เมื่อไป๋เซียงอาการดีขึ้นมากแล้ว ไป๋เยว่ซินจึงพานางกลับอำเภอเซียงถงทันที หยางซีเป็คนช่วยหารถม้าให้กับพวกนางสามพี่น้อง เขาบอกว่ายังไม่สามารถกลับไปพร้อมกับนางได้เพราะยังมีเื่ต้องสะสางกับพวกที่ถูกจับตัวมา อีกทั้งเขายังส่งทหารส่วนหนึ่งมาคอยคุ้มกันพวกนางเดินทางกลับอำเภอเซียงถงอย่างปลอดภัยอีกด้วย
ไป๋เยว่ซินเอ่ยขอบคุณเขาคราหนึ่ง ก่อนจะขึ้นรถม้ามุ่งหน้ากลับบ้านของตนไปพร้อมกับพี่สาวและพี่ชาย
สองสามวันมานี้อาการทางจิตใจของไป๋เซียงดีขึ้นมากแล้ว ไป๋เยว่ซินและไป๋ฟานจึงพอจะวางใจลงไปได้ไม่น้อย
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทุกคนต่างเข้ามากอดพวกนางพร้อมกับร้องไห้โฮ ป้าสะใภ้ใหญ่และท่านแม่ถึงกับลงมือทำอาหารด้วยตนเองหลายอย่าง ท่านพ่อและท่านลุงใหญ่ก็ไปจับปลามาได้หลายตัวและเอามาทำน้ำแกงปลาให้ไป๋เซียงกินบำรุงร่างกาย อีกทั้งยังเอ่ยปลอบใจนางหลายประโยค ไป๋เซียงถึงกับร้องไห้โฮออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ ไป๋เยว่ซินมองดูภาพตรงหน้าแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ในความโชคร้ายของไป๋เซียงก็ยังมีความโชคดีปรากฎให้เห็น นั่นก็คือนางมีครอบครัวที่ดี มีบ้านที่รอให้นางกลับมาอยู่เสมอ
มีวูบหนึ่งที่ไป๋เยว่ซินรู้สึกอิจฉาพี่สาวตน นางอิจฉาที่ไป๋เซียงได้รับการดูแลเหมือนไข่มุกในฝ่ามือจากบิดาของตน
“เยว่เอ๋อร์ เร็วเข้า เ้าก็กินด้วยสิ เดินทางมาเหนื่อยๆ อาฟานเล่าให้ฟังแล้วว่าเ้าเหนื่อยไม่น้อยกว่าเดินทางกลับมา พ่อภูมิใจในตัวลูกมากๆเลยนะ”
“ใช่จ๊ะ แม่ก็ด้วย”
เสียงของไป๋จงและนางหลี่ทำให้ไป๋เยว่ซินตื่นจากความคิด นางยิ้มให้พวกเขา ก่อนจะรับน้ำแกงปลามากิน พร้อมกับครุ่นคิดในใจ
นางจะอิจฉาพี่สาวไปทำกัน ในเมื่อท่านพ่อท่านแม่ของนางก็ดีต่อนางไม่ต่างกัน
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงรีบดื่มน้ำแกงปลาจนหมดถ้วย ครอบครัวตระกูลไป๋กลับมาคึกครื้นอีกคราหนึ่งแล้ว
เื่ราวของคหบดีหลินกลายเป็ที่โจษจันท์กันไปทั่วทั้งอำเภอเซียงถง แม้แต่นายอำเภอเจี่ยงเองก็ทราบเื่นี้ แต่กลับไม่ได้แสดงความคิดเห็นอันใด เพราะมีคนมารายงานเขาแล้วว่า จุดจบของคหบดีหลินล้วนเป็เ้านายของเขาที่มอบให้ เขาย่อมต้องประจบเอาใจเ้านายตนอยู่แล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงรีบกุลีกุจอสั่งให้คนเตรียมของขวัญปลอบใจไปมอบให้คนตระกูลไป๋ถึงบ้าน
ไป๋เยว่ซินเดิมทีไม่อยากรับของพวกนี้ แต่เมื่อเห็นว่านายอำเภอเจี่ยงมีน้ำใจจึงรับเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แสงอาทิตย์ในยามเช้าค่อนข้างสดใสเจิดจ้าเป็อย่างมาก ดอกชบาที่ปลูกเอาไว้ข้างเรือนนอนกำลังออกดอกล้อลมชมแสงอาทิตย์ ช่างดูงดงามเป็อย่างมาก
