ย้อนเวลากลับมาเป็แฟนหนุ่มที่ดีแบบ 300%
Chapter 5
/
เวลาตีสองสี่สิบห้า สองร่างที่มีสภาพไม่ต่างกันนักย่างกายเข้ามาภายในห้องพัก ก่อนจานินจะเป็ฝ่ายแยกตัวเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายที่บัดนี้ตระเต็มไปด้วยคราบไคลอย่างไม่สบายตัว
อุณหภูมิของน้ำที่อยู่ในระดับพอดีถูกเปิดใส่อ่างจากุชชี่และระหว่างที่รอนั้นจานินก็ขบคิดถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน—เป็ครั้งแรกที่เราทั้งคู่กอดกันร้องไห้และอาจจะเป็เพราะพันธะบ้าบออะไรนั่นทุกความระทมทรมานของแซคจึงลิงค์มายังเขาแม้จะเพียงแค่เล็กน้อยแต่ทว่าจานินก็รับรู้ถึงมันได้เป็อย่างดี
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูห้องน้ำทำให้ร่างบางที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้นหันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะพบว่าเป็ร่างสูงของคนรักที่ยืนตัวลีบโดยที่มีผ้าขนหนูสีขาวพาดเอาไว้บนบ่าแกร่ง...
“แซคเห็นว่าเธอลืมล็อคประตู” น้ำเสียงทุ้มรีบเอ่ยอธิบายไขข้อสงสัยเมื่อร่างบางหันมาเลิกคิ้วมองกันอย่างมีคำถาม
“อ๋อ”
“...”
“...”
เนิ่นนานกว่าห้านาทีที่เราต่างเงียบใส่กัน จวบจนกระทั่งน้ำที่ถูกเปิดทิ้งไว้มาพักใหญ่ เริ่มล้นขอบอ่าง อัลฟ่าหนุ่มซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดจึงเป็ฝ่ายเดินไปปิดมันด้วยท่าทีที่ดูประหม่าและลุกลนอย่างบอกไม่ถูก
“อาบก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราไปรอข้างนอก” จานินว่าเช่นนั้นพร้อมกับหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้องน้ำแต่ทว่าโดนคนสูงกว่าคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน...เขามองการกระทำเ่าั้ด้วยความไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ทว่าก็ทำเพียงอ้าปากพะงาบไม่ยอมเอ่ยมันออกมาจนเขานึกหงุดหงิด
ถ้าไม่พูดก็อยู่กันอย่างนี้ทั้งคืนนี่แหละ
“อะไร”
“อาบน้ำด้วยกันไหม...ครับ”
“...”
“เธอปฏิเสธได้นะ เดี๋ยวแซคออกไปรอข้างนอกก็ได้ เธออาบก่อนเลย—”
“เอาสิ อาบน้ำด้วยกัน” เขาตอบรับเสียงเรียบไร้ซึ่งความกระดากอาย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองเราใช้ภาษากายเยียวยาสภาพจิตใจของกันและกัน—แม้ว่ามันจะเป็การแก้ปัญหาที่ไม่ถูกวิธีเท่าไรนักแต่กระนั้นก็ยังดีกว่าการปล่อยให้ความสัมพันธ์พังคลื่นลงอย่างไม่เป็ท่า
“ไม่ต้องเกร็งครับ เอนตัวลงมาเลย”
“อือ” หลังจากที่เอี่ยวตัวไปหยิบสมาร์ทโฟนเพื่อเปิดเพลง แผ่นหลังเปลือยเปล่าก็แนบลงกับอกแกร่งที่ร้อนผ่าวตามอุณหภูมิของร่างกาย แซคทำเพียงกอดเขาเอาไว้หลวม ๆ ไม่ได้ทำตัวรุ่มร่ามให้นึกรำคาญใจเหมือนอย่างเคย ซึ่งการกระทำเ่าั้ทำเอาจานินรู้สึกแปลกใจมิใช่น้อย
