เหนียนยวี่ผู้นี้ฉลาดยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก ความหาญกล้าของนางเองก็ไม่ใช่ธรรมดา!
“เหนียนยวี่มิกล้าข่มขู่ท่านแม่ทัพหรอกเ้าค่ะ เหนียนยวี่เพียง้าใช้ชีวิตให้ดีมีความสุข ข้าเป็เพียงสตรีผู้หนึ่งแค่เอาตัวเองให้รอดก็ลำบากมากแล้ว คงไม่มีจิตใจเข้าไปยุ่งเื่ของผู้อื่นหรอกเ้าค่ะ” ทุกคำของเหนียนยวี่ชัดเจน ความหมายก็ชัดแจ้งอย่างยิ่ง แม้นางจะเห็นอะไรเข้าก็ไม่มีทางพูดอะไรส่งเดชออกไปเป็แน่
ฉู่ชิงเป็คนฉลาด ไม่มีทางเอาตัวเองไปเดิมพันกับความเป็ไปได้อันน้อยนิดนั้น
เป็อย่างที่คิดไว้ จิตสังหารจากแววตาของฉู่ชิงค่อยๆ เลือนหายไป
ฉู่ชิงจ้องมองเหนียนยวี่ ความคิดนางละเอียดรอบคอบมากเกินกว่าจะเป็สตรีและอยู่ในวัยเพียงเท่านี้
เมื่อตอนที่อยู่ที่ซื่อฟางกว่าน นึกถึงสิ่งที่นางแสดงออกมาทีละอย่างๆ ในวันนั้น ฉู่ชิงมองสายตานางก็รู้สึกมั่นใจขึ้น
“ท่านแม่ทัพถ้าไม่มีเื่อะไรแล้ว เหนียนยวี่ต้องขอตัวก่อนแล้วเ้าค่ะ” เหนียนยวี่หันไปคำนับชายบนหลังม้าพันธุ์ดีด้วยท่าฝูเชิน[1] เตรียมจะขอตัวลา จิตสังหารพลันพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็วท่ามกลางแสงยามราตรีเหนียนยวี่มองแสงสะท้อนของอาวุธที่พุ่งเข้ามาทางคิ้วนาง เหนียนยวี่หงายตัวหลบตามสัญชาตญาณ กริชบินพาดผ่านจมูกของนางปักเข้ากำแพงหินด้านหลัง
เมื่ออันตรายหายไปแล้ว เหนียนยวี่หันไปสบตาฉู่ชิง ดวงตานอกหน้ากากนั้นแฝงรอยยิ้มเบาบางอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อครู่...เขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่านาง ทว่าเป็การทดสอบ!
“เท่าที่ข้ารู้ั้แ่ไหนแต่ไรมา ‘คุณชายเล็ก’ สกุลเหนียนมิเคยเรียนรู้การต่อสู้กับผู้ใดมาก่อน ฝีมือของเ้าถือเป็ความผิดอีกข้อฐานหลอกลวงฝ่าาหรือไม่?” ฉู่ชิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยภายใต้หน้ากาก มองลึกลงไปในดวงตาเหนียนยวี่และััได้ถึงความใพาดผ่านั์ตานาง น้ำเสียงเขายิ่งแฝงความหมายล้ำลึก “จงจำไว้ ข้าจับตาดูเ้าอยู่ตลอดเวลา”
พูดจบ ชายบนหลังม้าก็ดึงสายบังเหียนควบม้าหันหน้าหายลับไปท่ามกลางแสงสว่างยามราตรี
เหนียนยวี่มองแผ่นหลังนั้นชั่วครู่หนึ่ง แล้วหันกลับไปดึงกริชออก สีหน้าเคร่งขรึม
จับตาดูนางอยู่ตลอดเวลาเช่นนั้นหรือ?
ชายผู้นี้ช่างรับมือยากเป็อย่างยิ่ง!
