ในตอนนี้นอกจากมู่เฟิงกับมู่ขวงแล้ว ยังมีคนของกลุ่มหมาป่าอีกสามคนที่ยังสามารถต่อสู้ได้ ดังนั้นกลุ่มของพวกเขาจึงไม่ได้ถือครองความได้เปรียบกว่าฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
ทว่าขณะนั้นเอง มู่เฟิงก็ได้ก้าวออกมาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเรามายังเทือกเขาอันหนานเพื่อฝึกฝน ในเมื่อมีหินโผล่ออกมาให้ลับคม ข้าและน้องชายของข้าย่อมไม่มีทางปล่อยให้โอกาสหลุดลอยผ่านไป ฉะนั้นทุกท่านไม่จำเป็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในการต่อสู้ครั้งนี้”
“ว่าอย่างไรนะ น้องชาย พวกเ้าสองคน้าจะสู้กับเขาเพียงลำพังงั้นรึ? จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเ้าสองคนไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ แต่วรยุทธ์ของอีกฝ่ายอยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นหกแล้ว ต่อให้พวกเ้าจะมีกันสองคน แต่พวกเ้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี”
สีหน้าของจ้าวเชินพลันเปลี่ยนไปในทันที จากนั้นเขาก็พยายามพูดจาโน้มน้าวเด็กหนุ่ม
“ถูกต้อง พวกเ้าสองคนยังเด็กนัก อย่าได้ทำอะไรหุนหันพลันแล่นเช่นนี้เลย”
เสี่ยวถิงรีบกล่าวเสริมในทันที
“เื่นี้ไม่เป็ไรหรอกขอรับ หากว่าพวกข้าแพ้ ถึงเวลานั้นพวกท่านค่อยลงมือก็ยังไม่สาย”
มู่เฟิงหัวเราะออกมา
“เ้าหนุ่ม เ้าอย่าได้ดูถูกผู้อื่นจนเกินไป พวกเ้าคิดจริงหรือว่าสามารถสังหารคนสองคนของข้าได้แล้วจะสามารถทำอะไรข้าก็ได้เช่นกันน่ะ ข้าจะแสดงให้พวกเ้าเห็นเองว่าวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่และระดับทงม่ายนั้นมันต่างกันอย่างไร”
หวังลิ่วผิงกล่าวเสียงเย็น เด็กหนุ่มทั้งสองคนตรงหน้านี้จะดูถูกเขาเกินไปแล้ว
“ข้าไม่ได้คิดว่าพวกข้าแข็งแกร่งอะไร แต่สำหรับคนชั่วช้าเช่นเ้า หากข้าได้พบเจอย่อมต้องสังหารอยู่แล้ว ถ้าเ้าตายไปหนึ่งคน คนชั่วบนโลกนี้ย่อมลดน้อยลงไปอีกหนึ่งคนเช่นกัน”
มู่เฟิงยิ้มหยัน
“กล่าวได้ดี เช่นนั้นข้าจะนำศีรษะของพวกเ้าสองคนไปเซ่นไหว้ให้กับพี่น้องทั้งสองของข้าที่ตายไป พวกเ้าจงตายเสีย!”
หลังกล่าวจบ หวังลิ่วผิงได้ะเิพลังปราณตรงปลายเท้าออกมา ก่อนจะทะยานร่างไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู คมกระบี่อันเย็นเยียบของเขาได้พุ่งตรงไปที่ลำคอของมู่เฟิง
กระบี่เล่มนี้เคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งนัก อีกทั้งพลังบนตัวกระบี่ยังพุ่งปะทะหน้าของเด็กหนุ่มโดยตรง
มู่เฟิงและมู่ขวงหันมามองสบตากัน ทันใดนั้นร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองพลันแยกกันเคลื่อนไหวในทันที โดยดาบและกระบี่ของพวกเขาได้ฟาดฟันไปทางหวังลิ่วผิงในเวลาเดียวกัน
ชิ้ง…!