“ไม่ทำเหรอ?” ร่างบางเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะส่วนแข็งขืนดุนดันสะโพกของเขาแต่ทว่าเ้าของมันไม่ยักจะทำอะไร ซ้ำเมื่อจานินผินใบหน้าไปมองสิ่งที่พบทำเอาเขาหลุดขำเพราะบัดนี้แซค โซนิคของเพื่อน ๆ และเหล่าโอเมก้า กำลังนั่งตัวเกร็งซ้ำยังหน้าแดงก่ำราวกับหนุ่มน้อยที่ไม่เคยยลโฉมเรือนร่างเปลือยเปล่าของใครมาก่อน
“เป็อะไร เขินเหรอ?” ว่าพร้อมกับบดสะโพกใส่ส่วนนั้นอย่างยั่วยวน
“เธอออ อย่าแกล้ง” เสียงหัวเราะสดใสดังก้องไปทั่วห้องน้ำกว้าง คนทั้งคู่หยอกเย้ากันอย่างผ่อนคลายราวกับเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เราทั้งสองไม่ได้มีปัญหาใด ๆ ต่อกัน
“ที่รัก”
“หือ”
“พรุ่งนี้ไปบ้านแซคกันนะครับ อยากพาเธอไปเจอพ่อแม่” คนที่กำลังเล่นฟองน้ำอยู่นั้นชะงักเล็กน้อยเพราะั้แ่คบหากันมาไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ใครคนใดคนหนึ่งจะเอ่ยถึงครอบครัวหรือคิดที่จะพาไปทำความรู้จักเพื่อให้ความสัมพันธ์ขยับขึ้นไปอีกหนึ่งก้าวใหญ่
“นึกไงถึงชวนไปบ้าน”
“ก็...อยากพาลูกสะใภ้ไปให้พ่อกับแม่ดูหน้า” แซคเอ่ยอย่างติดตลกทั้ง ๆ ที่ภายในใจของเขาคิดยาวไปถึงงานวิวาห์
“ใครจะแต่งด้วย”
“ไม่แต่งได้ไง ผูกพันธะกันแล้ว—ขอโทษครับ” แซคหุบปากฉับเมื่อเผลอพูดบางอย่างที่ไม่เข้าท่าออกมาและยิ่งใจเสียเมื่อจานินนิ่งเงียบก่อนจะลุกขึ้นจากอ่างจากุชชี่แล้วพาตัวเองไปยังใต้ฝักบัวเพื่อทำความสะอาดร่างกายจากฟองสบู่
แซคสบถในลำคออย่างหัวเสีย ทั้ง ๆ ที่มันเกือบจะดีแล้วแท้ ๆ แต่ทุกอย่างดันมาพังเพราะปากของเขา ร่างสูงพยุงกายลุกขึ้นก่อนจะสอดตัวเข้าไปใต้ฝักบัว โดยที่ร่างกายบางส่วนของเราทั้งคู่นั้นแนบชิดกันเพียงเศษเสี้ยว
ใบหน้าหล่อซบลงบนแผ่นหลังเนียนอย่างถือวิสาสะซึ่งนับว่าเป็เื่ดีพอสมควรเพราะเ้าของกายหอมเบื้องหน้าไม่ได้ปฏิเสธััหรือเบี่ยงหลบแต่อย่างใด
“เมื่อก่อนแซคเคยคิดว่าหากผูกพันธะกันแล้ว เธอจะไม่มีวันไปจากชีวีตของแซคได้...” ชายหนุ่มเอ่ยเื่ที่ติดค้างอยู่ภายในใจออกมาด้วยน้ำเสียงแ่เบา ซึ่งในขณะนั้นจานินยังคงใช้สองมือลูบไล้ทำความสะอาดไปทั่วเนื้อตัวราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่เป็เพียงสายลมไร้ค่าที่พัดผ่านมาก่อนจะจากไปในที่สุด
“เพราะแซครู้ว่าลำพังตัวแซคเองคงไม่มีปัญญาไปรั้งเธอ เลยเผลอคิดโง่ ๆ ไปว่าพันธะอาจจะช่วยได้ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็จริงแล้วไม่มีอะไรรั้งเธอได้เลย ไม่มีเลยสักอย่าง” ยี่สิบปีที่ผ่านมาเป็คำตอบได้อย่างดีว่าคนอย่างจานินยอมตายดีกว่าทนทุกข์ระทมจมอยู่กับคนเหี้ยเฉกเช่นเขา
และยิ่งรู้ตัวว่ารักอีกฝ่ายมากเท่าไร แซคก็ยิ่งเ็ปเจียนตายมากขึ้นเท่านั้น
“ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังทำ”
“แซคขอโทษ”
“ขอโทษอีกแล้ว ถามจริง ๆ นะ เธอมีคำอื่นที่ดีกว่านี้บ้างไหม—ไม่ได้จะชวนทะเลาะแต่หลายวันที่ผ่านมาเธอเคยนับบ้างหรือเปล่าว่าตัวเองพูดคำนี้ไปแล้วกี่ครั้ง...”
“...”
