ในคืนนั้นกลางดึกระหว่างที่มู่อวิ๋นจิ่นกำลังนอนหลับอยู่ ก็ได้ยินเสียงบางอย่างคืบคลานเข้ามาในห้องนางอีกครั้ง
มู่อวิ๋นจิ่นจุดโคมไฟขึ้น หรี่ตาเพ่งมอง พบว่าไม่ใช่แมลงสองตัวอย่างเมื่อคืน แต่เป็งูขาวที่กำลังเลื้อยแลบลิ้นเข้ามาใกล้
นางเกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียนขนลุกไปทั้งตัว คว้ากริชที่วางไว้ใต้หมอนขึ้นมา เพื่อรอฟันงูขาวเลื้อยขึ้นมาบนเตียง
“เพล้ง” ้าหลังคามีเสียงเหมือนหลังคาถูกเหยียบจนแตก
มู่อวิ๋นจิ่นใช้วิชาตัวเบาะโไปที่หน้าต่าง พุ่งตามออกไป
ระหว่างที่นางขึ้นไปบนหลังคา ได้พบคนในชุดดำกำลังะโไปด้วยความรวดเร็ว
มู่อวิ๋นจิ่นไม่รั้งรอแต่อย่างใดไล่ติดตามไปทันที
ในขณะเดียวกัน ฉู่ลี่ที่ได้ยินเสียงผิดปกติก็รีบออกมาจากในห้อง พอจะเห็นโคมไฟที่แขวนอยู่เปล่งแสง ทำให้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าได้ค่อนข้างชัด
ความรู้สึกของฉู่ลี่ััได้ถึงความผิดปกติ จึงเรียกเอ่ยเข้มขึ้น “ติงเซี่ยน”
ติงเซี่ยนรีบปรากฏตัวเบื้องหน้า โดยไม่ได้ััถึงความผิดปกติ “กระผมจะตามไปดูเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องแล้ว” ฉู่ลี่หยิบหยกประจำตัว ที่เรืองแสงได้ในยามค่ำคืน จนห้องสว่างไปทั่วราวกับกลางวัน
“หยกประจำตัวชิ้นนี้ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง ราวกับว่านับวันจะยิ่งสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ พ่ะย่ะค่ะ” ติงเซี่ยนเอ่ยขึ้นด้วยความประลาดใจ ชอบั้แ่ครั้งแรกที่ได้เห็นหยกชิ้นนี้ก็ไม่ได้สว่างมากมายขนาดนี้
บัดนี้ดูแล้วสว่างพอๆ กับโคมไฟสิบดวงเลย
ฉู่ลี่ไม่รอช้ารีบใช้วิชาตัวเบาไล่ตามไป
……
มู่อวิ๋นจิ่นไล่ตามคนชุดดำไปจนถึงนอกเมือง ด้วยความเร็วที่ไม่หยุดหย่อน จนใกล้คว้าตัวเขาได้
ดูจากข้างหลังและท่าทาง มู่อวิ๋นจิ่นมั่นใจด้วยสัญชาตญาณลูกผู้หญิง ว่าเบื้องหน้านางนั้นเป็สตรีแน่นอน
หรือจะเป็ฉินมู่เยว่?
พอมู่อวิ๋นจิ่นเห็นว่าไล่ตามไปเช่นนี้อาจจับไม่ได้ จึงคว้าเข็มที่ติดตัวขึ้นมา สะบัดพุ่งไปที่คนชุดดำเบื้องหน้า
ทว่าดูเหมือนคนชุดดำเตรียมการป้องกันมาล่วงหน้า จึงหลบหลีกได้หมด และส่งเข็มที่อาบยาพิษพุ่งใส่นางคืน
มู่อวิ๋นจิ่นก็สามารถหลบหลีกได้หมดเช่นกัน
พอไล่ตามกันมาถึงป่าไผ่ที่หนาแน่น คนชุดดำกลับลดความเร็วฝีเท้า เข้าไปหลบในนั้น
ในตอนนี้ล่วงเลยมาถึงยามจื่อสือ[1] นอกจากแสงจันทราแล้ว รอบข้างล้วนเป็ความมืดสนิท มู่อวิ๋นจิ่นตามเข้าไปในป่าไผ่ที่หนาแน่น เห็นต้นไผ่มีรอยฟันจำนวนมาก ดูแล้วลายตาไปหมด
“ฟึบ”
“ฟึบๆๆๆ”
จากนั้นทั่วสารทิศก็เต็มไปด้วยคนชุดดำนับมิหมดด้วยตาเปล่า พวกนั้นถือคันศรและง้างเล็งมาที่มู่อวิ๋นจิ่นทุกคน
ซวยแล้ว เสียรู้เข้าแล้ว!!!