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ทุกคนจึงกลับมาทำหน้าที่ของตนเองตามเดิม
หลังจากที่ไป๋เยว่ซินกลับมาถึงบ้านก็พบกับเ้าอาซานที่รอนางอยู่ในห้องนอน มันไม่ได้ติดตามนางไปด้วย เพราะต้องอยู่ปกป้องตำราลับเล่มนั้นของนางให้ปลอดภัย นางอุ้มมันขึ้นมากอดเอาไว้ เพราะเกิดเื่วุ่นวายชวนปวดหัว จึงทำให้หลายวันมานี้เื่ราวต่างๆที่ไป๋เยว่ซินคิดจะทำจำต้องหยุดชะงักไปเสียดื้อๆ แต่ตอนนี้นางมีเวลามากพอแล้ว จึงคิดเื่หนึ่งขึ้นมาได้
พืชผักที่นางปลูกเอาไว้คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ นางจึงถามเ้าอาซานว่าพอจะมีวิธีใดบ้างหรือไม่ที่จะทำให้ข้าวสาลีและพืชผักต่างๆที่นางปลูกเอาไว้นั้น เจริญเติบโตก่อนกำหนดเก็บเกี่ยวได้
อาซานยื่นอุ้งเท้ามังคุดไปแตะที่ตำราลับพิเศษ ไม่นานตำราลับเล่มนั้นก็เปิดออกเองโดยที่นางไม่ต้องทำสิ่งใด มันพลิกหน้าตำราไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หัวข้อหนึ่งที่นางสนใจพอดี
ปุ๋ยสูตรพิเศษ!
ไป๋เยว่ซินยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ยถามเ้าอาซานว่านางจะต้องทำเช่นไรบ้าง เ้าอาซานอธิบายให้นางฟังว่าปุ๋ยหนึ่งถุงสามารถใช้ได้สามสิบวัน เพียงตักปุ๋ยในกระสอบทรายขึ้นมาสามช้อนโต๊ะ ผสมในน้ำสะอาดหนึ่งถังใหญ่และนำไปรดพืชผักสวนครัว ไม่เกินสามวันมันจะได้ผลลัพธ์ที่นาง้าแน่นอน ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง นางค่อนข้างไม่เข้าใจคำว่าช้อนชาช้อนโต๊ะเท่าใด แต่เพราะได้อาซานช่วยจึงทำให้ผ่านไปได้ นางตั้งใจเรียนรู้ยิ่งนัก เพียงไม่นานก็เข้าใจทุกอย่างได้มากขึ้น
นางตักปุ๋ยขึ้นมาสามชอนโต๊ะ ใส่ในกล่องไม้ใบหนึ่ง เพื่อเตรียมเอาไปผสมที่แปลงนาง
ไป๋เยว่ซินไม่อยากให้ไป๋เซียงอยู่บ้านเพียงลำพัง จึงพาพี่สาวไปด้วยกัน นางให้ไป๋เซียงนั่งบนรถเกวียนส่วนนางและอาหลิงเป็คนลากรถเกวียนไปตามทาง เพราะไม่อยากให้พี่สาวที่เพิ่งหายป่วยต้องออกแรงมากนัก ไป๋เซียงที่กลัวน้องสาวจะเหนื่อยจึงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
"ให้ข้าเดินไปกับพวกเ้าเถอะ"
ไป๋เยว่ซินที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มตาหยี
"ไม่เป็อันใด ข้ากับอาหลิงทนได้ ตอนข้าป่วยท่านก็ดูแลข้าเป็อย่างดี ตอนนี้ข้าต้องตอบแทนท่านแล้ว นั่งดีดีนะพี่รอง"
