เมิ่งยวี่ฉิงได้ยินคำถามของเย่เฟิงก็เผยรอยยิ้ม แต่แววตาวาบประกายดูถูก พร้อมกล่าวว่า “จักรวรรดิจิ่วโยวถูกแบ่งเป็เก้ากองกำลัง แดนชิงอวิ๋นที่เ้าอยู่ถูกปกครองโดยสำนักชิงอวิ๋น ส่วนกองกำลังที่ข้าพูดถึงก่อนหน้านี้ก็แข็งแกร่งพอ ๆ กับสำนักชิงอวิ๋น”
แม้เย่เฟิงจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอได้ยินคำพูดของเมิ่งยวี่ฉิงก็ยังคงใ
อาณาจักรจ้าวถูกปกครองโดยราชวงศ์จ้าว มีขุนนางระดับสูง แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่านอกแดนชิงอวิ๋นยังมีกองกำลังที่เหนือกว่าปกครองพวกเขา ในสายตาของกองกำลังนั้น ผู้สูงส่งอย่างพวกเขาก็เป็แค่มดแมลงเท่านั้น
“เ้าแค่ฟังเื่พวกนี้ก็พอ เพราะคนอย่างเ้าไม่มีทางเอื้อมถึงกองกำลังระดับนั้น อีกอย่างรู้มากไปก็ไม่มีประโยชน์” เมิ่งยวี่ฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แดนหานเสวี่ยที่หมู่บ้านของนางอยู่ใต้การปกครองก็ไม่รู้ว่าใหญ่กว่าแดนชิงอวิ๋นมากเท่าไร นางในฐานะธิดาเทพแห่งหมู่บ้านหานเสวี่ย จะใส่ใจเย่เฟิงที่มาจากดินแดนไร้อารยธรรมไปทำไมกัน?
“อีกอย่างนะ ถ้าสัตว์อสูรปรากฏตัว เ้าก็แค่สนับสนุนพวกข้า อย่าปะทะกับมัน สัตว์อสูรพวกนั้นไม่ใช่คนอย่างเ้าจะสู้ด้วยได้ หากเสียชีวิตก็คงไม่คุ้มค่า” เมิ่งยวี่ฉิงกำชับเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงแฝงออกคำสั่ง เย่เฟิงก็แค่พยักหน้าพลางยิ้มโดยไร้ซึ่งคำพูด
หลังจากนั้นพวกเขาค่อย ๆ เข้าสู่ส่วนลึกของหุบเขา ระหว่างทางยังพบเจอปีศาจพิภพระดับหนึ่งสองตน แต่ทั้งห้าคนก็ร่วมกันสังหาร ส่วนเย่เฟิงยืนดูอยู่ห่าง ๆ และนี่ก็ยิ่งทำให้ม่อหลี่ ชิงเหยียน หยวนป้าเทียน และคนอื่นดูถูกเย่เฟิงมากกว่าเดิม
“เห็นหรือยัง เ้าสามารถใช้วิธีเช่นนี้จัดการกับปีศาจพิภพได้ เวลานั้นหากพบเจอสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่า เ้าก็จะได้ช่วยเหลือทันเวลา” เมิ่งยวี่ฉิงเดินมาแล้วพูดกับเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งเช่นเดิม
“ศิษย์น้องเมิ่งอย่าไปพูดกับหมอนั่นเลย คนที่มาจากสถานที่ไร้ชื่อ เกรงว่าจะไม่เคยพบเจอปีศาจพิภพตัวจริง ถึงให้เขาเรียนรู้ไปแล้วจะได้อะไรเล่า?” ชิงเหยียนกล่าวกับเมิ่งยวี่ฉิงพลางยิ้มอย่างดูถูก
“ข้าเห็นด้วย ถ้าให้เขาสู้กับปีศาจพิภพ เกรงว่าคงใจนฉี่ราด แล้วจะสู้ได้อย่างไร?” ม่อหลี่กล่าวเสริม
“มีปีศาจพิภพระดับสองกำลังมาทางนี้ พวกเราจะหนีหรือไม่?” เย่เฟิงไม่สนใจม่อหลี่และชิงเหยียน แต่หันไปพูดกับหยวนป้าเทียน ทำหยวนป้าเทียนขมวดคิ้ว แล้วมองเย่เฟิงด้วยท่าทีสงสัยพร้อมกล่าวว่า “เ้าแน่ใจหรือ?”