มู่อวิ๋นจิ่นด่าตัวเองในใจ หมายจะหาช่องหนีเอาตัวรอดจากป่าไผ่ไปให้ได้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ นางจึงเลือกหยิบนกหวีดขึ้นมาเป่า
ชั่วพริบตาเดียว คนชุดดำที่ง้างธนูอยู่ ถูกองครักษ์ลับชุดม่วงปลิดชีพอย่างง่ายดายเพียงหนึ่งลมหายใจ
หัวหน้าองครักษ์ลับชุดม่วงกำลังจะไล่ตามเข้าไปด้านใน ทว่าหางตากลับเห็นฉู่ลี่ลอยลงมาจาก้า มองร่างที่ไร้ิญญาของเหล่าคนชุดดำ
“ซ่งกัว พระชายาอยู่ไหน?” ฉู่ลี่หันไปถามหัวหน้าองครักษ์ลับชุดม่วง
หัวหน้าองครักษ์ลับชุดม่วงซ่งกัวรีบคำนับ “พระชายาเข้าไปในป่าไผ่ กระผมกำลังจะตามเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”
ยังไม่ได้สิ้นเสียงตอบของซ่งกัวดี ฉู่ลี่ก็แวบเข้าไปด้านในปานสายลม
ระหว่างที่พวกเขาเตรียมตัวตามเข้าไป รอบด้านมีธนูระดมยิ่งสกัดข้างหน้าจากรอบทิศ พอหันไปดูให้ดีถึงกับต้องตะลึงตาค้าง
“เป็องครักษ์ลับชุดเขียว!”
พวกเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่พร้อมสังหารได้ทุกเมื่อ
……
มู่อวิ๋นจิ่นพยายามไล่ตามหาว่าคนชุดดำนั้นอยู่ที่ไหน ถึงเลือกใช้การฟังเพื่อแยกแยะทิศทางที่คนชุดดำนั้นหนีไป ทว่าใบไผ่ในเวลานี้ต่างลู่ลมพริ้วไหวจนกระทบการวิเคราะห์
ขณะนั้นเองมู่อวิ๋นจิ่นหยุดยืนอยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อนตัวไปไหน
นางหลับตาลง ทำใจให้สงบนิ่ง เพื่อแยกแยะเสียงจากทุกทิศ
ทันในนั้น มู่อวิ๋นจิ่นถึงกับต้องเบิกตาโพลงขึ้นทันใด!
สายลมที่พัดมาเป็ระรอกนั้นคือลมปราณที่สอดประสานกับใบไผ่นับมิถ้วน กำลังพุ่งโจมตีนางดั่งใบมีดที่แหลมคม
มู่อวิ๋นจิ่นใช้แส้หางหงส์ผสานลมปราณ ตวัดแส้ฟาดลงไปที่พายุใบไผ่ที่โหมกระหน่ำเข้ามาดั่งห่าฝน
นานมากแล้วที่นางไม่เคยใช้แรงมากขนาดนี้มาก่อน คืนนี้จะเล่นให้สนุกให้สาแก่ใจไปเลย
พอคิดมาถึงตรงนี้ มู่อวิ๋นจิ่นแสยะยิ้ม เผยแววตาพิฆาต กำแส้ในมือฟาดไปที่พายุใบไผ่ที่แฝงคนชุดดำไว้ข้างใน
“โอ๊ย……” คนชุดดำร้องเสียงต่ำขึ้น
ทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง มู่อวิ๋นจิ่นใเป็อันดับแรก จากนั้นหัวเราะเยาะออกมา “ฮ่าๆๆ คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงห้าจะซ่อนตัวได้ล้ำลึกขนาดนี้!”
คนชุดดำไม่สนใจสิ่งที่มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ย รีบเปลี่ยนแผนเป็หนีเอาชีวิตรอดไปก่อน
มีหรือที่มู่อวิ๋นจิ่นจะยอมโดยง่าย งูขาวในห้องเมื่อครู่ต้องเป็ฝีมือของนาง ส่วนเมื่อวานแมลงกู่ฉงก็ต้องเป็ฝีมือของนางเช่นกัน มิหนำซ้ำยังให้พลธนูซ่อนตัวเพื่อลอบสังหารนางอีก
ขืนยังไม่แก้แค้น องค์หญิงห้าคงทำอะไรตามอำเภอใจไปมากกว่านี้!
