บทที่ 178 ิญญายุทธ์ประหลาด
“คุณชายตงฟาง เราสองไม่ได้ประมือกันมานานหลายปีแล้ว ไม่คิดว่าแรงกดดันในตอนนี้ของเ้าจะดีขึ้นมาก”
เสวี่ยหานเฟยมีท่าทีผ่อนคลาย ใบหน้าเผยยิ้มงดงาม โบกพัดด้วยมือขวา ขนพัดปลิวไสวไปตามสายลม และมีเกล็ดน้ำแข็งใสล่องลอย สวยงามมาก
“ฮึ่ม! ข้าเคยแพ้ให้เ้ามาก่อนก็จริง แต่หลังจากผ่านไปหลายปี คิดว่าเ้ายังเอาชนะข้าได้อีกหรือ?!”
“ย๊า--!”
ตงฟางสยงกวัดแกว่งหอกเล่มใหญ่ แสงสีทองส่องไปทั่วลำหอก ปกคลุมไปด้วยลายสลัการูปสัตว์แน่นขนัด เห็นได้ชัดว่านี่คือลายสลักาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
“ฟุ่บ!”
แสงหอกทะลุผ่านอากาศเหมือนส่วนโค้งของสายฟ้าและกลายเป็หนามยาว การเคลื่อนไหวของตงฟางสยงเปิดกว้าง ด้วยความสามารถทางร่างยุทธ์อันทรงพลังของเขา ทำให้การเคลื่อนที่ของหอกนั้นทรงพลังมากพอที่จะดึงูเาและแม่น้ำมากองรวมกัน!
มีเสียงะเิของอากาศดัง “ฉับ” หอกเล่มใหญ่โจมตีแบบสุ่มทิศทาง แต่มุ่งเป้าไปที่เสวี่ยหานเฟย ทั้งความเร็วและพลังนั้นน่าทึ่งมาก
“น่าเบื่อจริง ข้าเคยเห็นวิชายุทธ์ของเ้ามาแล้ว เ้าช่วยคิดหาอะไรใหม่ๆ หน่อยได้ไหม?”
เสวี่ยหานเฟยหัวเราะเบาๆ หันกลับมาและถอยกลับ เสื้อคลุมของเขาพริ้วไหวได้หรูหราอย่างยิ่ง พร้อมด้วยเศษน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในอากาศ ปิดกั้นการโจมตีของหอกได้อย่างทันท่วงที และการรุกที่รวดเร็วปานสายฟ้าก็ลดลงอย่างมากในทันใด
“ตูม!”
บนเวที ตงฟางสยงเล็งพลาด หอกปักคาอยู่ที่พื้น หินจำนวนมากปลิวไปรอบๆ ฝุ่นควันลอยฟุ้ง ทำให้ดวงตาของเขาหยุดนิ่ง
“เ้าเสวี่ยหานเฟยคนนี้! เขาไม่ใช่คนอ่อนแอจริงๆ ด้วย เขาแค่เล่นกลกับผีขี้โกงนั่น!” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว สังเกตการโจมตีและการป้องกันของทั้งสองฝ่าย
เขามองออก แม้ว่าตงฟางสยงจะเป็ฝ่ายได้เปรียบ เหมือนจะควบคุมสถานการณ์ได้ ปลายหอกที่แหลมคมของเขาพราวระยับเมื่อต้องแสงอาทิตย์
แต่เสวี่ยหานเฟยนั้นเร็วกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเขาสะบัดพัดขนนกในมือ มันสามารถปล่อยเศษน้ำแข็งขนาดเล็กจำนวนมากออกมา ซึ่งไม่เพียงแต่เป็การป้องกันที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังสามารถชะลอท่าสังหารของคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย ซึ่งแปลกมาก
ยามนี้ เสวี่ยหานเฟยทะยานขึ้นไปในอากาศและเมื่อเขาก้มหน้าลง ก็มองเห็นหอกของตงฟางสยงปักอยู่ที่พื้น เขาส่ายหัวด้วยรอยยิ้มและพูดเหน็บแนม “ฮะๆ พี่ตงฟาง ความแม่นยำของเ้า ช่างเปิดหูเปิดตาข้าจริงๆ”
แต่ตอนนี้ ตงฟางสยงกลับหัวเราะออกมา ดวงตาของเขาเป็ประกายและะโ “เช่นนั้นหรือ? ใครบอกว่าหอกข้าปักอยู่ที่พื้นแล้วจะโจมตีเ้าไม่ได้? ไร้สาระ!”
