เฉินจิ้นหยงมาส่งฉินหลางที่เขาชิงหยุน ตามคำสั่งของหวูเหวินเซี่ยง
ขณะนี้ 3 ทุ่มแล้ว
เขาชิงหยุ๋นเป็พื้นที่รกร้าง ขนาดตอนกลางวันที่นี่ยังไม่มีคนมาเลย ยิ่งเวลาแบบนี้ แม้แต่เงาผีก็ยังไม่มีเลย
ในเวลานี้ถึงจะเป็คืนที่จันทร์กระจ่าง แต่เขาชิงหยุ๋นรกร้างมานาน ต้นไม้ ใบหญ้าสีเขียวชอุ่ม แมกไม้นานาพันธุ์อุดมสมบูรณ์ อยู่ท่ามกลางความมืดมิดยิ่งทำให้รู้สึกอ้างว้าง และวังเวงมาก สายลมที่เยือกเย็นมากระทบกายยิ่งรู้สึกเย็นะเืลึกเข้าไปในกระดูก
จิ๊บๆ
ความกดดันที่มองไม่เห็นค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ราวกับมีความอันตรายที่ เข้มข้น ดุเดือด กำลังซุ่มรออยู่ทั่วทุกด้าน
ฉินหลางไปตามเส้นทาง กำลังเดินขึ้นไปบนยอดเขาอย่างกล้าหาญ
ทุกย่างก้าวของเขามั่นคงและสม่ำเสมอ ถึงแม้จะรู้ว่าอันเต๋อเซิ่งจะวางกับดักเอาไว้แล้วก็ตาม
ฉินหลางเคยคิดว่าอาศัยหลักฐานในมือ จะสามารถบีบให้อันเต๋อเซิ่งเจรจากับตนได้ แต่คิดไม่ถึงว่าตาเฒ่านี่จะควบคุมสติ อารมณ์ได้ดีมากขนาดนี้ และยังควบคุมส่วนหนึ่งของกองกำลังตำรวจในเมืองเซี่ยหยาง จนทำให้วันนี้เขากลับต้องเป็ฝ่ายโดนบีบให้มาที่นี่ซะเอง สามารถบอกได้ว่ามันเป็คนที่เดินเกม
เพียงแต่ขณะที่อันเต๋อเซิ่งเตรียมการเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว และมากพอที่จะเอาชีวิตฉินหลางได้สบายๆ แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าอยู่บนเขาชิงหยุ๋นนี้ ฉินหลางต่างหากที่เป็ฝ่ายได้เปรียบ ‘ข้อได้เปรียบของเ้าถิ่น’ อยู่บนป่าเขารกร้างนี้ พวกเขาไม่มีทางที่จะหนีพ้นประสาทััของงูและแมลงพิษเหล่านี้ไปได้?
ดังนั้นฉินหลางเลยไม่จำเป็ต้องระมัดระวัง การเดินตรวจตรา การซุ่มโจมตีจากแกะดำและสมุนของอันเต๋อเซิ่ง เพราะไม่ว่าพวกมันจะแอบซุ่มอยู่ตรงไหนก็ตาม เพื่อนของเขาจะเอาตัวพวกมันออกมาทีละคน ทีละคนเอง
ภายใต้การผิวปากเสียงต่ำของฉินหลาง เขาชิงหยุ๋นที่เคยเงียบสงบก็ ‘ครึกครื้น’ ขึ้นมา ไม่ว่าในพุ่มไม้หรือพงหญ้า ต่างก็มีเสียงที่เกิดจากการเสียดสี เสียงที่ทำให้ผู้คนขนลุกซู่ สัตว์และแมลงที่มีพิษทั่วทั้งเขาชิงหยุ๋นออกมาแล้ว
