หลงอวี้มองไปทางนั้น พบว่ามียอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นสองอยู่ทั้งหมดสี่คน กำลังพุ่งทะยานใส่หมาป่าฝูงใหญ่นั้น
ในนั้นมีลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้าชุดขาวอันงามสง่า ไป๋หัง ได้บุกเข้าไปในฝูงหมาป่าอย่างสง่างามราวกับเซียนโบยบินบนฟากฟ้า
คมกระบี่ฟาดฟัน พลัง์แผดพุ่ง มันคือเคล็ดกระบี่พลัง์ที่บรรลุขั้นสูงสุด!
กระบวนท่านี้เมื่อไป๋หังเป็ผู้ใช้ ก็ทรงพลังกว่าที่เจิ้งอีเจิ้นเคยใช้หลายเท่า
เพียงกระบี่เดียวก็สังหารหมาป่าได้หนึ่งตัว พลัง์อันน่าพรั่นพรึง ทำลายหมาป่าปราณหยินที่ยังไม่สามารถสร้างิญญาแท้ได้จนสลายหายไปในพริบตา!
“พลังของไป๋หังเป็ระดับิญญาแท้ขั้นสองสูงสุด แค่ฟาดฟันกระบี่เพียงครั้งเดียวก็มีอานุภาพทรงพลังมากกว่าการโจมตีเต็มกำลังของข้า!”
หลงอวี้รู้สึกพรั่นพรึงในใจ!
อีกคนหนึ่งนั้น เป็ชายในชุดแดง เขาก็คือจ้าวตำหนักน้อยแห่งตำหนักซ่อนอัคคี หั่วฝู่
ในดวงตาของหั่วฝู่ได้ปรากฏแววตาอันดุร้ายป่าเถื่อน ตัวเขาราวกับมีเปลวเพลิงอันร้อนแรงห่อหุ้มไว้ก็ไม่ปาน พุ่งเข้าไปในฝูงหมาป่าราวกับลูกไฟ
เพลิงพิโรธแผดเผา มันมีผลชนะทางพวกหมาป่าปราณหยินอย่างเห็นได้ชัด
หั่วฝู่เพียงสะบัดมือออกไป ะเิเพลิงอันร้อนแรงพลันปะทุ สังหารหมาป่าปราณหยินได้ทีเดียวหลายตัว ง่ายดายกว่าหลงอวี้
“แม้จะเป็วิชาะเิเพลิงพิโรธเหมือนกัน แต่พอหั่วฝู่ใช้แล้ว อานุภาพของมันก็ทรงพลังกว่าที่เซี่ยโฮ่วเทียนเจี๋ยใช้เยอะมาก”
หลงอวี้ที่ชมอยู่นั้นเริ่มเปรียบเทียบพลัง
“หากตอนนั้นข้าต้องสู่กับหั่วฝู่ เกรงว่าแค่เพียงกระบวนท่านี้อย่างเดียวก็สามารถต่อกรกับคู่ต่อสู้ระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่งได้พร้อมกันอย่างน้อยสามคนแล้ว”
หนึ่งปะทะสามก็ยังไม่เป็ปัญหาเลย!
แต่ผู้ที่โดดเด่นสะดุดตามากที่สุดบนลานประลองกลับไม่ใช่ไป๋หัง และไม่ใช่หั่วฝู่ด้วย แม้ทั้งสองจะสังหารหมาป่าปราณหยินได้ด้วยความเร็วสูงสุดขีดก็ตาม แต่ก็ยังเทียบกับอีกคนหนึ่งไม่ได้
คนผู้นั้น คือสาวน้อยผู้งดงามคนหนึ่ง นางสวมชุดสีดำที่แสดงให้เห็นถึงเรือนร่างอันน่าลุ่มหลง
สองมือขาวนวลดูอ่อนช้อย กำลังร่ายรำกระบี่สั้นสีชาดเล่มหนึ่งไปมาอย่างคล่องแคล่ว บนคมกระบี่มีประกายแสงสีขาวสว่างขึ้นมา
เมื่อร่างกายอันอ่อนช้อยงดงามของนางบิดตัวขยับ ก็จะมีลำแสงสีขาวหลายสายถูกยิงอย่างต่อเนื่อง ลำแสงสีขาวแต่ละสายนั้นสามารถสังหารหมาป่าปราณหยินได้ทันที!