ข่าวสมรสพระราชทานที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อทรงพระราชทานให้สกุลเหนียนและจวนจิ้นอ๋องแพร่สะพัดไปทั่วตามตรอกซอกซอยตำหนักชุ่นเทียนเรียบร้อยแล้ว
ผู้คนที่ไม่รู้เื่ราวอะไร ต่างพากันพูดคุยกันถึงการสมรสระหว่างราชนิกุลและสกุลเหนียน บ้างว่าสกุลเหนียน้าไต่เต้าทะเยอทะยานขึ้นที่สูง ทว่าบางคนที่รู้สาเหตุของเหตุการณ์นี้ต่างกำลังรอดูรอชมงิ้วเื่นี้อย่างใจจดใจจ่อ
หนานกงเยวี่ยและตระกูลหนานกงวิ่งเต้นอย่างแข็งขัน เพื่อให้เหนียนเฉิงออกจากคุกหลวงโดยเร็วที่สุด เื่พระราชโองการพระราชทานงานสมรส จวนหนานกงได้ยื่นคำร้องขอพระราชโองการต่อฝ่าาเป็พิเศษให้กำหนดวันพิธีสมรสเป็วันที่เก้าเดือนหกหรือครึ่งเดือนหลังจากนี้
ระยะเวลาครึ่งเดือนอนุสอง ''ลู่ซิวหรง'' แห่งจวนเหนียนวุ่นอยู่กับการเตรียมงานสมรส จวนเหนียนที่ดูคึกคัก ทว่าความจริงกลับไม่ได้รื่นเริงอย่างที่เห็นภายนอก
ไม่กี่วันก่อนมีข่าวว่าเหนียนเฉิงทนรับการลงโทษในคุกหลวงไม่ไหว สลบไม่ได้สติไปหลายต่อหลายครั้ง หนานกงเยวี่ยได้ยินเื่นี้เข้าก็สงสารลูกชายจับใจ ขนาดแข้งขาอ่อนแรงล้มลงไปกับพื้น
“จวนจิ้นอ๋อง... ต้องเป็จวนจิ้นอ๋องแน่ ฝ่าาทรงพระราชทานงานสมรสให้แล้ว ถึงกระนั้นจวนจิ้นอ๋องก็ยัง้าเล่นงานลูกชายข้าให้ตายเลยเชียวหรือ?” หนานกงเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธเกลียด ประคองตัวขึ้นแล้วมุ่งไปขอความช่วยเหลือจากจวนหนานกง
ทว่าไม่ว่าผู้ใดล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ แม้หนานกงเยวี่ยจะไปขอให้ตระกูลหนานกงช่วยเื่ราวก็คงไม่ต่างจากเดิมนัก
แม้หยวนเต๋อฮ่องเต้จะรับสั่งราชโองการสมรสพระราชทานออกมา ทว่าจวนจิ้นอ๋องจะยอมรับกล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมเยี่ยงนี้ได้อย่างไร จะให้เลิกราแค่นี้ได้อย่างไร?
ตราบใดที่เขาไม่ได้เล่นงานเหนียนเฉิงจนตาย หยวนเต๋อฮ่องเต้ก็ทำได้เพียงแค่เปิดตาข้าง ปิดตาข้าง [2]
เป็อย่างที่คิดไว้ หนานกงเยวี่ยจากไปด้วยสีหน้ากังวล และกลับมาด้วยสีหน้าผิดหวัง เื่ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของเหนียนยวี่ ชาติก่อนเื่เหล่านี้ที่เหนียนเฉิงกำลังแบกรับไปทั้งหมดอยู่นั้นล้วนเป็สิ่งที่นาง‘เหนียนยวี่’ รับเคราะห์แทนเขา!
