ประตูแห่งโลกเื้ันี้จะเปิดอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นถ้าคนที่เข้าไปแล้ว้าที่จะออกมา ก็สามารถเดินย้อนกลับมาออกที่ประตูนี้ได้เสมอ
หลังจากที่เดินผ่านประตูแห่งโลกเื้ัเข้ามาแล้ว เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็จะเห็นโลกที่กว้างใหญ่ขึ้น ที่แห่งนี้มีทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตาตัดกับท้องฟ้ากว้างใหญ่ที่มีเมฆสีขาวราวกับขนมสายไหมลอยอยู่บนนั้น
ฝูงชนมากมายเมื่อหลั่งไหลเข้ามาด้านในแล้วก็สลายตัวไปในทันที ทำให้ดูเหมือนว่ามีคนน้อยมาก
บางคนที่ดูเหมือนจะมีจุดมุ่งหมายอยู่แล้วก็มุ่งเข้าไปด้านใน ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
“มากับข้า”
ผีเสื้อแห่งความรักจับมือของหลัวเลี่ย และก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลัวเลี่ยเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับโลกที่อยู่ภายในประตูแห่งโลกเื้ัมาก่อน ดังนั้นเขาจึงพอมีความรู้ในเื่นี้อยู่บ้าง
และนอกจากความรู้ที่อ่านมาจากในหนังสือนั้น หลัวเลี่ยยังเคยได้ยินมาว่าจำนวนของปีศาจนักรบมีจำกัด หากมีคนเข้ามาที่โลกเื้ันี้มากเกินไป และพากันสังหารปีศาจนักรบอย่างต่อเนื่อง ก็อาจทำให้จำนวนของปีศาจนักรบหมดลงได้ ซึ่งเมื่อไม่มีปีศาจนักรบก็จะไม่มีแสงของพลังเช่นกัน
ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไร รอบข้างก็ยิ่งไม่มีคนอื่นมากเท่านั้น
ผู้คนต่างไปตามทางของตัวเอง
เหตุผลที่จำนวนคนดูมีน้อย เป็เพราะประการแรกโลกเื้ันี้ใหญ่เกินไป ประการที่สองคือคนที่มีพลังยุทธ์ในระดับผู้ฝึกตนที่สามารถเข้ามาในภพจิตัได้นั้นมีจำนวนน้อยมาก เพราะตราหยกเชื่อมิญญาถือว่าเป็สิ่งของที่ไม่ได้มีอยู่โดยทั่วไป จนอาจกล่าวได้ว่า ในจำนวนหนึ่งแสนคนจะมีผู้ที่ถือครองตราหยกเชื่อมิญญาอยู่เพียงหนึ่งคนเท่านั้น
ผีเสื้อแห่งความรักมีท่าทางคล้ายกับกำลังทำเื่สนุกๆ อยู่ นางหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
หลังจากเดินมาอย่างยาวนาน ในที่สุดด้านหน้าของพวกเขาก็มีเงาของูเาขนาดใหญ่ค่อยๆ ปรากฏสู่สายตา ูเาลูกนี้สูงจนไม่เห็นยอดเขาที่ทะลุผืนฟ้าขึ้นไป และด้านหลังยังปรากฏูเาอีกหลายลูกเรียงรายสลับซับซ้อนกันอยู่
“นี่คือูเาแห่งคุกอนธการหรือ?” หลัวเลี่ยมองไปที่ขั้นบันได ไล่สายตาจากไหล่เขาไปยังยอดเขา แล้วคิดถึงเนื้อหาในหนังสือที่เขาได้อ่านมา
ผีเสื้อแห่งความรักชี้ไปทีู่เาลูกนั้น “ใช่แล้ว นั่นก็คือูเาแห่งคุกอนธการ นับั้แ่กำเนิดโลกเื้ัมาก็ไม่เคยมีใครปีนขึ้นไปได้”
ูเาแห่งคุกอนธการเป็ที่รู้กันว่าเป็สถานที่ที่พิเศษที่สุดในประตูแห่งโลกเื้ั
