ชาตินี้ข้าจะไม่ขอเป็นกุลสตรีที่อ่อนหวาน (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เยว่เยียนเยียนที่เหนื่อยเหมือนจะตายเสียให้ได้นิ่วใบหน้าเล็ก นางนั่งลงบนธรณีประตูข้างกายเหยียนเฟยอย่างไม่ได้รับความเป็๲ธรรม ในมือยังถือหญ้าแห้งอะไรสักอย่างก้านหนึ่งที่ไม่รู้ไปคว้ามาจากไหนเอาไว้ แกว่งไปมาไม่หยุด บนใบหน้านั้นไร้ซึ่งความเกลี้ยงเกลาดั่งในยามปกติไปนานแล้ว แต่เปื้อนคราบเขม่าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งตัวนางมอมแมมคลุกไปด้วยฝุ่นขี้เถ้า

        “เ๯้ายังจะว่าข้าอีกหรือ หากไม่ใช่เพราะเ๯้าดึงดันจะเข้าครัวจนส่งผลกระทบต่อข้า ข้าจะเสียจังหวะถึงขนาดนี้ได้หรือ?!”

        น้ำเสียงของเยว่เยียนเยียนอ่อนหวานนุ่มนวล เคล้าไปด้วยความน้อยใจและกล่าวโทษอีกฝ่าย ฟังดูแล้วช่างทำให้ปวดใจยิ่งนัก เพียงแต่น่าเสียดายที่เหยียนเฟยนั้นเป็๲ผู้ชายทึ่มๆ ที่แข็งทื่อเหมือนหิน จึงไม่อ่อนไหวง่ายๆ

        “ถุย เ๯้ายังตบอกว่าจะทำซี่โครงเปรี้ยวหวานอยู่เลยนี่? สุดท้ายซี่โครงเปรี้ยวหวานของข้ายังไม่ทันได้ ก็เกือบจะได้ห้องครัวย่างถ่านแทนแล้วนะลูกพี่ เ๯้าว่ารอจนตาแก่เฉินไฮว่ชิงนั่นกลับมา แล้วจะอธิบายกับเขาอย่างไร? หืม?”

        เมื่อเผชิญหน้ากับการบีบคั้นอย่างงี่เง่าไร้เหตุผลของเหยียนเฟย เยว่เยียนเยียนจึงเลือกที่จะปิดปากอย่างรู้จักอ่านสถานการณ์ อย่างไรถึงทะเลาะไปก็คงไม่ชนะเหยียนเฟย แล้วมีความจำเป็๲อะไรต้องไปเปลืองน้ำลายกับเขาด้วย?

        ทว่าในใจของเยว่เยียนเยียนนั้น ก็ยังมีความรู้สึกตะขิดตะขวงอยู่ไม่น้อยเลย แม้ก่อนนี้ตนจะทำเป็๞แค่น้ำแกงใสผักกาดขาว แต่อย่างไรก็ยังสามารถต้มผักกาดขาวสุกได้ไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ตนไม่มีทางเผาห้องครัวอย่างแน่นอน!

        ดังนั้นหากสืบสาวหาตอ เ๱ื่๵๹ที่ห้องครัวไฟไหม้ในครั้งนี้ แปดเก้าส่วนก็ต้องเป็๲ความรับผิดชอบของเหยียนเฟย หากไม่ใช่เพราะเหยียนเฟยอยากจะกินของที่วุ่นวายขนาดนั้น ตนจะฝืนทำของที่เดิมทีก็ไม่ถนัดเลยทำไมกัน? หากไม่ใช่เพราะเยว่เยียนเยียนถูกเหยียนเฟยบีบบังคับให้ฝืนทำของที่ตัวเองไม่ถนัด เช่นนั้นห้องครัวก็คงไม่ถูกไฟเผาหรอก!

        เมื่อคิดเช่นนั้น เยว่เยียนเยียนก็ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอเล็กน้อย แล้วสะบัดหน้าหนีไม่มองเหยียนเฟย แต่เสียงกลับลอยละล่องไปทางเหยียนเฟยอย่างชัดเจน “อธิบาย? อย่างไรคำอธิบายนี้ก็ไม่ต้องให้ข้าเป็๞คนพูดหรอก ใครออกความคิด คนนั้นก็ไปอธิบายสิ ฮึ!”

        “ข้าไม่ชอบคำพูดเ๽้าเอาเสียเลย อะไรคือใครออกความคิดคนนั้นก็ไปอธิบาย?” เหยียนเฟยตบต้นขาด้วยความโมโห ก่อนจะยืนขึ้นมาตำหนิเยว่เยียนเยียน “ข้าจะบอกเ๽้าให้นะเยว่เยียนเยียน เ๽้าอย่าหาว่าข้าเป็๲ผู้ชายใจแคบล่ะ แต่พวกเราก็ไม่ต่างกัน เ๱ื่๵๹นี้เราสองคนล้วนมีส่วนต้องรับผิดชอบใช่หรือไม่ หืม? ใช่หรือไม่?”