ไป๋เซียงจนปัญญายิ่งจึงยอมนั่งอยู่เงียบๆ ไม่นานนักก็มาถึงแปลกผัก คนตระกูลไป๋ที่เห็นว่าพวกนางมาที่แปลงผักก็ใเป็อย่างมาก ป้าสะใภ้รีบวิ่งเข้ามาหาพวกนางและเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
"พวกเ้าจะออกมาทำไมกัน รีบกลับบ้านไปเร็วเข้า เดี๋ยวจะล้มป่วยอีก"
ไป๋เซียงที่เห็นอย่างนั้นจึงรีบเอ่ยกับมารดาตนทันที
"ข้าอยู่แต่ในบ้านแล้วรู้สึกเบื่อยิ่งนักเ้าค่ะจึงอยากออกมารับลมสักหน่อยเ้าค่ะท่านแม่"
เมื่อนางเกาและนางหลี่ได้ยินไป๋เซียงเอ่ยเช่นนี้จึงไม่ได้ซักถามอันใดมากอีก
ไป๋เยว่ซินรีบเดินเข้ามาหาทุกคน ก่อนจะเอ่ยกับพวกเขา
“พวกท่านช่วยเตรียมน้ำสะอาดให้ข้าสักถังเถอะเ้าค่ะ ข้าจะผสมปุ๋ยหมักสูตรพิเศษให้พวกท่านนำไปรดน้ำในสวนผัก”
เอ่ยจบนางก็เปิดกล่องใบเล็กที่ใส่ปุ๋ยเอาไว้ออกให้ทุกคนดู ไป๋จงไป๋ชวนและไป๋ฟานรีบตรงเข้ามาหาไป๋เยว่ซิน พร้อมกับมองดูผงสีทองที่อยู่ในกล่องด้วยความสนอกสนใจ
"เยว่เอ๋อร์ ผงสีทองนี่มันคืออันใดกัน แล้วเ้าไปเอามันมาจากที่ใดหรือ?"
ไป๋ฟานเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองเ้าผงสีทองตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ไป๋จงและไป๋ชวนก็สงสัยไม่ต่างกัน ไป๋เยว่ซินยิ้มให้พวกเขา พร้อมกับเอ่ยตอบ
"ความลับเ้าค่ะ ไว้ข้าจะบอกพวกท่านวันหลัง แต่ตอนนี้พวกท่านต้องทำตามที่ข้าบอก ไปหาน้ำมาหนึ่งถังใหญ่ และเทปุ๋ยนี้ผสมลงไปในน้ำแล้วนำไปรดแปลงผักแปลงนาวันละหนึ่งครั้ง อีกสามวันเรามาดูผลลัพธ์กัน"
ทุกคนหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัยแต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมทำตามที่ไป๋เยว่ซินแนะนำอย่างขะมักเขม้น ด้านนางเกาก็หันมาเอ่ยกับหลานสาวตนด้วยความสงสัย
“เยว่เอ๋อร์ ไม่สู้เ้ากระซิบบอกป้าสะใภ้ก่อนดีไหม?”
ไป๋เยว่ซินมองนางเกาที่มีท่าทางอยากรู้อยากเห็นก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้ นางจึงขยับเข้าไปใกล้นางเกา พร้อมกับเอ่ยกระซิบข้างหูป้าสะใภ้ตน
“ไม่บอกเ้าค่ะ”
นางเกาแทบหงายหลัง รีบยื่นมือมาแกล้งหยิกเอวหลานสาวตนคราหนึ่ง
“ความลับเยอะนักนะเ้าน่ะ”
สองป้าหลานหยอกล้อกันไปพลางมองท่านลุงใหญ่ ท่านพ่อและพี่ใหญ่ช่วยกันรดน้ำผักไปพลาง จวบจนถึงเวลาเย็นย่ำในที่สุดงานในสวนผักก็เสร็จสิ้นเสียที คนทั้งหมดจึงพากันกลับบ้าน
ไป๋เซียงนั่งอยู่บนเกวียนลากโดยมีไป๋ฟานและไปเยว่ซินและอาหลิงเป็คนช่วยเข็น ไป๋จงและไป๋ชวนแบกกระบุงที่ใส่ผักป่ากลับบ้าน ส่วนนางเกานางหลี่เดินตามหลัง บรรยากาศยามเย็นท่ามกลางทุ่งนาที่มีสายลมพัดมาเป็ระยะ ช่างสุขใจยิ่งนัก
ในขณะที่คนทั้งหมดกำลังเดินกลับบ้าน ระหว่างทางก็พบกับหลินจวงเข้าพอดี