“เธอพูดมันโคตรบ่อยเลยเว้ย บ่อยจนเราคิดว่าเธอรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ หรือขอโทษเพื่อให้ตัวเองสบายใจ” จานินหันมาเผชิญหน้าก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไร้ซึ่งความโมโห โกรธา แววตาของอีกฝ่ายในตอนนี้ช่างแสนตัดพ้อและเต็มไปด้วยคำถาม
“แซคไม่ได้คิดแบบนั้นเลย แต่ถ้าเธอไม่อยากได้ยินแซคก็จะไม่พูดมันอีก”
“ช่างเหอะ” ทุกครั้งที่เราเริ่มเปิดประเด็นเื่นี้อย่างจริงจัง จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตอบปัดเพื่อให้ทุกอย่างจบสิ้นและเหตุผลมีเพียงข้อเดียวเท่านั้นคือเราต่างไม่พร้อมที่จะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น…
/
ทั้ง ๆ ที่เพิ่งหลับได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง เปลือกตาสีไข่ไก่ก็กระพริบถี่ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า และสิ่งแรกที่ทำหลังจากตื่นนอนคือผินใบหน้าไปทางด้านซ้ายเพื่อมองหาคนรักก่อนจะทอดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิทไม่ได้หนีหายไปไหนอย่างที่เขาหวาดกลัว...เห็นทีคงจะต้องตั้งนาฬิกาปลุกั้แ่เช้าตรู่มานั่งเฝ้าเสียแล้วมั้ง
ฟอด
จมูกโด่งฝังลงบนแก้มนุ่มฟอดใหญ่ก่อนจะลุกออกจากเตียงด้วยสภาพที่ท่อนบนเปลือยเปล่าจะสวมก็เพียงแต่กางเกงนอนลายทางตัวโปรดที่จานินซื้อให้—่ขายาวก้าวไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบเสื้อยืดขึ้นมาสวมและไม่ลืมที่จะแปะโน๊ตเล็ก ๆ ไว้ตรงหัวเตียงเพราะเกรงว่าหากแม่ตัวดีตื่นมาแล้วไม่เจอกันจะใเอา
แซคลงไปซื้อมื้อเช้านะครับ
ปล. รักเธอนะ
โดยปกติแล้วหน้าที่ของคนที่ต้องลงมาซื้อของคือจานินเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างกินยาก ต่างจากแซคที่กินง่ายอยู่ง่ายอะไรที่สามารถเอาเข้าปากได้ก็กินหมด ฉะนั้นเ้าตัวจึงตัดปัญหาด้วยการลงมาเลือกดูเองเพราะหากเขาซื้อมาแล้วไม่ถูกใจจะเสียของเอาเปล่า ๆ
...แต่กระนั้นแล้วทุกคนย่อมมีเมนูสิ้นคิดเป็ของตัวเอง แน่นอนจานินก็คือหนึ่งในนั้น หากคิดอะไรไม่ออกอีกฝ่ายจะสั่งโจ๊กพิเศษไม่ใส่ขิงมากินเป็มื้อเช้าและเมื่อคิดได้ดังนั้นแซคก็ไม่รอช้ารีบสาวเท้ายาว ๆ ไปยืนต่อแถวหน้าร้านในทันที
ใช้เวลาไม่นานโจ๊กร้อน ๆ ทั้งสองถุงก็ถูกยื่นมาให้เขาแลกกับเงินสดเต็มจำนวนที่แซค
หยิบมันออกจากกระเป๋าสตางค์เมื่อครู่นี้ ทว่าในจังหวะที่กำลังจะเดินกลับคอนโดนั้น ดวงตาคมดันเหลือบไปเห็นแผงดอกไม้สดและไม่ทันได้คิดอะไรมากมายอัลฟ่าหนุ่มก็เดินย้อนกลับไปซื้อมันไปให้คนรักอย่างไม่นึกลังเล
แม้ลึก ๆ จะรู้สึกอายที่ต้องหอบดอกไม้สีเหลืองอ๋อยขึ้นห้องแต่ทว่ายามจินตนาการถึงรอยยิ้มที่จะได้รับ ความหน้าบางทั้งหลายก็มลายหายสิ้นไปจนหมด
ร่างบอบบางที่นอนทอดกายอยู่บนเตียงกว้างขยับยุกยิกไปมาเมื่อได้กลิ่นอาหารที่ลอยละล่องปะทะเข้ากับจมูกอย่างจังจนต้องฝืนลืมทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกง่วงงุน—จานินมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหาร่างสูงของคนรักแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ทว่าในอีกไม่กี่วินาทีถัดมาความสงสัยก็ถูกไขจนกระจ่างเมื่อสายตาดันเหลือบไปเห็นกระดาษโน๊ตที่ติดเอาไว้ตรงโคมไฟใกล้กับหัวเตียง...
