลยกรรมตกแต่งของประเทศเกาหลี การแต่งหน้าเน้นการปกปิดของประเทศญี่ปุ่น การแปลงเพศของประเทศไทย และการแต่งหน้าแบบธรรมชาติของประเทศจีน
ชาติที่แล้วเธอเคยเรียนการแต่งหน้า เขียนคิ้วแค่ไม่กี่ทีก็สามารถทำให้คิ้วหนากว่าเดิมได้แล้ว ทั้งยังสามารถปรับรูปหน้าได้ตาม้าอีกด้วย
ยิ่งในโกดังสินค้ามีอุปกรณ์การแต่งหน้าและเครื่องสำอางมากมายด้วยแล้ว การเปลี่ยนสีผิวหน้าให้คล้ำขึ้นจึงไม่ใช่เื่ยากสำหรับเธอ
หลังจากแต่งหน้าเสร็จเธอหยิบหมวกทหารจากโกดังสินค้าออกมาสวม ม้วนผมเป็มวยแล้วยัดไว้ในหมวก จากนั้นเปลี่ยนไปสวมชุดทหาร
หากมองผ่านๆ เธอเหมือนผู้ชายที่ฝึกทหารอย่างหนักจนผิวคล้ำแดดไม่มีผิด
เธอยิ้มกับตัวเองอย่างพึงพอใจ ก่อนจะขี่จักรยานตรงไปที่โรงเรียนมัธยมในตำบล
เซี่ยโม่ปั่นจักรยานอย่างรวดเร็วเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไปกับการแต่งหน้าเมื่อครู่นี้ อีกอย่างคือกลัวว่า เกิดผู้ชายสารเลวคนนั้นจำเธอได้จะยิ่งทำให้เสียเวลา เธอเลยปั่นจักรยานอย่างเร็วรี่
แต่ถึงจะรีบเร่งเธอก็ไม่ลืมขี่หลบหลีกให้ผู้คนที่เดินสัญจรบนเส้นทาง
แล้วเธอก็ได้เจอกับเซี่ยวฉางเซิงจริงอย่างที่คาด
เซี่ยวฉางเซิงจอดจักรยานกลางถนน ใช้สองขายันกับพื้น มองตรงไปข้างหน้าด้วยสีหน้าโกรธแค้น
พอเห็นว่ามีคนกำลังขี่จักรยานตรงมา เขาเพ่งมองไป พบว่าคนที่กำลังผ่านทางไม่ใช่เซี่ยโม่แต่เป็ชายผิวดำคล้ำสวมชุดและใส่หมวกทหารคนหนึ่ง
สีหน้าเขาฉายแววผิดหวังก่อนจะเลื่อนสายตาไปข้างหลัง
เซี่ยโม่ขี่จักรยานเข้าไปใกล้จนสามารถมองเห็นสีหน้าผิดหวังของเซี่ยวฉางเซิงได้อย่างชัดเจน เธอลอบยิ้มในใจแล้วขี่จักรยานผ่านไป
รอจนใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียน เซี่ยวฉางเซิงก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเซี่ยโม่ ในใจคิดว่าหรือวันนี้นังนั่นจะไม่มาเรียน
ต้องเป็แบบนี้แน่นอน
เช่นนั้นพรุ่งนี้ค่อยมาดักรอใหม่ ถนนเส้นนี้เป็ถนนที่ดีที่สุด ถนนสายอื่นทั้งขรุขระและกันดาร เขาไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะใช้ถนนสายอื่นแทน
ทว่าเขามาดักรอทุกวัน แต่กลับไม่ได้เจอคนที่อยากเจอเลยสักวัน เห็นแต่ผู้ชายในชุดทหารสวมหมวกทหารขี่จักรยานผ่านมาเท่านั้น
รูปร่างของผู้ชายคนนั้นคล้ายกับเซี่ยโม่ เพียงแต่หน้าตาผิดกันไกล
การไม่เจอเซี่ยโม่ในหลายวันที่ผ่านมาทำให้เซี่ยวฉางเซิงยิ่งรู้สึกหงุดหงิด วันนี้ขณะที่ผู้ชายในชุดทหารกำลังขี่จักรยานผ่านไป เขาเลยยื่นมือไปดึงหมวกทหารของอีกฝ่ายออก
ทันทีที่หมวกหลุดจากศีรษะชายคนนั้น เส้นผมยาวสลวยก็ร่วงลงมาราวกับน้ำตก
ที่แท้คนคนนี้ไม่ใช่ผู้ชายแต่คือผู้หญิง
เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้หน้าตาน่าเกลียดอย่างมาก กรอบหน้าเหลี่ยม คิ้วดกหนา ผิวก็ดำคล้ำ
