หลินฟู่อินยิ้มบางพร้อมเม้มปาก “สายตาของคนเราย่อมต่างกัน เ้าอาจคิดว่าที่ผูกผมเหล่านี้ไม่งาม แต่ข้ากลับคิดว่าพวกมันงามยิ่งนัก ซื้อแล้วก็ผูกผมเ้าเสียเถิด”
ต้ายามองเด็กสาวด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินจากท่านแม่ว่าผมของเหล่าสตรีในเป่ยหรงทั้งหนาทั้งยาว เลยต้องถักเปียที่ทั้งยาวและหนา แล้วใช้เชือกคาดผมเหล่านี้ถักเข้าไปผสมกับเปียเกลียวเลย แต่ข้าไม่คิดว่าผมของเ้าหนาและยาวเช่นนั้น คงจะถักเปียเกลียวไม่ได้หรอก”
หลินฟู่อินเอื้อมมือลูบผมตัวเองพร้อมส่ายหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มเล็กน้อย
ต้ายาไม่รู้ความหมายของท่าทางดังกล่าวและอยากเอ่ยถามสักครั้ง แต่หลินฟู่อินหันกลับมามองแล้วถามขึ้นก่อนว่า “เ้าแบกไว้นานแล้ว เหนื่อยหรือไม่ พักหน่อยดีไหม?”
“ไม่เหนื่อย!” ต้ายายืดคอสูง “กระสอบข้าวของข้าหนักยิ่งกว่า”
หลินฟู่อินชะงัก
“รู้อะไรหรือไม่?” ต้ายามองหลินฟู่อิน ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย “ฟู่อิน ข้าคิดว่าเ้าเปลี่ยนไปมาก ั้แ่แม่ของเ้าจากไป”
“เปลี่ยนไปอย่างไร?” หลินฟู่อินถามอย่างใจเย็น แต่มีบางสิ่งบางอย่างในใจของนางที่ตระกูลหลินไม่มีทางรับรู้ ไม่ว่าจะเป็เื่ความคิดหลังจากมารดาของนางจากไป หรือการที่นางเปลี่ยนไป พวกเขาไม่เคยสงสัยนางเลยสักครั้ง
เหตุใดคราวนี้ถึงจับสังเกตได้?
หลินฟู่อินอยากรู้ว่าคนอื่นมองนางเช่นไร
แต่ต้ายากลับส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ข้าไม่อาจพูดอะไรได้ เราสองเล่นมาด้วยกันั้แ่ยังเล็ก ข้าเองก็คิดว่าเ้าเปลี่ยนไป”
ั์ตาของหลินฟู่อินนุ่มลึกขึ้น มุมปากของนางกระตุกเล็กน้อยก่อนถามด้วยรอยยิ้ม “เ้าคิดว่าข้าเก่งกาจขึ้นงั้นหรือ?”
ต้ายาเห็นด้วยว่าหลินฟู่อินมิใช่คนอ่อนโยนขนาดนั้น และก็เห็นด้วยเช่นกันว่าสิ่งที่หลินฟู่อินพูดคือความจริง นางดูเป็คนเก่งวิชามากกว่าแต่ก่อน
ต้ายากล่าวอย่างร่าเริง “เ้าก็ยังพูดเหมือนก่อน เ้าเคยพูดเื่ประหลาดที่ไม่ให้ข้าบอกกับคนอื่น และข้าเองก็ไม่ได้บอกแม่ของเ้า แต่ตอนนี้เ้าเปลี่ยนไปจริงๆ เ้ากล้ารักษาทุกโรคภัยด้วยตัวของเ้าเองด้วยซ้ำ!”
