เขาเดินไปที่โซฟาอย่างคล่องแคล่ว วางกระติกเก็บความร้อนไว้บนโต๊ะกาแฟ แล้วถามอย่างเป็ห่วง "พี่ลิ่วอี กินอะไรหรือยังครับ?"
ชย่าลิ่วอีถูกทรมานมาสองวันเต็มๆ ไม่ได้นอน ไม่ได้พัก แม้ว่าจิตใจจะยังดีอยู่ แต่ร่างกายก็อ่อนล้าไปมาก เขาห่อตัวด้วยผ้าห่ม จ้องมองเหอชูซานด้วยความเกียจคร้านที่จะออกแรงไปซ้อมเขา จึงได้แต่แค่นเสียงฮึดฮัด หันหน้าหนีไปคว้ารีโมทมาเปิดทีวีดู
เหอชูซานคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เป็อย่างดี เขาเดินเข้าไปในครัว เตรียมชามและช้อน ตักโจ๊กออกมา "กินโจ๊กหน่อยนะครับ"
ชย่าลิ่วอีไม่สนใจเขา
เหอชูซานวางชามโจ๊กกลับไปที่โต๊ะกาแฟ แล้วนั่งลงข้างๆ เขาอย่างเงียบๆ
เส้นเืที่ขมับของชย่าลิ่วอีเต้นตุบๆ แต่เขาก็ยังคงจ้องมองทีวีโดยไม่หันไปมอง
เหอชูซานมองใบหน้าด้านข้างของเขาอย่างเงียบๆ มองเห็นหนวดเคราที่ขึ้นหนาแน่นบนคางและรอยคล้ำที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าในดวงตา ชายหนุ่มผู้ยังไม่เคยผ่านโลกมากนักคนนี้ เติบโตขึ้นมาในเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเื่เล่าเกี่ยวกับการทรมานและการซ้อม เขาไม่รู้ถึงความสามารถในการบิดเบือนความจริงและควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างของลูกพี่ใหญ่ จึงได้แต่นึกถึงความทุกข์ทรมานที่อีกฝ่ายต้องเผชิญใน่สองวันที่ผ่านมา
เขามองไปที่มาเฟียที่ทำให้เขาวิตกกังวลมาตลอดสองวันที่ผ่านมา ความรู้สึกกลัวหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง ความดีใจ และความสงสารเอ่อล้นในอก เขาถอนหายใจเบาๆ ก้มตัวลงไปใกล้ๆ และกอดชย่าลิ่วอีผ่านผ้าห่มผืนบาง
เขาสังเกตเห็นความแข็งทื่อและแรงอาฆาตที่พุ่งขึ้นมาทันทีของชย่าลิ่วอี แต่แทนที่จะกลัว เขากลับก้มหน้าลงด้วยความไม่กลัวตาย ซุกหน้าลงบนไหล่ของชย่าลิ่วอี พร้อมกับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
"พี่ลิ่วอีครับ ดีใจที่พี่ปลอดภัยนะ ผมเป็ห่วงพี่มากเลย"
ชย่าลิ่วอีจ้องมองทีวีด้วยสีหน้าเรียบเฉย บนหน้าจอสีสันสดใสค่อยๆ กลายเป็ภาพที่ยุ่งเหยิง หัวใจของเขาเหมือนถูกแมลงกัดกิน เริ่มเ็ปอย่างรุนแรง
เขาไม่รู้ว่ากำลังต่อสู้กับอะไร หรืออดทนต่ออะไร เขาไม่รู้ว่าความเ็ป ความทรมาน ความรู้สึกผิด และความเสียใจในตอนนี้ เป็เพราะใคร…
ไม่ เขารู้ เขารู้ดี เขายังคงเก็บพื้นที่ส่วนหนึ่งในใจไว้ให้คนคนนั้นอยู่เสมอ าแฉกรรจ์ที่ถูกทิ้งไว้หลังจากที่หัวใจของเขาถูกฉีกกระชากออกไป เขาไม่เคยกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน ความว่างเปล่าอันน่าสยดสยองในจิติญญาของเขา เขาไม่สามารถเติมเต็มมันได้ เขากลัวว่าตัวเองจะลืม เขาเกลียดการเปลี่ยนแปลงและการทรยศของตัวเอง เขาไม่มีคุณสมบัติ เขาไม่กล้า ไม่สามารถ และไม่ควรเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่
และยิ่งไม่ควรเป็กับเด็กคนนี้
เขาแบกรับอดีตที่หนักหน่วงเช่นนี้ อนาคตของพวกเขาช่างแคบนัก เขาไม่สามารถมองเห็นจุดจบของพวกเขาได้เลย
แต่การกอดของเหอชูซานนั้นอบอุ่นเกินไป สายตาที่จดจ่อ ลมหายใจที่อบอุ่น คำพูดที่แสดงถึงความเป็ห่วง แขนที่โอบกอดเขาอย่างกล้าหาญและแน่วแน่ มันอบอุ่นเกินไป เขาไม่มีแรงที่จะผลักออก
เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขาตามใจเด็กคนนี้ เขาใส่ใจเด็กคนนี้ เด็กหนุ่มที่ดูซื่อๆ แต่จริงๆ แล้วเ้าเล่ห์ เด็กหนุ่มที่ดื้อรั้น ฉลาด และมีไหวพริบ... เขาไม่สามารถปฏิเสธความคิดถึงและความว่างเปล่าในใจตลอด่เวลาครึ่งปีที่เขาจงใจตีตัวออกห่าง
ตลอด 48 ชั่วโมงในห้องสอบสวน สิ่งที่ดังก้องอยู่ในหัวของเขาไม่ใช่ว่าจะแก้ต่างอย่างไร จะรับมือกับเซี่ยเจียหัวอย่างไร หรือจะทำอย่างไรหลังจากออกไป แต่เป็แววตาของเหอชูซานตอนที่จากกัน แววตาที่เต็มไปด้วยความน้อยใจและความโกรธ ความเป็ห่วงและความอาลัย คำว่า "พี่ลิ่วอี" ที่เขาเรียก ทำให้หัวใจของเขาเ็ป
ชย่าลิ่วอีนั่งตัวแข็งทื่อ มองชามโจ๊กบนโต๊ะ จนกระทั่งไอร้อนอุ่นๆ ค่อยๆ จางหายไป…
ในที่สุดเขาก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าและเ็ป ถอนหายใจยาว ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
"แผลที่ขาเป็ยังไงบ้าง?" เขาถามขึ้น น้ำเสียงแหบพร่า
เหอชูซานแขนสั่นเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น เขาซบศีรษะลงบนไหล่ของชย่าลิ่วอี "ไม่เป็ไรครับ"
"ให้ฉันดูหน่อย"
เหอชูซานปล่อยเขา แล้วก้มลงม้วนขากางเกงขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยแผลเล็กๆ ที่หัวเข่าลงมา มีเืซึมออกมาเล็กน้อยและตกสะเก็ดแล้ว แม้ว่าาแจะยาว แต่ก็ดูไม่ลึกและไม่กระทบกระเทือนถึงกระดูก
ชย่าลิ่วอีมองดูอย่างละเอียด จากนั้นก็เอื้อมมือออกจากผ้าห่มแล้วกดลงบนหัวเข่าของเขาเบาๆ
เหอชูซานสูดหายใจเข้าอย่างเ็ป ขมวดคิ้วและอดทนไว้
“เจ็บหรือ?”
“อืม”
"สมน้ำหน้า" ชย่าลิ่วอีพูดเสียงเบา "ครั้งหน้าถ้ายังกล้าทำอะไรบ้าๆ แบบนี้อีก ฉันจะหักขาทั้งสองข้างของนายซะ"
เหอชูซานส่ายหัวอย่างว่าง่าย ยอมรับผิดอย่างจริงจัง "ผมจะไม่กล้าทำอีกแล้วครับพี่ลิ่วอี"
"ครั้งต่อไปก่อนจะจูบ ผมจะบอกพี่ก่อนแน่นอน" เขาให้สัญญาอย่างจริงจังและจริงใจ
"แบบครั้งนี้"
เขาโน้มตัวเข้าไป จูบลงบนริมฝีปากของชย่าลิ่วอีอีกครั้ง
“……”
ผิดคาด เขาไม่ได้ถูกผลักออกไป
คนที่ถูกจูบหลับตาลง ยอมให้เขาทำตามใจตัวเองเป็ครั้งที่นับไม่ถ้วน หลังจากนั้นไม่นาน มือข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากผ้าห่ม โอบรอบไหล่และหลังของเขา นิ้วมือสอดเข้าไปในเส้นผมของเขาเบาๆ
ท่ามกลางััอันอ่อนโยนและเร่าร้อนของริมฝีปากและลิ้น เหอชูซานนึกถึงบทสนทนาของเขากับชย่าลิ่วอีบนดาดฟ้าที่มืดมิดราวกับบ่อน้ำแห้งในคืนหนึ่งเมื่อสองปีก่อน เขาถามชย่าลิ่วอีว่าทำไมไม่ยอมรับความสัมพันธ์นั้น ทำไมไม่กล้าเผชิญหน้า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนสองคนที่รักกันต้องหลีกเลี่ยงกัน คิดถึงกัน แต่กลับต้องเดินจากกันไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ชย่าลิ่วอีลูบหัวเขาแล้วบอกว่าเขาไม่เข้าใจหรอก มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาควบคุมไม่ได้
เขาเข้าใจแล้วถึงสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้เ่าั้
เพราะความรัก ถึงได้เป็เื่ที่ไม่อาจควบคุมได้เช่นนี้
……