เพียงแค่พริบตาเดียว ตรงจุดที่เงาร่างของนางเคลื่อนผ่าน หมาป่าปราณหยินก็จะถูกทำลายจนพินาศ กลายเป็เพียงปราณหยินลอยบนอากาศ
ภายใต้ปราณหยินอันเข้มข้น เรือนร่างอันสมบูรณ์แบบในชุดสีดำของนางที่ดูเลือนราง ยิ่งงดงามน่าหลงใหลกว่าเดิม แม้แต่ไป๋หังและหั่วฝู่ที่อยู่ใกล้ๆ ยังต้องชายตามองนางเป็พักๆ
“นั่นมันหลิ่วยวน”
หลิงหานเห็นว่าหลงอวี้มีสายตาตรวจสอบหญิงสาว จึงส่งเสียงแนะนำ
“หลิ่วยวน มีตำแหน่งในหอโฉมสะคราญทัดเทียมกับไป๋หัง นางมีพลังระดับิญญาแท้ขั้นที่สองสูงสุดเช่นกัน อีกทั้งยังถูกยกย่องว่าเป็ความหวังที่จะทำให้ตระกูลหลิ่วผงาดขึ้นด้วย เป็คนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลิ่วเลย!”
“หลิ่วยวน!”
หลงอวี้ขมวดคิ้ว
คนของตระกูลหลิ่วนี่มีอยู่ทุกที่จริงๆ ในเจ็ดสำนักลัทธิใหญ่แห่งอาณาจักรต้าถัง ที่สำนักน้ำแข็งเยือกก็มีหลิ่วิเฉิง ที่สำนักดาบสะบั้นก็มีหลิ่วเย่ แม้แต่ที่หอโฉมสะคราญก็ยังมีหลิ่วยวนด้วย
แต่หลิ่วยวนผู้นี้เป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลิ่ว!
‘ข้าจำได้ว่าที่เฟิงเหยานั้นบ้าคลั่งการฝึกฝนมากขนาดนี้ ก็เพราะสมัยเด็กนางเคยถูกคนคนหนึ่งรังแก รู้สึกว่าจะเป็เ้าหลิ่วยวนนี่มั้ง?’
หลงอวี้คิดในใจ จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปดูยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นสองคนสุดท้าย
คนผู้นั้นสวมชุดสีแดง รูปร่างผอมแห้ง สีหน้าดูเ้าเล่ห์มากมารยา หากดูผ่านๆ จะแยกไม่ออกว่าเป็ชายหรือหญิง!
เพียงแต่ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้กลับน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
เพียงอีกฝ่ายสะบัดมือ ก็จะมีใบไม้ดอกไม้มากมายปรากฏ ดอกไม้หนึ่งดอก ใบไม้หนึ่งใบ คมยิ่งกว่าใบมีดดาบ สามารถฆ่าหมาป่าปราณหยินได้อย่างง่าย
วิธีต่อสู้แบบนี้ หลงอวี้เคยเห็นมาก่อน!
