ขณะกำลังฝึกฝนเพลงขาเมฆาหมอกและการเคลื่อนไหวเป็จังหวะเดียวกับที่เฉิ่นปู้หยุนรู้ว่าตัวเองเข้าสู่ขั้นที่คนและิญญาผสานกันเป็หนึ่งเดียวเพราะทุกครั้งที่ถีบหรือตวัดเท้าออกไปจะมีคลื่นแสงสีขาวพวยพุ่งจนใบไม้ปลิวขึ้นและตกลงสู่พื้นตามแรงสะท้อนของพลัง
หม้อซุปกำลังเดือดปุดๆเนื้อปลากว่าสามกิโลสุกกำลังดี ทั้งน้ำซุปยังส่งกลิ่นหอมเตะจมูก
เฉิ่นปู้หยุนเงยหน้าพูดแต่มือยังคงง่วนอยู่กับการพัดเตาอยู่ตลอด“แหม...ดูเหมือนว่าพลังของเ้าจะพัฒนาขึ้นไม่เลวทีเดียวน้องชายของปู้เสวียนยินนี่โดดเด่นเหนือใครจริงๆทว่าเพลงเท้าขณะเคลื่อนไหวกับจิตใจของเ้ายังไม่มั่นคงเท่าที่ควรทั้งความเร็วของเพลงขาก็ยังช้าเกินไป เพลงขาเมฆาหมอกโดดเด่นเื่ความรวดเร็วในการโจมตีหากเ้ายังเชื่องช้า คู่ต่อสู้ก็จะสกัดกั้นได้ทัน
ข้าได้ยินแล้วนิ่งไปก่อนจะบอกสาเหตุอีกฝ่าย “ก็ซุปปลาของท่านมันหอมเตะจมูกข้าขนาดนี้แล้วใครจะมีกะจิตกะใจฝึกซ้อมต่อล่ะท่านอาจารย์”
“ซุปหม้อนี้เป็ของข้าไม่เกี่ยวกับเ้าฝึกตามที่ข้าบอกไปก็พอ”
“ขอรับ”
ให้ตายเถอะ!ดูเหมือนจะไม่มีส่วนแบ่งของข้าสินะ
ตัดใจได้แล้วก็กลับมามุ่งมั่นฝึกซ้อมต่อทุกครั้งที่ออกลูกเตะและตวัดเท้าจะส่งพลังออกมาจนเกิดเสียงะเิดังกลางอากาศและระลอกคลื่นม้วนตัวจนหม้อซุปเกือบล้มคว่ำลงมา
“เ้าเด็กนี่! ไปฝึกไกลๆ หน่อย”
“ขอรับ”
ข้าออกมาฝึกให้ไกลกว่าเดิมโดยครั้งนี้ใช้พลังของหนึ่งในเคล็ดวิชาาหลอมรวมเข้ากับเพลงขาเมฆาหมอกแล้วยกเท้าขึ้นก่อนจะปล่อยพลังตรงไปยังต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า
เอกากัลป์เบิกขุนเขา!นทีเชี่ยว!
สองพลังผสานพวยพุ่งออกไปเป็หนึ่งเดียวพลังมหาศาลทำให้ต้นไม้หักล้มโอนเอนไปทางกระท่อม แม้กระท่อมจะไม่เสียหายแต่หม้อซุปใบนั้นไม่น่ารอด
“แย่แล้ว...”
โชคดีที่เฉิ่นปู้หยุนมีประสาทััที่ว่องไวเขาจึงพุ่งสกัดอย่างรวดเร็วดุจลูกธนูราวๆ เจ็ดถึงแปดครั้ง ‘ตุบ ตุบ ตุบ...’สิ้นเสียงลง ต้นไม้ใหญ่เมื่อครู่ก็แตกกระจายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยและลอยตกสู่พื้นข้านิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เดิมทีข้าคิดว่าพลังของตัวเองแข็งแกร่งมากพอแล้วแต่เมื่อเทียบกับเฉิ่นปู้หยุน พลังของข้าดูเล็กน้อยราวกับเด็กเพิ่งหัดต่อสู้เขานี่แหละที่เป็เ้าฝีมือผู้ไร้เทียมทาน
เพียงเศษไม้ร่วงหล่นลงพื้นเขาปัดมือก่อนจะถามท่าทางภูมิใจ “เป็อย่างไร เ้าหนุ่ม?”