คมกระบี่เล่มนั้นได้เฉียดผ่านใบหน้าของมู่เฟิงไป เสียงการเคลื่อนไหวของกระบี่คมดังขึ้นอย่างชัดเจน ฉับพลันนั้นพลังปราณบนตัวกระบี่ได้ปะทุขึ้น บีบให้มู่เฟิงต้องก้าวถอยออกไปสองก้าว
การเคลื่อนไหวกระบี่ของหวังลิ่วผิงนั้นร้ายกาจเป็อย่างมาก แม้มู่เฟิงจะก้าวถอยออกไปแล้ว แต่คมกระบี่เล่มนั้นก็ยังพุ่งตามมาหมายจะแทงบริเวณหน้าท้องน้อยของเขา ทว่าเด็กหนุ่มได้ยกกระบี่ของตนขึ้นมาป้องกันการโจมตีนี้เอาไว้ได้ทัน ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็บิดฝ่าเท้าเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากวิถีกระบี่ครั้งถัดไปของอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
และในตอนนั้นเอง มู่ขวงก็ได้ฟันดาบออกมาทันที คมดาบพุ่งทะยานผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว พลังที่ปะทุออกมาของดาบเล่มนี้ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกประหลาดใจเป็อย่างยิ่ง เนื่องจากพลังของมันเกินขอบเขตของผู้ฝึกยุทธ์ระดับทงม่ายไปแล้ว
แกร๊ง…!
หวังลิ่วผิงตวัดกระบี่ขึ้นมาเพื่อต้านการโจมตี แต่เขากลับต้องตกตะลึงเมื่อััได้ถึงพละกำลังที่มหาศาลของมู่ขวง จนเขาต้องถอยออกไปสองก้าว
“สังหาร!”
มู่เฟิงฉวยโอกาสนี้ดีดทะยานร่างขึ้น พร้อมกับที่สองมือของเขายกดาบขึ้นสูง และฟันไปยังร่างของหวังลิ่วผิงอย่างดุดัน
หวังลิ่วผิงยกมือข้างหนึ่งของตัวเองขึ้น ก่อนจะปลดปล่อยพลังปราณจากฝ่ามือออกมาทันที ปราณฝ่ามือสีทองพลันพุ่งไปทางมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
กระบี่เล่มนั้นของมู่เฟิงปะทะเข้ากับปราณฝ่ามืออย่างรุนแรง โดยแรงปะทะนี้สั่นะเืไปถึงร่างของเด็กหนุ่ม เป็ผลให้ร่างของเขาร่วงตกลงบนพื้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง มู่ขวงที่อยู่ด้านข้างก็พุ่งดาบเข้าใส่ศัตรูอีกครั้ง
การต่อสู้ของคนทั้งสามยังคงเป็ไปอย่างดุเดือด โดยหวังลิ่วผิงได้อาศัยพลังปราณที่ล้นเหลือของตัวเองขัดขวางไม่ให้เด็กหนุ่มทั้งสองคนสามารถเข้ามาใกล้ตัวเขาพร้อมกันได้
ส่วนคนอื่นที่อยู่โดยรอบต่างก็กำลังจดจ่อกับการต่อสู้นี้
“พี่ใหญ่จ้าว ท่านว่าเด็กหนุ่มสองคนนี้มาจากที่ใดกัน เห็นได้ชัดว่าวรยุทธ์ของพวกเขาอยู่ในระดับทงม่าย แต่พวกเขากลับสามารถะเิพลังที่เหนือขั้นกว่าระดับทงม่ายทั่วไปออกมาได้”
เสี่ยวถิงกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ข้าเองก็ไม่ทราบ แต่ข้าเดาว่าพวกเขาคงเป็อัจฉริยะจากตระกูลที่มีวิทยายุทธ์ที่โดดเด่นเป็แน่ วิธีการฝึกของพวกเขาคงไม่ธรรมดา เ้าดูพวกเขาสิ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มผมยาวที่ถือกระบี่ผู้นั้น ทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกายดีเยี่ยม จิตสังหารจากตัวกระบี่ก็ไม่ธรรมดา รังสีสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มทั่วไปจะสามารถมีได้ นอกจากนี้กระบี่เล่มนั้นของเขายังเป็เครื่องมือปราณ แต่ว่าเหตุใดข้าถึงได้รู้สึกคุ้นตากับกระบี่เล่มนั้นนักนะ”
จ้าวเชินหรี่ตามองขณะกล่าวขึ้น
“ถูกต้อง ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับพี่ใหญ่จ้าว กระบี่เล่มนั้นดูคล้ายกับกระบี่ของหม่าเฉวียนผู้นั้นเลย”
ต้าหูก็ประหลาดใจเช่นกัน
“ท่านว่าพวกเขาสองคนจะสามารถเอาชนะได้หรือไม่?”