“ปัง ปัง ปัง——! แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก!”
หลังจากพูดจบ พื้นผิวหินของเวทีก็ถูกหอกงัดจนเกิดเสียงหินแตกดังสนั่น เสาหินขนาดั์พุ่งทะลุอากาศออกมาอย่างไม่คาดคิด!
“หึ น่าสนใจ!” เมื่อเห็นเช่นนั้น เสวี่ยหานเฟยก็ขมวดคิ้วและไม่กล้าประมาทมัน
ด้วยเสียง “ฟุ่บ” เขาหันกลับมากลางอากาศโดยถือพัดขนนกอยู่ในมือ ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะปะทะกับเสาหินที่พุ่งมาอย่างแรงต้นนั้น
“คุณชายชุยเสวี่ยบ้าไปแล้วหรือเปล่า? เขาคิดจะใช้พัดขนนกมาสู้กับเสาหินหรือ? นั่นถือว่าเป็วิชายุทธ์ของตงฟางสยงเลยนะ!” บางคนอยู่ในอารามใและไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเสวี่ยหานเฟย
“ไม่! พัดขนนกนั่นมีบางอย่างแปลกๆ!”
ฉู่อวิ๋นสังเกตอย่างตั้งใจและรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะตัดสินผู้ชนะ เพราะเสวี่ยหานเฟยมักถือพัดขนนกไว้ั้แ่เช้ายันเย็น ซ้ำยังแยกจากกันไม่ได้ ดังนั้นมันจะต้องไม่ใช่สิ่งที่ไร้ประโยชน์แน่
“ปัง!”
เสียงกระแทกที่สั่นะเืท้องฟ้าดังขึ้น เป็เสียงพัดขนนกที่กระทบกับเสาหิน ฟังดูทรงพลังมาก
ทันใดนั้น ก็มองเห็นเสาหินเริ่มแตกร้าวทีละชุ่น ก่อนจะแตกกระจายจนกลายเป็ผุยผงไปในที่สุด
ฉู่อวิ๋นใ แน่นอนแล้วว่าพัดขนนกที่ดูนุ่มนวลนั่น แท้จริงแล้วมันคืออาวุธ! ยิ่งไปกว่านั้น ระดับก็ย่อมไม่ต่ำอย่างแน่นอน!
เมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นประหลาดใจ หลิงจื้อจึงอธิบายว่า “ผู้มีพระคุณ หากท่านได้มีโอกาสต่อสู้กับเสวี่ยหานเฟย ท่านต้องระวังพัดขนนกของเขาไว้ให้ดี พัดนั่นไม่ธรรมดาเลย มันเรียกว่าพัดขนนกัน้ำแข็ง”
“ขนของพัดขนนกนี้ ได้มาจากัน้ำแข็งทางตอนเหนืออันไกลโพ้น เป็ส่วนของแผงคอ ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งมาก กระบี่ยังตัดไม่ขาด และยังช่วยเสริมคุณสมบัติให้กับพลังปราณน้ำแข็งอีกด้วย”
“เหอะ สมแล้วที่เป็ทายาท แม้แต่พัดยังสูงส่งเสียขนาดนั้น” ฉู่อวิ๋นลอบแดกดัน เมื่อนึกถึงครั้งที่เสวี่ยหานเฟยมักจะสะบัดพัดขนนก เขาดูภูมิใจมากจนอยากจะตบเขาสักฉาด
บนเวที หลังจากทั้งคู่ปะทะกัน พวกเขาก็ต่อสู้กันอีกหลายยก แต่ต่างก็ไม่มีใครได้เปรียบ
เห็นได้ชัดว่าเสวี่ยหานเฟยและตงฟางสยงกำลังลองเชิงกันอยู่ ยังไม่เผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงพัวพันกันอย่างแยกไม่ออก สถานการณ์โดยรอบเริ่มมีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
“คุณชายตงฟางสู้ๆ ไอ้หยา! น่าเสียดายจริง หอกเมื่อครู่เกือบจะโดนตัวแล้ว”
“คุณชายชุยเสวี่ย อย่ามัวแต่หลบสิ สอนบทเรียนให้อีกฝ่ายด้วย!”