“สุดยอด...”
“ตั้งใจฝึกก็แล้วกัน ถ้าเ้าฝึกฝนจนมีระดับพลังถึงแปดในสิบส่วนของข้าแล้วมั่นใจได้เลยว่าถึงจะไม่ได้อยู่ในอันดับจอมยุทธ์ัแต่ก็ไม่ต่ำกว่าจอมยุทธ์อันดับพยัคฆ์ระดับแนวหน้าแน่นอน”
“อืม”
ได้ยินแบบนั้นจึงกลับมาเคลื่อนพลังจากเคล็ดวิชาามาใช้ในการฝึกเพลงขาเมฆาหมอกต่อวิธีนี้จะช่วยให้ฝึกฝนทั้งสองวิชาพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกันแต่กระนั้นก็ทำให้ลมปราณลดฮวบไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แถมข้ายังไม่ได้เอาโสมโลหิตหรืองาวิหคิญญาติดตัวมาด้วยเลยสักอย่าง
ขณะหายใจเหนื่อยหอบอยู่นั้นเฉิ่นปู้หยุนก็มาหยุดยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับชามซุปปลาก่อนจะยื่นมาให้“เ้าลูกศิษย์ กินนี่เสียก่อนเพราะปลาหลีฮื้อหลงหลิงนี่จะช่วยให้พลังในลมปราณฟื้นคืนกลับมา”
ข้าชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะถามขึ้น“อาจารย์ ไหนท่านบอกว่า...”
“ฮ่าๆ ข้าก็พูดไปอย่างนั้นแหละครั้งก่อนที่บอกจะฆ่าเ้าเพราะขโมยวิชาก็ไม่ได้ทำจริงๆ ไม่ใช่หรือไง?” เขาว่าแล้วยิ้มกว้าง
ข้ายิ้มตอบก่อนจะรับชามนั้นมา“ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์”
“จะมัวเกรงใจอะไรอีก รีบฝึกให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นก็พอเพราะข้าไม่อยากให้คนมาตราหน้าว่าศิษย์คนเดียวเป็แค่ศิษย์สำรองหรอกนะเพราะข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“ขอรับ ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่ๆ!”
ถึงแม้ซุปปลาจะยังร้อนแต่ข้าก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนักเนื้อปลาหวานละมุนลิ้นราวกับเต้าหู้เข้ากันกับน้ำซุปเข้มข้นชามนี้จากนั้นภายในร่างกายก็เริ่มดูดซับและกักเก็บไอพลังอันอบอุ่นนั้นไว้จนเกิดเป็กลุ่มพลังที่ยากเกินจะอธิบายได้
หลังจากฝึกฝนจบครบกระบวนท่าจนเสื้อผ้าเปียกชุ่มได้ที่เฉิ่นปู้หยุนจึงถือซุปชามใหม่มาให้ “มา กินเข้าไปอีกสักชาม!”
ข้านิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามด้วยความสงสัย“อาจารย์ท่านยังไม่ได้กินเลย จะให้ข้ากินหมดเลยหรือไง?”
“ข้าเองก็กินไปชามหนึ่งแล้วเหมือนกันเ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะใจกว้างขนาดนั้นหรือไง?” เขาว่าแล้วหัวเราะชอบใจ“เร็วเข้า รีบกินเข้าไปจะได้เริ่มฝึกฝนต่อแล้วนี่เ้าใช้วิชาอะไรถึงต้องใช้พลังลมปราณมากมายขนาดนี้?”
“เคล็ดวิชาาของตระกูลข้าที่สืบทอดต่อกันมาขอรับ”
“เคล็ดวิชาานี่เอง...”เฉิ่นปู้หยุนว่าแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ“ข้าคิดว่าวิชาปราบิญญาจะสาบสูญไปแล้วเสียอีก นึกไม่ถึงว่ายังมีคนสนใจเรียนอยู่เคล็ดวิชานี้แม้จะมีพลังมหาศาลแต่ก็มีผลร้ายต่อร่างกายเช่นกันเ้านี่มัน...แต่ช่างเถอะ ฝึกต่อไปแล้วกัน เพราะถึงข้าจะห้ามเ้าก็คงไม่ฟังอยู่ดี”
ข้าสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเกิดคำถามขึ้นในใจจึงตัดใจถามออกไป “ขอบคุณขอรับ แต่ว่าอาจารย์...”