“ข้าแน่ใจ ปีศาจพิภพระดับสองตนนั้นจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่เกินยี่สิบลมหายใจ” เย่เฟิงกล่าว หลังจากทักษะหล่อิญญาได้ขัดเกลาจิติญญา ส่งผลให้พลังิญญาของเย่เฟิงเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกัน แม้แต่ผู้ที่มีระดับสูงกว่าเย่เฟิงบางคนก็ยังมีพลังิญญาสู้เย่เฟิงไม่ได้
บัดนี้เย่เฟิงอาศัยพลังิญญาที่แกร่งกล้าของตนก็สามารถรับรู้ได้ถึงปราณอสูรที่กำลังจู่โจมเข้ามา
“พี่หยวน อย่าไปฟังเขา ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ผลึกิญญาอยู่ ไหนเลยจะมีปีศาจพิภพระดับสอง หรือต่อให้มี เขาที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 จะไปรู้ได้อย่างไร?” ชิงเหยียนกล่าวโดยที่ไม่เชื่อคำพูดของเย่เฟิง
“ชิงเหยียนพูดถูก เขาจะรู้ได้อย่างไรว่ามีปีศาจพิภพกำลังมาทางนี้ ถ้ามีจริง แล้วเหตุใดข้าถึงััไม่ได้ แต่ผู้มีพลังต่ำต้อยจะรู้ก่อนได้อย่างไร?” ม่อหลี่สงสัยในคำพูดของเย่เฟิง เขามีพลังระดับอะไร ขนาดอยู่ที่วังเทียนสุ่ยเขาก็ยังเป็ผู้แข็งแกร่ง มีประสาทััชั้นยอด แล้วเย่เฟิงผู้ต่ำต้อยจะแกร่งกว่าเขาได้อย่างไร?
แม้แต่เมิ่งยวี่ฉิงก็มองเย่เฟิงด้วยสายตากังขา นางเปิดพลังิญญาทั้งหมดก็ยังััถึงการมีตัวตนของปีศาจพิภพระดับสองไม่ได้
“ใช้วิธีเช่นนี้ดึงดูดความสนใจ ช่างแย่มาก” เมิ่งยวี่ฉิงดูเหมือนไม่ชอบใจ จึงดุด่าเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงเย็นะเื
เย่เฟิงมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม ไม่ว่าเขาไปที่ใดก็มักจะพบเจอพวกชอบดูถูก เย่เฟิงจึงไม่แปลกใจอะไร
“โฮก!” ตอนนั้นเองมีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังมาจากที่บางแห่ง และยังเป็เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นงูั์ที่มีลำตัวยาวกว่าสิบจั้งปรากฏตัวในสายตาของทั้งห้าคนทันที พื้นดินต้องสั่นะเื มันยังส่งเสียงคำรามต่อเนื่อง พร้อมแยกเขี้ยวที่กระหายเื และปลดปล่อยพลังที่น่าหวาดกลัวออกมา
ดูจากพลังของงูั์แล้ว เป็ปีศาจพิภพระดับสองอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ทำให้ทั้งห้าคนต่างตื่นใขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ โดยเฉพาะเมิ่งยวี่ฉิง ก่อนหน้านี้นางเอาแต่ดูถูกเหยียดหยามเย่เฟิง แต่บัดนี้นางกลับรู้สึกเหมือนมีคนมาตบหน้าจนหน้าร้อนผ่าว
“ทุกคนเข้าประจำที่!” หยวนป้าเทียนที่มีขั้นพลังสูงที่สุดในบรรดาหกคนและสุขุมเยือกเย็นที่สุด เขาจึงสั่งทุกคนในทันที จากนั้นอีกสี่คนรีบเข้าประจำที่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางค่ายกลพร้อมอาวุธในมือเปล่งแสงเย็นเยือก