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนถูกการประลองที่ยอดเยี่ยมนี้ดึงดูดความสนใจ ปล่อยวางทุกสิ่งอย่างโดยสิ้นเชิง และส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจกัน
“ปัง!”
ทั้งสองปะทะกันกลางอากาศอีกครั้ง พัดขนนกัน้ำแข็งและหอกแสงสีทองกระทบกันจนเกิดคลื่นอากาศที่ไม่มีที่สิ้นสุด ระลอกคลื่นกระจายไปทุกทิศทาง
จากนั้น เมื่อทั้งคู่ลงมา ก็เริ่มดูจริงจังขึ้น
“แยกกันไปนานหลายปี การฝึกฝนของเ้าดีขึ้นไม่น้อย ถึงขั้นสามารถไปถึงระดับหกขั้นมหาสมุทรได้แล้ว” เสวี่ยหานเฟยยิ้มและโบกพัดขนนกเล็กน้อย แต่น้ำเสียงจริงจัง
“หึ กลัวหรือ? หยุดพูดเื่ไร้สาระได้แล้ว ในเมื่อเ้าไม่เอาจริงเสียที เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เ้าเสียใจ!” ตงฟางสยงพูดอย่างเ็า ดวงตาของเขาจริงจัง ความจริงแล้ว ในการประมือเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ ทายาทของตระกูลปีศาจวัว กำลังจะลงมือแล้ว!
“โฮก--!”
ทันใดนั้น ตงฟางสยงก็ะโเสียงดัง คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับสัตว์ร้าย
มองเห็นร่างยุทธ์ของเขาทะยานขึ้น เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกเป็ชิ้นๆ เผยให้เห็นร่างกายที่มีมัดกล้าม กล้ามเนื้อปูดโปนจนคล้ายัมีเขา เส้นเืของเขาบิดเบี้ยวเหมือนงูเหลือม จนผู้คนหวาดกลัวอย่างมาก
ตงฟางสยงในตอนนี้ สูงกว่าสองเมตรครึ่ง และแข็งแกร่งมากราวกับสัตว์ปีศาจตัวจริง เขาถือหอกทองคำขนาดใหญ่ไว้ในมือ ทั่วร่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
“ทำไมเขาถึงตัวใหญ่ขึ้นล่ะ? เป็เพราะความสามารถของิญญายุทธ์หรือ?” ฉู่อวิ๋นประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน คนๆ หนึ่งสามารถสูงขึ้นได้ในทันทีเช่นนี้เลยหรือ? กลายเป็ั์ได้น่ากลัวมาก
“ผู้มีพระคุณ หากคู่ต่อสู้ของท่านคือตงฟางสยง ท่านก็ต้องระวังเหมือนกัน”
หลิงจื้อมองอย่างเคร่งขรึมและพูดด้วยเสียงทุ้ม “นี่คือพลังโลหิตของตระกูลปีศาจวัว ตราบใดที่มันถูกเปิดใช้งาน ร่างกายก็จะสามารถกลายร่างเป็ปีศาจวัวได้ชั่วคราว ไม่เพียงเพิ่มความแข็งแกร่งได้เท่านั้น แต่มันยังต้านทานการถูกโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน”
“ตอนนี้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของตงฟางสยงน่าจะเทียบได้กับาาสัตว์ปีศาจ ซึ่งทรงพลังมาก”
“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย?! สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็อัจฉริยะรุ่นเยาว์ ไม่ใช่ชื่อที่ได้มาลอยๆ จริงๆ ด้วย” ฉู่อวิ๋นพึมพำ รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนประเมินตงฟางสยงต่ำเกินไปแล้ว
เขาสามารถยืดหยัดอย่างมั่นคงในทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออกได้ จะเป็เพียงชายหนุ่มธรรมดาได้อย่างไร? ย่อมต้องมีทักษะพิเศษเฉพาะตัวเป็แน่