มีคำกล่าวที่ว่า ‘*ตวนอู่เจี๋ย อากาศเริ่มร้อน ไม่สงบสุข เพราะสัตว์ที่มีพิษทั้งห้าตื่น’ หมายความว่า หลังจากเทศกาลตวนอู่เจี๋ย สัตว์และแมลงที่มีพิษทุกชนิดหยุดจำศีลหน้าหนาว และออกล่าหาอาหารกันแล้ว เพียงแต่เมืองเซี่ยหยางอากาศร้อนอบอ้าวมาก ดังนั้นสัตว์และแมลงพวกนี้เลิกจำศีลกันตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นภายใต้การสั่งการ และควบคุมของฉินหลาง ไม่เพียงแต่สัตว์และแมลงที่มีพิษบนเขาชิงหยุ๋นเท่านั้นที่แห่ไปรวมตัวกันบนยอดเขา เพราะสัตว์และแมลงที่มีพิษบริเวณอื่นๆ ก็แห่มา ‘ร่วมสนุก’ ด้วยเช่นกัน
ชั่วพริบตาเดียว สัตว์และแมลงพิษก็มารวมตัวกันจนดูเหมือน ‘แม่น้ำที่ไหลเชี่ยว’ ข้างกายฉินหลาง และ ‘แม่น้ำงูและแมลงพิษที่ไหลเชี่ยว’ นี้กำลังไหลไปยังยอดเขาเรื่อยๆ ภายใต้ดวงจันทร์กระจ่าง ให้ความรู้สึกกลัวสุดขีดกับทุกๆ คนที่พบเห็น
ทว่าฉินหลางกลับไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด เพราะพวกงูพิษ และแมลงพิษพวกนี้ไม่มีตัวไหนกล้าเข้าใกล้เขา จึงอยู่ภายใต้การสั่งการและควบคุมของเขาเท่านั้น
“อ๊าก!”
ในเวลานี้ ่กลางๆ ูเามีเสียงกรีดร้องดังขึ้น เงาสีดำถูกงูและแมลงพิษบีบจนตกลงมาจากต้นไม้ ตกลงไปใน ‘แม่น้ำงูและแมลงพิษ’ แล้วจมหายไปอย่างรวดเร็ว ตอนแรกเ้าหมอนี่แอบอยู่บนต้นไม้เพื่อซุ่มยิง แต่เขาไม่รู้ว่า ไม่สามารถซ่อนตัวจากประสาทััของสัตว์และแมลงพิษพวกนี้ได้ โดนงูบีบลงมาจากบน ‘ต้นไม้’ หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นก็คงจะรู้กันแล้ว
ผ่านไปอีกสองนาที มีเสียงปืนดังขึ้นจากคนที่ใจนเหนี่ยวไกยิงงูพวกนี้ แต่งูที่แห่ขึ้นยอดเขาตอนนี้มีอย่างต่ำหลายแสนตัว ต่อให้เ้าหมอนี้ยิงจนะุหมดเกลี้ยง จะสามารถฆ่างูได้สักกี่ตัวเชียว ซ้ำยังเป็การกระตุ้นความดุร้ายสัตว์และแมลงพวกนี้ให้เพิ่มมากขึ้น กัดเขาจนสะบักสะบอมในพริบตา
ต่อจากนั้น ก็มีเสียงร้องโอดโอยดังขึ้นอีก ครั้งนี้เ้าหมอนี่ที่ถูกงูจู่โจมนั้นแข็งแรงและดุร้ายมาก ใช้มีดในมือฆ่างูใหญ่ตายไปหลายตัว ทว่าความกล้าหาญชาญชัยของเขาก็เป็เพียง ‘**ถานฮวาเบ่งบาน’ เท่านั้น
ฉินหลางเดินหน้าต่อเรื่อยๆ ในเวลานี้เขาได้ยินเสียง ‘ซาๆ’ ดังขึ้นข้างกาย—
เป็เสียงเลื้อยอย่างรวดเร็วของสัตว์ที่มีขนาดใหญ่นี่นา!