มู่อวิ๋นจิ่นฟาดแส้หางหงส์ออกไปเพิ่มขึ้น จนรัดที่เอวขององค์หญิงห้าฉู่ชิงเฉียง และสะบัดนางจนกระทบกับเหล่ากอไผ่เข้าอย่างหนัก กระอักเืล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ฉู่ชิงเฉียงถอดหมวกตาข่ายที่ปิดออก ฝืนพยุงตัวขึ้นมา มองด้วยสายตาเคียดแค้น “มู่อวิ๋นจิ่น นึกไม่ถึงว่าเ้าเป็วรยุทธ์?”
“รู้เขารู้เรา รบรอยครั้งชนะร้อยครั้ง แม้เื่ง่ายเช่นนี้เ้ายังไม่รู้ กลับริอาจลงมือเล่นงาน ใจช่างกล้าหาญเสียเหลือเกิน” มู่อวิ๋นจิ่นมองด้วยสายตาเหยีดหยาม น้ำเสียงดูแคลน
ฉู่ชิงเฉียงยกมือซับเืที่ปาก พร้อมสัพยอกกลับไป “เ้าคิดว่าคืนนี้ ข้าไม่ได้เตรียมแผนที่รัดกุมอย่างนั้นใช่ไหม?”
จากนั้นกระบองส่งสัญญาณสีแดง ปล่อยควันแดงพวยพุ่งขึ้นม้องนภาที่มืดสนิท จนสว่างวาบไปทั่ว
มู่อวิ๋นจิ่นมองดูเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยความสงบนิ่ง ปราศจากซึ่งความหวาดกลัวใดๆ
ในเวลานี้ มู่อวิ๋นจิ่นััได้ว่าด้านหลังมีคนปรากฏตัวขึ้น นางคิดว่าอาจเป็กำลังเสริมของฉู่ชิงเฉียง จึงตั้งตัวเตรียมพร้อมต่อสู้ แต่ว่ากลับได้ยินเสียงเยือกเย็นเรียกขึ้นจากด้านหลัง “มู่อวิ๋นจิ่น”
มู่อวิ๋นจิ่นใขึ้นมา ที่แท้ก็เป็ฉู่ลี่……
เมื่อหันหลังกลับไปมองเห็นเป็ร่างฉู่ลี่ตัวจริงกำลังกระหืดหระหอบ เขาสวมชุดคลุมบางเบาเพียงตัวเดียว เพราะออกจากจวนมาด้วยความรีบร้อน
มู่อวิ๋นจิ่นจึงขยับตัวเข้าไปใกล้ เอ่ยถามเสียงแ่เบา “เ้าแอบสะกดรอยตาม?”
“เปล่าเสียหน่อย” ฉู่ลี่ส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับเก็บหยกประจำตัวชิ้นนั้นก่อนพบหน้านาง
มู่อวิ๋นจิ่นกดเสียงให้ต่ำมากที่สุด “เ้ารีบกลับไปก่อน ทางนี้ฉู่ชิงเฉียงมีกำลังเสริม อีกเดี๋ยวต่อสู้กันจะไม่สะดวก หากนางรู้ว่าเ้ามองไม่เห็นในความมืดต้องซวยอย่างแน่นอน……”
พอฉู่ลี่ได้ยินกลับหัวเราะแห้งๆ หากให้เขากลับไปก่อนย่อมไม่ได้เห็นคนชุดดำ แต่ดูจากน้ำเสียงที่เปล่งก็พอคาดเดาได้ไม่ได้
สตรีผู้นี้ไม่รู้จะต่อว่าหรือชื่นชมดี เพราะในใจก็มีทั้งรักทั้งชัง
จู่ๆ มีลมโหมพัดกระหน่ำจากทั่วทุกสารทิศจนมู่อวิ๋นจิ่นผงะถอยหลังหนึ่งก้าว จนไหล่ชนไหล่กับฉู่ลี่แล้วยกมือขึ้นกุมกันและกันแแ่
“เ้ากลัวแล้วเหรอ?” ฉู่ลี่เห็นมือข้างนั้นสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น
“จะพูดอะไรล้อเล่นเช่นนี้ไม่ได้ ทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย ข้ากลัวแค่ว่าเ้าจะไม่สะดวกสำแดงฝีมือต่างหาก” มู่อวิ๋นจิ่นหยักคิ้วท้าทาย และััได้ถึงความอบอุ่นจากมือฉู่ลี่ กระทั่งจิตใจสงบเป็สมาธิอย่างมาก
จากนั้นเพียงชั่วครู่ มู่อวิ๋นจิ่นพบว่านางกับฉู่ลี่ถูกคนสวมชุดคลุมดำ ที่รูปร่างสูงใหญ่ล้อมไว้โดยรอบ
ลมที่พัดผ่านมาเต็มไปด้วยอารมณ์สังหารปกคลุมทั่วบริเวณ
“นักสังหารเชียนเย่จากอาณาจักรตงหลินนี่เอง พี่สาวห้าเก่งกาจไม่เบาที่เชิญมาได้” ฉู่ลี่เอ่ยปากดูแคลน
ฉู่ชิงเฉียงแสยะยิ้ม “น้องชายหก แผนการยิ่งใหญ่ของพี่ถูกพวกเ้าสองคนมองทะลุปุโปร่ง วันนี้เกรงว่ามิอาจให้พวกเ้ามีชีวิตต่อไปได้อีกแล้ว”
“แม้แต่จะเป็บุรุษที่มู่เยว่ชอบพลอ ก็มิอาจละเว้นนี้ได้”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินชื่อ “มู่เยว่” ขึ้นรีบเยาะเย้ยทันที จิตใจไร้ความหลวดกลัว แค่นักสังหารไม่กี่คน แต่คนอย่างนางกลับมีวิชาตำหนักหวงอวี่ทั้งหมดไว้ในมือแล้ว!
