ถ้าพิจารณาจากมาตรฐานทางศีลธรรมของโลกเซียนแล้ว ถือว่าชิงซีทำได้ดีทีเดียว
เมื่อนึกย้อนไปถึงความดื้อรั้นของนางในตอนนั้น ไม่มีพี่สาวคนใดสามารถห้ามปรามนางได้ นางจึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อชดใช้ในสิ่งที่ตนเองได้ก่อไว้
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ากฎระเบียบของโลกเซียนนั้นไร้ประโยชน์ในโลกมนุษย์ที่เกิดความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
โจวเซียงกล่าวว่า “เหตุใดเ้าถึงคิดเช่นนั้น? ความประมาทเพียงครั้งเดียวสามารถทำให้หลายอย่างพังทลายลงได้ เสี่ยวยี่ไม่ทำเช่นนั้นแน่ ข้าคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเป็อุบัติเหตุ เพราะถ้าเสี่ยวยี่เป็ผู้ลงมือจริง ข้าย่อมได้ข่าวอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่นมาก แต่ชิงซียังมีข้อสงสัยและอดไม่ได้ที่จะถามอีก
“เหตุใดข้าถึงต้องเชื่อเ้าด้วย?”
ไหล่ของโจวเซียงสั่นอย่างรุนแรง เขาพูดเบาๆ ว่า “ข้ารู้ความลับของท่านอ๋อง”
ทันทีที่ชิงซีได้ยินคำว่า “ความลับ” นางก็ตื่นเต้นมาก อันที่จริงเพราะความสามารถบางอย่างของนาง จึงไม่มีความลับใดที่ถือว่าเป็ความลับสำหรับนาง แต่คนตรงหน้ากลับบอกว่าเขารู้ความลับของอวิ๋นเซียว ซึ่งนางก็พอรู้ความลับของชายผู้นั้นนิดหน่อย
ชิงซีกล่าวเบาๆ ว่า “เช่นนั้นโปรดเล่ามา”
โจวเซียงกล่าวเสียงทุ้ม “เพลงเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียงเป็เพลงที่ท่านอ๋องได้ยินโดยบังเอิญบนูเาจิ่วอี๋”
ูเาจิ่วอี๋?
อวิ๋นเซียวได้ยินโดยบังเอิญบนูเาจิ่วอี๋?
โจวเซียงกล่าวต่อว่า “อันที่จริงท่านอ๋องตั้งใจเดินทางไปที่ชายแดนและเคยคิดที่จะบวชเป็พระด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นองค์หญิงใหญ่คงไม่สูญเสียพระมารดาั้แ่อายุยังน้อย”
นี่เป็ความลับหรือไม่?
สำหรับผู้อื่นมันคงเป็ความลับใช่หรือไม่?
แต่สำหรับนางมันเป็ข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความลับ
นางรู้เื่นี้อยู่แล้ว
ไม่เช่นนั้นอวี้เหอคงไม่ร้องไห้อยู่หลายวัน
ท้ายที่สุดแล้วความลับคือสิ่งใดกันแน่?
นี่น่ะหรือความลับอันมีค่า?
ชิงซีไม่ค่อยพอใจนัก
ความลับนี้ไม่มีค่าในสายตานางเลย
ชิงซีกล่าวว่า “ข้ารู้เื่นี้นานแล้ว เ้ามีความลับที่น่าสนใจกว่านี้หรือไม่?”
แววตาของโจวเซียงไหววูบเล็กน้อย “ข้าไม่รู้ว่ามิตรภาพระหว่างเ้ากับท่านอ๋องเป็เช่นใด”
ชิงซีลังเลก่อนจะกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถเล่ารายละเอียดให้เ้าฟังได้ แต่ข้าบอกได้เพียงว่ามันเป็มิตรภาพที่ราวกับพรหมลิขิต”
โจวเซียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “แต่ชายชราผู้นี้ไม่เคยได้ยินท่านอ๋องพูดถึงเ้าเลย”
ความสงสัยที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขาทำให้ชิงซีไม่พอใจ
‘เ้าเป็ใครแล้วอวิ๋นเซียวเป็ใคร? ขนาดเ้ายังไม่รู้เลยว่าเขาเดินทางหลายพันลี้เพื่อไปกลับระหว่างเมืองหยงโจวกับชายแดนเพื่อสอนให้ซูเจินดูแลบุตรีของเขาอย่างระมัดระวัง’
ชิงซีรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
โจวเซียงสงสัยในตัวนางได้อย่างไร?
นางไม่ใช่คนหลอกลวง!
นางรู้สึกรำคาญจึงกล่าวว่า “ข้าก็ไม่เคยได้ยินอวิ๋นเซียวพูดถึงเ้าเหมือนกัน เราเสมอกันแล้ว”
โจวเซียงกล่าวว่า “เ้ามาพบข้าเพียงเพื่อถามคำถามอย่างนั้นหรือ?”
ชิงซีพยักหน้า “ข้าแค่อยากถามเ้าว่าระหว่างเ้ากับเย่เซียงใครคือคนทรยศ?”
โจวเซียงรู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที
เขาเงียบไปนาน
หลังจากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เ้าคิดว่าคนทรยศจะมีชีวิตแบบนี้หรือ?”