เสี่ยวถิงถามขึ้นอีกครั้ง
“เื่นี้ยากที่จะพูดได้ ก่อนหน้านี้หวังลิ่วผิงต้องเสียพลังปราณไปมากเพื่อจัดการกับข้า หากว่าพลังปราณของเขาหมดลง เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มสองคนนั้น”
ในระหว่างที่พวกเขากำลังวิเคราะห์สถานการณ์ คนทั้งสามยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด
“ให้ตายเถอะ หากการต่อสู้ยังยืดเยื้อต่อไป เ้าเด็กสองคนนี้ต้องทำให้พลังปราณของข้าหมดลงเป็แน่”
สีหน้าของหวังลิ่วผิงเคร่งขรึมลง ความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มทั้งสองนั้นไม่ธรรมดาเลย โดยเฉพาะมู่เฟิง พลังที่เขาะเิออกมาเกือบจะทัดเทียมกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่แล้ว
“ต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด!”
ดวงตาของหวังลิ่วผิงทอประกายเย็นเยียบ เขากระตุ้นพลังปราณทั้งหมดที่เหลืออยู่ในร่างออกมา ก่อนจะรวบรวมพลังทั้งหมดนั้นเอาไว้ที่เส้นลมปราณ และส่งไปยังกระบี่ที่ถืออยู่ในมือ
“เคล็ดกระบี่ดารา์!”
หวังลิ่วผิงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ทันทีที่เขาวาดกระบี่ออกมา พลันปรากฏปราณกระบี่สีทองนับสิบเล่มขึ้น ก่อนที่ปราณกระบี่สีทองเ่าั้จะกวาดไปทางมู่เฟิงและมู่ขวงอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว ถอย!”
สีหน้าของมู่เฟิงพลันเปลี่ยนไป เด็กหนุ่มรีบะโออกมาเสียงดัง
คนทั้งสองถอยกรูดออกมาอย่างรวดเร็ว ปราณกระบี่สีทองเ่าั้กวาดออกมาไกลราวเจ็ดถึงแปดเมตร เด็กหนุ่มทั้งสองรีบกวัดแกว่งอาวุธในมือเพื่อต้านการโจมตีในครั้งนี้ทันที
มู่เฟิงนั้นเคลื่อนกายได้อย่างคล่องแคล่วและว่องไว เขาสามารถหลบหลีกปราณกระบี่ได้ถึงสามเล่ม ทว่ายังเหลือปราณกระบี่ที่พุ่งมาทางเขาอีกสองเล่ม โดยมันได้พุ่งมายังศีรษะและท้องน้อยของเขา
ก้าวเหินดั่งสายลม!
รูม่านตาของมู่เฟิงหดตัวเล็กลง เขาััได้ถึงรังสีอันตรายที่กำลังคุกคามเข้ามาใกล้ชีวิตของตน แต่ฉับพลันนั้นร่างกายของเขาก็พลันบิดเบี้ยวอย่างน่าประหลาด ปราณกระบี่ที่พุ่งตรงเข้ามาเฉียดผ่านร่างของเขาไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ปราณกระบี่อีกเล่มก็เฉียดผ่านสันจมูกไปเช่นกัน กลายเป็ว่าเมื่อครู่เขาสามารถหลบเลี่ยงปราณกระบี่ทั้งสองเล่มนั้นได้สำเร็จ!
การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วดุจสายลม ทั้งยังสามารถเคลื่อนกายได้ดั่งใจนึก ในที่สุดเขาก็สามารถบรรลุทักษะร่างกายระดับสมบูรณ์ซึ่งเป็ระดับสูงสุดได้แล้ว!
แต่ทักษะการเคลื่อนไหวของมู่ขวงนั้นไม่ได้คล่องตัวและว่องไวเหมือนมู่เฟิง เขาสามารถหลบหลีกปราณกระบี่ได้เพียงไม่กี่เล่มเท่านั้น จนท้ายที่สุดเขาก็ถูกปราณกระบี่สองเล่มสุดท้ายแทงเข้าที่ทรวงอกและน่อง
ฉึก! ฉึก!
เืสีแดงฉานพลันไหลทะลักออกมาจากาแทั้งสองตำแหน่งของมู่ขวง หวังลิ่วผิงพลันเหยียดยิ้มออกมาอย่างย่ามใจ จากนั้นคมกระบี่ของเขาก็พุ่งตรงไปยังศีรษะของมู่เฟิงในทันที!
มู่เฟิงยังคงสามารถเคลื่อนกายหลบวิถีกระบี่นี้ได้อีกครั้ง แต่คราวนี้ หวังลิ่วผิงก็ได้เข้าไปตบฝ่ามือลงบนกลางอกของมู่เฟิงในทันทีด้วย
ปัง!