โอเมก้าตัวหอมซุกหน้าลงกับหมอนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยุงตัวให้ลุกออกจากเตียงแล้วเดินเตาะแตะไปตามกลิ่นอาหารอย่างน่าเอ็นดู—ภาพแรกที่ปรากฏคือแผ่นหลังกว้างของคนรักที่ยืนพักสะโพกอยู่หน้าเคาท์เตอร์ครัวส่วนมือก็สาละวนหยิบจับนู้นนี่อย่างคล่องแคล้ว จนคนที่กำลังเมาขี้ตาอดไม่ได้ที่จะย่องเบาเตรียมเข้าไปจิ้มเอวแต่ทุกอย่างดันผิดแผนไปเสียหมดเมื่ออัลฟ่าที่จมูกดีเสียยิ่งกว่าหมาหันมารวบกอดร่างของเขาเอาไว้จนจมอก
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อ...อือ อรุณสวัสดิ์” จานินใจสั่นขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เมื่อใบหน้าหล่อที่เขาเห็นเป็ประจำจนบางครั้งก็เบื่อหน่ายอยู่ห่างออกไปเพียงครึ่งหนึ่งของไม้บรรทัด ซึ่งโดยปกติแล้วอีกฝ่ายจะเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ไม่ก็ทำสีหน้าเ้าชู้ใส่กันผิดกับครั้งนี้ที่ทำเพียงถูแก้มลงบนบ่าเขาราวกับกำลังออดอ้อน
คิดว่าน่ารักมากหรือไง, ก็ใช่มันน่ารัก แต่แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ :- (
“เธอหิวหรือยัง”
“ยัง”
!!
ปากเอ่ยปฏิเสธแต่ทว่าท้องกลับร้องลั่นอย่างน่าไม่อายจนคนที่รวบตัวเขาไว้ในอ้อมกอดนั้นกลั้นขำไหล่สั่นอย่างน่าโมโห—ที่เคยบอกว่าน่ารักน่ะ จานินขอถอนคำพูด!
“ดูทำหน้า”
“...”
“โอ๋โอ๋ แซคไม่แกล้งแล้วครับ เธอไปล้างหน้าไปเดี๋ยวแซคเอาไข่กับหมูเด้งใส่เพิ่มให้แป๊บเดียวครับ”
“อือ” คนตัวขาวตอบรับในลำคอก่อนจะผละกายออกจากท่อนแขนแกร่งแล้วจึงรีบหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องนอนด้วยความเร็วแสง...ร่างสูงที่เฝ้ามองการกระทำแสนน่ารักยิ้มกว้างก่อนจะหันไปคนโจ๊กกับไข่ให้เข้ากันแล้วตามด้วยหมูเด้งที่หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นเมื่อสามวันก่อน
จานินที่เพิ่งทำธุระส่วนตัวเสร็จนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงที่ประจำ ทั้งยังทำจมูกฟุดฟิดสูดกลิ่นมื้อเช้าเข้าจมูกอย่างเต็มปอด และในจังหวะที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบช้อนจากคนตรงข้ามนั้น ดวงตากลมดันเหลือบเห็นดอกดาวเรืองสีเหลืองอ๋อยถูกจัดใส่แจกันเอาไว้กลางโต๊ะเสียก่อน
“นี่อะไรอะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันก่อนจะเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“อ๋อ ดอกไม้ครับ แซคซื้อมาให้เธอ” อีกฝ่ายตอบหน้าซื่อซ้ำยังเลื่อนแจกันดอกไม้ที่ถูกบรรจุน้ำเอาไว้เกินครึ่งมาตรงหน้าเขา
“ให้เรา?” นิ้วเรียวถูกชี้มาที่ตัวเองและได้รับการยืนยันเมื่อคนรักพยักหน้าเสียจนผมหน้าม้าฟูฟ่องพร้อมกับอธิบายโดยที่ไม่ต้องรอให้เขาถามซ้ำ
“ครับ จำได้ว่าเธอชอบสีเหลือง แซคเลยซื้อมาฝาก” ร่างสูงที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ก่อนจะตักหมูเด้งที่ถูกปั้นเป็ก้อนใส่ถ้วยของคนช่างถามไร้ซึ่งความเงอะงะ