หลินฟู่อินคิดว่าคำพูดของต้ายาน่าสนใจนัก นั่นหมายความว่าเ้าของร่างต้องรู้วิชาแพทย์เช่นกัน แต่นางกลับซ่อนวิชานั้นไว้
หลินฟู่อินถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “หากเ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับข้าวันนี้ เ้าคงเลือกไม่ต่างจากข้า”
ต้ายาพยักหน้าแล้วพูดทันทีว่า “ข้าไม่คิดจะถามเ้ามาก่อน แต่ก่อนหน้านี้เ้าไม่ได้รักษาแค่อาการช้ำเท่านั้นหรือ เหตุใดตอนนี้เ้าจึงรักษาได้ทุกโรคภัยแล้ว?”
หลินฟู่อินจำเกี่ยวกับวิชาแพทย์ของร่างเดิมไม่ได้ แต่หากฟังจากคำของต้ายาก็หมายความว่าวิชาแพทย์ที่นางร่ำเรียนมาก็แค่ผิวเผิน
หลินฟู่อินเหลือบมองไปที่ต้ายา แต่กลับเห็นดวงตาโตคู่นั้นจ้องกลับมา
“ข้าไม่ได้บอกเ้าตอนนั้น ท่านแม่เข้มงวดกับข้ามาก” หลินฟู่อินหลุบตามองทอดยาวตามถนน
ต้ายาพยักหน้าพร้อมพูดด้วยความเห็นอกเห็นใจ “นี่ ข้ารู้ว่าเ้าน่าสงสารแค่ไหน ถ้าข้าไม่ได้ลอบมองจากหน้าต่างห้องเ้าบ่อยๆ คงไม่รู้ว่าแม่ของเ้าน่ากลัวขนาดไหน มือเ้าโดนไม้บรรทัดตีจนช้ำเป็จ้ำไปหมด ข้าเห็นก็ร้องไห้แล้ว ยามค่ำกลับบ้านข้าก็ฝันร้าย”
ไม้บรรทัด? มือช้ำเป็จ้ำ? ตอนนั้นเองที่หลินฟู่อินพบว่าไม่เพียงฉู่ซื่อผู้เป็มารดาเท่านั้นที่ดูลึกลับ แต่ ‘ตัวนางเอง’ ก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน
น่าเสียดายที่นางจำเื่ราวเ่าั้ไม่ได้แม้แต่น้อย
“ฟู่อิน นั่นภัตตาคารหลิวจี้ใช่หรือไม่?” ต้ายาเอ่ยถามพลางชี้ไปยังอาคารด้านหน้า
หลินฟู่อินมองออกั้แ่พริบตาแรกว่าสถานที่แห่งนี้คือภัตตาคารเยว่เค่อ ไม่ใช่ภัตตาคารหลิวจี้
คิ้วเรียวขมวดโดยไม่รู้ตัวก่อนเอ่ยเสียงเบา “มิใช่ นั่นคือภัตตาคารเยว่เค่อ ไปเถอะ ภัตตาคารหลิวจี้อยู่ห่างออกไปอีกครึ่งลี้”
“โอ้ แม่นางหลินฟู่อินใช่หรือไม่?”
บางครั้งตัวข้าผู้ที่ไม่อยากพบเจอผู้คน กลับต้องบังเอิญวิ่งมาเจอใครคนนั้น
ั์ตาของหลินฟู่อินวูบไหวเมื่อได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะของผู้ดูแลฮวา
ถึงอย่างนั้นนางก็ยังหันหลังกลับไปส่งยิ้มให้ “ผู้ดูแลฮวานี่เอง เหตุใดวันนี้ท่านจึงไม่อยู่ในภัตตาคาร?”
ชายชรายกมือจับใบหน้าข้างซ้ายพร้อมพูดด้วยแก้มบวมตุ่ยว่า “แม่นางหลิน ข้าปวดฟันอีกแล้ว ข้าเพิ่งกลับมาจากโรงหมอของหมอหลี่”
หลินฟู่อินพยักหน้าตอบรับพร้อมพูดเสียงเบา “ดูเหมือนว่าผู้ดูแลฮวาจะดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น”
หลังจากพูดจบ นางก็กำลังจะเดินจากไป แต่ชายชราเดินมาขวางหน้าหลินฟู่อินเอาไว้ก่อน
หลังจากหยุดหลินฟู่อินเอาไว้ได้ ผู้ดูแลฮวาก็ฉีกยิ้มแล้วจ้องไปที่นาง “แม่นางหลิน จะว่าไป ตอนท่านทำทั้งไข่เยี่ยวม้าทั้งไข่ดอกสนแจกที่ภัตตาคารของข้าคราวนั้น ลูกค้าก็หายหน้าหายตาไปมิใช่น้อย แถมตอนนี้ฟันของข้าก็รั้นแต่จะปวดขึ้นอีก ช่างน่าขมขื่นเสียจริง!”