ฉินหลางเหลียวมอง พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เ้าตัวดี!” ที่แท้ข้างกายเขา มีงูหลามตัวใหญ่เลื้อยอยู่นี่เอง เ้าตัวนี้ยาวอย่างน้อย 7-8 เมตร น้ำหนักประมาณ 60-70 กิโลกรัม เ้าตัวนี้มีสีน้ำตาล ลายตารางสีขาว ฉินหลางคิดว่า มันน่าจะเป็งูหลามอินเดีย ดูแล้วน่าจะถูกกลิ่นของยางูตื่นตัวล่อออกมาเหมือนกัน ฉินหลางยื่นมือไปแตะที่หัวงูหลามอินเดียสองสามครั้ง เ้าตัวนี้ก็ชะลอความเร็วลง เลื้อยตามหลังฉินหลาง ด้วยความเร็วเทียบเท่ากับฉินหลาง
ไม่กี่นาทีต่อมา มีมือปืนที่ซุ่มอยู่ในที่มืดก็โดนจู่โจมอีก
ทว่าฉินหลางไม่มีเวลาสนใจว่าพวกเขาจะเป็หรือตาย
การกระทำของอันเต๋อเซิ่ง ได้ทำให้ฉินหลางโมโหจริงๆ แล้ว ให้เขากลายเป็มือสังหาร
ทว่าเวลานั้น จู่ๆ โทรศัพท์ฉินหลางก็ดังขึ้น
“เ้าหนู! แกให้พวกงูและแมลงที่สมควรตายพวกนี้ถอยกลับไป!” อันเต๋อเซิ่งพูดด้วยความโมโห และหวาดกลัวไม่มีที่สิ้นสุด
อันเต๋อเซิ่งรู้จากคำบอกเล่าของเหล่าสมุนแล้วว่าฉินหลางสามารถ ‘ควบคุมและสั่งการงู’ ได้ เขาได้เตรียมการมาเป็พิเศษ ให้ลูกสมุนรวมไปถึงตัวเขาเอง ทา ‘สงหวง’ ไว้บนร่างกายเพื่อกันงู เขาคาดไม่ถึงว่า ฉินหลางจะสามารถควบคุมและสั่งการงูได้เหนืุ์ขนาดนี้ เ้าหมอนี่ควบคุมและสั่งการงูได้พร้อมกันทีละหลายแสนตัว ราวกับว่างูทั้งเมืองเซี่ยหยาง ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมและสั่งการของเขา จนเป็เสมือนกองทัพงูที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกร กวาดล้างศัตรูทั่วทุกสารทิศ ‘สงหวง’ ที่น้อยนิดบนตัวอันเต๋อเซิ่งและเหล่าสมุน เมื่อเจอกับกองทัพงูขนาดนี้ ช่วยอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ นอกจากฉินหลางจะควบคุมและสั่งการงูได้แล้ว ยังมีสัตว์ที่มีพิษชนิดอื่นๆ อีก! เช่นแมงมุม แมงป่องหรือตะขาบ สำหรับอันเต๋อเซิ่งแล้ว ความสามารถของฉินหลางนั้น ไม่สามารถที่จะเรียกว่าคนได้แล้ว นั่นมันภูตผีปีศาจชัดๆ เลย!
พูดจากใจ ตอนนี้อันเต๋อเซิ่งเริ่มเสียใจแล้ว เขาน่าจะยอมเจรจากับฉินหลางก่อนหน้านี้ ถ้าเป็อย่างนั้นตอนนี้เขาคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ตอนนี้ ถ้าฉินหลาง้า เขาสามารถทำให้อันเต๋อเซิ่งและสมุนตายอย่างไร้ร่องรอย ไม่เหลือแม้แต่กระดูกได้แน่นอน ทางเดียวที่อันเต๋อเซิ่งจะมีโอกาสรอดก็คือเถารั่วเซียง!
“ฉันไม่ได้เป็คนเรียกงูและแมลงพวกนี้มา” ฉินหลางหัวเราะเย็นเยือก
“ฉันรู้ว่าเป็ฝีมือแก!” อันเต๋อเซิ่งกล่าวด้วยความโมโห “ถ้าแกให้งูและแมลงที่มีพิษพวกนี้ขึ้นมาบนยอดเขา ฉันจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ซะ! ให้เธอลงนรกเป็เพื่อนเรา! แม่ม! แกขึ้นมาสิวะ! ขึ้นมาตัวต่อตัวกับพวกเรา!”