ร่างบางที่รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้ารีบใช้ช้อนตักโจ๊กคำใหญ่เข้าปากแก้เก้อก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อความร้อนผ่าวปะทุไปทั่วโพรงแก้ม—แซคที่ลอบมองคนรักอยู่ก่อนหน้านั้นรีบหยิบทิชชูก่อนจะนำมันไปรองใต้ปลายคางเพื่อให้อีกฝ่ายคายสิ่งที่อยู่ในปากออกมา
และเมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างหมดจดเรียบร้อยแล้ว มือหนาก็ยื่นน้ำอุ่นให้กับคนรักที่หน้าแดงก่ำน้ำหูน้ำตาไหลอย่างน่าสงสาร อยากจะดุอยู่หรอกแต่พอรู้ว่าสาเหตุมาจากตัวเองสิ่งที่แซคทำได้จึงมีแค่เพียงการลูบหลังอย่างแ่เบาเพื่อปลอบประโลม
“เจ็บปาก”
“กินข้าวเดี๋ยวแซคเอายามาทาให้”
“อือ” ความรู้สึกอยากอาหารหายวับไปในชั่วพริบตาแต่กระนั้นจานินก็ฝืนตักมันเข้าปากทีละครึ่งช้อนโดยไม่ลืมเป่าเพื่อไล่ความร้อน...ท้ายที่สุดเขาก็กินมันได้อีกเพียงไม่กี่คำก็วางช้อนลงเพราะยิ่งฝืนกินเท่าไรรสชาติอาหารก็ยิ่งไม่ถูกปากเท่านั้น
“อิ่มแล้วเหรอครับ” แซคเอ่ยถามคนรักที่ใช้ช้อนเขี่ยข้าวไปมาทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนกระเพาะยังส่งเสียงประท้วงอยู่เลย
“กินไม่ไหวเจ็บปาก”
“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวแซคไปหยิบนมจืดในตู้เย็นให้นะ” มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มก่อนจะขยี้เบา ๆ แล้วจากนั้นจึงลุกออกจากที่นั่งประจำแล้วเดินวกกลับเข้าไปในห้องครัวเพื่อหยิบนมถั่วเหลืองที่มักจะซื้อติดตู้เอาไว้เป็แพค ๆ
...อาหารที่จานินกินไม่ว่าจะเป็ของคาวหรือของหวาน ต้องมีน้ำตาลเป็ส่วนประกอบ ไม่เว้นแม้แต่นมถั่วเหลืองที่ต่อให้หวานมันอยู่แล้วแซคก็ต้องเติมน้ำตาลราว ๆ ครึ่งช้อนเพื่อให้มันหวานขึ้นเพิ่มไปอีก
“วันนี้แซคใส่น้ำผึ้งแทนน้ำตาลนะ” นมถั่วเหลืองถูกเทใส่แก้วแบบมีหูและเขาไม่ลืมที่จะเติมน้ำตาลก่อนจะนำมันมาวางตรงหน้าคนรักที่กำลังแลบลิ้นจ่อพัดลมตัวเล็ก
“ขอบคุณครับ”
ทันทีที่มื้อเช้าจบลง ร่างบางก็หยิบถ้วยข้าวต้มทั้งสองใบกับแก้วนมของตัวเองไปยังซิงค์ล้างจาน โดยมีร่างสูงที่ทำตัวเหมือนหมาเดินคลอเคลียไม่ห่าง ไล่ให้ไปนั่งรอก็ไม่ยอม ตามติดเสียยิ่งกว่าิญญาในหนัง The conjuring อีก :- (
“เดี๋ยวแซคช่วยล้างน้ำเปล่า จะได้เสร็จไว ๆ”
“มันมีแค่สองใบ”
“ตั้งสองใบ”
“...”
“นะ น้า”
“เฮ้อ ก็ได้”
สมัยไฮสคูลแซคใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเพียงลำพัง เพราะฉะนั้นงานบ้านรวมถึงอาหารการกินเขาจึงต้องลงมือทำมันด้วยตัวเองแต่พอกลับไทยมีแม่บ้านคอยดูแลั้แ่สากกระเบือยันเรือรบนิสัยคุณชายที่มีมาั้แ่เกิดก็ทำเอาแซคงอมืองอเท้าเพิ่งจะเริ่มเป็ผู้เป็คนก็ตอนที่ย้ายมาอยู่คอนโดกับจานินนี่แหละ...ทว่าสุดท้ายก็ดีแตกเพราะนิสัยมักมากของตัวเองเสียอย่างนั้น เฮอะ
“ที่รัก”
“?”