“ฮวาปู๋เซี่ย”
หลงอวี้หรี่ตาลง เพียงครู่เดียวก็นึกถึงคนที่เขาฆ่าตายตอนที่อยู่ในป่าโสมโบราณ ฮวาอวิ๋นและฮวาชิง
วิชาที่สตรีร่างผอมแห้งฮวาอวิ๋นใช้ อย่างใบไม้เด็ดบุปผานั้น ไม่ใช่วิชาของสำนักน้ำแข็งเยือก แต่เป็วิชาประตระกูลของพวกนาง
ตอนนั้น เฟิงเหยาก็เคยเตือนหลงอวี้แล้วว่าพี่ชายของฮวาอวิ๋นและฮวาชิง ฮวาปู๋เซี่ย จะต้องไม่ยอมยกโทษให้เขาง่ายๆ แน่
ดูท่า เงาร่างของคนที่ดูไม่ชายไม่หญิงตรงหน้านี้ต้องเป็ฮวาปู๋เซี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ที่แท้ก็เป็ผู้ชายหรือ”
หลงอวี้เข้าใจเื่ราวแล้ว
หากไม่ใช่เพราะเฟิงเหยาเคยพูดไว้ หลงอวี้คงดูไม่ออกแน่ว่าเ้าฮวาปู๋เซี่ยนั่นมันเพศไหน!
แต่แน่นอนว่าจะเพศอะไรก็ไม่สำคัญ
เพราะสิ่งที่สำคัญคือเ้าฮวาปู๋เซี่ยนั่นมันแข็งแกร่งมากพอจะทัดเทียมกับยอดฝีมืออีกสามคนได้เลย
ไม่ว่าจะเป็ไป๋หัง หั่วฝู่ หลิ่วยวน หรือฮวาปู๋เซี่ย ในบรรดายอดฝีมือทั้งสี่คนนี้ ล้วนไม่ใช่ตัวตนที่หลงอวี้จะต่อกรได้เลย!
‘ดูท่าการแย่งชิงเศษชิ้นส่วนจันทราในครั้งนี้จะต้องยากลำบากแน่’
หลงอวี้คิดในใจ เพียงแต่ถอยกลับตอนนี้ไม่ได้แล้ว
ไม่ว่าจะแย่งได้หรือแย่งไม่ได้ก็ต้องลองดูก่อน!
ส่วนเื่ของฮวาปู๋เซี่ยนั้น หลงอวี้ก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไรขนาดนั้น แม้เขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ด้วยความสามารถของเขาการจะรักษาชีวิตไว้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
เมื่อยอดฝีมือสุดแกร่งงทั้งสี่คนลงมือพร้อมกัน เพียงพริบตาเดียวก็สามารถบุกทะลวงฝูงหมาป่าปราณหยินนับร้อยตัวจนแตกกระเจิง
เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ หมาป่าปราณหยินกว่าสามสิบสี่สิบตัวถูกทำลายจนสลายกลายเป็ปราณหยินลอยละล่องไปในอากาศ
“จังหวะนี้แหละ พวกเรารีบไปกันเร็ว!”
หลงอวี้โบกมือ บอกให้หลิงหาน หลิงอีเยว่และหลู่กวนิพากันบุกฝ่าออกไป เตรียมทะลวงเขตพื้นที่ข้างหน้า
ตอนที่ฝูงหมาป่าถูกยอดฝีมือสุดแกร่งทั้งสี่บุกโจมตีจนแตกกระเจิง จุดที่เศษชิ้นส่วนจันทราจะปรากฏก็อยู่ห่างไปไม่ไกลมากแล้ว
มันเป็หลุมลึกที่มีูเาล้อมรอบทั้งสี่ด้าน มีเส้นทางหลายสายที่ผ่านเข้าไปภายในนั้นได้ เส้นทางที่หลงอวี้กับพรรคพวกทั้งสี่เลือกเดินตอนนี้คือเส้นทางสายที่สั้นที่สุด
หลังผ่านไปราวๆ หนึ่งก้านธูปมอดดับ ในที่สุดทั้งสี่คนก็เข้าใกล้หลุมลึกที่ว่านั่น
หากมองจากตรงทางเข้าจะมองเห็นทิวทัศน์ภายในหลุมลึกได้ทั้งหมด เมื่อหลงอวี้มองเข้าไปก็พบว่าหลุมลึกนี่มีขนาดพอๆ กับคฤหาสน์ตระกูลเฟิงเลย จากฝั่งนี้ไปฝั่งอีกฝั่งมีระยะห่างนับร้อยจ้าง
แต่ภายในหลุมลึกกลับไม่มีหมาป่าปราณหยินอยู่เลย มีแค่ปราณหยินเข้มข้นที่พวยพุ่งมาจากใต้พื้นเท่านั้น ทำให้มองไม่เห็นสภาพภายในกับฝั่งตรงข้ามของหลุมลึกได้เลย
“มีคนอยู่ข้างในนี้แล้ว”
หลิงหานขมวดคิ้วขึ้น
“ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ั้แ่เกิด จึงมีััไวต่อปราณหยินมากเป็พิเศษ ภายในหลุมลึกตอนนี้มีกลุ่มคนอยู่สามกลุ่ม”
“บอกได้ไหมว่าเป็ใคร?”