วันนี้หลินจวงมาพร้อมกับโจวซื่อหลาง หลินจวงมองหน้าพวกนางด้วยความเคียดแค้น ส่วนโจวซื่อหลางนั้นมีท่าทีกล้าๆกลัว อีกทั้งยังมองไป๋เซียงเป็ระยะ ไม่เพียงเท่านั้นหลินจวงยังพาคนมาด้วยอีกหลายสิบคน แต่ละคนล้วนเป็บุรุษร่างกายกำยำทั้งสิ้น
ั้แ่คหบดีหลินตายไป หลินจวงก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ แม้นางจะไม่ถูกทางการจับเพราะไม่มีหลักฐานสาวมาถึงตน เพราะทุกอย่างล้วนชี้ชัดไปที่บิดาของนาง แต่ยามนี้คนทั้งอำเภอเซียงถงต่างพากันชังน้ำหน้านางไปหมดแล้ว
หลินจวงเคียดแค้นชิงชังนักหนา นางชี้หน้าด่าทอคนตระกูลไป๋ทันทีที่พบหน้ากัน
"คนตระกูลไป๋ พวกเ้ามันสารเลวชั่วช้ายิ่งนััก เป็เพราะพวกเ้าที่ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องตาย วันนี้ข้าจะให้พวกเ้าทุกคนชดใช้อย่างสาสม!"
ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา พร้อมกับจ้องมองหลินจวงอย่างไม่ชอบใจ
"เ้านี่ช่างหน้าหนาจริงๆเลยนะ พ่อเ้าตายเพราะทำเื่ชั่ว บาปกรรมจึงตามสนองแล้วมันเกี่ยวอันใดกับพวกข้ากันเล่า?"
หลินจวงได้ฟังก็ถลึงตาใส่ไป๋เยว่ซินหนึ่งคำรบ
"ไป๋เยว่ซิน เ้าอย่ามาทำตัวอวดดีให้มันมากนักนะ ได้! ในเมื่อพวกเ้าเป็ต้นเหตุที่ทำให้ข้าบ้านแตกสาแหรกข้า เช่นนั้นวันนี้ข้าจะให้พวกเ้าทุกคนอยู่่ไม่สู้ตาย! ตายแล้วก็อยากตายอีก พวกเ้าทุกคน รีบไปทุบตีพวกมันเสีย ตีให้พิการหรือตายไปเลยยิ่งดี!"
สิ้นเสียงของหลินจวง ชายหนุ่มร่างกายกำยำหลายสิบคนที่ยืนรออยู่ก็กรูกันเข้ามาหาพวกนางทันที ใบหน้าของไป๋เยว่ซินฉายแววตื่นตระหนก นางรีบหันไปเอ่ยกับคนในครอบครัวตนทันที
"ท่านป้าสะใภ้ ท่านแม่ ท่านรีบพาพี่รองกับอาหลิงไปหลบในที่ที่ปลอดภัยก่อนเร็วเข้า ส่วนท่านพ่อ ท่านลุงใหญ่ พี่ใหญ่ พวกท่านกับข้าไปสู้ตายกับพวกมันด้วยกัน!"
เอ่ยจบไป๋เยว่ซินก็คว้าท่อนไม้ขนาดเหมาะมือที่หาได้แถวนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ ก่อนจะพุ่งเข้าไปต่อยตีกับพวกชายหนุ่มร่างกายกำยำเ่าั้อย่างไม่เกรงกลัว
ไป๋ฟานเป็บัณฑิตซ้ำยังไม่เคยมีเื่ต่อยตีกับใคร แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน เพียงไม่นานก็ถูกถีบเข้าที่กลางท้องก่อนจะล้มหน้าคะมำลงไปที่พื้น ด้านไป๋จงและไป๋ชวนก็อายุมากแล้วย่อมไม่มีแรงไปสู่กับคนหนุ่ม ไป๋เยว่ซินเห็นว่าไม่ได้การแล้ว หากยังตีกันโดยไม่สนอันใดเช่นนี้นับเป็การเปลืองแรงและเจ็บตัวเปล่า นางจำต้องใช้แผนสำรองเข้าช่วยแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงะโขึ้นมาสุดเสียง
"หยุดดดดดด!"
