เฉินเฟิงพูดไม่ออกที่หลิ่วอีอีหวาดระแวงเขาแบบนี้
ไม่ต้องพูดถึงเื่เขามีความรู้สึกหลงเหลือให้จ้าวฉินเสวียหรือเปล่า เพราะต่อให้เขามีจริง ยังไงเขาก็ไม่แสดงให้ใครเห็น
"อย่าปฏิเสธเลยน่า แทนที่ฉันต้องคอยหวาดระแวงว่าคุณจะแอบมีอะไรลับหลังฉัน สู้ยอมให้คุณ..." หลิ่วอีอียังไม่จบ เธอยังยืนยันคำเดิม
"คุณคิดมากเกินไปแล้ว ฉันไม่สนใจอะไรเธอจริงๆ" เฉินเฟิงก็ยืนยันคำเดิม แถมยังประกาศกร้าวต่อหน้าเธอด้วยว่า ยังไงก็ไม่สนใจจ้าวฉินเสวีย
ถึงเวลาต้องจัดการกับความอวดดีของจ้าวฉินเสวียสักที ไม่อย่างนั้นเธอคงคิดว่าผู้ชายทั้งโลกต้องกระดิกหางตามใจเธอ แม้คนที่เธอฝากรอยแผลบาดลึกไว้ยังต้องกลับไปหาเธอราวกับม้าแก่กลับคอก
เฉินเฟิงไม่้าให้เื่แบบนั้นเกิดขึ้น!
ต้องทำให้มั่นใจว่าจ้าวฉินเสวียจะไม่ก่อปัญหาอะไรในตอนที่เธอกลายเป็พนักงานต้อนรับในบริษัทของเขาแล้ว
มาตรฐานเขาไม่ได้ต่ำตมถึงขนาดจะยอมกลับไปกระดิกหางตามจ้าวฉินเสวียที่เคยทำร้ายเขาอย่างรุนแรง ถ้าเขายังมีใจจะตามใครตื๊อใครสักคน สู้เขาตามตื๊อผู้หญิงสวยๆ คนอื่นดีกว่า
ในเมื่อเขามีเงินมีความมั่งคั่งขนาดนี้ ผู้หญิงแบบไหนที่เขาจะตามจีบไม่ได้?
ทำไมต้องผูกตัวเองไว้กับต้นไม้เหี่ยวเฉาใกล้เน่าอย่างจ้าวฉินเสวียด้วย?
ยิ่งกว่านั้น
เื่พรหมจรรย์อาจไม่ใช่เื่จริงด้วยซ้ำ
ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงแบบนี้ด้วยจะเป็การดีที่สุด
พยายามใช้เธอทำเงินให้สุดทาง ที่เหลือก็แค่อย่าไปเกลือกกลั้วกับเธอมากก็พอ
เฉินเฟิงมีแผนการอันสมบูรณ์แบบสำหรับอนาคตข้างหน้าเป็ที่เรียบร้อย และแผนที่ว่าไม่เคยมีจ้าวฉินเสวียรวมอยู่ด้วย
หลิ่วอีอียิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่ตอบรับคำยั่วยวนของเธอ
"งั้นไปกันเถอะ พอรับทะเบียนสมรสแล้ว พวกเราก็รีบไปดูบ้านกัน"
"ไม่ต้องรีบ บ้านมันก็อยู่ที่เดิมรอเราไปซื้อนั่นแหละ ไม่หนีไปไหนหรอก ฉันอยากไปธนาคารก่อน" เฉินเฟิงตอบด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงไม่สนใจใยดีอะไรเธอ จ้าวฉินเสวียก็ยืนนิ่งด้วยความเศร้าสร้อย
เธอรู้สึกเสียใจที่พูดแทงใจดำเฉินเฟิง หากเธอไม่พูดถึงรถเฟอร์รารีกับฮูอวี่เมื่อกี้ ตอนนี้เธอคงอยู่บนรถฮงฉีของเฉินเฟิงแล้ว