ในวันที่เจ็ดเดือนหก สองวันก่อนงานสมรสเหนียนเย่ากลับมาที่จวนเหนียน และเขายังกลับมาพร้อมกับฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนที่พักฟื้นอยู่ที่จวนรองฉีชาน
วันนี้ทุกคนในตระกูลเหนียนล้วนอยู่พร้อมหน้ากันที่ห้องโถงใหญ่ของจวน
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนมองไปรอบๆ ตัวรอบหนึ่ง เพียงแวบแรกก็เห็นใบหน้าไม่น่ามองของหนานกงเยวี่ย
“เยวี่ยเอ๋อร์ เฉิงเอ๋อร์ต้องแต่งงานกับท่านหญิงอิ้งเสวี่ย คงจะเป็งานรื่นเริงครั้งใหญ่ เ้าเป็มารดา เหตุใดสีหน้าถึงเป็เยี่ยงนี้?” ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว เส้นผมสีขาวเงิน ทว่ากลับดูมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด ใบหน้ามีเมตตาอ่อนโยน ราวกับอารมณ์ดีอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าคงยังไม่รับรู้ว่า่นี้เกิดเื่อะไรขึ้นบ้าง
“ท่านแม่ เฉิงเอ๋อร์เขา...”
“แค่ก...แค่กๆ ...”
หนานกงเยวี่ยกำลังจะบอกนายหญิงสกุลเหนียนเื่เหนียนเฉิง ทว่าถูกเหนียนเย่าตัดบทด้วยเสียงไอ หนานกงเยวี่ยเหลือบมองเหนียนเย่า เขาไม่ยอมให้ตนบอกเื่นี้กับฮูหยินผู้เฒ่าหรือ?
ทว่าเหนียนเฉิงตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ทำให้ใจนางแม้จะไม่มีความสุข หนานกงเยวี่ยก็ยังฝืนยิ้ม เปลี่ยนคำพูด “ท่านแม่ คงเป็เพราะ่นี้มัวแต่ยุ่งอยู่กับการเตรียมงานสมรสของเฉิงเอ๋อร์เพราะว่างานวุ่นวายมากเกินไป เหตุนี้เลยดูไม่ค่อยแจ่มใสเท่าใดนัก”
“งานสมรสนี้ต้องจัดเตรียมให้ดี อย่างไรเสียก็ต้องแต่งกับท่านหญิงราชนิกุลจะละเลยมิได้ เหล่าเซิน [3] เคยพูดแล้วว่าเฉิงเอ๋อร์มีวาสนา ข้าจำท่านหญิงอิ้งเสวี่ยได้ รูปโฉมนับว่าโดดเด่นอันดับต้นๆในตำหนักชุ่นเทียน" ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนกล่าวอย่างร่าเริง
“ใช่แล้วเ้าค่ะ ใช่แล้ว คุณชายใหญ่มีวาสนา ฝ่าายังทรงพระราชทานงานสมรสให้ด้วยตัวพระองค์เอง...” ลู่ซิวหรงตอบอย่างเห็นด้วย ทว่าในใจกลับลอบดูงิ้วเื่นี้อย่างสนุกสนาน ์รู้เห็น ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยหลังแต่งเข้ามาแล้ว คุณชายใหญ่ท่านนี้จะมีวาสนาได้เสวยสุขหรือหมดวาสนาชีวิตกันแน่!
หนานกงเยวี่ยสีหน้าดำดิ่ง จ้องตาลู่ซิวหรง ลู่ซิวหรงรู้สึกถึงสายตานั้น ในใจนางบังเกิดความรู้สึกขลาดกลัว รีบหุบปากและทำได้เพียงแอบยิ้ม ยินดีในความโชคร้ายของเหนียนเฉิง
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากลับไล่ตามเื่นี้ไม่ทัน “โชคดีที่ข้าได้ยินมาบ้าง เพราะมีคนไปส่งสารให้เหนียนเย่า เขาจึงไปรับข้าที่จวนรองฉีชานมาโดยเฉพาะ มิเช่นนั้นเหล่าเซินคงจะพลาดงานสมรสของเฉิงเอ๋อร์เสียแล้ว”
เหนียนเย่ายกยิ้มหน้าเหยเก สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยความลำบากใจ
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนราวกับได้กลับจวนของตัวเอง อารมณ์จึงดีอย่างน่าประหลาด เมื่อเห็นเหนียนอีหลานั์ตาของคนแก่อย่างนางก็ส่องประกายสว่าง “อีหลานหรือ? นี่คือเหนียนอีหลานใช่หรือไม่?”