“โฮก!” งูั์ตนนั้นแผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของมันส่องประกายแสงสีแดงเืคล้ายพิโรธเป็อย่างมาก จากนั้นมันสะบัดหางโจมตี พวกเขาใช้ท่าร่างหลบหนีในทันทีทันใด แต่กลับตึงเครียดกว่าก่อนหน้านี้ เพราะปีศาจพิภพระดับสองแข็งแกร่งกว่าระดับหนึ่งหลายเท่า ไม่เพียงแต่มีพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง การเคลื่อนไหวเองก็ว่องไวเช่นกัน
หลังจากหลบหนีการโจมตีจากหางของงูั์ พวกเขาก็ใช้อาวุธเข้าโจมตี เพื่อที่จะพยายามทำลายการป้องกันของงูั์ แต่การป้องกันของปีศาจพิภพระดับสองแกร่งเกินไป แม้อาวุธของพวกเขาจะไม่ธรรมดา แต่ก็สร้างรอยาแบนตัวของงูั์ได้ยากยิ่ง
“โฮก!” งูั์แผดเสียงคำรามไม่หยุดพร้อมกับพ่นไฟออกมา ทำอุณหภูมิพุ่งขึ้นสูงอย่างฉับพลันจนหลายคนตื่นตระหนก หน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
พลังของปีศาจพิภพระดับสองแข็งแกร่งเกินไป!
ผ่านไปไม่นานคนเ่าั้เริ่มหมดสภาพเพราะการโจมตีที่รุนแรงของปีศาจพิภพระดับสอง กระทั่งมีสองสามคนเกือบถูกงูั์เขมือบกินหลายครั้ง
“ไอ้สวะ ทำอะไรอยู่ไม่ทราบ? ยังไม่รีบมาช่วยอีก!” ม่อหลี่หันไปมองเย่เฟิงที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ ก่อนจะะโอย่างเกรี้ยวกราดเช่นนั้น
“มองดูอยู่เฉย ๆ เ้าคนไร้ค่า” ชิงเหยียนขึ้นเสียงใส่เย่เฟิง
“เ้าพวกซื่อบื้อ หุบปากซะ!”
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายคมกริบ แล้วตวาดด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยวว่า “ถ้าไม่อยากตาย ก็ฟังคำสั่งของข้า!”
เมื่อทั้งห้าคนเห็นท่าทีของเย่เฟิงเปลี่ยนไปต่างก็ประหลาดใจ ที่ผ่านมาในสายตาของพวกเขา เย่เฟิงเป็เพียงคนไร้ค่าและไร้ความสามารถ แต่บัดนี้กลับเปลี่ยนไปเป็คนละคน และไม่รู้เพราะเหตุใดกัน ปราณอันเฉียบคมที่แผ่ออกจากร่างเย่เฟิงทำให้พวกเขารู้สึกใจสั่น
เมิ่งยวี่ฉิงกะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกว่าเย่เฟิงในเวลานี้ราวกับเป็คนแปลกหน้า
“เ้านับเป็สิ่งใด แล้วมีสิทธิ์อะไรมาสั่งพวกข้า?” ม่อหลี่กล่าวด้วยความโมโห แม้จะเผชิญหน้ากับการโจมตีที่เหี้ยมโหดของงูั์ แต่ก็ยังคงยโสโอหัง
“ตอนนี้พวกเ้ามีทางเลือกด้วยหรือ?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น
ห้าคนนั้นได้ยินคำพูดของเย่เฟิงต่างก็เผยสีหน้าดูไม่ได้ เป็อย่างที่เย่เฟิงกล่าวมา พวกเขาเผชิญหน้ากับปีศาจพิภพระดับสองก็ทำได้เพียงต้านการโจมตี เกรงว่าอีกไม่นานอาจจะถูกฆ่าตายก็เป็ได้
“ข้าจะฟังเ้า งั้นตอนนี้เ้าอยากให้พวกเราทำอะไร?” หยวนป้าเทียนตาเผยประกายเย็นเยือก ในวิกฤติเป็ตายเช่นนี้ พวกเขาจำต้องคิดให้ดี ๆ
“เ้าห้าคนโจมตีงูั์ให้สุดกำลัง พยายามถ่วงเวลามัน ส่วนที่เหลือข้าจัดการเอง” เย่เฟิงกล่าว
“พี่หยวน อย่าไปเชื่อเขา สวะขั้นรวมชี่ที่ 5 จะไปทำอะไรได้?” ม่อหลี่กล่าวกับหยวนป้าเทียนด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“เงียบปากซะ!” หยวนป้าเทียนตะคอกใส่ม่อหลี่แล้วกล่าวว่า “ไม่เชื่อเขา แล้วเ้ามีวิธีอะไรที่จะทำให้เรารอดไปได้?”
