หลังจากทานข้าว โหยวเสี่ยวโม่กับหลิงเซียวก็ออกจากโรงเตี๊ยมเจ็ดดวงดารา เ้าของกับพนักงานส่งพวกเขาด้วยสีหน้าซับซ้อน ทว่าเมื่อพวกเขาออกไปได้เพียงครู่เดียว เงาคนที่ซ่อนตัวอยู่ก็เดินตามออกไปเงียบๆ
ทั้งสองไม่ได้รีบร้อนออกจากเมืองฮุยจี๋ทันที หากแต่ไปแวะร้านคลังโอสถ เพราะนัดกันไว้เมื่อวานว่าวันนี้จะเข้าไปรับหญ้าเซียน
ทั้งโรงเตี๊ยมและร้านคลังโอสถตั้งอยู่บนถนนเดียวกัน ทั้งสองเดินเพียงไม่นานก็ถึงที่หมาย
ร้านคลังโอสถนั้นมีผู้คนมากมายเข้าออกเช่นเคย เพราะมีชื่อเสียงในเมืองนี้ ดังนั้นตรงทางเข้าจึงมีผู้คนเบียดเสียดกันเป็กระจุก เสียงดังเหมือนอยู่ในตลาดสด ได้ยินเสียงคึกคักนั้นแต่ไกล
โหยวเสี่ยวโม่ยืนอยู่ไม่ห่างเห็นมวลฝูงชนตรงทางเข้า เหงื่อซึมไหลลงหน้าผาก
แต่หลิงเซียวกลับมีท่าทีสบาย เดินตรงไปยังทิศที่ฝูงชนเบียดเสียดอยู่ จังหวะที่เขาเข้าใกล้กลุ่มคนนั้น ภาพแปลกประหลาดบางอย่างก็เกิดขึ้น เดิมที่ฝูงชนที่ยืนเบียดกันอยู่ก็แยกออกจากกันราวกับมีคนผลัก คนแบ่งออกเป็สองครึ่ง จากนั้นเขาก็เดินจ้ำอ้าวเข้าไปสบายใจเฉิบ ไม่ได้สนใจเสียงก่นด่าของผู้คนละแวกนั้นแต่อย่างใด
โหยวเสี่ยวโม่มองตาโตค้าง แล้วรีบวิ่งตามไป
เข้าไปยังร้านคลังโอสถ เสียงดังจอแจด้านนอกก็เงียบไป ไม่แสบแก้วหู
เมื่อทั้งสองเข้าไป สาวรับใช้เมื่อวานก็รีบปรี่เข้ามาหาเหมือนกำลังรอพวกเขาอยู่ ไม่เวิ่นเว้ออะไร พลันพาพวกเขาตรงขึ้นชั้นสอง ผู้เฒ่าชุดดำก็ยืนรอพวกเขาอยู่นานแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นทั้งสองก็เผยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ในที่สุดท่านทั้งสองก็มาจนได้ ข้ารอพวกท่านสักพักแล้ว”
ผู้เฒ่ากล่าวทักทายอย่างอารมณ์ดี ผ่านไปชั่วครู่ จึงให้สาวรับใช้นำเมล็ดหญ้าเซียนออกมา ใส่แยกถุงผ้าเล็กๆ หลากหลายสีไว้ ด้านนอกปักชื่อชนิดของหญ้าเซียนไว้ด้วย
เนื่องจากเมล็ดค่อนข้างเยอะ ผู้เฒ่าจึงรวมถุงผ้าเมล็ดเ่าั้ไว้ในถุงเก็บของโดยเฉพาะ ถุงเก็บของเป็ของที่หาได้ง่าย ไม่นับว่ามีค่าอะไร
“นี่คือเมล็ดหญ้าเซียนที่ท่านทั้งสอง้า อยู่ในนี้หมดแล้ว ลองนับดูได้” ผู้เฒ่ายื่นถุงนั้นให้โหยวเสี่ยวโม่
โหยวเสี่ยวโม่รับถุงนั้นมาแล้วตรวจสอบ ของที่เมื่อวานบอกไว้มีครบหมด ทั้งหมดสองร้อยเจ็ดสิบห้าถุง ส่วนเมล็ดด้านในเขาไม่ได้ตรวจสอบ เชื่อว่าร้านคลังโอสถคงไม่กล้าโกงปริมาณ เว้นแต่ว่าไม่สนใจเื่ชื่อเสียง
หลิงเซียวเห็นเขาไม่มีท่าทีอะไร จึงเอ่ยถาม “ทั้งหมดเท่าไหร่?”