นั่นหมายความว่าเหตุเกิดจากที่หลินฟู่อินเคยไปทำลายข้าวของที่ภัตตาคาร อีกฝ่ายจึงมีท่าทีโกรธเคืองเช่นนี้
หากเป็หลินฟู่อินในอดีตคงจะเอ่ยปากหักหาญน้ำใจ หยาบคายใส่ชายชราอีกสักเล็กน้อย แต่ไม่ใช่กับหลินฟู่อินในตอนนี้
“ผู้ดูแลฮวา ข้าคิดว่าคำพูดของท่านอาจผิดไป มิใช่ว่าคนจากภัตตาคารเยว่เค่อปลอมตัวเดินทางไปยังหมู่บ้านหูลู่เพื่อซื้อไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนจากเราไปหรือ? ข้าเพียงทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น ยิ่งพอท่านทำไม่สำเร็จจึงเครียดจนปวดฟันใช่หรือไม่?”
มุมปากของผู้ดูแลฮวากระตุกทันทีที่ได้ยิน ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็สีแดงฉานด้วยความโกรธ และยิ่งแดงอย่างเห็นได้ชัดเข้าไปใหญ่เมื่อแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าอ้วนกลมนั้น
“แม่นางหลินกล่าวติดตลกเสียจริง ต่อให้ภัตตาคารเยว่เค่อย่ำแย่ขนาดไหน ก็ไม่จำเป็ต้องทำเื่สกปรกเช่นนั้น” แม้ใบหน้าจะแดงขึ้นเรื่อยๆ แต่ชายชราก็ต้องเก็บอาการและสำรวมเข้าไว้ ก่อนผู้คนจะมองภัตตาคารเยว่เค่อของเขาไม่ดี
แน่นอนว่าผู้ดูแลฮวารู้สึกอึดอัดที่ถูกหลินฟู่อินตอกกลับ ซึ่งเป็ความรู้สึกที่เขาเกลียดมาก แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กสาวพูดเอาไว้ว่ากำลังจะไปยังภัตตาคารหลิวจี้ จึงขอถามไถ่แสดงน้ำใจสักเล็กน้อย
“จริงสิ ข้าบังเอิญได้ยินว่าแม่นางหลินกำลังจะแวะไปภัตตาคารหลิวจี้ใช่หรือไม่?” ผู้ดูแลฮวายิ้มเยาะขณะจ้องหลินฟู่อิน “เหตุใดแม่นางหลินจึงต้องเดินทางไปยังภัตตาคารหลิวจี้ด้วยเล่า?”
ระหว่างรอคำตอบ ผู้ดูแลฮวาก็เหลือบไปเห็นต้ายาที่ยืนอยู่เคียงข้างหลินฟู่อิน นางกำลังแบกกระสอบใหญ่บนบ่า ั์ตาของเขาสั่นไหว
“ข้ามีธุระอันใดที่ภัตตาคารหลิวจี้ก็ไม่ใช่กงการที่ข้าจะต้องรายการผู้ดูแลฮวาใช่หรือไม่?” หลินฟู่อินถามกลับด้วยรอยยิ้มหวาน แต่ใครก็สังเกตได้ว่ารอยยิ้มนั้นไม่อาจเผื่อแผ่ไปถึงก้นบึ้งภายในดวงตาของนางได้
วาจาที่หยาบคายขึ้นทำให้ผู้ดูแลฮวาประหลาดใจไม่น้อย เขารู้สึกได้ทันทีว่าหลินฟู่อินเหลือความหวังดีให้เขาน้อยลงเรื่อยๆ
หรือเป็เพราะนางเริ่มคบค้าสมาคมกับเหล่าหลิว นางจะไม่ดูถูกเหยียดหยามภัตตาคารเยว่เค่อของเขาใช่หรือไม่?