ห๊ะ?
แต่ทำไมแสงที่ข้อมือ กลับไม่เรืองแสงขึ้นด้วย?
หมดความศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเหรอ?
“ลงมือได้!” ฉู่ชิงเฉียงะโขึ้นสุดเสียง เพื่อจัดการให้สิ้นซาก
คนชุดดำที่อยู่รอบตัวตามเคยอาวุธในมือออกมา ขยับย่างเยื้องบีบใกล้มู่อวิ๋นจิ่นและฉู่ลี่
พอตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายที่คาดเดาไม่ได้ มู่อวิ๋นจิ่นกำมือฉู่ลี่แน่นขึ้น พร้อมกับเอ่ยขึ้นประโยค “ข้าจะลองรับมือดูก่อน เ้าอยากควักหยกประจำตัวออกมาเด็ดขาด ”
จากนั้นฉู่ลี่กระทืบเท้าด้วยความโมโห “ข้าจะปล่อยเ้าไปเผชิญหน้ากับภยันตรายเพียงผู้เดียวได้เช่นไร!”
ฉู่ลี่ฝืนยิ้มดึงนางมาหลบไว้ด้านหลัง ก่อนเอ่ยเสียงนิ่ง “เปิ่นหวงจื่อไม่จำเป็ต้องให้เ้ามาปกป้อง”
ห๊ะ???
มู่อวิ๋นจิ่นแอบด่าเขาในใจ ด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก
เมื่อเหลือบมอง เห็นฉู่ลี่กำลังรวมพลังลมปราณ จนเกิดเป็ลูกแก้วสีม่วงในฝ่ามือ สายตาเขาเปลี่ยนเป็เ็า ไร้ทั้งชีวิต
เสียงโอดครวญนักสังหารเชียนเย่และคนอื่นๆ ร้องระงมไปทั่ว ลูกแก้วสีม่วงที่มาจากฝ่ามือฉู่ลี่ถือเป็พลังลมปราณที่แข็งแกร่ง
เมื่อพลังลมปราณัักับพื้น ฝุ่นกลับลอยขึ้นเบื้องบน ตัดป่าไผ่ที่รกชัฏหายวับไปกับตาเกินครึ่ง
นักสังหารที่ถูกส่งมา ถึงกับร่วงหล่นลงพื้น และสิ้นใจจากนั้นทันที
“โอ้โห วิชาที่คุมวายุได้ ช่างร้ายกาจยิ่งนัก พอจะสอนข้าได้ไหม?” มู่อวิ๋นจิ่นถามฉู่ลี่ขึ้น
นักสังหารบางส่วนที่ยังมีลมหายใจต่างจัดกระบวนท่า ยกดาบในมือขึ้น เล่นงานกลับฉู่ลี่
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นคนพวกนั้นเคลื่อนไหวดั่งสายลม เหมือนเป็วิชาบางอย่าง ที่มิอาจััได้ถึงเสียงทำให้นางเกิดความลนลานขึ้น
ฉู่ชิงเฉียงยืนกอดอกมองดูอย่างสะใจ พร้อมกับกำกริชในมือพร้อมตลอดเวลา
ค่ำคืนนี้เป็โอกาสทองแล้ว ขอเพียงสังหารสองคนมีให้พ้นทางไปได้ วันข้างหน้าของนางจะไม่เหลือความกังวลใดติดต่อไป รอให้หรงิ่ได้ใต้หล้า ฉู่ชิงเฉียงก็จะได้เป็สตรีในใต้หล้าที่น่าเคารพที่สุด
[1] ยามจื่อสือ คือ ่เวลาั้แ่ 23.00-01.00 น.