ูเาอนธการนี้มีความพิเศษคือ แม้มันจะมีบันไดที่ทำอย่างประณีตให้เดินขึ้นไปได้ั้แ่ตีนเขาจนถึงยอดเขารวมทั้งหมดหนึ่งร้อยขั้น แต่กลับไม่มีผู้ใดสามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้ เพราะในแต่ละขั้นจะมีสิ่งที่เข้ามาขัดขวางให้ไม่สามารถไปต่อได้ หรือแม้จะไม่ได้เดินขึ้นทางบันไดนี้ แต่ต่อให้บินขึ้นไปก็ไปไม่ถึงยอดเขาเช่นกัน เพราะเมื่อบินขึ้นไปจะถูกพลังที่มองไม่เห็นกดทับลงมา จนทำให้ไม่สามารถบินเข้าไปใกล้ๆ ต่อได้ กล่าวคือ ถ้า้าจะขึ้นไปบนยอดเขาก็ต้องเดินขึ้นไปทีละขั้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บนบันไดหนึ่งร้อยขั้นนี้เต็มไปด้วยกองกำลังขัดขวางที่มหัศจรรย์มาก ทำให้ั้แ่มีประตูแห่งโลกเื้ัก็ไม่เคยมีใครฝ่าด่านบันไดนี้ขึ้นไปได้เลย
บางคนกล่าวว่า แม้แต่ผู้มีพลังระดับบรรพชนที่แอบเข้ามาอย่างลับๆ และถูกลดพลังยุทธ์เหลือเพียงระดับสิบของระดับผู้ฝึกตน ก็ยังไม่สามารถเดินขึ้นไปบนูเาลูกนี้ได้ เพราะถ้ามีคนเคยเดินขึ้นไปได้ก็คงมีข้อมูลที่เกี่ยวกับกองกำลังในแต่ละขั้นหลุดออกมาแล้ว
แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าจาบจ้วงผู้ที่เป็เทพ จึงทำได้เพียงยกตำแหน่งบรรพชนมาพูด
แต่สิ่งนี้ก็สามารถยืนยันได้ว่า ไม่เคยมีใครขึ้นไปทีู่เาแห่งคุกอนธการจริงๆ
“เ้าพาข้ามาที่นี่เพื่อจะให้ข้าปีนขึ้นไปบนูเาอนธการหรือ?” หลัวเลี่ยถาม
ผีเสื้อแห่งความรักยิ้มเบาๆ “เ้าช่างรู้ใจข้าจริงๆ ท่านอ๋องของข้า!”
หลัวเลี่ยมองไปยังูเาอนธการ เขาอยากลองพิชิตสถานที่ที่ไม่มีใครสามารถไปถึงนี้ และหากเขาสามารถทำได้ จะเป็การแสดงให้เห็นว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน
“จริงๆ แล้วถึงเ้าจะล้มเหลวก็ไม่เป็ไร เพราะูเาแห่งคุกอนธการนี้มีความพิเศษมากจริงๆ นอกจากนี้เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินของเ้าไม่อาจนำมาใช้ที่นี่ได้ด้วย” ผีเสื้อแห่งความรักไม่ได้กดดันหลัวเลี่ย “เท่าที่ข้ารู้มา แม้จะไม่เป็ที่แน่ชัดว่าเทพเคยลองหรือไม่ แต่มีรายงานชัดเจนว่า เคยมีบรรพชนมากกว่าหนึ่งคนที่ตอนเข้ามาในโลกแห่งนี้ถูกจำกัดพลังเหลือเพียงระดับที่สิบในระดับผู้ฝึกตนเคยมาลองท้าทายที่นี่แล้ว แต่ก็ไม่อาจไปถึงยอดเขาได้ ดังนั้นหากเ้าจะล้มเหลวก็คงไม่แปลกนัก”
“ยิ่งได้ยินที่เ้าพูด ข้าก็ยิ่งอยากลองแล้ว”
ดวงตาของหลัวเลี่ยเป็ประกาย เขาเดินไปทีู่เาแห่งคุกอนธการ
จากเื่เล่าทั้งหลายนั้น เกรงว่าผู้คนคงถอดใจจากูเาแห่งคุกอนธการนี้ไปแล้ว ดังนั้นผู้คนที่อยู่รอบๆ ูเาลูกนี้จึงมีจำนวนน้อยนิดเมื่อเทียบกับบริเวณอื่น
เมื่อมีคนสองถึงสามคนเดินผ่านมาบริเวณนี้ และเห็นว่าหลัวเลี่ยหรือก็คือ ‘มีัอยู่ในเป้า‘ กำลังจะท้าทายูเาแห่งคุกอนธการนี้ พวกเขาก็ทำเพียงแค่ยิ้มและชี้มาที่ชายหนุ่ม
แต่ไหนแต่ไรมาูเาแห่งคุกอนธการนี้เปรียบดั่งแม่น้ำที่ไม่อาจข้ามได้ของเหล่ายอดฝีมือที่มีระดับสูงกว่าผู้ฝึกตนมาโดยตลอด
ไม่ใช่ว่าพวกเขา้าจะดูถูกหลัวเลี่ย แต่เพราะูเาแห่งคุกอนธการนี้เป็การท้าทายที่ยากเกินไป
เมื่อหลัวเลี่ยเดินมาถึงไหล่เขา เขาก็เงยหน้ามองขึ้นไป
ขั้นบันไดทั้งหนึ่งร้อยขั้นนี้ล้วนทำมาจากหยกขาวบริสุทธิ์ที่ไร้ตำหนิทั้งหมด
หลัวเลี่ยที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่รู้สึกถึงความแปลกเลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อหลัวเลี่ยก้าวขึ้นมาบนบันไดขั้นแรกแล้ว เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่างจากปกติ เขารู้สึกราวกับว่ามีพลังบางอย่างบีบบังคับให้เขาตัดขาดจากโลกที่อยู่ด้านนอกบันได จากนั้นก็มีแรงกดดันที่มองไม่เห็นกดดันเขาไว้
แต่หลัวเลี่ยคิดว่าแรงกดดันนี้ช่างแ่เบาและอ่อนกำลังเหลือเกิน
เมื่อเขาเดินขึ้นสู่ขั้นที่สอง แรงกดดันนั้นก็เพิ่มขึ้นถึงสามเท่าทันที
เขาหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์ และปีนขึ้นไปทีละขั้น ในขณะเดียวแรงกดดันนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่หลัวเลี่ยขึ้นไปห้าสิบขั้นในลมหายใจเดียว ในที่สุดแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็เริ่มส่งผลให้เขารู้สึกลำบากเล็กน้อย
ตอนนี้เคล็ดวิชาั์ของหลัวเลี่ยได้ไปถึงขั้นที่มีการผลัดเปลี่ยนกระดูกเป็กระดูกวิถียุทธ์แล้ว ดังนั้นจึงทำให้เขาสามารถทานทนต่อแรงกดดันได้มากขึ้น แต่แม้ว่าเขาจะอดทนได้มากกว่าเดิม ทว่าพอผ่านมาได้ครึ่งทางเขาก็รู้สึกยากลำบากแล้ว เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าบันไดขั้นที่เหลือจะมีแรงกดดันที่มากกว่านี้แค่ไหน
หลัวเลี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง และพยายามรักษาจิตใจให้นิ่งสงบ
เขาเดินขึ้นต่อไปอีกครั้ง
คราวนี้ความเร็วของเขาช้าลงกว่าตอนแรกมาก
และเมื่อถึงขั้นที่เจ็ดสิบ เขาก็เริ่มใช้เวลาในการเดินขึ้นแต่ละขั้นช้าลงกว่าตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากขั้นที่แปดสิบเป็ต้นไปขาของหลัวเลี่ยก็เริ่มสั่น เขาใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าจะก้าวขึ้นไปได้ในแต่ละขั้น จนกระทั่งถึงขั้นที่แปดสิบหก ขาของหลัวเลี่ยก็อ่อนแรงลงจนเขาเกือบจะลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขากัดฟันอดทนต้านแรงกดดันนั้น และไม่ยอมให้เข่าของตัวเองได้แตะพื้น แต่เขาไม่สามารถก้าวขึ้นไปในขั้นต่อไปได้อีกแล้ว
ขั้นสุดท้ายที่เขาหยุดอยู่คือขั้นที่แปดสิบหก
“ฮู่ว...”
“ถึงขีดจำกัดแล้ว”
“เสียดายที่ใช้พลังจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินไม่ได้ หากข้าสามารถใช้พลังจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้ ข้าต้องขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้แน่”
หลัวเลี่ยรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
การก้าวขึ้นไปบนูเาแห่งคุกอนธการนี้ แม้แต่บรรพชนที่ถูกจำกัดพลังวรยุทธ์เป็ระดับสิบยังไม่สามารถไปถึงยอดเขาได้ แล้วตอนนี้หลัวเลี่ยที่อยู่ในระดับเก้าจะสามารถทำได้อย่างไร เพียงแต่ในตอนแรกหลัวเลี่ยคิดว่าการที่เขาใช้พลังจากเคล็ดวิชาั์อาจทำให้เขาไปถึงขั้นที่เก้าสิบได้ แต่ตอนนี้เขากลับหยุดอยู่ที่ขั้นแปดสิบหกเท่านั้น
เขาผิดหวังเล็กน้อย
ผีเสื้อแห่งความรักซึ่งรอหลัวเลี่ยอยู่ที่ตีนเขาตื่นเต้นจนน้ำตาไหล
“ผู้ฝึกตนระดับเก้ากับขั้นที่แปดสิบหกหรือ หากเขาฝึกวรยุทธ์จนถึงระดับที่สิบเมื่อไหร่ เขาต้องขึ้นไปถึงยอดเขาได้แน่!” ผีเสื้อแห่งความรักพึมพำกับตัวเอง “บางทีเขาอาจจะช่วยข้าให้สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งโชคชะตาได้ ข้าจะต้องไม่ให้คนอื่นรู้เด็ดขาดว่า ‘ผู้มีัอยู่ในเป้า’ คือหลัวเลี่ย!”
นางตื่นเต้นมาก
แต่เมื่อมีคนผ่านมาเห็นหลัวเลี่ยที่หยุดอยู่ในขั้นที่แปดสิบหก พวกเขาก็มีความคิดที่ต่างออกไปจากผีเสื้อแห่งความรัก
“เขาไปถึงแค่ขั้นที่แปดสิบหกเองหรือ ตอนแรกข้าคิดว่าถึงแม้ ‘ผู้มีัอยู่ในเป้า’ จะไปไม่ถึงยอดเขา แต่เขาก็คงไปถึงขั้นที่เก้าสิบเป็อย่างต่ำ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”
“ข่าวลือที่ว่าเขามีพลังมากกว่าเจียงจื่อหยาและเหวินจงที่เป็อัจฉริยะในรอบพันปีคงจะไม่จริงเสียแล้ว”
“เห็นทีว่าข่าวลือพวกนั้นคงเกินจริงไปไกล ตอนนี้เจียงจื่อหยาไปถึงขั้นที่แปดสิบเก้า ส่วนเหวินจงก็ถึงขั้นที่แปดสิบแปดแล้ว”
“บางทีเขาอาจจะไม่ได้มีพลังอยู่ที่ระดับสิบของผู้ฝึกตน เพราะก่อนหน้านั้นตอนที่เขาสู้กับหลงเยียนหรันและหลงนู่ เขาก็มีพลังอยู่ที่ระดับห้าของผู้ฝึกตนเท่านั้น”
“ตอนนั้นเขาแค่เลือกแสดงพลังออกมาเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเ้าคิดว่าเขาจะไปถึงขั้นที่แปดสิบหกได้อย่างไร หากเขาไม่ได้มีพลังถึงระดับที่สิบแล้ว? เ้าพูดอะไรไร้สาระไปได้”
“จริงด้วย เขาต้องมีพลังอยู่ในระดับที่สิบของผู้ฝึกตนแล้วแน่ๆ เพราะถึงอย่างไรหากเขาสามารถขึ้นมาถึงขั้นที่แปดสิบหกแล้ว ก็ถือได้ว่าเขาเป็หนึ่งในห้าอันดับแรกในรอบพันปีที่ผ่านมาเช่นกัน”
เสียงพูดคุยนั้นค่อยๆ จางหายไป
หลัวเลี่ยเดินลงบันไดอย่างช้าๆ
ผีเสื้อแห่งรักมองมาที่หลัวเลี่ยอย่างตื่นเต้น นางเห็นหลัวเลี่ยมองขึ้นไปที่ขั้นบันไดหยกขาวร้อยขั้นนั้น เขาเอ่ยว่า “เมื่อข้ามีพลังถึงระดับสูงสุดของระดับเก้าแล้ว ถ้าหากมีโอกาสได้ลองอีกครั้ง ข้าจะคอยดูว่าคนที่มีพลังระดับเก้าของผู้ฝึกตนนี้จะสามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้หรือไม่”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้