ผิดกับเซี่ยโม่ที่มีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ผิวก็ขาวเนียนน่ามอง
ช้าก่อน เขาแย่งหมวกอีกฝ่ายมาแบบนี้ ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่หือไม่อือสักคำ
ยุคนี้ใครที่มีหมวกทหารจะถือว่าสุดยอดมาก อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นเอาผมซ่อนไว้ในหมวกแกล้งปลอมตัวเป็ผู้ชายเพื่ออะไรกัน
เื่นี้น่าสงสัยอย่างยิ่ง แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
แม้จะกำลังเรียนหนังสืออยู่ในห้องเรียน เซี่ยวฉางเซิงก็ยังคิดถึงแต่เื่นี้
ทันใดนั้นเองเขาตบโต๊ะเสียงดังอย่างคนเพิ่งคิดอะไรได้ ทำไมสมองเขาถึงได้ช้าเช่นนี้ ผู้หญิงผิวคล้ำที่เจอคนนั้นแปดถึงเก้าส่วนต้องเป็เซี่ยโม่แน่นอน
เพราะเหตุนี้ตอนที่เขาแย่งหมวกมา อีกฝ่ายก็เลยไม่แย่งคืนกลับไป
รู้แบบนี้เมื่อเช้าแย่งจักรยานมาเสียก็ดี
พรุ่งนี้เช้าเขาจะพาเพื่อนไปดักรอแล้วแย่งจักรยานเซี่ยโม่มา ดูสิว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้จนมีสภาพน่าเวทนาอย่างไร
ยิ่งคิดใบหน้าเซี่ยวฉางเซิงก็ยิ่งยิ้มด้วยความถือดี
คุณครูที่สอนอยู่หน้าชั้นเรียนโมโหจะแย่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ นักเรียนคนนี้ถึงตบโต๊ะเสียงดังรบกวนเพื่อนนักเรียนคนอื่น ทั้งยังนั่งยิ้มเป็บ้าเป็หลังอีกต่างหาก
“เซี่ยวฉางเซิง ลุกขึ้นยืนเดี๋ยวนี้ ไปยืนสำนึกผิดตรงกำแพง ตัวเองไม่เรียนก็เื่ของเธอ ยังจะรบกวนเพื่อนคนอื่นไม่ให้เรียนไปด้วยอีก”
เซี่ยวฉางเซิงไม่ได้สนใจคุณครูที่สอนอยู่หน้าชั้นเรียนเลยสักนิด ยังคงยิ้มฝันหวานกับแผนการอันสวยหรูของตัวเอง
เซี่ยโม่ในเวลานี้มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง
เธอไม่รู้ว่าป่านนี้อีกฝ่ายจะจำเธอได้แล้วหรือยัง ตามหลักแล้วไม่น่าจะจำได้ แต่ชายสารเลวนั่นเห็นเธอตอนปลอมตัวทุกวัน อีกฝ่ายไม่ใช่คนโง่ดักดาน น่าจะระแคะระคายขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่อย่างนั้นคงไม่ดึงหมวกทหารของเธอออก
ชาติที่แล้วใกล้ๆ กับ่เวลานี้เธอมักได้ยินข่าวว่ามีคนถูกขโมยหมวกทหาร ตอนนั้นเธอไม่มีใช้กับเขา เลยไม่เคยรับรู้ถึงรสชาติของการถูกขโมยหมวกว่าเป็อย่างไร
นึกไม่ถึงเลยว่าได้กลับชาติมาเกิดใหม่ เธอที่สวมหมวกทหารเพื่อปลอมตัวจะถูกผู้ชายสารเลวคนนั้นดึงเอาไป
แม้ในโกดังสินค้าของเธอจะยังมีหมวกทหารอีกหลายใบ แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี
่พักระหว่างคาบใน่เช้า ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงประกาศดังมาตามสาย “นักเรียนเซี่ยโม่ชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งห้องหนึ่งมีพี่ชายมาหา กรุณาออกมาพบที่หน้าประตูโรงเรียนด้วย”
เซี่ยโม่มีสีหน้ามึนงง เธอไม่มีพี่ชายเสียหน่อย หรือว่าจะเป็พี่ซ่ง?
