เช้านี้เซี่ยโม่นอนเพลินไปหน่อย คุณยายถึงกับต้องส่งเสียงปลุก
หรือนาฬิการ่างกายจะรวน? ที่เป็เช่นนี้คงเพราะเมื่อคืนเธอถอดความคิดเข้าไปตัดหินในโกดังสินค้าอย่างแน่นอน
เซี่ยเฉินเฟิงลุกจากเตียงเพื่อจะรีบไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า เวลานี้เองที่สายตาหันไปเห็นว่า ที่นอนของพี่สาวอยู่ไกลกับของตัวเองมาก
“พี่ครับ ทำไมไปนอนตั้งไกล ไม่รักผมแล้วเหรอ” เขาถามพี่สาวด้วยสีหน้าน้อยใจ
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ก็รักเฉินเฟิงเสมอ แต่เมื่อคืนเรานอนดิ้นเอาเท้ามาถีบพี่ พี่กลัวจะถูกถีบอีกก็เลยดึงที่นอนออกมาไกลจากเราหน่อย” เซี่ยโม่อธิบายพร้อมรอยยิ้ม
“พี่ครับ เป็เพราะผมนอนดิ้นถีบพี่จนพี่ตื่น พี่ก็เลยนอนไม่หลับ เช้านี้ก็เลยไม่ตื่นใช่ไหมครับ” เด็กชายเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่า เช้านี้พี่สาวก็ตื่นสายเหมือนกัน
“ที่พี่นอนไม่หลับไม่ได้เกี่ยวกับเราหรอก” เซี่ยโม่รีบตอบเพราะกลัวว่าน้องชายจะคิดมาก
ระหว่างรับประทานอาหารมื้อเช้า เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยเอาแต่ขมวดคิ้วเหมือนมีเื่ในใจ
เซี่ยโม่รู้ดีว่าน้องชายต้องคิดถึงเื่เมื่อเช้าอยู่แน่ เธอเลยพูดปลอบ “เฉินเฟิง ไม่ต้องคิดมาก เื่มันผ่านไปแล้ว กินข้าวเถอะ”
ได้ยินดังนั้นเด็กชายถึงค่อยเลิกคิด แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าว
เธอขี่จักรยานพาน้องชายกับสือโถวไปส่งที่โรงเรียน มาถึงหน้าโรงเรียนประถมเธอเอ่ยกับเด็กชายทั้งสองว่า “ตอนเที่ยงพี่มีธุระ เดี๋ยวพี่จะให้ขนมเอาไว้ให้พวกเรากินเป็มื้อเที่ยงนะ”
เด็กชายทั้งสองคนพยักหน้า “พี่ครับ ขนมอะไรเหรอ อร่อยไหม”
เซี่ยโม่หยิบขนมเค้กน้ำผึ้งออกมาจากกระเป๋านักเรียน
ขนมนี้ไม่เหมือนขนมเค้กแห้งๆ แข็งๆ ที่ขายกันตามร้านสหกรณ์ในยุคนี้ แต่เป็ขนมเค้กที่ทั้งนุ่มและหวานแบบที่ขายกันในยุคปัจจุบัน
“ขนมนี้ชิ้นใหญ่ พวกเธอสองคนกินไม่หมดแน่ อย่าลืมแบ่งให้โฉ่วหวาด้วยนะ”
“ได้ครับ”
เด็กทั้งสามคนเป็เพื่อนกลุ่มเดียวกัน ความสัมพันธ์ค่อนข้างสนิทสนมกันมากทีเดียว
จากนั้นเธอถึงค่อยขี่จักรยานไปที่โรงเรียนของตัวเอง
เวลา่เช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ข้อสอบกลางภาคยังตรวจไม่เสร็จ คุณครูทุกคนจึงงานยุ่งกันมาก ตอนบ่ายทางโรงเรียนเลยให้นักเรียนอ่านหนังสือด้วยตัวเอง
เซี่ยโม่ขอลาหยุดกับคุณครู จากนั้นขี่จักรยานไปในที่ปลอดคน ก่อนจะหยิบขนมเค้กออกมากิน ตามด้วยผิงกั่วหนึ่งลูก และดื่มน้ำตบท้าย เพียงเท่านี้ก็แก้ปัญหาเื่มื้อเที่ยงได้แล้ว
เธอขี่จักรยานไปที่ร้านของเก่า
คุณปู่ยังคงนั่งอยู่ที่หน้าร้านของเก่าเหมือนทุกที หากวันนี้สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความร้อนใจ คอยมองไปทางถนนไกลๆ อยู่ตลอด
พอเห็นเด็กสาวกำลังขี่จักรยานมาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
หากเป็หลายปีก่อนตอนที่ฐานะทางบ้านยังดีอยู่ เขาคงช่วยเพื่อนไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาหาเงินได้ไม่มาก ไหนจะต้องเลี้ยงดูตัวเองและหลานอีก จึงไม่สามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่เพื่อนได้
เด็กสาวคนนี้ดูมีฐานะ ทั้งยังดูชอบหินที่เพื่อนเขา้าขาย ถึงจะขายได้แค่ไม่กี่ก้อนก็ถือว่าได้ช่วยเหลือเพื่อนทางหนึ่งแล้ว
ทำไมเขาจะไม่ทราบว่าหินพวกนั้นคือหยกดิบ เพียงแค่แกล้งทำเป็ไม่รู้เท่านั้น
พอเห็นเด็กสาว เขายิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยถาม “สาวน้อย คุณตาเธอไม่ได้มาด้วยเหรอ”
“คุณตาเชื่อใจฉัน บอกว่าฉันเป็คนโชคดีก็เลยไม่ได้มาด้วย แต่คุณตาสั่งมาว่าให้ซื้อแค่ไม่กี่ก้อนก็พอแล้วค่ะ” เซี่ยโม่ตอบอย่างฉะฉานมั่นใจ
ได้ยินเช่นนั้นชายชราก็ยกยิ้มมุมปาก คุณตาของเด็กสาวคนนี้หน้าใหญ่ใจใหญ่ไม่ใช่น้อย ราคาหินก้อนละตั้งสิบหยวน แต่กลับปล่อยให้หลานสาวเลือกเอาเองตามใจชอบ ในเมื่อทางนั้นตัดสินใจมาแบบนี้แล้ว เขาจึงไม่ทักท้วงอะไร
“ได้ งั้นพวกเราไปกันเลยไหม”
“ค่ะ รบกวนคุณปู่ด้วยนะคะ”
“ได้ งั้นขอฉันปิดประตูร้านก่อนนะ”
สิบห้านาทีต่อมาคุณปู่ก็พาเซี่ยโม่มายังบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่แถวๆ นอกตำบล
บ้านหลังนี้ดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นนานแล้ว ตัวบ้านสร้างจากอิฐ มุงด้วยหลังคากระเบื้อง
น่าเสียดายที่สภาพของมันกำลังเสื่อมไปตามกาลเวลา ตัวบ้านดูชำรุดทรุดโทรม กระเบื้องที่มุงหลังคาตอนนี้เหลืออยู่แค่ไม่กี่แผ่น จุดที่กระเบื้องหายไปถูกแทนที่ด้วยกระดาษน้ำมัน
พอลมพัดมาก่อเกิดเป็เสียงดังพึ่บพั่บ ทำให้บรรยากาศบ้านหลังนี้ดูวังเวงราวกับบ้านร้าง
“ที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันเคาะประตูให้” คุณปู่ร้านขายของเก่าบอกกับเซี่ยโม่
“ค่ะ”
ไม่นานชายอายุประมาณสามสิบกว่าปี รูปร่างผอมบางก็เปิดประตูออกมา
พอเห็นว่าเป็คนรู้จัก คนที่มาเปิดประตูพลันยิ้มกว้างอย่างดีใจ “พี่ มาได้ยังไง”
“ฉันพาแขกมาด้วยหนึ่งคน เธอสนใจหินที่นายจะขาย”
“พี่ ผมขอบคุณพี่มาก” ชายเ้าของบ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
แต่พอเลื่อนสายตาไปยังเซี่ยโม่ ความรู้สึกผิดหวังก็เข้ามาแทนที่รอยยิ้มบนใบหน้า
“พี่ แขกที่พี่พูดถึงคือเด็กสาวคนนี้น่ะเหรอ”
“ใช่ ตาของเด็กสาวคนนี้สนใจหินพวกนั้น ก็เลยให้เธอมาเลือก”
ผู้ชายที่มาเปิดประตูมองเซี่ยโม่อย่างพิจารณา “ยังเด็กอยู่เลย”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยออกมา “สาวน้อย ฉันไม่ได้ให้หินเปล่าๆ นะ แต่ขายก้อนละสิบหยวน ถ้าซื้อไปแล้วฉันไม่รับคืนเด็ดขาด จะขอแลกเป็อย่างอื่นก็ไม่ได้ แล้วจะพาพ่อกับแม่มาเอาเื่ทีหลังก็ไม่ได้เหมือนกัน”
เซี่ยโม่ดูออกทันทีว่า แม้ผู้ชายคนนี้จะ้าใช้เงินแต่ก็เป็คนดี เห็นเธอยังเด็กถึงได้พูดเตือน
เธอตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “พี่ชาย คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันเคารพกฎของการซื้อขาย ถ้าเป็ของที่ฉันถูกใจจะไม่มีการตามมาเอาเื่เด็ดขาด เื่ภายในบ้านฉันเป็คนตัดสินใจ คุณตาคุณยายไม่มีทางคัดค้านแน่นอน”
อีกฝ่ายถึงค่อยให้แขกทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน “งั้นก็ดี เข้ามาก่อนสิ”
เธอเดินตามคุณปู่ร้านของเก่าเข้าไปในบ้าน
“ไม่รู้ว่าพี่ฉันบอกเธอหรือยังว่าหินพวกนั้นอยู่ในห้องใต้ดิน เดี๋ยวฉันพาเธอลงไป หรือจะให้ฉันขนขึ้นมาให้ดู?” ชายเ้าของบ้านพูดพลางเกาศีรษะ
“มีเยอะไหมคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “เยอะ มีประมาณร้อยก้อน ทางที่ดีฉันว่าลงไปเลือกดีกว่า ให้ขนขึ้นมาคงเปลืองแรงไม่ใช่น้อย”
“ได้ค่ะ”
ความจริงเซี่ยโม่รู้สึกระแวงอยู่เหมือนกัน เธอกลัวว่าหากลงไปชั้นใต้ดินจะมีคนปิดประตูขังเธอเอาไว้ข้างใน ถ้าเป็เช่นนั้นถึงอยากหนี ต่อให้มีปีกก็บินออกมาไม่ได้
ยุคนี้มีพวกโจรลักพาตัวอยู่ทุกที่ เธอไม่อยากถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไปหลังกลับชาติมาเกิดใหม่หรอกนะ
แม้ก่อนหน้านี้เ้าของบ้านจะดูเป็คนดี แต่ท่าทีพวกนั้นอาจแค่แกล้งทำก็ได้ใครจะไปรู้
ถ้าอีกฝ่ายลงไปห้องใต้ดินด้วยเธอถึงจะวางใจ
“ขอบใจน้องสาวมาก งั้นพวกเราลงไปกันเลยเถอะ” ชายผู้เป็เ้าของบ้านเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ ไม่ได้รู้ถึงความหวาดระแวงของเซี่ยโม่เลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มเดินนำโดยมีเซี่ยโม่กับคุณปู่ร้านของเก่าตามไป ไม่กี่นาทีต่อมาก็เดินลงมาถึงห้องใต้ดิน
เซี่ยโม่พบว่าห้องใต้ดินมีขนาดไม่เล็กเลย น่าจะกว้างประมาณห้าถึงหกสิบตารางเมตร ภายในเต็มไปด้วยชั้นไม้สำหรับวางของ
น่าเสียดายที่ชั้นไม้บางชั้นผุพัง พอไม่ได้รับการซ่อมแซมสภาพของพวกมันจึงหักล้มกองอยู่บนพื้น
ไม่ว่าจะเป็บนชั้นวางหรือที่พื้นล้วนมีหยกดิบวางกองเป็ชั้นๆ ขนาดของหินแตกต่างกันไป มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
เธอลองคำนวณดูด้วยสายตา ทั้งหมดน่าจะมีประมาณร้อยก้อน บิดาของเ้าของบ้านทำอาชีพใดกัน ถึงสามารถขนหยกดิบพวกนี้มาไว้ในห้องใต้ดินของบ้านได้
ความรู้ในชีวิตก่อน ทำให้เซี่ยโม่ทราบว่าที่ประเทศจีนไม่มีเหมืองหยก เหมืองหยกส่วนใหญ่อยู่ในประเทศพม่า
ถ้าไม่มีประสบการณ์จากชาติที่แล้วเธอคงไม่มีทางดูออกว่าหินพวกนี้คือหยกดิบ และคงไม่ทราบว่าจะผ่าพวกมันอย่างไร
ห้องใต้ดินไม่มีทางเข้าทางออกอื่นนอกจากทางที่เธอเพิ่งเข้ามา ไม่รู้ว่าอากาศผ่านเข้ามาจากทางไหน ห้องใต้ดินถึงได้มีกลิ่นอากาศบริสุทธิ์สดชื่น
ประตูห้องชั้นใต้ดินถูกเปิดคาเอาไว้ แสงแดดจากข้างนอกจึงลอดผ่านเข้ามา ทำให้เห็นหยกดิบที่วางกองอยู่ในห้องได้อย่างชัดเจน
“เยอะจัง!” เธออดอุทานออกมาไม่ได้