หลังจากนั้น เฉินเฟิงและหลิ่วอีอีก็ขับรถมุ่งหน้าสู่ธนาคาร ICB ในตัวเมือง พวกเขาหาได้สนใจจ้าวฉินเสวียแม้แต่น้อย
เฉินเฟิงนำสัญญาและเอกสารการโอนหุ้นทั้งหมดขึ้นรถ เขาวางแผนจะใช้สัญญาเหล่านี้ยื่นขอสินเชื่อจากธนาคาร
ตราบเท่าที่มีเงินทุนในมือเพียงพอ เขาจะทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะซื้อบ้าน เข้าซื้อกิจการเก่าๆ หรือกว้านซื้อหุ้นบริษัททองคำ
อย่างไรก็ตาม ในอดีตชาติ เฉินเฟิงไม่เคยขอสินเชื่อจากธนาคารมาก่อน การขอสินเชื่อครั้งนี้ถือเป็ครั้งแรกในทั้งสองชาติของเขา เขาจึงคิดไปเองว่าการขอสินเชื่อเป็เื่ง่ายกว่าที่ควรจะเป็
พนักงานสินเชื่อที่เห็นท่าทางไม่ประสีประสาของเฉินเฟิงก็ยิ้มเยาะเขา
"นี่คือเคาร์เตอร์ยื่นสินเชื่อ หากคุณลูกค้า้าฝากหรือถอนเงิน กรุณาไปเคาน์เตอร์อื่นค่ะ"
เฉินเฟิงวางสัญญาการโอนหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของทั้งเฉียนต๋าและปี้หลงเยี่ยนลงตรงหน้า
"เบิกตาดูดีๆ ผมมาขอสินเชื่อ" น้ำเสียงเฉินเฟิงเย็นเยียบ
พนักงานรีบก้มหัวขอโทษหลังจากตรวจสอบสัญญาของเฉินเฟิงอย่างละเอียด
"คุณน่าจะเป็ลูกค้า VIP ชั้นสูงสุด ดิฉันไม่มีสิทธิ์ดำเนินการสัญญาฉบับนี้ กรุณารอสักครู่ ผู้จัดการสาขาจะเป็คนช่วยคุณทำเื่ต่อจากนี้เองค่ะ" น้ำเสียงฟังดูประจบประแจงขึ้นทันใด
เฉินเฟิงคาดไม่ถึงว่าธนาคารจะมีพนักงานมารยาททรามแบบนี้
พนักงานเห็นเฉินเฟิงแต่งตัวเรียบๆ บวกกับดูอายุน้อย คงไม่คิดว่าเขามีปัญญามาขอสินเชื่อ แต่พอเห็นเื่กลายเป็แบบนี้ คงกลัวถูกเฉินเฟิงร้องเรียนเลยรีบกระดิกหางเข้ามาเลียขา เสิร์ฟเครื่องดื่ม ก้มหัวขอโทษขอโพย รอผู้จัดการสาขามารับเื่ต่อ
รอได้ไม่นาน เฉินเฟิงเห็นสหายเก่าเดินเข้ามาหาเขา ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็ผู้เฒ่าหวังนั่นเอง
ด้านข้างเขามีพนักงานหญิงรูปร่างสูงโปร่งสวมชุดเครื่องแบบพนักงาน
เฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเธอปรากฏตัวขึ้นที่นี่
สาวสวยหุ่นดีคนนี้จะเป็ผู้จัดการธนาคาร ICB ที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้ได้อย่างไร
"คุณพ่อบุญธรรม คุณเพิ่งยื่นขอสินเชื่อเสร็จเหรอครับ?"