ม่อหลี่ถึงกับพูดไม่ออก มิหนำซ้ำสีหน้าเองก็ยิ่งดูไม่ได้
“ทำตามที่เขาพูด!” หยวนป้าเทียนะโเสียงดัง หากเป็เื่ปฏิบัติการจะตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว จากนั้นเขาควงค้อนก่อนจะเข้าโจมตีงูั์ทันที
เมิ่งยวี่ฉิงเห็นฉากนี้ก็เหลือบมองเย่เฟิงแวบหนึ่ง ก่อนจะกวัดแกว่งดาบ ส่วนอีกสามคนถึงจะไม่ยอม แต่จำต้องทำตามที่เย่เฟิงสั่งเพื่อเอาชีวิตรอด
“โฮก!” งูั์แผดเสียงคำราม เนื่องจากโดนโจมตีต่อเนื่อง จึงะเิความพิโรธออกมา จากนั้นมันพ่นไฟพร้อมสะบัดหาง และทุกการโจมตีของมันก็คร่าชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเย่เฟิงเห็นงูั์พุ่งความสนใจไปที่ห้าคนนั้นก็ไม่ได้นิ่งดูดาย เขานำหญ้าิญญาต้นหนึ่งออกจากแหวนมิติ ซึ่งเขาได้รับมาจากถ้ำของปลายยอดปีศาจพิภพที่เขาเทียนเสวียน เย่เฟิงจำชื่อหญ้าิญญาต้นนี้ไม่ได้ แต่รู้ว่ามีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการชาเป็อัมพาตชนิดรุนแรง หากนำของเหลวจากหญ้าิญญาเพียงหนึ่งหยดไปป้ายตรงาแของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปก็จะเป็อัมพาตในทันที จากนั้นจะหมดสติ
ดังนั้นเย่เฟิงจึงคิดจะใช้ของเหลวจากหญ้าิญญาทำให้งูั์เป็อัมพาต มีเพียงวิธีนี้พวกเขาจึงจะรอดไปได้
พลังหยวนพวยพุ่งออกจากฝ่ามือ เข้าปกคลุมหญ้าิญญาต้นนั้น ก่อนจะกลั่นของเหลวจากหญ้าิญญา เพียงเวลาสั้น ๆ หญ้าิญญาก็เหี่ยวเฉา ส่วนของเหลวของมันก็อยู่บนมือของเย่เฟิงในลักษณะทรงกลมสีเขียวเข้ม พร้อมกับส่งกลิ่นสมุนไพรออกมา
จากนั้นเย่เฟิงใช้ของเหลวที่ได้มาป้ายไปที่ปลายหอกัเงินประกาย พร้อมกับใช้พลังหยวนห่อหุ้มมัน เพื่อไม่ให้มันไหลออกไปไหน
“เร็วเข้า ข้าจะต้านมันไม่ไหวแล้ว!” ขณะนั้นหยวนป้าเทียนะโเสียงดังด้วยความร้อนใจ ด้วยการโจมตีของงูั์ ทำให้พวกหยวนป้าเทียนตกอยู่ในสภาพจนตรอกและอาจตายได้ทุกเมื่อ แต่เย่เฟิงกลับนิ่งเฉย สายตาจ้องมองแต่งูั์ คล้ายรอจังหวะเวลา
“เ้าทำอะไรน่ะ? ทำไมยังไม่ลงมืออีก?” เมิ่งยวี่ฉิงเห็นเย่เฟิงเงียบกริบก็เกิดอาการร้อนใจ เพราะนางเริ่มต้านการโจมตีของงูั์ไม่ไหวแล้ว