ผู้เฒ่าเอ่ยหน้ายิ้มแย้ม “เนื่องจากท่านทั้งสองมีป้ายสมาชิกพิเศษ ดังนั้นจะได้ส่วนลดร้อยละสิบ ราคาเต็มคือแปดล้านแปดแสน ลดแล้วเหลือเจ็ดล้านเก้าแสนสองหมื่นถ้วน”
ลดจากเดิมไปแปดแสนแปดหมื่น ผู้เฒ่าที่โรงประมูลพูดไว้ไม่ผิดเื่ที่ได้ส่วนลด จากนั้นโหยวเสี่ยวโม่ก็จ่ายเงินพลางยิ้มหน้าแป้น
เมื่อส่งทั้งสองคนออกจากร้านแล้ว ใบหน้ายิ้มแย้มของผู้เฒ่าทันใดก็เปลี่ยนเป็สีหน้าจริงจัง
ชายชุดเทาที่เผยเพียงครึ่งหน้าก็เดินออกมาจากด้านใน ชุดสีเทานั้นเหมือนมีพลังสามารถซ่อนเร้นพลังไม่ให้คนรับรู้ได้ พอเขาเดินออกมา ผู้เฒ่าก็พลันท่าทีนอบน้อม
“ท่านเ้าเมือง!”
“คนที่ส่งไปเมื่อวาน สืบเื่พวกเขาได้บ้างหรือเปล่า?” ภายใต้ชุดเทา สายตาเยือกเย็นอำมหิตฉายแววออกมา น้ำเสียงน่ากลัว
“ไม่มีขอรับ สองคนนี้โผล่มาราวกับอากาศไร้ซึ่งที่มา ไม่เจอข้อมูลอะไรแม้แต่นิด ข้าน้อยสงสัยว่า พวกเขาน่าจะแปลงโฉมมา” ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างเคารพ
“แปลงโฉม? หากไม่ใช่คนใหญ่โตอะไร ไยต้องแปลงโฉม เช่นนี้ก็ดี การแปลงโฉมของพวกเขาจะช่วยให้แผนการเราสำเร็จโดยง่าย หากมีคนตรวจสอบ ก็คงสืบไม่ถึงพวกเรา” ชายชุดเทาหัวเราะอยู่ในลำคอ อารมณ์ดีเป็พิเศษ ราวกับว่าได้ของที่้ามาอยู่ในมือแล้ว
ผู้เฒ่าก็หัวเราะด้วย “ท่านเ้าเมือง ถ้างั้นข้าน้อยขอส่งคนไปดักฆ่าพวกมันเสียตอนนี้เลยนะขอรับ?”
“ไม่รีบ” ชายชุดเทาเอ่ยเสียงค่อย “ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกับเรามีไม่น้อย กลุ่มสามเ้าอำนาจนั้นก็คงสนใจน้ำปราณกับไข่อ่อนนั่นไม่ใช่น้อย รอพวกนั้นลงมือจนต่างฝ่ายต่างาเ็ พวกเราค่อยลงมือ”
ผู้เฒ่าลังเลชั่วครู่ ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ท่านเ้าเมือง ชายผู้นั้นร้ายกาจอย่างที่ท่านว่าจริงหรือ กระทั่งว่าสามเ้าอำนาจก็มิอาจโค่นเขาได้?”