เฉินเฟิงรู้ว่าเฉียนต๋ากรุ๊ปกำลังประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้ต้องมีการยื่นขอสินเชื่อเป็ประจำ
ในยุคนี้สมัยนี้บ้านและที่ดินขายไม่ง่าย ส่วนห้างสรรพสินค้าพลาซ่าหลายแห่งในเครือเฉียนต๋ากรุ๊ปยังไม่ทำกำไร
ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ทุกคนต่างผ่านเื่ราวการต่อสู้ที่ยากลำบากเช่นนี้เหมือนกันหมด
ไม่มีใครประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืน
ยกเว้นเฉินเฟิง เพราะเขากลับชาติมาเกิดในชาตินี้
ฝั่งผู้เฒ่าหวังรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเฉินเฟิง แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นสัญญาในมือก็รู้ทันที
ลูกบุญธรรมแสนรู้คนนี้คงมีแผนจะยื่นขอสินเชื่อเพื่อนำเงินไปลงทุนทำกำไร
"เฉินเฟิง แกนี่กล้าจริงนะ สัญญาเพิ่งตกถึงมือไม่ทันไร ก็เอามาจำนองกับธนาคารซะแล้ว" ผู้เฒ่าหวังแซว
"ผมก็เรียนรู้จากคุณพ่อบุญธรรมนั่นแหละครับ ผมรู้ว่าคุณพ่อเป็ขาประจำของธนาคาร ยิ่งขอสินเชื่อได้เยอะก็ยิ่งเป็คนใหญ่คนโต" เฉินเฟิงพูดคุยกับผู้เฒ่าหวังอย่างเป็กันเอง
จังหวะนั้นพนักงานสาวหุ่นดีจึงเริ่มทำการแนะนำตนเอง
"สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ากำลังยื่นเื่ขอสินเชื่ออยู่หรือเปล่าคะ? แต่จากหนังสือสัญญาเห็นได้ชัดว่าการกระทำนี้ขัดกับข้อตกลงที่คุณลงนามไว้ทั้งสองฉบับ จากทั้งสัญญากับเฉียนต๋ากรุ๊ปและปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ป"
พนักงานไร้มารยาทคนก่อนหน้าคงอธิบายรายละเอียดของเฉินเฟิงให้พนักงานสาวหุ่นดีคนนี้ฟังแล้ว
"ไม่ทราบว่าคุณเป็ใครครับ? ผมไม่เคยเจอคุณมาก่อน" เฉินเฟิงเหลือบมองพนักงานสาวโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
"ฮ่า ให้ฉันแนะนำตัวกันสักหน่อย ทางนี้คือเฉินเฟิง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ลำดับที่สองของเฉียนต๋ากรุ๊ป และมีสถานะเป็ลูกบุญธรรมฉันด้วย เฉินเฟิง ทางนี้คือคุณหลี่ชิงเจา ผู้จัดการธนาคาร ICB สาขาเมืองโม๋ตูแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็ผู้สร้างชื่อเสียงมากมายให้ธนาคารแห่งนี้ั้แ่รับ่มาเมื่อครึ่งปีก่อนด้วย" ผู้เฒ่าหวังส่งเสียงหัวเราะและเริ่มแนะนำให้สองฝ่ายให้รู้จักกัน
"คุณพ่อเอาอาคารร้างกับที่ดินที่เพิ่งซื้อมาจำนองใช่ไหมครับ?" ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า ผู้เฒ่าหวังกำลังจำนองทุกอย่างในมือเพื่อกู้ยืมเงินจากธนาคารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"แกก็เหมือนกันนั่นแหละ แต่แกมาช้าไปหน่อยนะ สินเชื่อเงินกู้สำรองของธนาคารก็อยู่กับฉันหมดแล้ว" ผู้เฒ่าหวังพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เหมือนอยากเห็นท่าทางผิดหวังของเฉินเฟิง
"อ้อ ครับ แต่ผมก็ไปยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอื่นได้ เมืองโม๋ตูเราตั้งใหญ่ ธนาคารก็มีตั้งหลายเ้า ทำไมผมจะยื่นเื่ไม่ได้?" น้ำเสียงเฉินเฟิงเรียบนิ่งดูไม่ใส่ใจ
ได้ยินเช่นนี้ ผู้เฒ่าหวังก็หัวเราะอีกครั้ง
"แกคงยื่นเื่ขอสินเชื่อครั้งแรกสิท่า ทำเื่ยื่นขอสินเชื่อไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ ฉันว่าแกควรทำความรู้จักกับผู้จัดการสาวสวยคนนี้ให้มากๆ แล้วอีกไม่กี่วันค่อยกลับมายื่นเื่ใหม่ เพราะยังไงธนาคาร ICB ก็เป็ธนาคารที่มีเงินสำรองมากที่สุด ถ้าเป็ธนาคารอื่นคงไม่มีเงินให้แกกู้ขนาดนั้นหรอก"