“แซคว่าจะไปสมัครงาน” ร่างบางที่กำลังเช็ดมือด้วยทิชชูเปียกอยู่นั้นชะงักค้างก่อนจะหันมามองคนรักอย่างไม่เชื่อสายตาว่าคำพูดเมื่อครู่นี้จะหลุดออกมาจากปากของคนที่ไม่เอาการเอางานที่สุดในโลก
หากให้จานินนิยามผู้ชายที่ชื่อแซคฉบับเข้าใจง่ายที่สุดก็คงเป็ ลูกคนรวยที่นอนกะดิกตีนใช้เงินปันผลจากหุ้นที่งอกเงยทุก ๆ เดือนไปกับการเที่ยว เติมเกมและการซื้อของไม่จำเป็อีกมากมายเพราะฉะนั้นจะไม่ให้จานินแปลกใจได้ยังไงเมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายพูดว่าจะไปสมัครงาน
“แปลก ๆ นะเนี่ย” ไม่ว่าเปล่าหลังมือที่แห้งเสร็จสรรพก็วางทาบลงบนหน้าผากเพื่อเช็คอุณหภูมิในร่างกายว่าปกติดีหรือไม่
“แปลกตรงไหน แซคแค่อยากทำงานหาเงินเลี้ยงเมีย” ร่างสูงสะบัดตูดเดินหนีด้วยอาการงอน ๆ และจานินที่กลายเป็คนขี้แกล้งั้แ่เมื่อไรก็ไม่อาจทราบได้เดินตามหลังพร้อมกับพูดลอย ๆ จนหมาใหญ่ที่กลายเป็หมาบ้าหันมางับแก้มอย่างแรงจนเขาร้องลั่น
“เพราะเธอพูดมันถึงแปลกไง อีกอย่างน่ะนะเมียเธอทำงานเลี้ยงตัวเองได้—โอ๊ย!”
“พูดมาก”
“ไอ้แซค!”
“ไม่รู้ ๆ” มือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นปิดหูตัวเองก่อนจะสาวเท้าเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นและไม่ลืมที่จะหยิบมือถือต่อสายหาบิดาโดยตรงเพื่อขอทำงาน
ในคราแรกอยากเดินโง่ ๆ ถือเรซูเม่ไปสมัครงาน แต่ดันนึกขึ้นได้ว่าั้แ่เรียนจบมาตัวเองก็เตร่ดเตร่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ เพราะฉะนั้นมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะโดน HR คัดออกั้แ่รอบแรก...รู้แหละว่าการใช้เส้นสายมันไม่ดีเท่าไรแต่ในเมื่อครอบครัวปูทางมาให้ขนาดนี้ใช้นิดหน่อยคงไม่เป็ไรมั้ง
“ที่รักวันนี้ไปห้างกัน ไปซื้อชุดทำงานสักสองสามชุด” ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาก่อนจะวางศีรษะลงบนตักคนรักด้วยท่าทีออดอ้อน
“ให้มันได้งานก่อนเถอะแล้วค่อยไปซื้อ”
“ได้ ยังไงก็ได้แน่นอน”
“เอาอะไรมามั่นใจ?”
มือหนาชูสมาร์ทโฟนที่โชว์เบอร์ของผู้เป็บิดาก่อนจะกดโทรออกและรอเพียงไม่กี่วินาทีชายวัยกลางคนที่เขาถอดใบหน้าออกมาราวกับแกะก็กรอกเสียงแหบพร่าเข้ามาในปลายสายอย่างหงุดหงิด
“ (มีอะไร) ” ผู้ชายบ้านนี้นอกจากอีโก้สูง นิสัยยอดแย่แล้วยังขี้วีนอีก—เว้นก็แต่แซคนี่แหละที่นิสัยดีกว่าใครเขา
“อยู่ไหนเนี่ย”
“ (คอนโด X) ” แซคพยักหน้าเข้าใจและเลือกที่จะไม่ถามต่อว่าคราวนี้เป็ดาราหรือนายแบบที่หวังดังทางลัดคนไหนอีก...