แต่ไม่ใช่เื่เลวร้าย ตราบใดที่ตัวนางยังไม่เขลา แม้ว่าจะต้องร่วมมือเป็มิตรกับภัตตาคารอื่น นางก็ไม่มีทางล่วงเกินภัตตาคารเยว่เค่อ!
ผู้ดูแลฮวาเริ่มสับสน
ถึงเรียวคิ้วยังขมวดแต่ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มขณะเอ่ยปากถามหลินฟู่อินอย่างมีเลศนัย “แม่นางหลิน มีผู้ใดพูดอะไรให้แม่นางเข้าใจผู้แซ่ฮวาคนนี้ผิดไปหรือไม่ ต่อให้ผู้แซ่ฮวาตีหัวตัวเองให้แตก ผู้แซ่ฮวาก็ยังคิดไม่ออกเลยว่ามีเหตุอันใด เหตุใดแม่นางหลินจึงขุ่นเคืองผู้แซ่ฮวาเช่นนี้!”
หน้าด้านเสียจริง สกุลของเขาปกครองทั่วทั้งเมืองชิงหยางเช่นนี้ หากมีคนตายสักคนเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
หลินฟู่อินไม่อยากเปิดเผยความจริงว่านางรู้จักสกุลฮวา จึงได้แต่ส่ายหัวแล้วพูดต่อว่า “ไม่มีผู้ใดทำข้าขุ่นเคืองได้ อีกอย่างข้าเองก็เป็เพียงหญิงบ้านนอกชั้นต่ำ จะมีใครเข้ามาให้ข้าโกรธเกรี้ยวปานนั้นเชียวหรือ ท่านว่าเช่นนั้นหรือไม่?”
กล่าวจบก็แสร้งทำเป็ไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของผู้ดูแลภัตตาคารตรงหน้า หลินฟู่อินมองฟ้าแล้วพูดต่อว่า “นี่ก็ค่ำมากแล้ว ข้ายังมีเื่ให้จัดการอีกมาก ผู้ดูแลฮวาก็คงไม่ต่างกัน”
หลินฟู่อินไม่รอให้ชายชรามาขวางทางอีกเป็หนที่สอง นางเริ่มเดินต่อทันที
ต้ายาเดินตามอย่างเร่งรีบขณะเอ่ยถามหลินฟู่อินด้วยว่า “ชายอวบท้วมผู้นั้นคือใคร ไยข้าจึงรู้สึกว่าเขาพูดจากลับกลอกไปมา”
เสียงของต้ายาตวัดสูง แม้นางจะไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่ก็พอััได้ว่าน้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความโกรธ
หลินฟู่อินหัวเราะลั่น ตรงข้ามกับผู้ดูแลฮวาที่เกือบจะกระอักเืออกมาเต็มปาก
หญิงผอมแกร็นนางนั้นว่าเขาเป็ชายอ้วนท้วมแถมประหลาดอย่างนั้นหรือ?
ผู้ดูแลฮวาโมโหจนลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เขาสงสัยว่าเด็กสาวนางนี้แบกอะไรไว้ที่บ่าของนาง เขายืนนิ่งกับที่อยู่สักพักใหญ่จนเกือบจะโดนสามล้อที่ขับผ่านไปผ่านมาอย่างรวดเร็วหามไปไม่รู้ตัว
“นั่นคือผู้ดูแลภัตตาคารเยว่เค่อ” หลินฟู่อินเหลือบมองต้ายา
เด็กสาวอุทานขึ้นมาทันทีว่า “อ๋อ ผู้ดูแลร้านเยว่เค่ออย่างนั้นหรือ? ดูไม่เหมือนจะเป็ผู้ดูแลได้เลย ปู่ของข้ายังมีสง่าราศีมากกว่าเสียอีก”
“โอ้ เหตุใดเ้าจึงพูดเช่นนั้น?” หลินฟู่อินสงสัยพลางคิดในใจว่าสาวน้อยนางนี่ช่างน่าสนใจ “หากเ้ารู้ว่าเ้าพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด แล้วนั่นทำให้ผู้ดูแลฮวาผู้เป็ถึงเ้าของภัตตาคารแห่งแรกในเมืองชิงหยางเคืองใจ เ้าไม่รู้สึกกลัวงั้นหรือ?”
ต้ายาตอกกลับ “ฟู่อิน ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้นสักหน่อย เขาก็แค่ดูเหมือนหมูโง่เขลา พูดจาก็ไม่น่าฟัง นี่หรือผู้ดูแลเ้าของภัตตาคาร ข้าว่าพ่อค้าหาบเร่บางคนยังค้าขายน่าฟังกว่าเขาเสียอีก จริงหรือไม่?” เมื่อหันไปเห็นหลินฟู่อินที่กำลังพยายามกลั้นยิ้ม ต้ายาจึงพูดต่อว่า “เ้าดูถูกอกถูกใจอยู่นะฟู่อิน ข้าก็อยากพูดอะไรที่มันดีๆ อยู่บ้าง ข้าว่าคำพูดของข้าคงเหมือนกับมอบขนมหวานรสเลิศให้คนอื่นเลย”
หลินฟู่อินเกือบหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของต้ายา
สองสาวหัวเราะกันอยู่สองคนจนเดินทางมาถึงภัตตาคารหลิวจี้
หลินฟู่อินสังเกตว่ากิจการของภัตตาคารหลิวจี้นั้นรุ่งเรืองกว่าภัตตาคารเยว่เค่อที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้กว่าสามเท่า นางรู้สึกรำคาญใจอยู่เล็กน้อย
หลังจากจัดหาถั่วปากอ้าสดและถั่วงอกให้ภัตตาคารหลิวจี้คราวนี้ ภัตตาคารเยว่เค่อในเมืองชิงหยางก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ เวลานั้นนางจะทำให้ร้านของผู้ดูแลฮวาปิดตัวลง!
หลินฟู่อินเลิกคิ้วพร้อมมองไปที่ต้ายา “ต้ายา เ้าคิดว่าระหว่างแกะเปลือกถั่วอยู่ในห้องเครื่องกับออกไปเก็บถั่วข้างนอก อย่างไหนดีกว่ากันหรือ?”
“แน่นอนว่าต้องออกไปเก็บถั่วน่ะสิ ทำงานในห้องเครื่องตอนแรกก็สบายอยู่หรอก แต่อยู่นานไปจะอุดอู้คล้ายขาดอากาศหายใจเอา” ต้ายากล่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่กลัวเลยว่าจะมีคำพูดใดทำให้หลินฟู่อินไม่พอใจ
หลินฟู่อินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้น ั้แ่วันพรุ่งนี้ เ้ากับแม่ของเ้าไปยังหมู่บ้านใกล้เมืองชิงหยางแล้วเก็บถั่วปากอ้าตากแห้งมาให้ข้าได้หรือไม่?”