“มัวเกรงใจอีกทำไม เ้าเป็ศิษย์ของข้า ข้าไม่ยอมให้เ้าเป็อะไรไปอยู่แล้ววางใจเถอะ ต่อให้เ้าต้องสูญเสียลมปราณไปอีกสักกี่ครั้งข้าก็จะพลิกแผ่นดินตามหายามาฟื้นฟูให้เ้าจนได้ ปลานี้เดิมทีมีฤทธิ์ช่วยสมานแผลและเ้ากำลัง้าปลาิญญาแบบนี้อยู่พอดี รีบกินเข้าไปสิ”
“อื้ม”
ข้าว่าแล้วยกซุปปลาขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างที่เฉิ่นปู้หยุนบอกไว้จริงๆ เพราะ่สองวันที่ผ่านมาข้าเอาแต่ฝึกฝนเคล็ดวิชาาจนพัฒนาไปมากแต่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นต่างก็มีอาการาเ็เนื่องจากถูกแรงสะท้อนจากพลังที่แข็งแกร่งทำร้าย แต่พอได้ซุปปลาช่วยไว้อาการาเ็ต่างๆ ก็ค่อยๆ ทุเลาลงถือว่าปลานี่มีประโยชน์ทีเดียวนอกจากฟื้นฟูพลังลมปราณได้แล้ว ยังรักษาอาการาเ็ภายในได้อีกด้วย
หลังจากดื่มไปจนหมดพลังในร่างกายก็กลับมาร้อนรุ่มและเพิ่มขึ้นเพียงพอต่อการฝึกฝนอีกครั้ง
เพียงพักเดียวข้ารับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ดีจนเกินบรรยายเพราะทุกครั้งที่ออกอาวุธจะมีพลังที่ทรงอานุภาพออกมาด้วยเสมอแม้แต่เฉิ่นปู้หยุนที่ยืนอยู่ไกลออกไปยังพยักหน้าพอใจ
เวลาล่วงเลยมาถึงประมาณห้าทุ่มกว่าเฉิ่นปู้หยุนจึงลุกมาบอกให้หยุดฝึกซ้อม “ปู้อี้เชวียน วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันกลับไปพักผ่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่พรุ่งนี้ จำไว้ว่าใน่ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาาเ้าจะต้องมาหาข้าเสมอ แล้วข้าจะเตรียมปลาหลีฮื้อหลงหลิงสำหรับฟื้นฟูพลังเอาไว้ให้”
“ขอบคุณท่านมากขอรับ” ข้าโค้งตัวคำนับก่อนจะเดินออกมา
...
พอกลับมาถึงก็อาบน้ำอาบท่าจนสบายตัวแล้วฝึกฝนอีกสักพักก่อนจะเข้านอน ข้าหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง ตูม!คล้ายเสียงะเิ จึงรีบใส่เสื้อผ้าและวิ่งออกมาดูแต่ด้วยความมืดจึงมองไม่เห็นอะไร แต่ช่างเถอะ นอนต่อดีกว่า!
เช้าวันต่อมาข้าก็ออกมาตรวจดูเล้าไก่ตามปกติแต่ก็ต้องยืนตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า...
ให้ตายเถอะ!ไม่รู้ว่าน้ำจากไหนไหลเข้าท่วมเล้าไก่จนจมน้ำตายไปสิบกว่าตัว
พอมองตามทางน้ำนั้นไปก็พบว่าแท็งก์น้ำแตกและล้มลงมาซึ่งตอนนี้บรรดาช่างของสำนักกำลังช่วยกันซ่อมอยู่
ข้าขมวดคิ้วแน่นและดูเหมือนว่าจะหาคนมารับผิดชอบไม่ได้เสียแล้วล่ะ
เช้าวันนี้ข้าก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาาเช่นเคยกระทั่ง่เวลากลางวันงาวิหคิญญาก็ถูกใช้จนเกือบหมดในที่สุด่การบรรลุขั้นที่สองของเคล็ดวิชาก็ใกล้เข้ามาทุกวินาที!
หวึ่งหวึ่ง หวึ่ง...
