“จื่อเมิ่งเ้าไม่ต้องล้างแล้ว พี่รองล้างเอง!” เซียวจื่อเซวียนเอ็นดูน้องสาวมาก จึงรีบกล่าว
เซียวจื่อเมิ่งพ่นไออุ่นออกมาสองทีกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาบาง “ไม่หนาว พี่รอง เราล้างด้วยกัน จะได้กลับบ้านเร็วขึ้น!”
เซี่ยยวี่หลัวยืนห่างออกไปสองเมตรรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จื่อเซวียน จื่อเมิ่งมืดแล้วทำไมยังไม่กลับบ้าน?”
เด็กสองคนได้ยินเสียงของเซี่ยยวี่หลัวลุกพรึ่บยืนขึ้นทันที
เซี่ยยวี่หลัวเห็นอย่างชัดเจนนี่น่าจะเป็ปฏิกิริยาตอบสนองที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับความหวาดกลัวอย่างหนักเมื่อเผชิญหน้ากับเซี่ยยวี่หลัว เด็กสองคนใกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ
เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าเดินขึ้นหน้ากลัวว่าหากตัวเองเดินขึ้นหน้าอีก เด็กสองคนจะกลัวจนตกลงไปในน้ำนางหันหลังพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รีบกลับบ้านกินข้าวได้แล้ว ข้าต้มซุปก้อนแป้งผักจี้ช่ายไว้ ใส่ไข่ไก่ด้วย รับประกันว่าอร่อยเหมือนตอนกลางวันแน่นอน!”
ท้องฟ้าสลัว ่นี้ฟ้ามืดเร็วเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ก็แทบมองอะไรไม่ชัดเจน
ดีที่ระหว่างทางกลับแต่ละบ้านยังจุดไฟไว้อยู่ เซี่ยยวี่หลัวเดินนำด้านหน้า สองพี่น้องเดินตามอยู่ด้านหลัง
เซียวจื่อเมิ่งมองเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ด้านหน้าเป็ครั้งคราวก่อนมองเซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ ภายในใจรู้สึกสงสัยยิ่งนัก
ตอนเช้าให้พวกเขาดื่มน้ำผึ้งให้พวกเขากินขนมหอมหวาน ตอนเที่ยงทำแผ่นแป้งใส่ไข่และซุปไข่ให้พวกเขากินตอนเย็นทำอาหารเสร็จแล้ว เห็นว่าพวกเขายังไม่กลับ จึงออกมาตาม
เซียวจื่อเมิ่งไม่เคยเห็นเซี่ยยวี่หลัวที่เป็แบบนี้วันนี้ทั้งวัน ทำให้นางรู้สึกตกตะลึงเป็อย่างมาก
นางไม่เข้าใจ
ใช่ว่ามีแต่นางที่ไม่เข้าใจเซียวจื่อเซวียนก็มึนงงและไม่เข้าใจเช่นกัน
่เช้าตรู่ยังไม่ทันหวีผมก็วิ่งออกมาหาพี่ใหญ่ทั้งยังเอ่ยวาจาแบบนั้นกับพี่ใหญ่ วันนี้แย้มรอยยิ้มให้พวกเขาทั้งวัน แถมยังลงมือทำอาหารให้พวกเขากินสตรีผู้นี้ คิดจะทำอะไรกันแน่?
ภายในใจเกิดความสงสัยต่างๆนาๆ ทว่าเซี่ยยวี่หลัวที่อ่อนโยนและโอบอ้อมอารีเช่นนี้...
เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นมองเงาร่างตรงหน้าเม้มริมฝีปากทีหนึ่ง แววตาฉายประกายคาดหวังเสี้ยวหนึ่ง ทว่าเมื่อหวนคิดถึงเื่ที่สตรีผู้นี้อารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอน ความหวังเสี้ยวนั้นพลันมลายหายไปอย่างรวดเร็ว
อาหารมื้อเย็นเป็ซุปก้อนแป้งผักจี้ช่ายเซี่ยยวี่หลัวมีฝีมือการทำอาหารที่ดีเยี่ยม ซุปก้อนแป้งธรรมดาหนึ่งชามที่มีแค่น้ำมันและเกลือนางยังสามารถปรุงจนมีสีสันน่ารับประทาน กลิ่นหอมกรุ่นรสชาติอร่อย ทั้งสามยังคงกินอาหารในห้องของเด็กสองคนเหมือนกับตอนเที่ยงหลังจากเซี่ยยวี่หลัวดื่มซุปคำสุดท้าย เด็กสองคนก็วางชามลง
ไม่รอให้เซี่ยยวี่หลัวได้กล่าวอะไรเด็กสองคนก็ถือชามของตัวเองและหยิบชามของเซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในห้องครัวด้วยท่าทางว่าง่าย
เซี่ยยวี่หลัวตามเข้าไปในห้องครัว
เมื่อถึง่ค่ำเวลานี้นอกจากการนอนหลับก็ไม่มีเื่อื่นให้ทำแล้วเซี่ยยวี่หลัวชอบแช่เท้าก่อนนอน โดยเฉพาะในวันที่อากาศหนาวเย็น แช่เท้าในน้ำร้อนกลางคืนจะหลับสบาย
เซี่ยยวี่หลัวล้างหม้อใบใหญ่เสร็จั้แ่ก่อนกินอาหารตักน้ำใส่ไว้เต็มหม้อ เติมฟืนเข้าไปในเตา ตอนนี้น้ำเดือดแล้ว สามารถนำไปใช้ได้
เซี่ยยวี่หลัวพิงอยู่ตรงขอบประตูกล่าวกับสองพี่น้อง “ในหม้อใหญ่มีน้ำร้อน ให้พวกเ้าใช้ล้างหน้าล้างเท้า!”
เพื่อไม่ให้เด็กสองคนรู้สึกอึดอัด เซี่ยยวี่หลัวกล่าวจบก็กลับห้องของตัวเองรอให้เด็กสองคนใช้เสร็จแล้วตัวเองเข้าไป ผ่านไปครู่หนึ่ง มีเสียงดังจากหน้าประตูเซี่ยยวี่หลัวเปิดประตูดู ก็เห็นน้ำสองถังอยู่หน้าประตู น้ำร้อนหนึ่งถังน้ำเย็นหนึ่งถัง
น่าจะเป็เซียวจื่อเซวียนนำมาวางไว้หน้าประตูตนเอง
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเป็เพราะเด็กสองคนหวั่นเกรงต่อความร้ายกาจของนางหรือเดิมทีก็เป็เด็กว่าง่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไร อุปนิสัยของเด็กสองคนถือว่าไม่มีที่ติจริงๆ
ใสซื่อเรียบง่าย จิตใจดีรู้ความว่าง่ายและขยันขันแข็ง เด็กสองคนนี้มีข้อดีทั้งหมดที่เด็กชนบทพึงมี แต่เซี่ยยวี่หลัวคนเดิมที่เป็เด็กชนบทเหมือนกันทำไมนางถึงไม่มีเล่า?
ยโสโอหัง หยิ่งผยองก้าวร้าวมีแต่อุปนิสัยร้ายกาจในแบบฉบับคุณหนูผู้เอาแต่ใจ
คืนแรกในต่างโลกเดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดว่าอาจจะนอนไม่หลับ แต่หลังจากแช่เท้าจนอุ่น พลิกตัวทีหนึ่งนางก็นอนหลับแล้ว
หลับสบายทั้งคืน
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งท้องฟ้าภายนอกก็สว่างแล้ว ไม่มีนาฬิกา จึงไม่รู้เวลา แต่เมื่อคืนเข้านอนเร็วตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเซี่ยยวี่หลัวสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ไปห้องครัว
นางจำได้ว่าในโอ่งเหลือน้ำเพียงเล็กน้อยล้างหน้าเสร็จนางก็จะไปหาบน้ำ
ใครจะรู้ว่าเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆโอ่งน้ำภายในกลับมีน้ำอยู่เต็มโอ่ง สะท้อนจนเห็นใบหน้างดงามหยาดเยิ้มของเซี่ยยวี่หลัวนางใสะดุ้ง หันขวับก็เห็นเซียวจื่อเซวียนกำลังหาบน้ำเดินเข้ามาด้วยท่าทางโซเซ
ที่แท้เด็กคนนี้ไปหาบน้ำมาั้แ่เช้าตรู่
เซียวจื่อเซวียนอายุยังน้อยร่างกายก็ซูบผอมอ่อนแอ ไม่สามารถหาบน้ำทีเดียวเต็มถัง ได้แต่หาบทีละครึ่งถังเล็กโอ่งน้ำใหญ่ขนาดนี้ เขาไปๆมาๆสิบกว่ารอบ ถึงได้เติมน้ำจนเต็มโอ่ง
บนหน้าผากเซียวจื่อเซวียนปรากฏเหงื่อซึมชื้นหายใจหอบด้วยความเหนื่อย เห็นเซี่ยยวี่หลัวอยู่ในห้องครัว เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจแต่ก็ยังฝืนใจเดินเข้าไป เทน้ำใส่โอ่ง จากนั้นจึงจัดถังน้ำกับไม้หาบ เตรียมเดินออกไป
เซี่ยยวี่หลัวเรียกเขาไว้ “น้ำในโอ่งนี้เ้าเป็คนหาบมาทั้งหมดหรือ?”