เห็นได้ชัดว่าวิธีการของฉินหลางบีบอันเต๋อเซิ่งจนเสียสติไปแล้ว ทำให้กับดักทั้งหมดที่เขาวางไว้ก่อนหน้านี้ใช้การไม่ได้เลย มือปืนที่ให้ซุ่มอยู่ตามจุดต่างๆ ก็ไม่มีโอกาสได้ใช้
ถึงขนาดมือปืนเหล่านี้ยังไม่ทันสังเกตเห็นฉินหลางด้วยซ้ำ ก็โดนงู และแมลงพิษเ่าั้ กัดจนสะบักสะบอมแล้ว
เป็ไปไม่ได้ที่ฉินหลางจะไม่สนใจความปลอดภัยของเถารั่วเซียง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงให้งูและแมลงพิษทั้งหมดหยุดอยู่บริเวณไหล่เขา และเดินขึ้นไปบนยอดเขาคนเดียว
ยอดเขาของเขาชิงหยุ๋น หรือที่คนในพื้นเรียกกันว่า ‘ฟ้าผ่าเรียบ’ เนื่องจากยอดเขาเคยโดนฟ้าผ่า จากนั้นก็ไม่มีพืชพันธุ์ต่างๆ ขึ้นบนยอดเขาอีกเลย และยอดเขาเป็พื้นที่ราบ ราวกับเป็ที่ราบเรียบ มีเพียงต้นไม้ และต้นหญ้าที่เจริญเติบโตได้ไม่ดีเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น
ในพื้นที่แบบนี้ เมื่อมีสัตว์และแมลงขึ้นไปบนยอดเขา อันเต๋อเซิ่งและพวกจะต้องสังเกตเห็นแน่นอน
เพื่อความปลอดภัยของเถารั่วเซียง ฉินหลางจึงต้องขึ้นไปบนยอดเขาเพียงคนเดียว
“โอ๊ย!”
ในตอนนี้เอง อยู่ๆ ก็มีเสียงร้องด้วยความใดังมาจากต้นไม้ข้างกาย มีชายอีกคนตกลงมาจากต้นไม้ แล้วบนตัวเขายังมีงูใหญ่รัดอยู่อีกด้วย งูตัวดังกล่าวคืองูหลามอินเดียที่ฉินหลางกำราบไปเมื่อครู่นี้นั่นเอง
เ้าหมอนี่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ รอฉินหลางมาถึงจะได้ะโลงมา ‘จู่โจมเขาแบบไม่ทันตั้งตัว’ ฟันฉินหลางให้หงายเงิบ คิดไม่ถึงว่าเขากลับเป็ฝ่ายโดนงูหลามจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวซะเอง แม้ว่าเ้างูหลามตัวดังกล่าวจะมีน้ำหนักแค่ 60-70 กิโล แต่ถ้าถูกมันรัดแล้ว มันก็จะรัดแบบเอาเป็เอาตาย จนกว่าเหยื่อจะขาดใจตายเพราะหายใจไม่ออก!
หากแต่ คนที่ซุ่มโจมตีอยู่นี้นิสัยดุร้าย โเี้ หลังจากที่ตกลงมาจากต้นไม้แล้ว เขาก็เหวี่ยงกำปั้นใส่หัวงูหลามอย่างแรงๆ ทว่าการกระทำของเขายิ่งเป็การกระตุ้นให้งูหลามโมโหมากขึ้น มันตวัดหางขึ้นมารัดคอชายคนดังกล่าว เพียงครู่เดียว ฉินหลางก็ได้ยินเสียงแตกหักของกระดูกคอ และซี่โครงของชายคนดังกล่าว
การรัดเหยื่อจนตาย มันคือท่าไม้ตายของงูหลามอยู่แล้ว
ค่ำคืนที่เงียบสงัด ทำให้เสียงกระดูกแตกหักดังก้องกังวานอยู่ในหูของทุกคนบนยอดเขา ทำเอาทุกคนขนลุกซู่ไปตามตามกัน
เ้าหมอนี่โเี้มากเกินไปแล้ว!
*ตวนอู่เจี๋ย : เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ตรงกับวันที่ห้า เดือนห้า ตามปฏิทินทางจันทรคติ
**ถานฮวาเบ่งบาน : อะไรดีๆ แต่เพียงแป๊บเดียวก็หมดไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้