ต้ายาฉีกยิ้มกว้างทันที “ได้สิ! สองสามวันมานี้ใจข้าเหมือนจะขาดอยู่รอมร่อ ข้าชอบออกไปทำอะไรข้างนอกอยู่แล้ว”
หลินฟู่อินพยักหน้า ดวงตาของนางมองตรงเป็ประกายคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
วิธีการปลูกถั่วงอก นางคิดค้นวิธีตบตาผู้คนด้วยการให้ป้ารองแสร้งทำเป็เติมวัตถุดิบบางอย่างลงในน้ำเดือด ซึ่งความจริงหม้อนั้นมีเพียงผ้าขาวบาง แต่มันกลับหลอกคนอื่นได้ว่านั่นคือสูตรลับเฉพาะ
จากนั้นนางก็ให้ป้ารองและหลินฟางนำผ้าขาวบางวางคลุมถั่วเขียวเอาไว้ในวันที่สี่และห้า โดยไม่เปิดผ้าเลย แค่ต้องแตะและแสร้งทำเป็เปิดผ้าเท่านั้น
สำหรับผู้ที่รอบรู้ในด้านนี้จะพึงระลึกเอาไว้เสมอว่าการเปิดผ้าขาวบางจะทำให้ถั่วงอกเปลี่ยนสีและเน่าเสียได้ง่าย
นับเป็เคล็ดลับที่ตั้งใจเก็บเอาไว้เพียงชั่วครู่ชั่วคราว หากมีผู้คนสนใจในปีหน้า พวกเขาก็ย่อมได้เรียนรู้เช่นกัน เหตุจากปีนี้นางจำเป็ต้องใช้ถั่วงอกและถั่วปากอ้าเหล่านี้ทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลฮวาเสียให้สิ้น
การให้ต้ายาและแม่ของนางนำถั่วกลับมาคือการแก้ขัดไม่ให้ผู้ดูแลฮวาจัดซื้อถั่วไปในปริมาณมาก จนไม่เหลือถั่วให้พวกนางใช้กันในภายหลัง
สำหรับกรรมวิธีการปลูกถั่วงอกนี้สกุลฮวาไม่เคยได้รับรู้ มีเพียงคนสองสามคนที่ทำงานให้นางในตอนนี้ แต่บางทีพวกเขาก็ใช้วิธีการปลูกถั่วงอกติดสินบนบางคนโดยตรง
อาจพูดได้ว่ามีเพียงห้าสกุลใหญ่ที่ไม่อยากใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก พวกนางอาจหาผลประโยชน์จากคนเหล่านี้ได้ด้วยการบอกวิธีปลูกถั่วงอกให้พวกเขา
เมื่อเสี่ยวจีเห็นหลินฟู่อินก็รีบเรียกผู้ดูแลทันที ส่วนผู้ดูแลก็รีบเรียกเถ้าแก่หลิวเช่นเดียวกัน
เถ้าแก่หลิวได้ยินเช่นนั้นก็รีบรุดมาทักทายจากชั้นสาม
เห็นอีกฝ่ายร้อนรนกันขนาดนี้หลินฟู่อินก็อดหัวเราะไม่ได้ “ลุงหลิวเ้าคะ เหตุใดท่านจึงไม่ลงมาทักทายข้าข้างล่างเล่า ข้าก็แค่เด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น”
เถ้าแก่หลิวยิ้มแล้วพานางกับต้ายาไปยังชั้นสาม ขณะกล่าวอย่างใจดีว่า “ผิดแล้วฟู่อิน ข้ายินดีต้อนรับดาวนำโชคของข้าเสมอ!”
หลินฟู่อินยิ้มรับก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ นางหันไปถามเถ้าแก่หลิวอย่างสงสัย “ลุงหลิวเ้าคะ สองสามวันก่อนข้าพบพี่หลิวที่เมืองชิงเหลียน เขาช่วยข้าเอาไว้ เหตุใดเขายังไม่กลับมาอีกหรือเ้าคะ?”
“มิใช่ตอนนี้ เขาเขียนจดหมายมาบอกว่าจะอยู่ต่ออีกสักสามหรือห้าวัน บางทีอาจมากกว่านั้นแต่มิได้เขียนไว้” เถ้าแก่หลิวขมวดคิ้วไปยิ้มไป “เด็กคนนั้นช่วยอะไรไว้ล่ะ เ้ายกยอเขามากเกินไปแล้ว เ้าเองก็ช่วยเหลือเขาเอาไว้ไม่น้อยเช่นกัน”
เถ้าแก่หลิวไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกดูแคลนบุตรในไส้ของตน แต่ก็ยากจะเชื่อว่าบุตรชายคนนี้จะสามารถช่วยเหลืออะไรหลินฟู่อินได้
ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ ในสายตาของเถ้าแก่หลิวหลินฟู่อินก็คือผู้มีพระคุณอยู่ดี
เมื่อเด็กสาวเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อก็ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ จึงทำได้เพียงยิ้มรับและเปลี่ยนเื่สนทนา
กลับกันใจของเถ้าแก่หลิวก็อยู่ไม่เป็สุข เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินมากับเด็กสาวท่าทางทะมัดทะแมงผู้กำลังแบกกระสอบผ้าใบใหญ่
พอหลินฟู่อินนั่งลงชายชราจึงเอ่ยถามทันที “ฟู่อิน วันนี้เ้านำของดีอะไรมาให้ข้าอีกงั้นหรือ?”
เด็กสาวหันไปพูดกับสหายข้างกายด้วยรอยยิ้ม “ต้ายา วางกระสอบนั่นลงแล้วเปิดให้ลุงหลิวดูเองเถิด”
เด็กสาวเ้าของชื่อปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว มารดาของนางกำชับเอาไว้ว่าให้ติดตามและเชื่อฟังหลินฟู่อินทุกอย่าง
หากแต่กระสอบผ้าขนาดใหญ่ยังไม่ทันได้เปิดดี เถ้าแก่หลิวก็รีบรุดมาดูว่ามีของสิ่งใดอยู่ข้างในนั้น ท่าทางลุกลี้ลุกลนของชายตรงหน้าทำให้หลินฟู่อินแทบหลุดหัวเราะ แต่เคราะห์ดีที่ยังกลั้นเอาไว้ได้
ขณะที่ต้ายากำลังเปิดกระสอบผ้า เถ้าแก่หลิวก็ชะโงกมองของด้านในอย่างระมัดระวัง คิ้วหนาขมวดด้วยความประหลาดใจ ก่อนมือจะเอื้อมไปหยิบของสิ่งนั้นมาพินิจดู บ่งบอกว่าเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
“นี่… นี่คือถั่วปากอ้าอย่างนั้นหรือ? ถั่วปากอ้าสดๆ ใช่หรือไม่?” เถ้าแก่หลิวยังไม่เชื่อ มองไปยังหลินฟู่อิน “ไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดใช่หรือไม่? ถั่วปากอ้าสดมิได้มีสีเขียวขุ่นอย่างนั้นหรือ?”
“มันคือถั่วปากอ้าสดเ้าค่ะ ข้าเพียงนำถั่วปากอ้าตากแห้งไปแช่กับน้ำสะอาดแล้วปอกเปลือกเท่านั้น พวกมันก็ออกมาหน้าตาเป็เช่นนี้ ต่างจากถั่วปากอ้าที่ปากกว้างและดูสดกว่า” หลินฟู่อินอธิบายอย่างใจเย็น แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ นางจึงยกถ้วยน้ำชาใบสวยขึ้นมาจิบแล้วถามต่อว่า “ลุงหลิวคิดว่านี่คือวัตถุดิบที่สดใหม่หรือไม่เ้าคะ?”
คำถามของหลินฟู่อินทำให้เถ้าแก่หลิวต้องครุ่นคิดอีกครั้งว่านี่ใช่ของที่สดใหม่หรือไม่
แม้ว่ารสชาติของมันจะแตกต่างกับถั่วปากอ้าที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ แต่ก็นับว่าเป็เื่ยากที่จะหาถั่วปากอ้ามากินเล่นในฤดูกาลนี้ได้!