เธอรีบวิ่งไปที่หน้าประตูโรงเรียนด้วยความยินดี พอไปถึงพบว่าคนที่รอคือพี่ซ่งจริงๆ
“พี่ซ่ง พี่มาได้ยังไงคะ”
“่นี้ฉันเข้างานติดกันหลายวัน แต่เผอิญวันนี้ฉันมาทำธุระที่ตำบลพอดี ตอนแรกฉันกะว่าเที่ยงนี้จะชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน แต่นึกได้ว่าเธอต้องไปกินข้าวกับน้องชายก็เลยเปลี่ยนมาหาเธอ่เช้าแทน”
หลังคาบสอง่เช้าจะมีเวลาพักยี่สิบนาที เดิมทีจะมีกายบริหาร แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็ปล่อยให้นักเรียนทำกิจกรรมได้ตามอิสระแทน
แม้แต่เื่เล็กน้อยแค่นี้พี่ซ่งก็ยังทราบ
“พี่มีธุระอะไรเหรอคะ”
ซ่งมู่ไป๋หันไปมองรอบด้าน เมื่อเห็นว่าไม่มีคนจึงเอ่ยด้วยเสียงไม่ดังนัก “ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่คิดถึงเธอก็เลยมาหาเท่านั้น”
ใบหน้าเธอขึ้นสีแดงจางๆ ผู้ชายคนนี้นี่ ปกติมีท่าทางเ็า แต่พอจีบสาวขึ้นมากลับปากหวานเสียขนาดนี้
เซี่ยโม่มองไปรอบๆ ราวกับโจรก็ไม่ปาน พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ก็ยกมือลูบอกเพื่อให้ตัวเองลดความขัดเขิน “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว งั้นฉันกลับห้องเรียนก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป นี่เงิน” เขาพูดพร้อมกับยื่นธนบัตรสิบหยวนสองใบมาให้
“ได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“เนื้อกวางที่เธอให้มามีทั้งหมดสิบสองจิน[1] ขายไปจินละ 1.6 หยวน แค่นี้ไม่นับว่าเยอะหรอก”
เธอรับเงินก่อนจะกล่าวขอบคุณด้วยความซึ้งใจ “ขอบคุณมากค่ะ”
“เธอเคยบอกว่าพวกเราคือครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ แล้วจะเกรงใจอะไรกัน”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหยิบซาลาเปาซึ่งถูกห่อด้วยกระดาษไขออกมาจากในกระเป๋า
“ซาลาเปานี่ฉันเพิ่งซื้อมาจากร้านอาหารของรัฐ เธอกินรองท้องก่อนหนึ่งลูก ตอนทำอาหารเที่ยงให้น้องชายค่อยกินอีกลูก อย่าปล่อยให้ท้องหิวเพราะมัวแต่ทำอาหารให้น้องชายล่ะ”
เธอปลื้มใจยิ่งนัก พี่ซ่งดีกับเธอเหลือเกิน
ขอบตาเธอแดงเรื่อ “พี่ซ่ง พี่ทำแบบนี้จะทำให้ฉันเสียนิสัยได้นะคะ ถ้าหากวันหนึ่งพี่ไม่อยู่ ฉันจะทำยังไงคะ”
ซ่งมู่ไป๋มีสีหน้าขรึมลงก่อนจะเอ่ยว่า “แบบนี้อีกแล้ว คิดจะผลักไสฉันอีกแล้ว ฉันขอบอกเลยว่าไม่มีทาง แล้วเธอก็ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะหายไปด้วย จำเอาไว้ว่าไม่มีคำว่า ‘ถ้า’”
“ก็ได้ค่ะ พี่ซื้อซาลาเปามาให้ฉันตั้งหลายลูก พี่ไม่เก็บเอาไว้สักลูกเหรอคะ พวกเราแบ่งกันคนละลูกดีกว่าค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันกินแล้ว” ซ่งมู่ไป๋ตอบพลางส่ายหน้า
ชายหนุ่มพูดโกหก ปากแห้งเสียขนาดนั้นจะกินแล้วได้อย่างไร เธอพูดดุอย่างไม่จริงจังนัก “พี่โกหก จะกินหรือไม่กินคะ”
ชายหนุ่มยอมแพ้ในที่สุด “ก็ได้ งั้นพวกเรากินด้วยกัน”
--------------------------------
[1] จิน หนึ่งจินเท่ากับครึ่งกิโลกรัม
