ตาอ้วนนี่คุยเก่งชะมัด ปากจ้อไม่หยุดตลอดทาง เล่าเื่ประหลาดเื่เล่าพิสดารที่เขาได้ยินได้ฟังสมัยที่ยังเรียนในเขตตะวันตก แล้วล้วนแต่เต็มไปด้วยความลึกลับซับซ้อน
“พวกนายอย่าคิดว่ากำลังฟังนิทานอยู่เชียวนา บางเื่นี่เกิดขึ้นจริงนะ” ตาอ้วนพูดจริงจังหนักแน่น
ได้ยินเขาหลอกล่อก็มีคนเร่งให้เขาพูด
“ที่วัดร้างแห่งหนึ่ง ฉันเคยเห็นลูกหมาพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ตัวหนึ่งร้องไห้เฝ้าศพหมาแก่อีกตัวที่ตายไป ลูกตาทั้งสองของลูกหมาตัวนั้นมีน้ำตาสีทองไหลออกมาด้วย” โจวเฉวียนเล่า
“เหอะ!”
คนทั้งกลุ่มแค่นเสียง ไม่มีใครเชื่อ นี่มันก็เกินไปใช่เื่จริงเสียที่ไหน
“เื่จริงล้านเปอร์เซ็นต์ ฉันเห็นมากับตาตัวเอง” ตาอ้วนโจวมีน้ำโห ตบอกสาบานว่าไม่ได้โกหก
“หลังจากนั้นฉันมาคิดดู บางทีอาจเป็เพราะลูกตาสีทองของมันสว่างเรืองรองเกินไป เลยสะท้อนจนเห็นน้ำตาเป็สีทอง” ตาอ้วนอธิบาย
“นายเห็นลูกสุนัขมาสทิฟฟ์ไม่ธรรมดาอย่างนี้ แล้วทำไมไม่อุ้มกลับมาเลี้ยงเล่า ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?” มีคนหัวเราะ
“เฮ้ย ฉันน่ะอยากอุ้มมาด้วยอยู่ แต่ที่วัดร้างนั่นมีลามะแก่ยิ่งกว่าแก่จนคนกลัวอยู่รูปหนึ่ง เจรจายากมาก ไม่ยอมให้ฉันอุ้มมันกลับมา”
ตามที่โจวเฉวียนเล่า วัดร้างผุพังนั่นอยู่ลึกเข้าไปบนที่ราบสูงที่ห่างไกลโดดเดี่ยว ปีหนึ่งๆ มีคนไปที่นั่นไม่กี่คน ตัวอารามก็เกือบจะพังมิพังแหล่อยู่แล้ว
ลามะชรานั่นก็สูงวัยอย่างยิ่ง หูไม่ค่อยได้ยินพูดจาสื่อสารกันลำบากอย่างมาก
จนท้ายที่สุด ตาอ้วนโจวถึงเข้าใจความหมายของลามะชรา ลูกสุนัขมาสทิฟฟ์นั่นไม่ได้เป็ของผู้ใด สักวันมันต้องเข้าไปยังบรรพตศักดิ์สิทธิ์ แล้วอีกหน่อยมันก็จะสามารถปราบมารได้
“แต่ว่า พละกำลังของลูกสุนัขมาสทิฟฟ์นั่นน่าใจริงๆ พองับขากางเกงฉันได้ ก็ทำเอาฉันล้มกลิ้งไม่เป็ท่า ประหลาดจริงๆ” ตอนที่โจวเฉวียนพูดถึงเื่ในตอนนั้น ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
คนอื่นไม่มีใครเชื่อ
“เื่นี้ั้แ่เมื่อไหร่กัน?” ฉู่เฟิงถาม
เป็เพราะที่เขาคุนหลุน เขาได้พบมาสทิฟฟ์ที่ทรงพลังน่าเกรงขาม มากกว่าพวกเดียวกันเอง ล่าสังหารสัตว์ร้ายอย่างง่ายดาย มันย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ราวๆ สามปีก่อนได้นะ” โจวเฉวียนตอบ
เสียงหวูดรถไฟหวีดหวิว ทัศนียภาพนอกหน้าต่างทะยานผ่านไปอย่างรวดเร็ว รถไฟมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออก ในที่สุดก็ผ่านพ้นเขตที่ราบสูง
“ซื้อของกินมาเยอะขนาดนี้เชียว?” ตาอ้วนโจวไม่รู้จักเกรงใจเลยสักนิด เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระให้เขา แถมยังมาถามเขาอีกว่าอันไหนอร่อย