พลังภายในถูกหลอมรวมจนร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัวเมื่อใช้ตาทิพย์เพ่งดูจึงเห็นกลุ่มหมอกควันขึ้นภายในพร้อมกับม้ารูปลักษณ์ต่างกันไปนับหมื่นตัวกำลังวิ่งมุ่งไปในทิศทางเดียวกันก่อนทั้งหมดจะผสานร่างเข้าด้วยกันกลายเป็ม้าสีขาวบริสุทธิ์ตัวใหญ่น่าเกรงขามเท้าทั้งสี่เหยียบย่ำอยู่กลางอากาศก่อนจะส่งเสียงร้องแล้ววิ่งทะยานขึ้นฟ้าและหายไปในที่สุด
อาชาทะยานฟ้า!
ข้าดีใจจนสุดขีดเพราะตอนนี้ข้าฝึกฝนจนได้ระดับเซียนในขั้นที่สองแล้ว!พลังในร่างกายที่เพิ่มขึ้นตามการบรรลุ ส่วนพลังิญญาเองก็เพิ่มขึ้นถึงสองส่วนหมายความว่าข้าสามารถใช้พลังโดยให้เคล็ดวิชาานี้เป็ตัวช่วยให้เพิ่มขึ้นมาสี่ส่วน!เมื่อรู้สึกว่าร่างกายกำลังอ่อนแอลงจึงหยิบงาวิหคิญญาชิ้นสุดท้ายมากินเพื่อให้พละกำลังเพิ่มขึ้นทั้งตัวราวกับเกิดใหม่ ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าทำให้ข้าอยากจะประลองกับใครสักคน!!!
...
จู่ๆเสียงบางอย่างก็ดังขึ้นมาจากฝ่ายล้างท่อจึงคิดว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นกับไก่ก่อนจะวิ่งออกไปดูแต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเพราะพวกมันยังคงร่าเริงเหมือนเดิมจนบางตัวเริ่มจะวางไข่แล้วสมชื่อที่ว่าเป็ไก่นักรบเสียจริงๆ โตไว ออกไข่ง่าย!
ข้ากำลังจะหันหลังกลับก็รู้สึกแปลกๆเพราะเหมือนมีเสียงอะไรสักอย่างดังขึ้นมาทางฝั่งของฝ่ายล้างท่อ
ข้าเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นว่ามีบางอย่างกำลังสะท้อนสู้กับแสงอาทิตย์และเมื่อมองชัดๆ พบว่าบางสิ่งที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน!ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นเหม็นชัดขึ้น ก่อนจะมีใครสักคนยืนอยู่ด้านหลังกลิ่นนั้นพร้อมกับชุดของศิษย์สำนักหมื่นิญญากับหัวที่ไม่มีผมเลยสักเส้น
“นั่นใคร!!” ข้ายังพูดไม่ทันจบก็มีพลังหมัดลอยเข้ามา
ฟิ้ว!!!
พลังิญญาเพลงหมัดวายุพุ่งเข้ามาใกล้และดูเหมือนว่าเ้าคนที่ทิ้งสิ่งปฏิกูลคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
เห็นแบบนั้นจึงไม่ลังเลที่จะซัดหมัดอันทรงพลังด้วยพลังจากเคล็ดวิชาาขั้นที่หนึ่งอย่างพลังนทีเชี่ยวเข้าโจมตีอีกฝ่าย
ตูม!
เมื่อพลังทั้งสองพุ่งเข้าปะทะเสียงะเิและคลื่นพลังแผ่ขยายออกไปทำให้ดอกหญ้าต่างโอนเอนไปตามแรงเขาเลิกคิ้วขึ้นท่าทีประหลาดใจ “ฮึ! นึกไม่ถึงเลยว่าศิษย์สำรองอย่างเ้าจะรับมือกับเพลงหมัดวายุของข้าได้ไม่เลวเหมือนกันนี่แต่ว่า...จะรับมือกับกำปั้นที่สามารถทุบแท็งก์น้ำให้แตกของข้าได้ไหมล่ะ!”
พอได้ยินว่าเป็ฝีมือของใครความโกรธก็แล่นเข้ามาทันที “เ้าเป็คนทำแท็งก์น้ำแตกจนไหลท่วมไก่ตัวน้อยๆของข้าสินะ!”
“ไม่ต้องพูดมาก โดนข้าซัดสักหมัดแล้วค่อยว่ากัน!”
เขาพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วพร้อมกับหมัดที่มีกลิ่นตุๆแต่หมัดที่ดูเหมือนจะไม่ง่ายกลับทำให้พลังทิพย์ในร่างกายสั่นะเืเป็สัญญาณเตือนว่าอาจจะอันตรายถึงชีวิต!