หลงอวี้เอ่ยถาม
หลิงหานััไวต่อปราณหยินเป็อย่างมาก ซึ่งนับว่าเป็ข่าวดี อย่างน้อยก็ทำให้พวกเขาได้เปรียบในการแย่งชิงเศษชิ้นส่วนปราณหยินมากกว่าคนอื่น
“ไม่ได้ ข้าััได้แค่ว่า มีคนอยู่ในนี้ทั้งหมดห้าคน ยืนแยกกันอยู่สามฝั่ง พวกมันเข้าไปในหลุมลึกได้แล้ว”
หลิงหานพูด
ห้าคน แบ่งเป็สามฝั่ง?
หลงอวี้ขมวดคิ้ว เดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็ใคร
“พวกเ้ารออยู่ที่นี่อย่าไปไหน ข้าเข้าไปดูลาดเลาก่อน หากมีอะไรผิดปกติ พวกเ้าต้องรักษาชีวิตตัวเองเป็อย่างแรก!”
พอเขาพูดจบก็ะโเข้าไปในหลุมลึกทันทีโดยไม่รอคำตอบจากพวกหลิงหาน!
เงาร่างของเขานั้นถูกปราณหยินอันเข้มข้นบดบังจนหายไปในจากสายตาของพวกหลิงหานในพริบตา ทำให้ทั้งสามรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เ้าหมอนี่ดันทิ้งพวกเขาไว้แล้วเข้าไปเองเสียแล้ว!
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมรู้ว่าหลงอวี้คิดอะไรอยู่ ถึงอย่างไรผู้ที่มาชิงเศษชิ้นส่วนจันทราก็ล้วนเป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ทั้งสิ้น อีกทั้งยังมีตัวตนระดับิญญาแท้ขั้นสองอย่างไป๋หังหรือหลิ่วยวนอยู่ด้วย
พวกเขาที่มีวิถียุทธ์เพียงขั้นแปดสองคนกับขั้นหกอีกหนึ่งคนนั้น หากเกิดการปะทะกับพวกนั้น อาจถูกฆ่าตายโดยไม่ทันรู้ตัวก็เป็ได้!
แต่ว่า ลำพังหลงอวี้ที่มีวิถียุทธ์ขั้นเก้าเพียงคนเดียว จะรับมือกับเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายและ่ชิงเศษชิ้นส่วนจันทรามาได้จริงๆ หรือ?
ครั้งนี้ ต่อให้เป็หลู่กวนิที่เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของหลงอวี้ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ!
...........
หลังจากหลงอวี้ะโเข้าไปในหลุมลึก ปราณหยินอันเข้มข้นก็ได้เข้าปกคลุมไว้ในทันที
เขามองเห็นแค่เพียงทิวทัศน์ในรัศมีสิบจ้างรอบตัวเท่านั้น ไกลจากนี้มองเห็นแค่ปราณหยินอันมืดทะมึนที่บดบังทัศนวิสัยของเขาเท่านั้น
มีเสียงฝีเท้าดังในหูเขาอย่างต่อเนื่อง เขาจึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังต้นเสียง
“ต้วนมู่ฉงหลง หยางเทียนชั่ว!”