“เมล็ดเทพเ้าพวกนี้รสชาติไม่เลวนะ” ฉู่เฟิงตอบ
“หา?” โจวเฉวียนมีสีหน้างุนงง
“ก็นายบอกเองไม่ใช่เรอะ ตามตำนานน่ะมนุษย์บางพวกถูกปลูกขึ้นมา ฉันเลยว่าพวกนั้นน่าจะเป็เมล็ดเทพเ้า”
ฉู่เฟิงชี้ไปที่ถั่วปากอ้ากับพวกสารพัดถั่ว
ตาอ้วนโจวท่าทางพูดไม่ออก ยัดของกินเข้าไปเต็มปากพึมพำตอบ “เมล็ดเทพเ้านี่รสชาติไม่เลวจริงๆ ด้วย”
ผู้คนรอบกายพลันหัวเราะขึ้นมา
“โอ๊ย!” ทันใดนั้น โจวเฉวียนแยกเขี้ยว ร้องด้วยความเ็ป คายเม็ดถั่วหนึ่งเม็ดออกมาจากปาก
“นี่พี่น้อง นายไปซื้อถั่วมาจากไหนน่ะ นี่มันกินได้เหรอเนี่ย? แข็งยิ่งกว่าเหล็กซะอีก ฟันฟางฉันจะหักหมดแล้ว” เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใบหน้าแสดงความเ็ป
เขาโยนถั่วเม็ดนั้นลงบนโต๊ะ เสียงดังแต๊ง
“พระเ้า แข็งเป๊กเลยนายดู เคาะทีเสียงดังแก๊งอย่างนี้ นี่มันยุคไหนกัน ความปลอดภัยด้านอาหารนี่แก้ไม่ตกแต่ไหนแต่ไรเลยนะเนี่ย!” โจวเฉวียนหัวร้อนไม่ยอมหยุด มือยังกุมแก้มอยู่
ฉู่เฟิงสะดุ้ง นั่นมันไม่ใช่ถั่วปากอ้า แต่เป็เมล็ดพันธุ์ในกล่องหิน เม็ดที่แห้งจนเหลืองแต่ยังกลมอยู่ต่างหาก
เขาหยิบมันออกมาคิดจะให้โจวเฉวียนดูว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่คุยนู่นนี่กันตลอดทางจนลืมเื่นี้เสียสนิท แล้วเลยวางมันไว้ข้างๆ พวกถั่วที่เอาไว้กินเล่น
“บ้าเอ๊ย มีจิตสำนึกกันบ้างไหม นี่มันใช่ถั่วซะที่ไหนล่ะ แล้วนี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย?!” พอโจวเฉวียนเห็นรูปร่างหน้าตามันชัดเจน ก็หัวร้อนขึ้นมาทันที จะจดที่อยู่โรงงานบนซอง กลับไปจะโวยให้หนัก
ฉู่เฟิงหน้าม้านนิดๆ แต่ก็ยังพูดความจริงออกมา บอกเขาว่านี่ไม่ใช่ถั่วที่อยู่ในซอง แต่เป็เมล็ดพันธุ์ที่เก็บมาจากที่ราบสูง
ตาอ้วนโจวอึ้งไปทันควัน ใบหน้านิ่งอั้นจนแดงแปร๊ด เหมือนกับว่าสุดจะทนทานแล้วนั่น
ผู้คนรอบด้านล้วนนิ่งเงียบ จากนั้นก็ประสานเสียงหัวเราะลั่น
ตาอ้วนโจวนิ่งอั้นไปนานถึงพูดขึ้นว่า “พี่น้อง นายนี่มันสะเพร่าจริงๆ ของอย่างนี้วางมั่วซั่วได้เสียที่ไหนเล่า? นี่มันเมล็ดพันธุ์ซะที่ไหน ก้อนเหล็กต่างหาก!”
ฉู่เฟิงพลันหัวเราะไปด้วย ช่วยเลือกถั่วแต่ละชนิดให้เขาเป็การไถ่โทษ
ขณะเดียวกัน เขาก็วางเมล็ดพันธุ์ทั้งสามไว้บนโต๊ะ ขอความเห็นจากคนรอบด้านว่าเป็เมล็ดพันธุ์อะไรกันแน่ แน่นอนล่ะเขาไม่ได้บอกถึงที่มาที่ไปของเมล็ดพันธุ์โบราณทั้งสามนี่
“เมล็ดกลมๆ นี่ดูเหมือนถั่ว แต่ก็ไม่ใช่”
“แล้วไอ้เมล็ดแบนๆ นี่มาได้ยังไงล่ะ คงไม่ได้ถูกทับแบนหรอกนะ?”