นี่ถือเป็การยืนยันการคาดการณ์ของชิงซี
เย่เซียงเป็ผู้ลงมือจริงๆ หรือ?
ทั้งคู่ล้วนตกอยู่ในห้วงความคิด
โจวเซียงเป็คนทำลายความเงียบ “บางทีสิ่งที่เสี่ยวยี่ไม่ควรทำที่สุดคือการปลงพระชนม์ฝ่าา”
ชิงซีถามว่า “เ้าเป็คนวางแผนหรือ?”
โจวเซียงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เขากล่าวเพียงว่า “ไม่มีใครคาดคิดว่าเื่ราวจะเป็เช่นนี้”
ชิงซีถามต่อว่า “เ้าตั้งใจจะตายที่นี่น่ะหรือ?”
นางถามเช่นนั้นเพราะความเห็นแก่ตัวของนาง นางรู้ว่าตระกูลโจวและตระกูลเย่ต่อสู้กันทั้งในที่ลับและที่แจ้ง นอกจากนี้นางยังได้รับประโยชน์มากมายจากการต่อสู้ของทั้งสองตระกูล
ท้ายที่สุดแล้วการหาเงินจากการต่อสู้กันของพวกเขาถือเป็เื่ง่ายมาก
ความคิดของนางล่องลอยไป
โจวเซียงผู้นี้ควรค่าแก่การเป็พันธมิตรของนางหรือไม่?
นางควรเรียกคนที่ไม่น่าไว้ใจว่า “พันธมิตร” หรือไม่?
นางกังวลเล็กน้อย
แต่ตอนนี้นางกำลังขาดพันธมิตร
ตราบใดที่นางรู้ว่าเขา้าสิ่งใด นางอาจใช้งานโจวยี่ได้
ในขณะที่นางกำลังครุ่นคิด นางก็สังเกตปฏิกิริยาของโจวเซียงไปด้วย
สีหน้าของโจวเซียงไม่เปลี่ยนไปมากนัก
สมกับเป็จิ้งจอกเฒ่าที่สวมหน้ากากมาหลายปีจริงๆ
ชิงซีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามเบาๆ ว่า “เ้ารู้หรือไม่ว่าคนในสำนักชิงซานเรียกข้าว่าอะไร?”
โจวเซียงไม่แม้แต่จะมองมาที่นาง เขากำลังตกอยู่ในห้วงความคิด
สีหน้าของชิงซีแปรเปลี่ยนเป็เ็า
คนเช่นนี้รับมือไม่ง่ายเลย
ชิงซีกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส “จูเหยาเ้าสำนักคนปัจจุบันเรียกข้าว่าอาจารย์อา”
สีหน้าของโจวเซียงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขากล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้จักแค่เ้าสำนักคนก่อน อีกทั้งเสี่ยวยี่ก็ไม่เคยพูดถึงเ้าเลย”
เหตุใดชายชราผู้นี้ถึงใสซื่อนัก?
ไม่พูดถึงแสดงว่าไม่มีตัวตนหรือ?
ช่างไร้สาระเสียจริง
มนุษย์ย่อมคิดได้เท่านี้
ช่างไม่รู้จักตรวจสอบเสียเลย
โจวเซียงดูเหมือนจะไม่สังเกตว่าคำกล่าวของเขามีจุดบกพร่องร้ายแรงบางอย่าง และมันก็ทำให้ชิงซีขุ่นเคือง
โจวเซียงไม่สนใจเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า เพราะจู่ๆ นางก็มาหาเขาแล้วเอาแต่พูดว่านางรู้จักท่านอ๋องและเป็อาจารย์อาของสำนักชิงซาน อีกทั้งเขายังไม่เคยพบนางมาก่อน
ทั้งหมดที่เขาสนใจคือท่านอ๋อง
เขาไม่ใส่ใจว่าเด็กหญิงตรงหน้าจะรู้สึกเช่นไร
เขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ
ชิงซีกล่าวว่า “ถ้าข้าบอกเ้าว่าข้าเคยอยู่ที่นี่เมื่อนานมาแล้ว เ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?”
โจวเซียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ปีนี้เ้าอายุเท่าไหร่?”
เขารู้ว่าคุกนี้เปิดเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เด็กหญิงคนนี้กลับกล่าวว่านางเคยอยู่ที่นี่ ดังนั้นย่อมมีความเป็ไปได้เพียงสองประการ ประการแรกคืออายุที่แท้จริงของนางนั้นมากกว่าลักษณะภายนอกของนาง ส่วนประการที่สองคือเื้ัของนางไม่ธรรมดา
เขามั่นใจว่านางไม่ใช่เชื้อพระวงศ์
เพราะเขาไม่เคยเห็นนางมาก่อน ถึงอย่างไรเขาก็เคยมีความใกล้ชิดกับราชวงศ์
แต่หากมีคนเช่นนี้อยู่จริง เหตุใดเขาถึงไม่เคยรู้มาก่อน?
เขามองข้ามอะไรไป?
เป็ครั้งแรกในชีวิตที่โจวเซียงรู้สึกหงุดหงิด
เขาถูกเย่เซียงนำมาขังไว้เพียงเพราะเขาพลาดท่าในกระดานหมาก
แต่สถานการณ์ตรงหน้าทำให้เขารู้สึกอับจนหนทาง เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้