ถามจบเซี่ยยวี่หลัวก็นึกเสียใจขึ้นมาทันทีในเรือนหลังนี้มีนางคนเดียวที่เรียกได้ว่าเป็ผู้ใหญ่ นางไม่ได้หาบเซียวจื่อเมิ่งที่ตัวเล็กถึงเพียงนั้นยิ่งเป็ไปไม่ได้ นอกจากพวกนางก็เหลือเพียงเซียวจื่อเซวียนคนเดียวมิใช่หรือ?
เซียวจื่อเซวียนโดนเรียกให้หยุดคิดไม่ถึงว่าเซี่ยยวี่หลัวจะถามคำถามนี้ เขายืนอยู่ด้านหนึ่งอย่างระแวดระวังพยักหน้าพร้อมขานตอบ
เมื่อเห็นท่าทางของเขาที่กลัวตนเองเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกไม่ดีนัก นางลูบจมูกตนเองพร้อมกล่าว “คือ ข้า… เดิมทีข้าคิดจะไปหาบน้ำเอง!”
เื่อย่างการหาบน้ำเดิมทีนางก็ไม่คาดหวังให้เด็กมาทำอยู่แล้ว!
เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วดวงตาฉายประกายสงสัย เซี่ยยวี่หลัวยังไม่เข้าใจ เซียวจื่อเซวียนก็ก้มหน้าลงแล้ว “ตอนพี่ใหญ่อยู่บ้านน้ำในบ้านพี่ใหญ่เป็คนหาบ ตอนนี้พี่ใหญ่ไปแล้ว ข้าก็ควรเป็คนหาบน้ำ!”
“คือเ้า… เ้ายังเด็ก!”เซี่ยยวี่หลัวได้ยินเซียวจื่อเซวียนพูดยาวขนาดนี้เป็ครั้งแรกจึงรู้สึกใเล็กน้อย
“พี่ใหญ่เคยบอกไว้ ว่างานหนักควรให้ผู้ชายทำข้าโตแล้ว เป็ลูกผู้ชาย!” เซียวจื่อเซวียนกล่าวอย่างตั้งใจ
เมื่อได้ยินเซียวจื่อเซวียนบอกว่าตัวเองเป็ลูกผู้ชายเซี่ยวยวี่หลัวหัวเราะ “พรืด” ทันที
ลูกผู้ชาย?
ลูกผู้ชายวัยแปดขวบตัวผอมราวกับนกกระทาตัวน้อยก็มิปาน!
อาจเพราะคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวกำลังหัวเราะเยาะตนเองเซียวจื่อเซวียนถอยหลังไปสองก้าว ก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิมมือสองข้างเกร็งอยู่ข้างกายคอตกเหมือนเด็กที่กระทำความผิดและรอคอยคำด่าอย่างไรอย่างนั้น
เซี่ยยวี่หลัวพบว่าตัวเองสื่อกิริยาผิดไปรีบเอ่ยปากขอโทษ “จื่อเซวียน ขอโทษ เมื่อครู่ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าหมายความว่าเ้าผอมเกินไป เื่อย่างการหาบน้ำควรให้ผู้ใหญ่อย่างข้าเป็คนทำ”
เซียวจื่อเซวียนไม่กล้าเงยหน้าเซี่ยยวี่หลัวย่อมไม่ได้เห็นประกายตกตะลึงในแววตาของเขา
สตรีผู้นี้ เอ่ยปากขอโทษเขางั้นหรือ?
หากไม่ใช่เขาหูฝาดไป ก็คงเพราะตื่นมาทำงานั้แ่เช้าตรู่เหนื่อยจนเกิดอาการวิงเวียนเป็แน่