พลังโลหิตก็มีพิเศษตามชื่อ คือมีเพียงตระกูลพิเศษเท่านั้นที่สามารถได้ ซึ่งมีจำนวนน้อยและไม่ใช่ว่าสมาชิกทุกคนในตระกูลจะปลุกพลังได้สำเร็จ
ตระกูลปีศาจวัวสามารถลงหลักปักฐานอยู่ทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออกได้ ก็เพราะอาศัยพลังประเภทนี้
“ฮ่าๆ ข้าอยากจะบอกจริงๆ ว่าหน้าตาเ้าในตอนนี้น่าเกลียดยิ่งนัก” ในเวลานี้ ดวงตาของเสวี่ยหานเฟยจับจ้องไปที่คู่ต่อสู้ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะสะบัดพัดขนนกอย่างประชดประชัน
เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เคร่งขรึมลงเล็กน้อยเช่นกัน
“เสวี่ยหานเฟย!” ร่างกายของตงฟางสยงเปลี่ยนไป ใบหน้าก็ดุร้ายขึ้น และแม้แต่เสียงก็ทุ้มหยาบราวกับวัว เขาะโ “วันนี้เป็วันแห่งความพ่ายแพ้ของเ้า ข้าจะทำให้เ้าคุกเข่าลงต่อหน้าข้าต่อหน้าฝูงชน!”
“โฮก--!!!”
ทันใดนั้น สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ตงฟางสยงคำราม ิญญายุทธ์ก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนประหลาดใจ
มันเป็หยดเืสีแดงสดที่ลอยค้างอยู่เช่นนั้น อบอ้าวไปด้วยความร้อน ควันสีขาวพวยพุ่งแล้วขดตัว
มันไม่ใช่อาวุธวิเศษ ไม่ใช่ิญญา ไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และไม่ใช่ดอกไม้แปลกๆ
นี่คือิญญายุทธ์ประหลาด โลหิตแห่งความบ้าคลั่ง!
“ิญญายุทธ์ระดับเจ็ด โลหิตแห่งความบ้าคลั่ง?!” บางคนอุทานด้วยสีหน้าแสนจะประหลาดใจ
“ว่ากันว่าคนที่ปลุกิญญายุทธ์ประเภทนี้ขึ้นมา จะมีความสามารถทางิญญายุทธ์ที่บ้าเืและรุนแรง ช่วยเพิ่มพลังโจมตีของนักรบได้เป็สองเท่าชั่วคราว และจะไม่รู้สึกเ็ป!”
“เ้าหนุ่มคนนี้โชคดีมาก! ไม่เพียงแต่จะปลุกพลังโลหิตเท่านั้น แต่ยังมีิญญายุทธ์พิเศษอีกด้วย แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าคุณชายชุยเสวี่ยจะไม่มีโอกาสชนะแล้ว จะไปสู้ได้อย่างไรล่ะนี่? ิญญายุทธ์และร่างยุทธ์เสริมกันเช่นนี้ เขาคงถูกทุบเป็ชิ้นๆ ด้วยกระบวนท่าเดียว”
ผู้าุโที่มีสายตาหลักแหลมบางคนถอนหายใจ เพราะพวกเขารู้ซึ้งถึงิญญายุทธ์ของตงฟางสยง และรู้ผลของการต่อสู้แล้ว
และผู้คนจำนวนมากก็ประหลาดใจ ตงฟางสยงเปิดใช้งานร่างปีศาจวัวและความสามารถทางิญญายุทธ์ที่รุนแรงในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่าเขาจะมีพลังมหาศาล ร่างเล็กๆ ของเสวี่ยหานเฟยจะต้านทานได้หรือ?
“ิญญายุทธ์ของแต่ละคนยอดเยี่ยมกินกันไม่ลง ส่วนข้ามีเพียงกระบี่หักเท่านั้น มันไม่ยุติธรรมเลย!” ฉู่อวิ๋นกัดฟันด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
เวลาผ่านไปตั้งนานแล้ว นอกเหนือจากการดูดซับพลังทางิญญาอย่างรวดเร็วแล้ว กระบี่บาป์ก็ไม่มีพร์ทางิญญายุทธ์เหมือนคนอื่นๆ นี่ทำให้ฉู่อวิ๋นโกรธมากจริงๆ
ปัญหามันอยู่ที่ใดกัน?
ในขณะที่ฉู่อวิ๋นกำลังคิด ตงฟางสยงก็ะเิหัวเราะ เปิดใช้งานความสามารถทางิญญาอย่างเต็มที่ ม่านตาของเขาขยายออก จากนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็สีแดง
ทันใดนั้น เส้นเืก็กระจายไปทั่วร่างราวกับใยแมงมุมและส่องประกายน่ากลัวมาก
“อ๊าก--!!!”
ตงฟางสยงแกว่งหอกเล่มใหญ่แล้วคำรามขึ้นไปบนฟ้า ราวกับสัตว์ปีศาจก็มิปาน เขาเหยียบย่ำพื้นเวทีเสียงดัง “ปัง” และรีบออกตัววิ่งทันที ในขณะที่มือก็ลากหอกแทงเข้าหาคู่ต่อสู้ไม่หยุด!
ความเร็วของเขาเร็วขึ้นกว่าเดิม! เป็ไปไม่ได้เลยที่ร่างกายอันใหญ่โตเช่นนี้จะมีทั้งความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นได้มากเช่นนี้!
“ปัง ปัง ปัง——!”
พูดยามสาย ยามนั้นเร็ว[1] ตงฟางสยงโจมตีสุดกำลัง แสงหอกสะท้อนไม่หยุด จนมองเห็นไม่ชัดเจน!
ทันใดนั้น ตำแหน่งที่เสวี่ยหานเฟยยืนอยู่ก็ะเิออกเป็เสี่ยงๆ! ควันฝุ่นลอยเต็มท้องฟ้า บดบังสายตาของทุกคน
“นี่มัน... เร็วเกินไปแล้วกระมัง!?”
“น่ากลัวมาก เหมือนาาสัตว์ปีศาจกำลังโจมตีเลย”
“เสวี่ยหานเฟยเงียบไปเลย เขาตายแล้วหรือ?”
ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด เพราะั้แ่ตงฟางสยงทำท่าราวกับสายฟ้าฟาด ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ บนเวทีอีกเลย
“ดูท่าว่าผลการประลองจะออกมาแล้ว ช่างน่าเศร้าจริงๆ” ผู้าุโบางคนถอนหายใจ คิดว่าเสวี่ยหานเฟยได้ล้มลงแล้ว
แต่ฉู่อวิ๋นที่อยู่ใกล้เวทีมากที่สุดกลับตัวสั่นสะท้านขึ้นมา
เขารู้สึกว่าอุณหภูมิบริเวณใกล้เคียงดูเหมือนจะลดลงอย่างกะทันหัน
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่อวิ๋นงุนงง เขามีพลังปราณคุณสมบัติไฟ ดังนั้นจึงไวต่ออุณหภูมิเป็พิเศษ
เขาเช็ดตาและเอามือปัดฝุ่นควันที่ลอยฟุ้งอยู่ตรงหน้า พยายามเพ่งมองสถานการณ์การต่อสู้ให้ชัดเจน
“ฟิ้ว—”
ลมหนาวพัดมาหวีดหวิว
หลังจากนั้นไม่นาน ฝุ่นควันก็กระจายไปทั่ว ก่อนจะมองเห็นเวทีได้ชัดเจน
แต่เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ พวกเขาก็หวาดกลัวและรู้สึกหนาวไปทั่วทั้งร่าง
เย็นเยียบจนรู้สึกได้
ในยามนี้ ฉู่อวิ๋นเพ่งมองดูใกล้ๆ และเห็นว่าทั้งลานเวทีถูกแช่แข็งจนกลายเป็น้ำแข็ง มีไอความเย็นกระจายออกมา ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยควันสีขาว
ตรงกลางเวที มีร่างสองร่างที่ดูเหมือนถูกแช่แข็งยืนประจันหน้ากัน
----------
[1] หมายความว่า สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ความเร็วในการเล่าเื่ไม่สามารถตามทันได้ หรือก็คือ รวดเร็วมาก