ชายชุดเทาเดินวนไปมา จากนั้นเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น “ชายคนนั้นแข็งแกร่งมาก จากที่ข้าสังเกตการณ์เมื่อครู่ พลังของเขาต้องไม่ต่ำกว่าชั้นจันทราแน่นอน อีกทั้งเขากล้าเอาของมีค่าเช่นนี้ออกมา คิดว่าคงมั่นใจในฝีมือตัวเองอย่างมาก แต่ว่าเด็กหนุ่มที่มากับเขานั่นกลับไม่มีพลังอะไรเลย เราใช้จุดนี้ให้เป็ประโยชน์ได้”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ!” ผู้เฒ่าเข้าใจกระจ่าง เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมาย จำเป็ต้องใช้วิธีโเี้กันบ้าง
ขณะที่ทั้งสองคิดว่าตัวเองวางแผนได้แเี หารู้ไม่ว่าหลิงเซียวนั้นรู้ถึงตัวตนของชายชุดเทาั้แ่ก้าวแรกที่เข้ามายังร้านคลังโอสถแล้ว แม้ว่าชุดเทาที่เขาใส่จะซ่อนเร้นพลังได้ แต่สิ่งใดๆ ล้วนไม่แน่นอน
เมื่อรับรู้ถึงตัวตนของชายชุดเทา หลิงเซียวนึกว่าเขาจะพุ่งเป้าที่ตัวเอง แต่หลังจากที่สังเกตชั่วครู่ เขากลับพบว่าคนลึกลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นหมายตาที่โหยวเสี่ยวโม่เสียมากกว่า
“ศิษย์พี่หลิง ต่อจากนี้พวกเราจะกลับสำนักเทียนซินเลยใช่มั้ย?”
หลังออกจากร้านคลังโอสถ โหยวเสี่ยวโม่คิดถึงว่าภารกิจทุกอย่างนั้นสำเร็จหมดแล้ว ตอนนี้พึ่งนึกได้ว่าพวกเขาออกมาเกือบสี่จะวันแล้ว งานประมูลสองวัน เดินทางอีกสองวัน เมื่อนึกถึงเดินทาง สีหน้าก็พลันสลด ความรู้สึกสั่นะเืนั่นยังจำได้ไม่ลืม
“อืม สมควรกลับได้แล้ว” หลิงเซียวพยักหน้า
“งั้น ครั้งนี้เราต้องนั่งรถม้าเพลิงอัคคีกลับอีกงั้นหรือ?” โหยวเสี่ยวโม่ถามอย่างระวัง ใบหน้าครุ่นคิด
หลิงเซียวเห็นท่าหน้าถอดสีของเขา มุมปากกระตุก เอ่ย“ไม่ ครั้งนี้เราจะไม่นั่งรถม้าเพลิงอัคคีแล้ว พวกเราจะเปลี่ยนอีกวิธีนึง รอออกจากเมืองฮุยจี๋เ้าก็รู้เอง”
ประโยคสุดท้ายหยุดความสงสัยของโหยวเสี่ยวโม่
กระนั้น หลิงเซียวที่รู้ตัวก็พาโหยวเสี่ยวโม่ที่ไม่รู้ตัวเดินกลับโรงเตี๊ยม เดินเล่นไปมาก็ปาไปชั่วยามกว่า ตะวันลับฟ้าแล้ว ระหว่างนั้นโหยวเสี่ยวโม่ก็ซื้อของได้อีกเพียบ
แม้ว่าร้านคลังโอสถจะมีเมล็ดหญ้าเซียนขั้นกลางเยอะแยะ แต่โหยวเสี่ยวโม่ก็รู้สึกว่ายังน้อยอยู่ อีกอย่างหญ้าเซียนขั้นสูง ชนิดก็เยอะขึ้น อย่างเช่น หญ้าเซียนขั้นหก เขาซื้อได้จากร้านคลังโอสถหนึ่งร้อยยี่สิบชนิด แต่ที่จริงมันมีเยอะกว่านี้ บางอย่างอาจจะยังไม่ค้นพบ และบางอย่างก็ไม่มีที่ร้านคลังโอสถ