เขาไม่ใช่เด็กมีปม ไม่ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อยเพราะถูกพ่อกับแม่บอกตลอดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ในรูปแบบ Open relationship และมันไม่ใช่การนอกกายหรือนอกใจเพราะพวกท่านต่างคนก็ต่างยินยอม—แซคเข้าใจผิด คิดว่าทุกคนจะโอเคกับความสัมพันธ์รูปแบบนี้ ซ้ำยังหวังว่าวันใดวันหนึ่งจานินอาจจะเปิดใจเพราะต่อให้เขาหลับนอนกับใครสุดท้ายแซคก็กลับมาหาอีกฝ่ายอยู่ดี
มันเป็ความคิดที่โง่เง่าและน่าตบให้กะโหลกร้าวเป็ที่สุด
“ (แล้วโทรมามีอะไร พ่อไม่ได้มีเวลาให้แกทั้งวันนะ) ” อันนี้ก็รีบร้อนเสียจริง ทำอย่างกับว่าถ้าถือสายนานกว่านี้มือจะหักยังไงยังงั้นแหละ
“พ่ออย่าในะ”
“ (ไปทำใครท้องมาล่ะ) ”
“พรืดดดด” ดวงตาคมมองยัยตัวดีที่หลุดขำจนหน้าดำหน้าแดง แซคที่หัวเสียอยู่นิด ๆ เพราะโดนกวนประสาทจึงอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจกพุงนุ่มนิ่มเพราะไขมันส่วนเกินจนฝ่ายถูกกระทำตัวงอลั่นอย่างบ้าจี้
“เดี๋ยวจะโดน...โห ดูพูดเข้านี่ลูกไหมอะ” ประโยคแรกแซคหันไปกระซิบชิดหูคนรักก่อนจะเอ่ยเง้างอนกับปลายสายอย่างไม่จริงจังนัก—บิดาหัวเราะในลำคออย่างแ่เบาก่อนจะเว้นจังหวะให้เขากล่าวถึงธุระของตัวเอง
“แซกคอยากทำงานครับ”
“ (...) ”
“พ่อ พ่อยังอยู่ปะเนี่ย”
“ (อะไรเข้าสิง อยู่ ๆ ถึงมาของานทำ) ” ร่างสูงกรอกตามองบนแต่กระนั้นก็ยอมตอบเพื่อไขข้อสงสัยเพราะไม่อยากถูกเซ้าซี้ให้มากความ
“แซคเป็ลูกคนเดียว พ่อตายไปบริษัทก็ต้องเป็ของแซคเพราะงั้นฝึกเอาไว้ั้แ่เนิ่น ๆ ก็ดีไม่ใช่เหรอ อีกอย่างพ่อคงไม่ตายเร็ว ๆ นี้หรอกมั้ง” ไอ้ที่กล่าวมาทั้งหมดน่ะเป็เหตุผลรองเพราะเหตุผลหลัก ๆ คืออยากหาเงินแต่งเมีย
“ (แกแช่งพ่อเหรอ) ”
“โอ๊ย โฟกัสผิดประเด็นแล้ว”
“ (เฮ้อ แล้วอยากทำตำแหน่งไหน) ”
“รองประธาน” ร่างสูงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจเพราะก่อนจะย้อนเวลากลับมาเขามีประสบการณ์ในการเป็ซีอีโอั้แ่อายุสามสิบต้น ๆ อีกทั้งยังบริหารงานจนทำให้ธุรกิจก้าวะโติดสิบอันดับแรกของประเทศในเวลาเพียงไม่กี่ปี
“ (ตลกแล้วแซค ประสบการณ์นอกจากฝึกงานเดินถ่ายเอกสารไปวัน ๆ แกเคยทำอะไรบ้าง ่แรกที่เรียนจบให้เข้าไปช่วยงานก็ไม่ไปทีอย่างงี้มีหน้ามาขอตำแหน่งรองประธาน...) ”
“...”
“ (ฟังนะแกมีครอบครัวเป็ใบเบิกทางก็จริง แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะง่ายเพราะการเลือกใครสักคนเข้ามารับตำแหน่งเขาไม่ได้เลือกที่นามสกุลแต่เขาเลือกที่ความสามารถซึ่งแกไม่มี) ” คนที่อวดเก่งในคราแรกสงบปากสงบคำมากขึ้นเมื่อคิดได้ว่าทุกอย่างที่บิดาพูดออกมาล้วนแล้วแต่เป็ความจริง แซคในวัยยี่สิบสามเป็พวกไม่ได้เื่ เหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่ออีกทั้งยังไม่เอาไหนจึงไม่แปลกที่แม้กระทั่งคนในครอบครัวยังดูถูก
ใช่ ดูถูก ไม่ได้ดูผิดเลยแม้แต่น้อย
“ขอโทษครับ” ด้านคนปลายสายที่ได้ยินคำขอโทษถึงกับลมหายใจกระตุกเพราะั้แ่เลี้ยงมันมาจนถึงตอนนี้ลูกชายเพียงคนเดียวไม่เคยพูดคำว่าขอโทษให้ได้ยินเลยสักครั้ง—ชักไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้เรียกผีเข้าหรือผีออก