เหนียนอีหลานถูกเรียกชื่อ จึงเดินไปข้างหน้าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนและคำนับทักทายด้วยท่าฝูเชินอย่างมีมารยาทท่วงท่างดงามเพียบพร้อม “ท่านย่า หลานคือเหนียนอีหลานเ้าค่ะ”
“ไม่ได้เจอเ้าตั้งสองปี ร่างกายเติบโตได้อย่างน่าตื้นตันใจเยี่ยงนี้ เข้าพิธีปักปิ่นแล้วหรือยังเล่า? ไม่กี่วันก่อน เหล่าเซินไปชมทิวทัศน์บรรยากาศอันเงียบสงบที่ยอดเขาฉีชานมาสองสามวัน โชคดีมีโอกาสได้พบองค์ไทเฮาที่นั่น องค์ไทเฮาพูดถึงเ้าเป็พิเศษ ทรงตรัสว่าหลีอ๋องเตี้ยนเซี่ยก็ควรต้องตบแต่งภรรยาให้กำเนิดบุตรสักคน ฟังดูเหมือนว่าคงจะเมียงมองบุตรสาวตระกูลเราไว้บ้างแล้ว หลีอ๋องเตียนเซี่ยทรงสง่างามอย่างยิ่งช่างคู่ควรกับหลานของข้าเหนียนอีหลานยิ่งนัก”
หลีอ๋องเตี้ยนเซี่ยหรือ?
หนานกงเยวี่ยและเหนียนอีหลานหน้าเปลี่ยนสี
ในบรรดาเหล่าราชนิกุลที่ยังหนุ่ม ก็มีเพียงมู่อ๋องจ้าวอี้และหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนที่ได้รับการแต่งตั้งยศอ๋อง
แม้จะเป็ท่านอ๋องทั้งคู่ ทว่าความแตกต่างกลับไม่ใช่แค่เล็กน้อย
มู่อ๋องจ้าวอี้เป็โอรสของหยวนเต๋อฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ฝ่าาทรงโปรดปรานรักใคร่อย่างมากชาวบ้านข้างนอกต่างเล่าลือมาต่อๆ กันว่า ฝ่าามีพระประสงค์จะให้มู่อ๋องสืบต่อราชบัลลังก์
ทว่าหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน... ฐานะของเขากลับน่าอับอายเป็อย่างยิ่ง
ยามนั้นปฐมฮ่องเต้ทรงให้น้องชายสืบต่อราชบัลลังก์ ซึ่งก็คือหยวนเต๋อฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แม้หยวนเต๋อฮ่องเต้จะรู้สึกขอบคุณปฐมฮ่องเต้ที่มีบุญคุณส่งต่อราชบัลลังก์ให้ จึงปฏิบัติต่อหลีอ๋องเป็อย่างดีทุกอย่าง ทว่าตำแหน่งฮ่องเต้นั้น เกรงว่าคงมิอาจหวนคืนราชบัลลังก์ให้โอรสแห่งปฐมฮ่องเต้สืบต่อได้
นิสัยหลีอ๋องเองก็ไม่ได้ชมชอบการต่อสู้แย่งชิงกันแบบนั้น เกรงว่าเขาคงเป็ท่านอ๋องที่เอ้อระเหยลอยชายไร้แก่นสารไปทั้งชีวิต
“ท่านแม่ อีหลานยังเด็กนัก เื่งานแต่งนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน” หนานกงเยวี่ยกล่าวอย่างร้อนรน ขาของเหนียนเฉิงพิการแล้ว เหนียนอีหลานจึงเป็ความหวังของนางมาโดยตลอด จะให้นางแต่งให้ท่านอ๋องที่ไร้แก่นสารผู้นั้นได้อย่างไร?