เย่เฟิงเหลือบมองเมิ่งยวี่ฉิงแวบหนึ่งพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงไม่เคลื่อนไหว นี่ทำให้พวกหยวนป้าเทียนเผยสีหน้าย่ำแย่ แต่ไม่มีใครพูดอะไร การโจมตีของงูั์ทรงพลังมากเกินไป ทำให้พวกเขาไม่มีเวลามาพูดโต้แย้ง
“โฮก!” ขณะนั้นงูั์สะบัดหางโจมตีเมิ่งยวี่ฉิง ทำให้นางกระเด็นออกไปไกล จากนั้นมันอ้าปากกว้างหมายเขมือบร่างเมิ่งยวี่ฉิง ทำให้เมิ่งยวี่ฉิงหน้าถอดสีจนไร้สีเื นางไม่อยากถูกงูั์นี่เขมือบกิน แต่งูั์เคลื่อนไหวเร็วเกินไปจนนางไร้กำลังตอบโต้ใด ๆ
“พรึ่บ!” แต่ในตอนที่เมิ่งยวี่ฉิงสิ้นหวัง จู่ ๆ มีเงาร่างหนึ่งมาปรากฏตัวที่ด้านหน้านาง พร้อมกับมีพลังดาราแผ่ปกคลุม
เมื่องูั์เห็นเย่เฟิงมาขวางที่หน้าเมิ่งยวี่ฉิง มันจึงเปลี่ยนไปคลุ้มคลั่งกว่าเดิม พร้อมกับพุ่งเข้ามาหมายเขมือบกิน
“วูบ!” ใน่วิกฤต ดวงตาของเย่เฟิงส่องประกายเย็นเยือกพร้อมกับขาซ้ายถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวก่อนจะปาหอกัเงินประกายออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ตัวหอกกลายเป็ลำแสงพุ่งตรงไปข้างหน้าหมายแทงปากของงูั์ ตามมาด้วยเสียงดังกระหึ่ม ด้วยพลังทะลวงที่แข็งแกร่งของหอกัเงินประกาย มันจึงแทงทะลุปากไปถึงหลังศีรษะของงูั์ ส่วนของเหลวจากหญ้าิญญานั่นก็แทรกซึมสู่สมองของงูั์ในทันทีทันใด
งูั์ส่งเสียงหวีดร้อง ของเหลวนั่นทำให้สมองของมันเป็อัมพาตอย่างรวดเร็ว ร่างกายไม่ฟังคำสั่ง ก่อนร่างอันใหญ่โตจะล้มลงไปกองกับพื้นจนฝุ่นตลบ
เมิ่งยวี่ฉิงเบิกตาโพลงขณะมองร่างอันใหญ่โตที่นอนแน่นิ่งนั่น แล้วก็มองไปยังเงาร่างนั้นที่ยืนอยู่ไกล ๆ และยังเรียกหอกกลับไปแล้ว
“เป็ไปได้ยังไง เขาทำเช่นนี้ได้ยังไง งูั์เป็ถึงปีศาจพิภพระดับสองเชียวนะ? ไม่คิดว่าจะถูกเขากำราบด้วยการโจมตีเดียว หรือนี่จะเป็กระบวนท่าลี้ลับมหัศจรรย์ถึงทำเช่นนี้ได้? แต่เขาอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 ที่แม้แต่พวกเราห้าคนร่วมมือกันก็ยังทำไม่ได้ นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”
เมิ่งยวี่ฉิงคิดในใจ หากนางไม่เห็นกับตาตัวเอง คงไม่มีทางเชื่อเื่ทั้งหมดนี้
หยวนป้าเทียน ม่อหลี่ ชิงเหยียน และอีกคนต่างก็ตื่นใเช่นกัน พวกเขายังตัวแข็งทื่อขณะมองร่างงูั์ที่นอนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน
