เดิมทีม่อหลิงหานกลับไปที่เรือนหานโยวแล้ว แต่เมื่อเอนกายลงบนเตียง จะอย่างไรก็ไม่อาจข่มตาหลับได้ด้วยอยากรู้ว่า ยามนี้เยว่เฟิงเกอกำลังทำอะไรอยู่ เข้านอนแล้วหรือไม่?
แต่เมื่อเขาเข้ามาในเรือนเยว่เหยา กลับได้ยินเสียงพูดคุยของเยว่เฟิงเกอดังมาจากในสวน
เสียงนางเหมือนกำลังคุยกับใครอยู่ มิหนำซ้ำยังหัวเราะด้วยเสียงสดใสอีก
ม่อหลิงหานสีหน้าเ็า เดินก้าวยาวๆ เข้าไปในสวน
เดิมเขาคิดว่าที่นี่จะต้องมีคนอื่นอยู่ด้วยแน่ แต่เมื่อเข้ามาแล้วกลับเห็นเพียงเยว่เฟิงเกอตัวคนเดียวกำลังนั่งหันหลังให้เขา
ม่อหลิงหานมองไปรอบด้าน ที่นี่ไม่มีร่องรอยของผู้อื่นอยู่เลย
และเมื่อเสียงของเขาดังขึ้น เยว่เฟิงเกอถึงได้หันศีรษะมาด้วยสีหน้าท่าทางแปลกประหลาดใจ
จิ๋วปิ่งเองที่เดิมยังซุกอยู่ในอ้อมแขนนางก็ะโลงพื้น วิ่งหนีไปไม่เห็นฝุ่น
เยว่เฟิงเกอถามด้วยความแปลกใจ “ท่านอ๋องมาได้อย่างไร? ”
ยามนี้ดึกมากแล้ว เหตุใดม่อหลิงหานถึงมาที่เรือนเยว่เหยา หรือจะมาค้างแรมที่นี่?
ม่อหลิงหานไม่เห็นจิ๋วปิ่ง เขายังคงมีสีหน้าเ็าขณะเดินมาตรงหน้าเยว่เฟิงเกอ
“เมื่อครู่พระชายาสนทนากับผู้ใดอยู่? ” ไม่อาจปล่อยให้สตรีนางนี้คลาดสายตาได้เลยจริงๆ
เยว่เฟิงเกอไม่คิดปิดบัง จะอย่างไรจิ๋วปิ่งก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อไป ดังนั้น ช้าเร็วม่อหลิงหานก็ต้องรู้อยู่ดี
นางกล่าวตอบ “เมื่อครู่ข้ากำลังสนทนากับแมวตัวหนึ่งอยู่ เขามีนามว่าจิ๋วปิ่ง เป็เ้าแมวตัวน้อยที่น่ารักน่าชังยิ่ง”
เมื่อได้ยินเยว่เฟิงเกอบอกว่านางกำลังสนทนากับแมวอยู่ อีกทั้งเขายังตาแหลมสังเกตเห็นเส้นขนสีขาวบนตัวนาง ความอัดอั้นในใจทั้งหลายถึงได้คลายลง
“กับแมวตัวหนึ่งมีอะไรให้สนทนากัน สู้พระชายาสนทนากับเปิ่นหวางไม่ได้หรอก” ม่อหลิงหานพูดพลางนั่งลงข้างกายเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอคิดว่านี่เป็โอกาสที่ดีในการเอาอกเอาใจม่อหลิงหาน ขอแค่เขาพอใจ ภารกิจนางก็จะสำเร็จ
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าเยว่เฟิงเกอก็ปรากฏรอยยิ้ม
ทว่า เพียงม่อหลิงหานเห็นนางยิ้มอย่างโง่งม เขาก็พอจะเดาได้ว่านางคงมีแผนการอะไรอีกแล้ว
“ฮิฮิ วันนี้ท่านอ๋องคงเหนื่อยแย่แล้วกระมัง ให้หม่อมฉันนวดไหล่ให้พระองค์เถอะ” เยว่เฟิงเกอพูดพลางยืนขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังของม่อหลิงหาน เริ่มทุบไหล่ให้เขา
“หึ ทำดีหวังผล” ม่อหลิงหานกล่าวเสียงเ็า ทำให้เยว่เฟิงเกอถึงกับมือค้างอยู่ในอากาศเป็นานก็ยังไม่มีท่าทีจะทุบไหล่ให้ต่อ
เยว่เฟิงเกอจ้องศีรษะม่อหลิงหานด้วยสายตาดุร้าย ตอนนี้นางอยากจะปล่อยหมัดออกไปให้เขาได้รู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของนางจริงๆ
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม
“ท่านอ๋องตรัสอันใดกัน หม่อมฉันเป็ห่วงที่พระองค์ต้องทำงานเหนื่อยยากจากใจจริง จึงตั้งใจไม่หลับไม่นอน มารอพระองค์อยู่ที่นี่”
ยามที่เยว่เฟิงเกอกล่าววาจา มือที่ทุบไหล่ให้ม่อหลิงหานอยู่ก็ยิ่งลงน้ำหนักเพิ่มขึ้นสองส่วน
ขณะเดียวกันม่อหลิงหานจะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่าเยว่เฟิงเกอไม่เต็มใจ ทั้งยังรับรู้ได้ว่ากำปั้นน้อยๆ ที่ทุบลงบนไหล่ตนยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ มุมปากของม่อหลิงหานอดยกขึ้นสูงไม่ได้
สตรีน้อยนางนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ
ถึงแม้เยว่เฟิงเกอจะออกแรงเพิ่มขึ้น แต่เมื่อกระทบลงบนร่างของม่อหลิงหานก็ไม่ต่างอะไรกับการเกาตามเนื้อตัว
ตอนนี้เองเสียงของเยว่เฟิงเกอก็ดังขึ้น “ท่านอ๋อง หม่อมฉันทุบไหล่ให้ สบายหรือไม่เพคะ? ”
“อืม ทำต่อสิ” ม่อหลิงหานหรี่ตาลงด้วยท่าทีเหมือนกำลังเสพสุข
เยว่เฟิงเกอกวัดแกว่งหมัดกลางอากาศ อดค่อนขอดในใจไม่ได้ว่า “ทำต่อกับผีสิ แขนข้าปวดไปหมดแล้ว รีบๆ ชมข้าสิ เ้ารีบๆ ชมข้าสิ”
ม่อหลิงหานรับรู้ได้ว่าเยว่เฟิงเกอกวัดไกวหมัดอยู่ด้านหลัง มุมปากเขายิ่งกดลึกขึ้น
เขาเสพสุขจากการปรนนิบัติของเยว่เฟิงเกอ และรู้ว่านาง้าให้เขาเอ่ยชม แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดมันออกไปเป็เด็ดขาด
หึ ไม่ใช่ว่าตอนที่นางอยู่ในห้องอาหารจะเก่งกาจมากหรอกหรือ คนพูดราวกับเขาเป็ชายชั่วใจร้ายต่อหน้าชายารองฉิน
ตอนนี้กลับมาเอาอกเอาใจเขา เขาอยากจะดูสิว่านางยังมีลูกไม้อะไรอีก
เยว่เฟิงเกอทุบไหล่ด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจอยู่อีกครู่หนึ่ง ในที่สุดม่อหลิงหานก็รู้สึกว่าเสพสุขพอแล้วถึงได้กล่าวขึ้นว่า “เอาละ เปิ่นหวางง่วงแล้ว คืนนี้เอาไว้แค่นี้เถอะ”
“หา? ท่านอ๋องจะกลับแล้วหรือ? ” คำที่เยว่เฟิงเกออยากได้ยิน เขากลับไม่ยอมเอ่ยออกมาสักคำ นางจะพอใจยอมปล่อยม่อหลิงหานไปเช่นนี้ได้อย่างไร “ท่านอ๋องลืมไปเื่หนึ่งหรือไม่? ”
รีบชมข้า รีบชมว่าข้าเป็พระชายาที่ขยันขันแข็งและมีความสามารถ
เยว่เฟิงเกอคิดซ้ำๆ อยู่ในใจ สายตาจดจ้องแผ่นหลังม่อหลิงหานไม่วางตา
ม่อหลิงหานหันมามองเยว่เฟิงเกอ “ความหมายของพระชายาก็คือ อยากให้เปิ่นหวางค้างคืนที่นี่หรือ? เื่นี้ เปิ่นหวางไม่ได้ลืม ครั้งก่อนเตียงของพระชายาแข็งเกินไป เปิ่นหวางจึงได้สับเปลี่ยนให้ใหม่ ดีเหมือนกัน คืนนี้เปิ่นหวางจะได้นอนที่นี่กับพระชายาเลย”
เยว่เฟิงเกอหัวเราะแห้งๆ สองเสียง “แหะแหะ หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ เพคะ ท่านอ๋องกลับไปเถิดเพคะ พรุ่งนี้เราค่อยพบกันใหม่”
บุรุษน่าตายนี่ ชมข้าสักคำจะตายหรือไร
มิหนำซ้ำยังคิดจะค้างแรมที่นี่อีก หากข้าให้เ้าค้างที่นี่ จะไม่เป็การชักศึกเข้าบ้านหรือ
เยว่เฟิงเกอในใจคิดเช่นนี้ แต่ใบหน้ายังคงเผยรอยยิ้มจอมปลอมให้ได้เห็น
ม่อหลิงหานมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาลึกซึ้งไปทีหนึ่ง อารมณ์ดีอย่างยิ่ง ยืนขึ้นแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนพักผ่อน
“นี่? ท่านอ๋อง ทรงดำเนินไปผิดทางแล้วเพคะ ประตูใหญ่อยู่ทางด้านนู้น” เยว่เฟิงเกอชี้มือชี้ไม้ไปทางประตูใหญ่เรือนเยว่เหยา ปากก็กู่ะโไปทางม่อหลิงหาน
รอยยิ้มบนใบหน้าม่อหลิงหานยิ่งกดลึกกว่าเดิม เขากล่าวโดยไม่หันศีรษะกลับมา “ในเมื่อพระชายาไม่อยากให้เปิ่นหวางจากไปถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเปิ่นหวางจะฝืนใจค้างแรมที่นี่ก็แล้วกัน”
เยว่เฟิงเกอสีหน้าดำคล้ำ นางบอกเมื่อใดว่าไม่อยากให้เขาจากไป
เมื่อครู่นางก็แค่อยากให้เขาชมนาง ไม่ได้้าให้เขาอยู่ค้างแรมที่นี่
ยามนี้เยว่เฟิงเกอยิ่งรู้สึกว่า อ๋องก้อนน้ำแข็งคนนี้คล้ายจะมีแนวโน้มท้องดำ [1]
เยว่เฟิงเกอยืนอยู่ในสวน ท่าทางเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก่อนจะได้ยินเสียงม่อหลิงหานดังมาจากในเรือน “พระชายายังมัวยืนอยู่ตรงนั้นทำอันใด เหตุใดยังไม่รีบเข้ามาพักผ่อนอีก”
“ท่านอ๋องทรงพักผ่อนไปคนเดียวเถิดเพคะ หม่อมฉันชอบรับลมในสวนเพคะ” เยว่เฟิงเกอไม่กล้าเข้าไปหรอก นางยอมนั่งอยู่ในสวนทั้งคืนดีกว่า
เพียงไม่นานในห้องก็มีเสียงม่อหลิงหานดังลอดออกมาอีก “ในเมื่อพระชายาชอบอยู่ในสวนถึงเพียงนั้น ก็อยู่ต่อไปเถิด แต่ท้องฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยเมฆครึ้มเช่นนี้ คาดว่าอีกไม่นานฝนคงจะตก”
ม่อหลิงหานเพิ่งพูดจบ ท้องฟ้าก็ให้ความร่วมมือกับเขาด้วยการส่งเสียงดังครืดคราด
ไม่นานฝนเท่าเมล็ดถั่วก็ตกลงมา
เยว่เฟิงเกอสบถในใจ รีบวิ่งเข้าเรือนพักทันที
ฝนตกลงมาอย่างหนักหน่วง ระหว่างทางที่วิ่งกลับ ทำเอาอาภรณ์ของเยว่เฟิงเกอเปียกชื้น
เยว่เฟิงเกอซับน้ำฝนที่ตกลงบนเส้นผม เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นม่อหลิงหานนอนอยู่บนเตียง ยามนี้เขากำลังนอนตะแคงหนุนแขน สายตามองมาทางนาง
ฉับพลันนั้นริมฝีปากบางของม่อหลิงหานก็เอ่ยคำพูดที่เกือบทำให้เยว่เฟิงเกอโกรธจนเป็ลมไปออกมา
“ดูท่า์เองก็คงอยากให้เปิ่นหวางอยู่ที่นี่ ในเมื่อเป็เช่นนี้ เปิ่นหวางก็ยิ่งจากไปไม่ได้แล้ว”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ท้องดำ(腹黑)หมายถึง คนที่ฉากหน้าดูเป็คนดี แต่ที่แท้แล้วจิตใจชั่วร้าย เ้าเล่ห์