แต่หากที่ร้านคลังโอสถยังไม่มี ที่อื่นก็คงหาได้ยาก ดังนั้นโหยวเสี่ยวโม่จึงรวบรวมได้เพิ่มแค่เมล็ดหญ้าเซียนขั้นสี่และขั้นห้าได้บางส่วน และขั้นหกเพียงน้อยนิด
คืนนี้ พวกเขาก็พักแรมที่โรงเตี๊ยมเจ็ดดวงดาราอีกคืนหนึ่ง
รุ่งสางวันถัดมา ภายใต้การสังเกตการณ์ของสายตามากมาย หลิงเซียวกับโหยวเสี่ยวโม่ก็ออกจากโรงเตี๊ยม
ครั้งนี้ ทั้งสองไม่ได้เดินเล่นแต่ตรงไปยังทิศประตูเมือง ครึ่งชั่วยามผ่านไป ทั้งสองก็ถึงประตูเมือง ทหารเฝ้าประตูไม่ใช่คนเดิม หากแต่เป็นักฝึกตนที่มีพลังแกร่งกล้า ทั้งสองเหมือนรู้จักพวกเขา จึงปล่อยผ่านอย่างง่ายดาย
พอออกนอกเมือง หลิงเซียวก็เรียกม้าเพลิงอัคคีมา เสียงฝีเท้าเร็ววิ่งมา ม้าเพลิงอัคคีพาทั้งสองออกจากเมืองฮุยจี๋ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ถึงทุ่งหญ้ากว้างที่ไกลลับตา มีเพียงก้อนเมฆสีขาวบางๆ ลอยอยู่รอบๆ นั้น
ขณะที่ม้าเพลิงอัคคีวิ่งไปถึงขอบทุ่งหญ้ากว้าง เบื้องหน้าก็มีเงาคนชุดดำสามคนโผล่มา ยืนขวางทางรถม้า
ม้าเพลิงอัคคีร้องเสียงดัง แล้วหยุดลง แต่กลับไม่เห็นคนในรถม้าออกมา
ความเงียบผ่านไป ทั้งสามพุ่งตัวไปยังรถม้านั่นพร้อมกัน พลังออกตัวนั้นรุนแรงราวกับจะทำลายอากาศให้แตกละเอียด อาวุธพลันปรากฏขึ้นในมือพวกเขา กระบี่เล่มนั้นมุ่งเป้าที่รถม้า แม้รถม้าจะทนทานมีค่า แต่ก็มิอาจต้านทานการโจมตีของทั้งสามได้ จากนั้นเสียงะเิออกดังขึ้น รถม้าพลันแตกปลิวออกไปสี่ทิศ
ขณะเดียวกัน คนชุดขาวก็เหินออกมาจากรถม้า ลงมาเทียบบนพื้น
คนชุดขาวนั่นก็คือหลิงเซียว ส่วนโหยวเสี่ยวโม่กลับถูกเขาหนีบไว้ตรง…รักแร้
หลังแตะพื้น หลิงเซียววางโหยวเสี่ยวโม่ลง ไม่ทันก็เสกลูกศรพุ่งไปทางชายชุดดำสามคนนั้น ความเร็วนั้นทำให้อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งรับ และเปลวไฟสีม่วงสองเส้นออกมาจากร่างเขาแล้วพุ่งออกไป พริบตาเดียวก็พุ่งเข้าตัวชายชุดดำสองคน ทั้งสองไม่ทันได้ทุรนทุราย ร้องอย่างน่าอนาถแล้วก็ล้มตึงลงไป
ส่วนชายชุดดำคนที่สาม ใกับภาพที่เพื่อนอีกสองคนตายไป กระบี่ในมือยังไม่ทันยกขึ้น หลิงเซียวก็พุ่งตัวไปหน้าเขา เหวี่ยงหมัดเสยเข้าไป สมองของชายชุดดำกระเด็นเืสาด…
หลิงเซียวหยุดแล้วค่อยๆ หันกลับมา พบว่ามีมีดจี้คอโหยวเสี่ยวโม่อยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้