ทุกคนต่างหยุดยืนนิ่งและหันมามองนางเป็ตาเดียว ตอนนี้พวกอันธพาลบางส่วนถูกนางตีด้วยไม้จนหัวร้างค่างแตกไปหลายคนแล้ว จำนวนคนจึงลดลงไปไม่น้อย
ไป๋เยว่ซินยืนหายใจเหนื่อยหอบ นางยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยกับชายหนุ่มเ่าั้ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
"พวกเ้าถูกหลินจวงจ้างมาเท่าใด ข้าจ้างสามเท่า ไปกระทืบพวกมันสองคนซะ เอาให้พิการไปเลย ใครกระทืบพวกมันสองคนให้พิการได้ ข้าจ่ายไม่อั้น!"
เหล่าอันธพาลมีท่าทีครุ่นคิด ไป๋เยว่ซินยกยิ้มมุมปาก พลางเอ่ยโน้มน้าวอีกหน
”ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ใช่พวกโกงกินเงินใคร หลินจวงสิน่ากลัวกว่าข้า ตอนนี้ได้ข่าวว่าบ้านนางยากจนเหลือจะทน สมบัติที่มีก็ถูกทางการยึดไปหมดแล้ว นางจะเอาเงินที่ใดมาจ่ายพวกเ้ากัน นางหลอกพวกเ้ามาตีคนสิไม่ว่า แต่เ้าไม่ต้องกังวล ข้ามีใต้เท้าหยางคอยหนุนหลัง แม่ทัพใหญ่หยางน่ะพวกเ้ารู้จักหรือไม่ ข้าเอ่ยเพียงประโยคเดียวเขาก็มอบเงินให้ข้าแล้ว หากไม่เชื่อพวกเ้าก็ส่งคนไปถามในหมู่บ้านได้เลย พวกเขาเห็นกันหมดว่าข้ากับแม่ทัพใหญ่หยางตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋เลยล่ะ ทีนี้พวกเ้าคิดได้หรือยังว่าจะเลือกทำงานให้ฝั่งไหน”
ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์เมื่อได้ยินไป๋เยว่ซินเอ่ยเช่นนั้นก็เริ่มเอนเอียง พวกเขาปรึกษากันครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจตอบตกลง อย่างไรแม่ทัพใหญ่หยางก็น่าเชื่อถือมากกว่าหลินจวง อีกทั้งแม่นางคนนี้คงสนิทสนมกับใต้เท้าหยางน่าดู ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าอ้างชื่อเขา เมื่อคิดได้เช่นนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายทันที
หลินจวงและโจวซื่อหลางคิดจะหนี ไป๋เยว่ซินจึงอาศัยจังหวะชุลมุนเขวี้ยงไม้เข้าใส่สองผัวเมียมหาภัยจนพวกมันล้มลงไปนอนกับพื้น เมื่อพวกมันล้มลงอันธพาลพวกนั้นจึงเข้าไปรุมกระทืบไม่หยุด หลินจวงและโจวซื่อหลางถึงกับแหกปากร้องไม่เป็ภาษา
ไป๋เยว่ซินถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งไปบนพื้นดินโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนอีก
ให้ตายเถอะ การใช้ชีวิตในชนบทนี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ!
เมื่อครู่นางนึกอันใดไม่ออกจึงอ้างชื่อหยางซีขึ้นมา หากเขารู้คงโมโหนางเป็แน่
ไป๋เยว่ซินรีบลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปประคองพี่น้องและคนในครอบครัวของตนให้ลุกขึ้นมา นางเกา นางหลี่ ไป๋เซียงและอาหลิงเมื่อเห็นว่าสถาณการณ์ปลอดภัยแล้วจึงรีบออกมาจากที่ซ่อน
ไป๋เยว่ซินหันไปมองหลินจวงและโจวซื่อหลางอีกครา พบว่าตอนนี้พวกมันสองคนสลบไม่ได้สติไปนานแล้ว ฉับพลันนางก็คิดเื่หนึ่งขึ้นมาได้
เวรละสิ! นางจะเอาเงินจากที่ใดมาจ่ายละเนี่ย?