“เมล็ดแห้งฝ่อจนเสียรูปนี่ ดำไปหมดเลยแฮะ แต่ก็ไม่เคยเห็นนะ”
...
ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถบอกชื่อของเมล็ดพันธุ์นี้ได้ มีบางคนเดาว่าเป็เมล็ดพันธุ์องุ่นูเา
“ฉันล่ะอยากทุบมันให้เละซะจริงๆ!” โจวเฉวียนเคาะแก้มพลางมองดูหนึ่งในนั้น
“อย่าน่า นี่มันเมล็ดพันธุ์ชนิดพิเศษเชียวนะ ฉันยังคิดจะปลูกมันเลย ดีไม่ดีอาจจะงอกออกมาเป็เทพธิดาก็ได้” ฉู่เฟิงหัวเราะเฮฮาพลางตอบ
“ถ้าเป็ตามที่โจวเฉวียนเล่ามา มันก็ไม่แน่นะ” คนอื่นหัวเราะอือออสนับสนุน เฮฮากันไป
“จะมาปลูกเทพธิดาอะไรกันล่ะ? ฉันว่าน่าจะออกมาเป็ลามะเฒ่า ไม่ก็นักพรตแก่ๆ สามรูปมากกว่า” โจวเฉวียนว่างั้น มือปิดปาก ท่าทางยังเจ็บไม่หาย
ระหว่างทาง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทว่า เมื่อมาถึงสถานีหนึ่ง รถไฟกลับหยุดนิ่งไม่ไปต่อ
“เกิดเื่อะไรขึ้น?”
เวลาที่รถหยุดยาวนานเกินไป หลายคนนั่งไม่ติดทยอยกันลุกเดิน
ไม่นาน พนักงานบริการประจำรถก็ประกาศว่า เกิดอุบัติเหตุบนทางรถไฟข้างหน้า ขณะนี้กำลังทำการคลี่คลายสถานการณ์อย่างเร่งด่วน อีกไม่นานก็จะเดินทางต่อได้
ผู้คนต่างนั่งลงรอคอยอย่างอดทน
“ดูนี่ มีข่าวอีกแล้ว ข่าวใหญ่ซะด้วยสิ กลางอากาศไม่ได้ปรากฏแค่ต้นหญ้าเท่านั้นนะ แต่ยังมีต้นไม้ด้วยรูปนี้นี่อย่างชัดเลย”
โจวเฉวียนร้องบอก กระทุ้งกระแทกฉู่เฟิงที่อยู่ข้างๆ ชี้ให้เขาดูข่าวในเครื่องมือสื่อสาร
“พิสดารจริงๆ ่นี้มีแต่เื่ที่อธิบายไม่ได้อย่างนี้เกิดขึ้น นี่ยังเป็โลกใบที่ฉันรู้จักอยู่หรือเปล่าเนี่ย?” แล้วก็มีคนขานรับ
เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่แค่โจวเฉวียนเท่านั้นที่เห็นข่าวที่เพิ่งออกนี้ คนอื่นก็เห็นข่าวนี้ด้วยเช่นกัน
ฉู่เฟิงอ่านอย่างละเอียด รูปอิเล็กทรอนิกส์นี่ก็ละเอียดชัดเจนอย่างมาก น่าจะเป็กลางอากาศ ต้นไม้ที่ล่องลอยอยู่ดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
พอดูให้ละเอียดมีต้นไม้บางต้นที่สีเขียวชอุ่ม แล้วก็มีบางต้นสีน้ำตาลอมม่วงทั้งต้น ยิ่งกว่านั้นยังมีต้นสีแดงดั่งเืแปลกประหลาดอย่างที่สุด
ในอากาศปรากฏต้นไม้พวกนี้ได้อย่างไร? ไม่มีใครอธิบายได้
ชั้นแรกในรถไฟส่งเสียงเซ็งแซ่กันไม่หยุดหย่อน ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา เื่นี้แปลกประหลาดเกินไป ไม่ใช่เื่เล็กๆ ทำให้ผู้คนแตกตื่นได้อย่างง่ายดาย
จนกระทั่งรถไฟเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เสียงหวูดดังก้องยาวไกลความสนใจของผู้คนจึงกระจัดกระจาย เสียงต่างๆ ค่อยสงบลง
“ฉันคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ดีนะ ตอนมาเรียนที่เขตตะวันตกนี่ ขึ้นล่องไม่รู้กี่ครั้ง” โจวเฉวียนเล่า แนะนำเมืองแต่ละเมืองที่รถวิ่งผ่านตลอดเส้นทาง
ประมาณหนึ่งชั่วโมงให้หลัง รถไฟก็หยุดนิ่งอีกครั้งที่สถานีหนึ่ง
พร้อมกันนั้น โจวเฉวียนก็จ้องไปนอกหน้าต่างพูดกับตัวเอง “ไม่ใช่ละ แต่ไหนแต่ไรสถานีนี้มันไม่มีูเานี่นา”
“นั่นสิ ฉันก็ใช้เส้นทางนี้บ่อยเหมือนกัน แถบนี้มันต้องไม่มีูเาสิ” แล้วก็มีเสียงคนอื่นขึ้นพูดอย่างงงงวย
“ไม่ใช่ พวกนายดูนั่น นั่น...มันไม่ใชู่เา เป็ต้นไม้ั์!” มีคนะโอย่างประหลาดใจ
หลายคนวิ่งไปเกาะหน้าต่าง สำรวจดูอย่างละเอียด
ฉู่เฟิงสีหน้าประหลาดใจ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่านั่นคือต้นไม้ั์ต้นหนึ่ง ใหญ่โตมโหฬารอย่างกับูเาลูกหนึ่ง ยืนต้นตระหง่านสูงเสียดฟ้าอยู่ไกลๆ
“สถานีนี้มีคนขึ้นรถไฟหรือเปล่า ลองถามพวกเขาซิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” มีคนพูดขึ้นมา
ไม่นานนักก็มีคนขึ้นมาบนรถไฟ คำบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนถึงกับตะลึงพรึงเพริด
นั่นคือต้นแปะก๊วยโบราณ เป็ต้นไม้ที่เป็ที่รู้จักกันอย่างดีในท้องถิ่น อายุก็หลายร้อยปีแล้ว แต่่นี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้ขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง
เื่นี้ทำให้คนในพื้นที่แตกตื่นกันใหญ่โต
พื้นที่บริเวณนั้นถูกปิดกั้นไปเรียบร้อยแล้ว ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้
“ที่แท้ก็เื่จริง สองวันก่อน…ยังเห็นรูปอยู่เลยนะ แต่สุดท้ายก็ถูกลบไป ที่แท้ก็มีเื่นี้จริงๆ!” ในตู้รถไฟมีคนเอะอะขึ้นมา
มีเื่พิสดารอย่างนี้เกิดขึ้น มันทำให้ผู้คนยากจะเข้าใจ
ต้นไม้โบราณ ถึงแม้มันจะมีอายุยืนนาน แต่ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะขยายจนใหญ่โตอลังการได้ภายในสองสามวัน มันเป็เื่เหลือเชื่อเกินกว่าจะจินตนาการได้
เวลาผ่านไปรถไฟยังคงหยุดนิ่ง พริบตาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็ยังคงจอดอยู่ที่สถานีนี้อยู่เลย
พนักงานบริการประจำรถอธิบายว่า เกิดเหตุกะทันหันขึ้นบนเส้นทางข้างหน้าอีก กำลังดำเนินการคลี่คลายอยู่ อีกไม่นานก็จะออกเดินทาง
บนรถไฟผู้คนต่างวุ่นวาย บ้างก็พูดถึงเื่ต้นไม้โบราณต้นนั้น บ้างก็ถกกันถึงต้นไม้ประหลาดกลางอากาศ เื่พวกนี้มีอะไรเกี่ยวพันกันหรือไม่นะ?
ในที่สุด ผู้คนต่างก็อดรนทนไม่ไหว บางคนลงจากรถไปเดินเล่น
โจวเฉวียนก็ลงไปกับเขาด้วย แต่ไม่นานก็กลับขึ้นมา สีหน้าสีตาแปลกๆ พูดว่า “นายดูสิว่าฉันถอนต้นอะไรกลับมา?”
ในมือที่เปรอะเปื้อนดินโคลนเล็กน้อยคือต้นหญ้าที่พบเห็นได้ทั่วไปต้นหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้มีความพิเศษอยู่บ้าง สีเขียวชอุ่มเต็มไปด้วยพลังชีวิต นอกจากนี้มันยังมีผลสีแดงปลั่ง ขนาดเท่ากำปั้น กลิ่นหอมกำจาย
“นี่เป็การค้นพบที่ยิ่งใหญ่เลยนะเนี่ย ต้นหญ้าออกผลสีแดงสด กลิ่นหอมเตะจมูกเสียด้วย!” โจวเฉวียนพูดเสียงสั่น
ฉู่เฟิงรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบทั่วแผ่นหลัง โลกใบนี้มันยังไงกันแน่? นี่มันเริ่มกลายพันธุ์แล้วหรือ!