        เหยียนเฟยตบมือพลางแจกแจงกับเยว่เยียนเยียนไปทีละข้อ ต้องพูดเ๹ื่๪๫นี้ให้ชัดเจนว่ามันไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขาเพียงผู้เดียว แต่เ๯้าตัวเยว่เยียนเยียนน่ะหรือ? แต่เดิมก็อุดหูไม่อยากจะฟัง ทั้งยังลุกขึ้นมากระทืบเท้าโต้แย้งกับเหยียนเฟยอย่างเอาแต่ใจ “ข้าไม่ฟังๆ ! ข้าไม่สน ไม่ว่าอย่างไรเ๹ื่๪๫นี้เ๯้าก็ต้องไปอธิบาย”

        ......

        ช่างเถอะ สิ่งที่นักปราชญ์ขงจื่อกล่าวไว้เดิมทีก็สมเหตุสมผล ผู้ที่คบหาด้วยยาก มีเพียงสตรีและคนถ่อย!!!

        เหยียนเฟยในยามนี้ได้เริ่มนึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆ ที่ตอนเด็กตนเอาแต่รำกระบี่ควงหอก จนไม่มีเวลาไปศึกษาความรู้บ้างเลย หากว่ามีความสามารถอย่างนักปราชญ์ขงจื่อสักเล็กน้อย อย่าว่าแต่สามารถชนะหญิงสาวที่กระทืบปึงปังไม่ฟังเหตุผลตรงหน้าผู้นี้ได้เลย บางทีอาจจะสามารถฝึกฝนจนเป็๲ผู้เชี่ยวชาญ สามารถทำ๼๹๦๱า๬สามร้อยเพลงรบกับนางอย่างสงบนิ่งเลยก็ได้…

        แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้!

        เหตุผลที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเพราะเหยียนเฟยหิวเกินไป หิวจนหน้ามืดตาลาย ไม่มีกะจิตกะใจจะเถียงกับเยว่เยียนเยียนแล้วว่าใครถูกใครผิดกันแน่

        “ก็ได้ เป็๞ความผิดข้า ข้าจะอธิบายเอง! พักรบ!” เหยียนเฟยยื่นสองมือไปข้างหน้า แล้วทำท่าทางเป็๞รูป ‘x’ สื่อความหมายว่าตนยอมแพ้ การต่อสู้ครั้งนี้เลิกรากันไปได้แล้ว

        ยามนี้เยว่เยียนเยียนเองก็นับว่าเหนื่อยล้าทั้งกายใจปากลิ้นแห้งผากไม่อยากจะพูดว่า ‘ข้าไม่ฟัง’ ต่ออีกแล้ว ประจวบเหมาะกับที่เหยียนเฟยยอมแพ้พอดี หากตนหยุดลงตอนนี้ ก็ยังไม่นับว่าเสียหน้าเท่าไรนัก ด้วยเหตุนี้นางจึงยกสองมือกอดอก พยักหน้าอย่างลำพองใจ “เช่นนั้นก็ดี อย่างไรเ๽้าก็เป็๲ฝ่ายผิด”

        เหยียนเฟยที่ดูเหมือนจะยอมรับชะตากรรมแล้วความจริงกำลังดีดลูกคิดคำนวณอยู่ในใจไม่น้อย อย่างเช่น เขาเล็งเงินห่อนั้นที่ซ่อนอยู่ในอกของเยว่เยียนเยียนตาเป็๞มันมานานมาก… นานมากๆ แล้ว…

        “เอาเถอะ คุณหนูใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว” เหยียนเฟยกะพริบตาปริบๆ ให้เยว่เยียนเยียนอย่างน่าเอ็นดู พูดสองสามคำก็ล่อลวงเยว่เยียนเยียนให้อารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว “แต่ในเมื่อเ๽้าอยากให้ข้าอธิบายกับตาแก่เฉินไฮว่ชิงนั่น เช่นนั้นเ๽้าก็ต้องฟังคำแนะนำของข้าสักหน่อยไม่ใช่หรือ?”

        เยว่เยียนเยียนเอาแต่พยักหน้าตามคำพูดของเหยียนเฟยโดยไม่ทันได้หยุดคิด ก่อนจะได้สติกลับมาในฉับพลัน และรู้สึกว่ามีอะไรไม่ค่อยถูกต้องนัก “ไม่ถูกสิ! ทำไมข้าต้องฟังคำแนะนำของเ๯้าด้วยล่ะ? ข้าไม่ฟังหรอก ฮึ!”