ไม่นานหลงอวี้ก็มองเห็นเงาร่างสองสายตรงหน้าของเขา หนึ่งในนั้นเป็ชายชุดขาวที่ดูเคร่งขรึม จะเป็ใครได้นอกจาก หยางเทียนชั่ว ที่เคยข่มขู่หลงอวี้
ส่วนอีกคนเป็ชายชุดสีเขียวที่มีท่าทางหยิ่งผยอง สีหน้าดูสบายอารมณ์ไร้ความกังวล เขาคือยอดฝีมือระดับพิเศษอันดับสี่ ต้วนมู่ฉงหลง ที่มีพลังระดับิญญาแท้ขั้นหนึ่งนั่นเอง!
หลงอวี้มองปราดเดียวก็เห็นทั้งสองคนนั้น แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ย่อมต้องเห็นหลงอวี้ด้วย
“ฮ่าฮ่า ที่แท้ก็เ้าหมอนี่เองหรือ แถมยังมาคนเดียวด้วย ช่างเป็เื่ที่น่ายินดีมากจริงๆ!”
ต้วนมู่ฉงหลงหัวเราะเสียงดัง
“หยางเทียนชั่ว เ้าว่า พวกเราฆ่ามันั้แ่ตอนนี้ดี หรือว่าจะเห็นแก่ความเป็ศิษย์ร่วมสำนักแล้วยอมปล่อยมันไปดี?”
“มันมาเพื่อแย่งชิงเศษชิ้นส่วนจันทรา ในเมื่อได้เจอมันแล้ว ทำไมไม่จัดการมันก่อนเลยล่ะ?”
หยางเทียนชั่วพูดอย่างเคร่งขรึมเ็า ราวกับไม่รู้สึกอะไรกับการที่หลงอวี้ที่มาจากลัทธิเดียวกันแม้แต่น้อย!
“ข้าก็คิดเช่นนั้น”
ต้วนมู่ฉงหลงมองหลงอวี้อย่างดูแคลน
“มีพลังแค่ระดับวิถียุทธ์ขั้นเก้า บังอาจคิดจะมาชิงเศษชิ้นส่วนจันทรา เป็เ้าเองที่รนหาที่ตาย โทษข้าไม่ได้นะ!”
หลังสิ้นเสียงแล้ว เขาพลันก้าวเข้าหาหลงอวี้ทันทีอย่างไร้ความลังเล
“หมัดะเืิญญา!”
ต้วนมู่ฉงหลงแผดเสียงตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด หนึ่งหมัดชกหมายจะทำให้ิญญาของหลงอวี้สั่นะเื!
นับั้แ่ที่หลงอวี้เห็นเ้าสองคนนี้เขาก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว พอต้วนมู่ฉงหลงบังอาจลงมือจริงๆ เขาก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด
“ต้วนมู่ฉงหลง เ้ากล้าทำเื่ต่ำทรามอย่างการฆ่าศิษย์ร่วมสำนักจริงๆ รึ!”
หลงอวี้กระแทกเสียงเ็า ถือหอกยาวไว้ในมือ ใช้เงาหอกกระหน่ำแทงไปพร้อมกับมหาพลังสยบฟ้า!
ในเมื่อต้วนมู่ฉงหลงไร้ความปรานี อย่างนั้นหลงอวี้ก็ไม่จำเป็ต้องออมมือด้วยเช่นกัน
เ้าคิดฆ่าข้า ข้าก็จะตอบโต้ ศัตรูระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่ง หลงอวี้เคยฆ่าตายมาหลายคนแล้ว!