ตอนที่อีหลานเพิ่งเกิดออกมานั้น หมอดูทำนายว่านางมีชะตาดั่งหงส์ ภายภาคหน้ามีค่าเกินจะกล่าว ต่อไปบุตรสาวนางจะต้องกลายเป็สตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดแห่งเป่ยฉี!
“ใช่แล้ว ท่านย่า อีหลานยังอยากอยู่เพื่อกตัญญูท่านย่าอีกสองสามปี อีหลานยังไม่อยากแต่งงานรวดเร็วเยี่ยงนี้เ้าค่ะ” เหนียนอีหลานงดงามน่ารักดึงดูดผู้คนให้ชื่นชอบ เดินไปหาฮูหยินผู้เฒ่า โอบแขนของนางอย่างสนิทสนม ครึ่งอิงครึ่งแอบ รูปลักษณช่างทำให้ผู้คนมีความสุข
“ฮ่าๆ เ้าเด็กน้อยคนนี้นี่ช่างปากหวานอะไรเยี่ยงนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนตบฝ่ามือของเหนียนอีหลานเบาๆ ดวงตาอัดแน่นไปด้วยความรัก “อาศัยจิตใจที่รู้จักกตัญญูกตเวทีของเ้า ย่าแก่ๆ อย่างข้าก็ต้องหาคู่แต่งงานดีๆ ให้เ้าเช่นกัน”
“ท่านย่า...”
เหนียนอีหลานเอนศีรษะถูไถบนตัวฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียน เหนียนยวี่จ้องมองความปรองดองเข้ากันได้ดีตรงหน้า ในใจกลับรู้สึกเยาะเย้ย
ความคิดของเหนียนอีหลานและหนานกงเยวี่ย นางจำได้ชัดเจน
ชาติก่อน พวกนางก็ดูถูกเหมือนเช่นตอนนี้บอกหลีอ๋องว่าเป็ ‘ท่านอ๋องผู้ไร้แก่นสาร’ ทว่าต่อมาให้หลัง อำนาจของหลีอ๋องยิ่งใหญ่เข้มแข็งเพิ่มขึ้นทุกวันๆ ไม่ใช่แม่ลูกคู่นี้หรือที่พยายามเข้าใกล้เขาพยายามไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา?
“นั่นใครหรือ?”
เหนียนยวี่กำลังครุ่นคิด เสียงของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนก็ดังขึ้น ดึงสติของนางกลับมา เหนียนยวี่เงยหน้ามอง เผชิญสายตางงงวยของฮูหยินเฒ่าสกุลเหนียนที่มองมาที่นาง
เชิงอรรถ
[1] คำนับในที่นี้คือ 福身(ฝูเชิน) หรือที่เรียกว่า 万福(ว่านฝู) เป็การทักทายของหญิงสาว โดยใช้มือทั้งสองข้างวางซ้อนกันที่ด้านขวาแล้วย่อตัวลง เป็ท่าสัญลักษณ์ที่อวยพรให้มีความสุขและโชคดี
[2] 睁一只眼闭一只眼 เปิดตาไว้ข้าง ปิดตาไว้ข้าง เป็การตั้งใจที่ทำเป็ไม่เห็นไม่รับรู้ โดยมีความหมายเทียบกับสำนวนไทยคือ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หรือ แสร้งทำเป็ไม่รู้ไม่เห็น โดยมักเปรียบเทียบกับบุคคลที่มีหน้าที่ต้องรับรู้ ต้องตัดสินใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาแกล้งทำเป็ไม่รู้ ไม่เห็นสิ่งนั้น
[3] เหล่าเซิน 老身 คำแทนตัวเอง มีความหมายว่าหญิงชราผู้นี้