        “ไม่ๆ ๆ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ความหมายของข้าก็คือ...” เหยียนเฟยอดกลั้นความโมโห แล้วค่อยๆ ดำเนิน ‘แผนตะล่อมให้ดีใจ’ ของตนไปทีละก้าว น้ำเสียงนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยว่าอ่อนโยนเพียงใด การขอร้องให้คนช่วยอย่างแท้จริงนั้นคือการโอนอ่อนให้เกียรติ คำพูดร้ายกาจใดล้วนไม่กล้าพูดออกมา “ข้าจะบอกว่า ในเมื่อเราเผาห้องครัวของเฉินไฮว่ชิงแล้ว... เช่นนั้นพวกเราก็ควรจะซ่อมแซมให้เขาสักหน่อยไม่ใช่หรือ? ถึงเวลาเฉินไฮว่ชิงกลับมาเห็นสภาพในห้องครัวเละเทะ ถ้าเขาโมโหจนเป็๲ลมล้มพับไปกะทันหันอย่างจะทำอย่างไร?”

        ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เยว่เยียนเยียนนั้นเกือบจะถูกเหยียนเฟยจอมปลิ้นปล้อนผู้นี้ล้างสมองเข้าแล้วจริงๆ นางขมวดคิ้วราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าแล้วเอ่ย “ที่เ๯้าพูดก็เหมือนจะมีเหตุผลนะ… เช่นนั้นเ๯้าคิดว่าจะซ่อมแซมห้องครัวให้อาจารย์อย่างไรดี? ข้าจำได้ว่าพวกเราเผามันไปเกือบหมดแล้ว คงซ่อมแซมได้ไม่ง่ายนัก...”

        ทางเยว่เยียนเยียนนั้น นางกังวลเกี่ยวกับห้องครัวของตนกับเฉินไฮว่ชิงอย่างจริงใจ แต่เหยียนเฟยไม่เหมือนกัน เหยียนเฟยเพียงกังวลปากท้องของตนเองเท่านั้น

        “นั่นง่ายดายมาก! ก่อนตาแก่เฉินจะไปก็ทิ้งเงินไม่น้อยไว้ให้เ๯้าแล้วไม่ใช่หรือ?”

        ดวงตาเป็๲ประกายของเหยียนเฟยหรี่ลงเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยเช่นนั้น ท้ายที่สุดก็เผยจุดประสงค์แอบแฝงที่แท้จริงของเขา เมื่อนั้นเยว่เยียนเยียนก็ระแวดระวังขึ้นมา ร่างกายถอยร่นไปข้างหลังตามฝีเท้าไม่หยุด นางรีบเอ่ยปฏิเสธ “เหยียนเฟย! เ๽้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ เ๽้าอย่าแม้แต่จะคิดแตะต้องเงินพวกนั้นของข้า!”

        “เหตุใดถึงไม่ได้ล่ะ? นั่นมันเงินค่ายังชีพที่เฉินไฮว่ชิงทิ้งไว้ให้พวกเราไม่ใช่หรืออย่างไร!”

        เหยียนเฟยโมโหเหลือทน พลันหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่เยว่เยียนเยียนกลับยึดถือหลักการยิ่ง “อาจารย์ไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนถึงจะได้กลับมา แม้ว่าเงินนี้จะดูเหมือนไม่น้อย แต่ปัญหาคือจะสามารถใช้ได้เพียงพอหรือไม่ต่างหาก! หากเ๽้าคิดจะล่อให้ข้าใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย ข้าก็ไม่มีทางตกลงด้วยเด็ดขาด ยิ่งกว่านั้นข้าเอง...”

        เยว่เยียนเยียนชะงักไปชั่วขณะ เมื่อนึกถึงสถานะที่อ่อนไหวอย่างยิ่งของตนแล้ว จึงเอ่ยเสียงเบาขึ้นอีกครั้ง “ยิ่งกว่านั้นข้าเองก็ไม่สามารถเข้าไปในเมืองหลวงได้ มันอาจมีอันตราย...”

        “เ๽้าไม่ไปข้าไปเอง! ข้าปลอมตัวสักหน่อยก็ไม่ใช่เหยียนเฟยแล้ว คนอื่นมองข้าไม่ออกหรอก!” เหยียนเฟยตบลงที่หน้าอก แล้วเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “เ๽้ายังคิดจะซ่อมห้องครัวให้อาจารย์เ๽้าอยู่หรือไม่? หากไม่ออกไปแล้วจะซื้อถ้วยชามตะเกียบอย่างไร ไม่ซื้อถ้วยชามตะเกียบแล้วจะซ่อมห้องครัวให้ตาแก่นั่นอย่างไรเล่า?”

        เมื่อเห็นว่าเยว่เยียนเยียนจมดิ่งสู่ความเงียบ เหยียนเฟยก็โน้มเข้าไปในเวลาที่เหมาะเจาะ น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยปลุกปั่น “เ๯้าคงไม่อยากให้อาจารย์ของเ๯้าที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งเดือนแล้ว แต่สิ่งที่ต้อนรับเขากลับบ้านคือห้องครัวเล็กๆ อันทรุดโทรมที่โดนไฟไหม้หรอกใช่หรือไม่...?”


        สองมือของเยว่เยียนเยียนกำแน่นเป็๞กำปั้นน้อยๆ นางขมวดคิ้วพันกันเป็๞ปมอย่างไม่สบายใจ แล้วนิ่งเงียบไม่มีการเคลื่อนไหวไปครู่ใหญ่...

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้