“ใช่สิ! ใช่แล้วล่ะ ใช่เลย!” เถ้าแก่หลิวะโออกมาอย่างตื่นเต้น “ฟู่อิน เ้านี่เป็ดาวนำโชคของภัตตาคารหลิวจี้จริงๆ”
หลินฟู่อินยกมือปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มบาง “ลุงหลิวชมข้าเกินไปแล้ว ฟู่อินไม่คู่ควรกับคำยกยอเช่นนี้”
“คู่ควรสิ… คู่ควรแล้ว!” เถ้าแก่หลิวกล่าวเสียงหลง “ถั่วปากอ้าสดของเ้าจะเรียกลูกค้าเก่าของข้ากลับมาอีกครั้ง! นี่คือของสดใหม่หายากในฤดูกาลนี้!”
หลินฟู่อินเอ่ยถาม “ลุงหลิวจะให้แม่ครัวเตรียมสำรับอย่างไรเ้าคะ?”
ชายชราชะงักเล็กน้อยพลางหัวเราะ "ให้เป็หน้าที่ปรมาจารย์เถี่ยแล้วกัน"
หลินฟู่อินหัวเราะตาม ก่อนจะแนะนำว่า “ถั่วปากอ้าสดนี้ท่านสามารถนำไปผัดกับผักหลากชนิดได้ อย่านำมันไปผัดเดี่ยวๆ เพียงอย่างเดียว อ้อ จริงสิ! ผัดมังสวิรัติก็ถือเป็อีกรายการที่เข้าท่า ข้าขอแนะนำเมนูผัดอีกหลายอย่าง เช่น ถั่วปากอ้าผัดไข่ ถั่วปากอ้าผัดเนื้อหมู ถั่วปากอ้าผัดเนื้อกระต่าย และถั่วปากอ้าผัดเนื้อหมัก…”
หลังจากฟังรายการอาหารของหลินฟู่อิน เถ้าแก่หลิวได้แต่เกาหูแล้วกระซิบเสียงแ่ “โอ้ ยอดเยี่ยมเสียจริง! ข้าจะนำถั่วเหล่านี้ไปให้ครัวใหญ่ แล้วบอกรายการอาหารของเ้าแก่เหล่าเถี่ย”
เถ้าแก่หลิวมีความสุขเหลือล้นจนลืมเื่ชั่งน้ำหนัก ต้ายากำลังจะเอ่ยเตือน หากแต่ถูกหลินฟู่อินขวางไว้เสียก่อน
“ฟู่อิน เขาเดินจากไปดื้อๆ เช่นนี้ จะรู้ได้อย่างไรว่าทั้งหมดนั่นหนักกี่จิน?” ต้ายาท้วงเสียงเบาเพราะเห็นว่าหลินฟู่อินนอบน้อมต่อชายชราผู้นี้ไม่น้อย
หลินฟู่อินตอบเสียงเบาไม่ต่างกัน “ไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าจะหนักเท่าไร ข้าก็ไม่ได้คิดจะจากสกุลหลิวไปไหน”
“อา? บ้านสกุลหลิวนี่เอง” ดูเหมือนต้ายาจะไม่รู้มาก่อนว่าชายชราเมื่อครู่คือเ้าของภัตตาคารหลิวจี้แห่งนี้ เพราะในความคิดของนางพวกเขาดูอ่อนน้อมเป็กันเองมากเกินไป
หลินฟู่อินคว้าถ้วยชาจากสาวใช้ให้นาง “คิดมากไปไยเล่า ดื่มชาเถิด” ว่าแล้วมือสวยก็หยิบขนมถั่วแดงยื่นให้ “ของหวานที่ดีที่สุดของภัตตาคารหลิวจี้จากฝีมือปรมาจารย์เถี่ยของเ้า ลองชิมดูสิ อร่อยยิ่งนัก”
ต้ายาเห็นหลินฟู่อินผ่อนคลายและเป็มิตรเช่นนี้ก็โล่งใจ จึงยื่นมือไปรับขนมถั่วแดงมาชิมตามที่อีกฝ่ายบอก
“ฟู่อิน ข้าให้คนในครัวชั่งถั่วปากอ้าสดที่เ้านำมาให้ ทั้งหมดสี่สิบสองจินแปดเหลี่ยง คิดเป็สี่สิบสามจิน เ้าจะขายให้ข้าอย่างไรบ้าง?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้