“ (เฮ้อ ส่งเรซูเม่มาที่อีเมลก็แล้วกัน เดี๋ยวให้คุณขวัญดูให้ว่าสามารถยัดแกเข้าแผนกไหนได้บ้าง) ” แซคตอบรับในลำคอก่อนจะพูดคุยกับอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยและเป็บิดาเองที่ต้องขอวางสายเนื่องจากอีหนูที่นอนร่วมเตียงอยู่นั้นเกิดอาการงอแงเพราะหิวข้าวเช้า
อา ส่วนใครที่จะถามถึงแม่ ท่านไปอยู่ต่างประเทศั้แ่่ที่เขาเรียนจบใหม่ ๆ ไปอยู่กับแฟนเ้าตัวนั่นแหละ แต่ยังคงสถานะสามีภรรยาเอาไว้เพียงแต่ไปหาความสุขนอกบ้านเพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดของความสัมพันธ์เพื่อให้อะไร ๆ มันดีขึ้น
“ดูทำหน้า” คนที่กลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดงเมื่อครู่เอ่ยถามเสียงอ่อนพร้อมกับวางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มแล้วโยกเบา ๆ อย่างเอ็นดู—เราไม่เคยก้าวก่ายครอบครัวของกันและกัน ซึ่งนั่นอาจจะเป็อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราสามารถพูดคุยกันได้อย่างสบายใจเพราะแซคก็คงมีปัญหาที่ไม่อยากพูดถึงและจานินก็เช่นกัน
“เกาคอหน่อย”
“เป็หมารึไง”
“เป็แมวค่า” ร่างบางยิ้มขำแต่กระนั้นก็ยอมเกาคอคนที่นั่งกอดขาติดหนึบเสียยิ่งกว่าหมีโคอาร่า...
“จานิน”
“หือ”
“ที่รัก”
“ว่า”
“เมียจ๋า”
“เดี๋ยวจะโดน”
“ฮ่า ๆ โอเค ไม่แกล้งแล้ว” ว่าพร้อมกับกดจูบลงบนหัวเขาสีชมพูแรง ๆ หนึ่งที
“ตอนนี้เธอคงไม่ชอบแซคเท่าเมื่อก่อนแล้ว ใช่ไหมครับ?” เขาจับมือขาวขึ้นมาประคองเอาไว้ก่อนจะค่อย ๆ ดอมดมอย่างทะนุถนอม
“อือฮึ ไม่ได้อะไรเท่าเมื่อก่อนแล้ว” จานินพยายามหลีกเลี่ยงคำว่าไม่รู้สึกแต่ทว่าในเมื่อปลายทางมันคือความหมายเดียวกันคนที่ได้รับคำตอบจึงอดไม่ได้ที่จะหน้าเสียแต่ทว่าก็แสร้งฝืนยิ้มในที่สุด
“โกหกหน่อยก็ไม่ได้” ก็พอจะรู้อยู่หรอก แต่เมื่อได้ฟังจานินตอบกลับมาเช่นนี้ต่อให้เตรียมใจมาดีแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจอยู่ดี
“อะไร พูดความจริงก็รับไม่ได้อีก”
“รับได้ดิ ก็แซคทำตัวเอง...”
“...”
“จานิน”
“หือ”
“อย่ารักกันน้อยลงกว่านี้ได้หรือเปล่า ให้มันอยู่เท่าเดิมไม่ต้องเพิ่มขึ้นก็ได้แต่อย่าน้อยลงเลยนะ” เพราะแซคใจจะขาด
“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเธอ ไม่ใช่เรา”
“แซคขอโอกาสได้ไหม”
“เราให้ไปเยอะแล้วแซค และเธอไม่เคยรักษามันเลย”
“แซคเข้าใจแล้ว”
“ก็ดี—”
“แต่แซคไม่ยอมหรอกนะ แซคเป็ของเธอแล้วและจะเป็ตลอดไป แซคกลับไปแก้ไขสิ่งเหี้ย ๆ ในอดีตไม่ได้ก็จริงแต่แซคจะทำให้เธอเชื่อว่าจากนี้และตลอดไปเธอจะไม่เสียใจอีก”
Tbc
คอมเมนท์, #แซคจานิน
สวัสดีค่ะนกเองน้า อย่างแรกต้องขออภัยที่หายหัวไปนาน ตอนนี้กลับมาอัพนิยายปกติแล้ว เย้
ไม่รู้ว่าทุกคนคิดถึงกันไหม แต่เราคิดถึงทุกคนมาก แบบ เพิ่งอายุ 22 ได้สองวันตื่นเต้นมากค่ะ
555 ไปแล้วน้า
เจอกันอีกทีพรุ่งนี้ค่ะ
ปล. เจอคำผิด หรือมีประโยคไหนแปลก ๆ แจ้งได้นะคะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้