อันธพาลทั้งหมดเมื่อทำงานเรียบร้อยแล้ว จึงเดินมาหาไป๋เยว่ซินพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้านาง
“ไหนเล่าเงินสามเท่า?”
ไป๋เยว่ซินหน้าดำคล้ำ คิดไม่ตกว่าจะหาทางหนีที่ไล่อย่างไร เมื่อครู่เพราะต้องหาหนทางรอดจึงพลั้งปากไปเช่นนั้น
“เงินอยู่นี่ รับเงินแล้วก็รีบๆไสหัวไปได้แล้ว”
ไป๋เยว่ซินหันขวับไปมองก่อนจะต้องอุทานออกมา
“หยางซี”
หยางซีส่งเงินให้พวกอันธพาล ก่อนจะหันมามองไป๋เยว่ซินด้วยแววตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ทำเอาไป๋เยว่ซินถึงกับประหม่าขึ้นมา
คดีที่อำเภออี้ซานนั้นเดิมทีเขาคิดว่ามันเป็เพียงการลอบค้าหญิงสาวในหมู่พ่อค้าใจชั่ว แต่ผู้ใดจะรู้ว่ายิ่งสืบลึกลงไป กลับพบเื่ที่ไม่คาดคิด
ไม่น่าเชื่อว่าพวกมันยังลอบค้าเกลือเถื่อน และของผิดกฎหมายมากมาย อีกทั้งราคาของที่ส่งออกไปขายยังต่างแคว้นต่างเมืองนั้นยังโก่งราคาสูงเป็เท่าตัว ต่างจากราคาที่ทางการกำหนดเอาไว้มากนัก กำไรล้วนเข้ากระเป๋าขุนนางผู้มีอำนาจทั้งหมด
หยางซีส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ในอำเภอเล็กๆแห่งนี้ยังมีพวกขุนนางหมาป่าซุกซ่อนอยู่มากมาย
ตอนนี้คหบดีหลินตายไปแล้ว และขุนนางชั่วหลายคนที่ยอมจำนนด้วยหลักฐานก็ถูกหยางซีลากตัวออกมาไต่สวนด้วย คนชั่วพวกนี้ได้ถูกส่งตัวกลับไปยังนครหลวงเพื่อให้ฝ่าาตัดสินโทษด้วยพระองค์เองแล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็จะต้องกลับไปรายงานเื่นี้ด้วยตนเองแล้วค่อยกลับมาที่อำเภอเซียงถงอีกครา
กลับไปนครหลวงครานี้ คาดว่าคงมีขุนนางหลายคนที่ร่วงลงจากตำแหน่ง
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเร่งกลับมาที่อำเภอเซียงถงทันที เมื่อมาถึงก็เห็นว่าหลินจวงและสามีพาอันธพาลมารุมทำร้ายคนตระกูลไป๋ ไป๋เยว่ซินเอาตัวรอดโดยการอ้างชื่อเขา เขาจึงรอชมเื่สนุก รอให้เหตุการณ์ยุ่งยากมากขึ้นค่อยเข้าไปช่วยนาง
สุดท้ายพวกอันธพาลนั่นก็เปลี่ยนฝั่งไปกระทืบสองผัวเมียคู่นั้นจนปางตาย หลังจากรับเงินเขาไปแล้วพวกมันก็รีบจากไปทันที
หยางซีะโลงมาจากหลังม้าตรงเข้ามาหาไป๋เยว่ซิน เขารีบให้องค์รักษ์ช่วยประคองคนตระกูลไป๋กลับบ้าน ไป๋เยว่ซินที่เห็นอย่างนั้นก็รีบเอ่ยกับเขา
“ขอบคุณท่านมาก”
หยางซียิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย
“ไม่เป็อันใด อย่างไรพวกเราก็ตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋อยู่แล้ว เื่เพียงเท่านี้ข้าช่วยเ้าได้ เพราะพวกเราสนิทกันมาก”
ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เข่าแทบทรุด นางมองเขาด้วยแววตาที่สิ้นหวัง
“ท่านได้ยิน?”
“เต็มสองหูเชียวล่ะแม่นางไป๋ พวกเราสนิทกันมากเลยหรือนี่ เห้อ สนิทกันมาก ข้าชอบคำนี้จริงๆ”
ไป๋เยว่ซิน “.....”