ชย่าลิ่วอีออกจากสถานีตำรวจโดยไม่ได้รับาเ็ใดๆ ไม่กี่วันต่อมา เขาเรียกประชุมผู้นำแก๊งต่างๆ ในที่ประชุมเขาจับลูกน้องคนสนิทของเฝยชีพร้อมกับเชิญไล่ซานเม่ยแฟนสาวของเฝยชี ที่แต่งตัวสวยงามมาด้วย ไล่ซานเม่ยเห็นภาพถ่ายของเฝยชีที่แอบเธอไปเลี้ยงดูนักเต้น โดยเฉพาะแหวนเพชรเม็ดโตที่ส่องประกายบนมือนักเต้น เธอเปลี่ยนข้างทันที สารภาพว่าเฝยชีคิดไม่ซื่อั้แ่แรก เธอยังนำบันทึกการสนทนาการค้าระหว่างเฝยชีกับพ่อบ้านของตระกูลหัวออกมาด้วย ——ซึ่งเดิมทีเฝยชีใช้เพื่อข่มขู่พ่อบ้าน ลูกน้องคนสนิทของเฝยชีก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับสารภาพแผนการทั้งหมด ฝ่ายแก๊งเหอเชิ่งที่เดิมโวยวายจะทวงความยุติธรรม กลับพูดไม่ออก ทำได้เพียงยอมยุติเื่นี้ไป
ชย่าลิวอีได้เข้าท่าเรือของเฝยชีอย่างชอบธรรม และยังได้ผนวกอาณาเขตของ "แก๊งซา" ของหัวหน้าใหญ่ซาซึ่งก่อนหน้านี้ถูกเฝยชียึดครองไป โดยอ้างว่าเป็การชดเชยความเสียหายของเขาเอง ในขณะเดียวกัน "แก๊งเหออี้" ซึ่งเป็กลุ่มลูกหลานของแก๊งเหอเชิ่งเช่นกัน ได้รวมเข้ากับ "แก๊งเหอเชิ่ง" ซึ่งในขณะนี้ไร้ผู้นำและเข้าควบคุมพื้นที่ที่เหลือของเฝยชี
เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง หัวหน้าแก๊งเหออี้ เถ้าปู่เฉียว ได้ยิ้มให้ชย่าลิ่วอีอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าชย่าลิ่วอีจะรู้สึกถึงลางสังหรณ์ แต่เขาก็ไม่ได้กังวลมากนัก ในตอนนี้แก๊งเซียวฉีไม่ใช่แก๊งเล็กๆ ที่ต่อสู้กันในเมืองกำแพงเจียวหลงอีกต่อไป ภายใต้การบริหารของชย่าลิวอีใน่เวลาเพียงสองปี มันได้ขยายไปทั่วเกือบครึ่งหนึ่งของย่านจิ่วหลง มีลูกน้องหลายร้อยคน และมีธุรกิจหลายสิบแห่ง ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ธุรกิจครอบคลุมไนต์คลับ ดิสโก้ ร้านอาหาร คลับ โต๊ะสนุ๊ก ลานสเก็ต สถานที่เล่นการพนัน ซ่อง และอื่นๆ อีกมากมาย หลังจากการล่มสลายของหัวหน้าใหญ่ซาและเฝยชี แก๊งเซียวฉีก็กลายเป็หนึ่งในไม่กี่แหล่งค้าผงขาวในจิ่วหลง สถานบันเทิงต่างๆ ต้องมาหาพวกเขาเพื่อซื้อของ แก๊งเซียวฉีจึงตั้งราคาสูงและมีอำนาจมาก แม้ว่าแก๊งเหออี้จะเป็แก๊งเก่าแก่และมีรากฐานที่มั่นคง แต่ถ้าพวกเขา้ากลืนชย่าลิวอีเข้าไปพวกเขาก็ต้องคิดถึงฟันของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น อิทธิพลหลักของแก๊งเหออี้อยู่ที่เกาะฮ่องกง ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกฝั่งของช่องแคบ แม้แต่การจะไปรวมตัวกันต่อสู้ที่จิ่วหลงพวกเขายังต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาการจราจรติดขัดใน่เวลาเร่งด่วนที่อุโมงค์ข้ามทะเล นั่นทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ
หลังจากเหตุการณ์นี้ ชย่าลิ่วอีได้ใช้ข้ออ้างในการตรวจสอบสายลับและปรับโครงสร้างแก๊งเพื่อปลดที่ปรึกษาและลูกน้องที่พวกผู้าุโส่งเข้ามา แต่เขายังคงเก็บหัวหน้ากลุ่มนักเลงไอ้หัวบาก ซึ่งได้รับการแนะนำจากผู้เฒ่าเก๋อไว้เพราะใช้งานได้สะดวก ไอ้หัวบากรู้สึกขอบคุณอย่างมากต่อโอกาสที่เขาได้รับ และพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับเขา ผู้เฒ่าเก๋อ ก็รู้สึกพอใจที่เขาให้เกียรติจึงไม่หาเื่เขาใน่นี้ แม้ว่าผู้าุโคนอื่นๆ จะมีคำพูดเล็กๆ น้อยๆ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