มู่เฟิงรู้สึกราวกับว่าทรวงอกของเขาถูกทุบด้วยค้อนหนักๆ เด็กหนุ่มกระอักเืออกมาก่อนจะล่าถอยไปในทันที
“เ้าเด็กบัดซบ จงตายเสียเถอะ!”
หวังลิ่วผิงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นเขาได้ทะยานร่างขึ้นสูง ก่อนจะแทงกระบี่ลงมาด้วยความเร็วและรุนแรงราวกับสายฟ้า เนื่องจากเมื่อครู่มู่เฟิงเพิ่งถูกกระแทกด้วยพลังฝ่ามือไป เกรงว่าคราวนี้คงยากที่เขาจะสามารถหลบเลี่ยงมันได้แล้ว
“แย่แล้ว อันตราย!”
สีหน้าของจ้าวเชินที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่ตลอดพลันเปลี่ยนไปในทันที แม้เขา้าจะช่วยเหลือ แต่เกรงว่าคงสายไปเสียแล้ว
“พี่เฟิง!”
มู่ขวงซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดร้องะโออกมาเสียงดัง เขาะเิพลังปราณออกมาจากฝ่าเท้าและวิ่งทะยานพุ่งร่างเข้าใส่หวังลิ่วผิงราวกับกระทิง
เปรี้ยง...!
ร่างของหวังลิ่วผิงถูกกระแทกอย่างแรงจนปลิวกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศและถลาลงบนพื้นจนห่างออกไปไกลหลายเมตร นอกจากนี้ร่างของเขายังกลิ้งไปตามพื้นอีกหลายตลบ หวังลิ่วผิงหันกลับมามองมู่ขวงด้วยสายตาตกตะลึง เด็กหนุ่มผู้นี้ถูกปราณกระบี่ของเขาแทงไปถึงสองตำแหน่ง เหตุใดอีกฝ่ายถึงยังมีชีวิตอยู่อีก! ซ้ำร้ายยังสามารถวิ่งเข้ามากระแทกร่างของเขาจนกระเด็น เด็กผู้นี้เป็สัตว์ประหลาดหรืออย่างไร?
“เคล็ดวิชาดาบคลั่ง!”
ฉันพลันนั้นมู่ขวงได้ก้าวขึ้นไปข้างหน้าพร้อมยกดาบของตัวเองขึ้น ร่างกายของเขาราวกับหมุนคว้างในอากาศ ก่อนที่ดาบในมือของเขาจะฟาดฟันออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วและวิถีดาบที่รุนแรงราวกับพายุคลั่ง!
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง! ...!
หวังลิ่วผิงยังคงสามารถใช้กระบี่ของตนต้านดาบของอีกฝ่ายที่โจมตีออกมาอย่างต่อเนื่องเอาไว้ได้ เพียงแต่การเคลื่อนไหวดาบของมู่ขวงนั้นรวดเร็วเกินไป ทั้งยังดุดันและทรงพลังราวกับพายุคลั่ง แรงกระแทกที่ถูกส่งมาทำให้ง่ามนิ้วของเขาชาหนึบ
ภายในเวลาหนึ่งวินาที มู่ขวงสามารถฟันดาบออกมาได้นับสิบครั้ง
พรึ่บ!
การโจมตีนี้ยังคงเป็ไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในที่สุดกระบี่ของหวังลิ่วผิงก็หลุดลอยกระเด็นออกไป และดาบเล่มถัดไปก็ฟาดฟันลงมาอย่างดุดันในทันที
“เ้าคนสารเลว จงตายเสียเถอะ!”
“ไม่…!”
สีหน้าของหวังลิ่วผิงพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก ดวงตาของเขาแดงก่ำ
ฉัวะ!
ดาบเล่มนั้นได้ฟันลงไปบนศีรษะของอีกฝ่าย!
ตุ้บ!
ร่างของหวังลิ่วผิงพลันล้มลงบนพื้นในทันที พร้อมกับเืที่สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ!
“พี่หวัง!”
เมื่อเห็นฉากนี้ คนที่เหลืออีกสองคนก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันใด ดวงตาของพวกเขามีเพียงความหวาดผวา พลางจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มผู้นั้นอย่างตื่นตระหนก
“รีบหนีเร็วเข้า!”
ฉับพลันนั้นพวกเขาก็หันหลังและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว!