สุดเขตแดนสมุทร
ตอนที่ 30
“มีใครอยู่มั้ยคะ”
“มีคนอยู่มั้ยคะ”
เ้าของบ้านเดินงัวเงียตามเสียงออกมาก็พบว่ามีผู้หญิงสองคนกำลังชะโงกหน้างก ๆ เงิ่น ๆ พลางะโเรียกเ้าของบ้าน รามสูรขมวดคิ้วหนาเข้าหากันเขาไม่มั่นใจว่าสองคนนี้คือชาวบ้านที่อยู่บนเกาะเพราะไม่คุ้นหน้าคาตาอีกทั้งชาวบ้านแถวนี้มักจะพูดภาษาใต้กันเสียมากกว่า
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เอ่อ...ใช่นายหัวรามสูรรึเปล่าคะ”
“...ครับ” นายหัวรามสูรตอบรับด้วยการสงวนทีท่าเอาไว้เพราะชีวิตเขา่นี้ยากที่จะให้ไว้ใจใครอื่นง่าย ๆ โดยเฉพาะคนแปลกหน้า ดังนั้นร่างสูงเลยยืนกอดอกมองดูผู้หญิงสองคนที่ดูเหมือนมีอะไรจะพูดกับเขา
“คือว่า...” เธอดูเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่แล้วก็ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อเต็มจะกลืนแล้วหันไปหาเพื่อนที่มาด้วยกัน รามสูรมองสถานการณ์นั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจหนัก ๆ แล้วเชิญทั้งสองคนเข้าไปภายในบ้าน
“เชิญในบ้านก่อนครับ” ร่างแกร่งผายมือแล้วเดินนำหน้าแขกที่ไม่ได้รับเชิญใน่ค่ำของวัน เ้าของบ้านทรุดกายนั่งลงที่โซฟาพลางผายมือให้แขกนั่งฝั่งตรงกันข้าม หญิงสองคนนั้นนั่งลงพวกเธอกระซิบกระซาบกันอีกครั้งราวกับมันเป็เื่หนักใจมากและไม่มีใครอยากพูดมันออกมา
“มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ ผมไม่มีเวลาว่างทั้งคืนหรอกนะ”
“คือ...อย่างนี้นะคะ”
“เออปุ้ยแกพูดแหละดีแล้ว”
“...คือพวกเราสองคนเป็พยาบาลดูแลคุณนี แม่ของคุณม่านน่ะค่ะ”
“ผมไม่รู้จักคนชื่อนั้น”
“เอ่อ...คือคุณช่วยฟังเราก่อนนะคะ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป”
“ผมบอกไปแล้วครับว่าผมไม่รู้จักคนคนนั้น”
“คุณคะเื่นี้มันเป็เื่คอขาดบาดตาย คุณช่วยฟังเราก่อนนะคะ”
“ถ้าธุระที่จะพูดมีแค่เื่นี้ก็เชิญกลับไปครับ”
“คุณคะ! เราไม่รู้ว่าระหว่างคุณสองคนเกิดอะไรขึ้น แต่คุณจะปล่อยให้คุณม่านตายอย่างนั้นเหรอคะ”
รามสูรชะงักกึก อย่างม่านหยี่มีเื่อะไรให้น่าห่วงอีกนอกจากจะได้กลับบ้านไปอยู่กับพ่อสุดที่รัก ป่านนี้ทั้งสองคนคงหัวเราะเยาะเขากันอย่างสะใจแล้วละสิ มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่กำลังต้องเผชิญกับความยากลำบากของชีวิตอยู่แบบนี้
“เราเห็นคุณพาคุณม่านหยี่กลับบ้านเมื่อหลายวันก่อน”
“...”
“สำหรับคุณม่านหยี่ไม่มีบ้านที่แท้จริงหรอกนะคะ ฉันไม่รู้ว่าคุณสองคนยังรักกันรึเปล่าแต่ถ้าคุณยังมีความเป็คน หรือเห็นแก่ชีวิตคุณม่านหยี่สักนิด ได้โปรดเถอะค่ะไปช่วยเธอทีนะคะ ถ้าคุณปล่อยเธอไว้ที่นั่นเธอต้องตายแน่ ๆ ค่ะ”
“พวกเราสองคนไม่มีปัญญาช่วยเธอออกมาจากนรกนั่น แต่เรารู้ว่าคุณช่วยคุณม่านได้”
“...”
“นายหัวศิลาน่ะเป็คนที่...สติไม่ค่อยจะสมประกอบเหมือนเรา ๆ เหมือนฉันหรือว่าคุณหรอกนะคะ นายหัวน่ะน่ากลัวกว่าที่คุณคิด และถ้าคุณปล่อยคุณม่านเอาไว้อย่างนั้นเธอไม่รอดแน่ ๆ ค่ะ”
“...”
“บางทีคุณอาจไม่รู้ว่านายหัวไม่ได้มีความเป็พ่อเหมือนคนอื่นและคุณม่านก็โดนทำร้ายมาตลอดั้แ่เด็กจนโต นายหัวเอาคุณสินีแม่ของคุณม่านที่เธอกำลังป่วยอยู่มาเป็ข้อต่อรองให้คุณม่านทำตามคำสั่งทุกอย่าง”
“โอ๊ย! เออช่างหัวคุณเขาเถอะพี่นา เขาคงไม่ได้อาลัยอาวรณ์กันอะไรขนาดนั้น คุณจ๊ะ พวกฉันลาละจ้ะ ต้องไปแล้วพี่นา ไม่อย่างนั้นโดนจับได้แน่!”
เ้าของบ้านนั่งมองผู้หญิงสองคนที่มีพฤติกรรมแปลก ๆ พวกเธอดูลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข คนหนึ่งสะกิดแขนเพื่อนยิก ๆ ก่อนที่จะคว้าเอาแขนของเพื่อนแล้วทั้งลากทั้งดึงกันเดินออกไป รามสูรเลือกที่จะไม่เชื่อเื่ทั้งหมดที่พวกเธอเล่าให้เขาฟังหรืออีกใจหนึ่งต่อให้ม่านหยี่จะเป็ตายร้ายดีอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวกับชีวิตของเขา หรือนี่อาจเป็หนึ่งในแผนที่ม่านหยี่กับนายหัวศิลารวมหัวกันสร้างเื่ขึ้นมาตบตาเขาอย่างนั้นก็ได้ เขาไม่อาจไว้ใจใครได้อีกแล้ว
เื่มันเกิดขึ้นเร็วมากจนรามยังตั้งสติไม่ทันหญิงแปลกหน้าสองคนก็หายออกจากบ้านของเขาไปราวกับว่าพวกเธอไม่เคยมาที่นี่เมื่อหนึ่งนาทีที่แล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้ถามชื่อพวกเธอรู้แค่เรียกกันว่าพี่นากับอีกคนที่แทนตัวเองว่าปุ้ย บอกกับเขาว่าม่านหยี่กำลังตกอยู่ในอันตราย ซึ่งมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาที่เขาต้องไปสนใจคนคนนั้นอีกแล้ว
แต่คำว่า “และถ้าคุณปล่อยคุณม่านเอาไว้อย่างนั้นเธอไม่รอดแน่ ๆ ค่ะ” มันยังวนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่ไปไหน แกทั้งยังเหตุผลที่พวกเธอยกมาอ้างว่านายหัวศิลาใช้แม่ของม่านเป็เครื่องมือควบคุมม่านอีก เขาจะไม่เอะใจอะไรเลยหากไม่ติดว่าเขาเคยเห็นรอยช้ำที่หลังม่านหยี่มาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นม่านหยี่โกหกเขาว่าลื่นล้มที่โขดหินท้ายเกาะซึ่งเขาไม่เชื่อ มันเป็รอยช้ำจากการโดนซ้อมรามสูรเชื่อว่าอย่างนั้น และบิดาที่ซ้อมลูกชายคงไม่ใช่พ่อในฝันของเด็กทุกคน
นายหัวรามสูรนั่งเท้าแขนสองข้างลงกับหัวเข่าพลางเก็บเอาข้อมูลต่าง ๆ ที่พึ่งได้รับวันนี้มาประมวลผลเข้ากับข้อมูลของม่านหยี่ที่เขาได้รับมาก่อนหน้า และพฤติกรรมต่าง ๆ ของอดีตคนรักั้แ่คบกันมาจนกระทั่งเลิกรากันไป ม่านหยี่ไม่ใช่คนขี้โกหกเมื่ออยู่กับเขา แต่เื่นั้นเขาก็แน่ใจอะไรไม่ได้เพราะเื่ทั้งหมดม่านก็แต่งขึ้นเพื่อหลอกเขาและคนรอบข้างดังนั้นจะบอกว่าม่านไม่ใช่คนขี้โกหกก็คงไม่ใช่ ม่านกับนายหัวศิลามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน นั่นคงเป็เื่ที่เห็นได้ชัดเพราะเขาเชื่อว่านายหัวศิลาจิตไม่ปกติอย่างที่ผู้หญิงแปลกหน้าสองคนนั้นพูดจริง ๆ แต่บางทีทั้งหมดนั้นอาจเป็เพียงปัญหาในครอบครัวอย่างที่เขากับมารดากำลังเผชิญอยู่ บางทีม่านหยี่อาจไม่เดือดร้อนอะไรกับพฤติกรรมของพ่อ และสุดท้ายคือนายหัวศิลาใช้แม่ของม่านเป็เครื่องมือให้ม่านทำทุกอย่างที่มัน้า ต่อให้ประโยคนั้นออกจากปากม่านหยี่เองมันก็ยากจะเชื่อ ใจคนเรายากแท้หยั่งถึง บางทีนั่นอาจเป็เพียงคำโกหกหลอกลวงที่แต่งขึ้นมาเพื่อหลอกเขาอีกครั้งก็ได้
สุดท้ายแล้วเด็กเลี้ยงแกะอย่างม่านหยี่ก็คงจะแต่งเื่ขึ้นมาโกหกเขาอีกครั้ง มันก็เท่านั้นแหละ...
“เมื่อไหร่ไอ้รามแฟนมึงมันจะมาคุกเข่าร้องไห้ขอร้องให้มึงกลับไปกับมันวะ”
“...หึ”
“อะไร มึงหัวเราะเยาะอะไร”
“เขาไม่มาหรอก”
“เหรอ มึงรู้ได้ไงว่ามันจะไม่มา มันออกจะรักมึงขนาดนั้น” นายหัวศิลามองลูกชายที่นั่งอยู่ปลายเตียงสองมือสองเท้าเป็แผลฉกรรจ์เนื่องจากถูกโซ่เหล็กเส้นใหญ่เสียดสี ดวงหน้าจากที่เคยน่ามองตอนนี้บวมฉึ่ง เปลือกตาทั้งสองข้างบวมปิดั์ตาสีโศกเอาไว้ แก้มและริมฝีปากช้ำเืช้ำหนองและมีรอยแตก ทั้งหมดนั้นยังไม่นับรวมาแและรอยฟกช้ำที่ซ่อนอยู่ภายใต้ร่มผ้าอีกนับไม่ถ้วน เพราะในยามที่นายหัวศิลาเบื่อหน่ายหรือลูกน้องทำงานพลาดเขาก็มักจะตรงดิ่งมายังห้องของลูกชายและลงมือซ้อมลูกชายซึ่งเป็ของเล่นชิ้นใหม่ในทันที
“เขาเกลียด เขาไม่มาหรอก” ม่านหยี่จำั์ตาผิดหวังและเกลียดชังของคนรักได้ขึ้นใจ รามสูรเปลี่ยนไปแล้วและจะไม่มีวันรักเขาได้อีก
“เหรอ...ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ดีมั้ย กูจะลองตัดนิ้วมึงซักสองนิ้วแล้วส่งไปให้มัน เดี๋ยวมันก็คงจะเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ไม่ไหวต้องรีบแจ้นมาตามมึงกลับไปทันที”
เคร้งงง งงง!!!
เคร้งงง งงง!!!
เสียงโซ่กระทบพื้นด้วยเพราะม่านหยี่พยายามดิ้นรนลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับบิดา ความเย็นเยียบของโซ่เหล็กเส้นใหญ่บาดลึกเข้าไปในผิวเนื้อจวนจะถึงกระดูกของเขาความเ็ปของาแบนตัวมันเจ็บจนเริ่มทำให้ความรู้สึกชินชาเพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกเจ็บตรงไหนก่อนดี
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ อวดดีนะมึง” นายหัวศิลาหัวเราะก้องเมื่อเห็นว่าลูกชายพยายามจะพุ่งเข้ามาทำร้ายตนเองทั้ง ๆ ที่มีโซ่เส้นใหญ่ล่ามมันเอาไว้แล้วแท้
“แต่มึงนี่ใจแข็งดีนะถ้าเป็คนอื่นคงขอร้องให้กูปล่อยมึงไปแล้ว”
“..”
“หรือมึงจะลองขอร้องกู เผื่อว่ากูจะใจดีปล่อยมึงไปตายที่กลางทะเล”
“หึ...ฝันไปเถอะ”
“อืม...ถ้าอย่างนั้นลองขอร้องกูแลกกับชีวิตแม่มึงหน่อยเป็ไง เผื่อว่ามึงจะสนใจ”
ร่างบางนั่งเงียบไร้ปฏิกิริยาตอบกลับผู้เป็พ่อ นั่นทำให้นายหัวศิลาแปลกใจเป็อย่างมาก
“มึงไม่ห่วงแม่มึงแล้วเหรอ? ไม่กลัวว่ากูจะฆ่าแม่มึงเหรอ”
“...”
“มึงนี่แม่งไม่ได้เื่อย่างที่กูเคยบอกเอาไว้เลยจริง ๆ นะ แทนที่จะได้ที่ดินบนเกาะอิคุณนายรุ่งฤดีมาง่าย ๆ ได้ลูกชายมันมาด้วย แค่เื่ง่าย ๆ มึงยังทำไม่สำเร็จ โง่ ๆ ๆ ๆ ” บิดาควักปืนออกมาจากข้างเอวพลางเคาะปลายกระบอกปืนลงที่หัวของลูกชายเสียงดัง เคาะมันซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น
“ก็แล้วทำไมไม่ทำเอง อยากได้ของเขาก็ไปทำเองสิ ใครโง่กว่ากันแน่”
“หึ ปากคอเราะรายขึ้นนะเดี๋ยวนี้ ทำไม มีผัวแล้วผัวสอนให้ปากดีสู้คนงั้นเหรอ”
“...”
“หรือว่ากูควรจะส่งมึงกลับไปหามันวะ” ชายวัยกลางคนเริ่มทำท่าทางคิดหนักถ้าเขาส่งลูกชายกลับไปตอนนี้แล้วแสร้งเล่นละครตบตาอีกครั้งมันก็อาจทำให้แผนการทุกอย่างของเขากลับมาเข้าร่องเข้ารอยตามเดิมก็ได้ ที่ต้องทำตอนนี้คือยื้อชีวิตแม่ของม่านหยี่ให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะได้ใช้มันเป็ข้อต่อรอง
“เขาไม่สนใจหรอก”
“มึง...มึงหุบปาก”
บิดาเริ่มมีทีท่าอยู่ไม่สุขขาทั้งสองข้างเขย่าขึ้นลงสลับกันไปมาอย่างแรง ยิ่งไปกว่านั้นอาการที่บิดาแสดงออกมาเหมือนคนที่ไม่ได้รับยาต่อเนื่องเป็เวลานาน พ่อหันปลายกระบอกปืนเข้าหาตนเองแล้วแทะเล็มมันราวกับเด็กกำลังแทะเล็บ ม่านหยี่มองการกระทำผิดวิสัยเ่าั้อย่างเงียบ ๆ
“เื่ทั้งหมดเป็เพราะมึงคนเดียว มึงทำให้ทุกอย่างพัง และถ้ามึงไม่อยากตายหรือไม่อยากให้แม่มึงตาย มึงต้องทำตามที่กูสั่ง...”
“พ่อจะหยุดได้รึยัง?...”
“...”
“ต่อให้พ่อจะทำอะไรต่อจากนี้ มันจะไม่ได้ผลอย่างที่พ่อ้าพ่อส่งม่านกลับไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เขาไม่รักม่านแล้วและแผนของพ่อก็จะพัง มันไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างมันจบแล้ว...” รามสูรไม่มีวันจะให้อภัยเขา คุณนายรุ่งฤดีคงฝนเขี้ยวเล็บรอเอาคืนเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พี่อัสนีพี่ชายของรามก็คงจะย้ายไปอยู่ฝั่งมารดาและเตรียมลากคอเขาเข้าคุกเข้าตะรางโทษฐานที่สมคบคิดทำลายฟาร์มหอยมุก เื่ราวทั้งหมดไม่มีทางจบแบบสุขนิยมดังเช่นในนิยายไม่แม้แต่จะสำเร็จลุล่วงตามแผนที่พ่อของเขาวางเอาไว้ นั่นละความเป็จริงที่กำลังตีแสกหน้าเขาและบิดาอยู่ในตอนนี้
“ไม่จริง มึงหุบปากไปเลยนะ กูต้องใช้เวลา ใช้สมองในการคิด มึงเงียบ ชู่วววว” นายหัวศิลาพุ่งเข้าไปกำรวบกลุ่มผมของลูกชายแล้วกระชากมันให้เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเขา
“เลิกเอาเื่แม่มาขู่ได้แล้ว”
“มึงหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความอย่างที่พูด เลิกเอาเื่แม่มาขู่ได้แล้ว” ม่านหยี่กัดฟันพูดอย่างยากลำบาก
“มึง มึง...” บิดาผลักหัวเขาออกห่างจากตัวพร้อมทั้งใช้ปลายกระบอกปืนชี้หน้าหมายหัวเขาเอาไว้ราวกับไม่รู้ต้องพูดอะไรอีกต่อจากนั้น ก่อนที่จิ้งจอกเฒ่าจะเดินหายลับออกจากประตูห้องนอนของเขาไป ม่านหยี่ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เป็อีกวันที่เขายังมีลมหายใจอยู่ต่อไป
“ทำหน้าอมทุกข์อะไรขนาดนั้นวะ”
“เปล่า...”
“เมื่อไหร่มึงจะเลิกปฏิเสธแล้วเล่าเื่ทั้งหมดจากคำถามเดียวซักทีวะราม กูเป็พี่มึงนะ”
“...”
“เื่ม่านหยี่?”
“อืม”
นั่นอย่างไร เื่หนักใจสำหรับไอ้รามมันจะมีอะไรไปมากกว่าม่านหยี่อดีตคนรักของมันล่ะ ให้เดาร้อยทั้งร้อยก็คงมีแค่เื่คนนี้คนเดียว
“มันทำไม” รามสูรยังมีปัญหากับการที่เขาแทนสรรพนามม่านหยี่ว่า ‘มัน’ อยู่ อย่างนั้นมันเลยตวัดสายตามองเขาไม่เป็มิตรสักเท่าไหร่
“ก็...หลายวันที่แล้วมีผู้หญิงแปลกหน้าสองคนมาที่บ้านเรา เขารู้จักกู รู้ด้วยว่ากูกับม่านเคยคบกัน แล้วเขาก็เล่าว่าไอ้ศิลาพ่อของม่านซ้อมม่าน ทำร้ายม่าน ทำร้ายแม่ของม่านแล้วเอาเื่แม่มาขู่ใช้ม่านเป็เครื่องมือทำตามคำสั่งของมัน”
“แล้วมึงก็เชื่อ”
“กูไม่...” รามสูรไม่พูดอะไรทำเพียงถอนหายใจเท่านั้น หากจะบอกว่าไม่เชื่อนั่นก็ดูจะเป็เื่โกหก แต่ก็ใช่ว่าเขาเชื่อคนแปลกหน้าสองคนนั้นอย่างสนิทใจ มันอยู่ระหว่างเชื่อครึ่งกับไม่เชื่อครึ่งหนึ่งเสียมากกว่า
“กูไม่รู้ว่าระหว่างมึงสองคนมันเป็มายังไง แต่เขาหลอกมึงราม เขาหลอกมึงั้แ่ต้น...”
“...”
“และถ้ามึงอาจยังเห็นภาพไม่ชัดคือเขาหักหลังมึง เขาทำลายทุกอย่างที่มึงมี แค่นี้ชัดเจนพอรึยัง”
“...”
“กูเข้าใจว่ามึงอาจยังสับสนเพราะมันอยู่ใน่แผลสด แต่เชื่อเถอะครั้งนี้เขาก็คงจะหลอกมึงอีกตามเคย”
“แต่ถ้าเกิดเขาตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ ”
“มึงจะเสี่ยงชีวิตเพื่อเขางั้นเหรอ มึงก็รู้ว่านายหัวศิลามันทำอะไรบนเกาะนั่น”
“แต่ถ้ากูไม่ไป ม่านอาจจะ”
“มึงจะไปหรือไม่ไปมึงไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเพราะกูไม่ให้มึงไป ในฐานะพี่ชายกูไม่ยอมให้มึงไปเสี่ยงชีวิตเพื่อคนแบบนั้นอีกแล้ว”
“มึงแม่งโคตรไร้หัวใจเลย”
“มึงกำลังจะเริ่มเองนะราม” อัสนีพูดมีน้ำโห เขาเบื่อที่น้องชายยังคงดื้อรั้นกับความรักและยืนยันจะเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งให้กับคนพรรค์นั้น
“ก็มันจริงอ่ะ มึงเคยรักใครมั้ยวะ?”
“รักไม่รักมันไม่เกี่ยว ตอนนี้มึงกับเขาไม่ได้เป็อะไรกันแล้วและมึงจะเอาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อเขาอีกทำไม เกิดมันเป็แผนหลอกมึงไปฆ่ามึงจะทำยังไง”
“...”
“มึงไม่ต้องถามว่ากูเคยรักใครจริง ๆ มั้ย แต่มึงอ่ะเคยรักตัวเองมั้ย หรือว่ารักเขาจนโงหัวไม่ขึ้น”
รามสูรกำลังจะอ้าปากเถียงพี่ชายแต่ก็เหลือบไปเห็นมารดาที่ได้สติแล้วนั่งมองมาที่พวกเขาสองคน นั่นจึงทำให้บทสนทนาจบลงโดยปริยาย ร่างแกร่งลุกเดินไปถามไถ่อาการของมารดาหลังจากที่ย้ายมาพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมของพวกเขาแล้ว มีหมอและพยาบาลพิเศษเฝ้าไข้ตลอดระยะเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงมีแม่บ้านจากเกาะที่เขาให้ตามมาเฝ้าอีกสามคน ทุกอย่างทำให้เขาเบาใจไปได้หลายขุม รามสูรไปกลับระหว่างเกาะกับบนฝั่งเพราะเนื่องจากงานก่อสร้างเกือบจะเสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วเขาเลยต้องอยู่คุมงานในขั้นตอนสุดท้ายและคอยตรวจงานให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
ฤกษ์งานแต่งงานระหว่างเขากับม่านหยี่ผ่านพ้นมาหลายวันแล้ว และวันนั้นเองก็เป็วันเดียวกันกับวันเกิดอายุครบยี่สิบสี่ปีของม่านหยี่...เมื่อไร้ซึ่งงานมงคลสมรส ไม่มีซุ้มดอกไม้และคำอวยพรหรือการแสดงความยินดีจากคนรู้จักแล้ว เขาก็พบว่ามันก็แค่วันธรรมดา ๆ วันหนึ่ง ไม่มีอะไรพิเศษกว่าวันอื่น ออกจะแปลกไปในความรู้สึกที่ปีนี้เขาและม่านไม่ได้ฉลองงานวันเกิดด้วยกันทั้ง ๆ ที่สี่ปีที่ผ่านมาเรามีกันและกันอยู่เคียงข้างกาย
“เกิดอะไรขึ้นหนิม” หลังจากที่อยู่กินข้าวเย็นกับมารดาเรียบร้อยแล้วนายหัวรามสูรก็บอกว่าต้องขอตัวกลับเกาะในเย็นวันนั้นเพราะเขามีงานค้างที่ต้องสะสางกองเป็พะเนินรออยู่ แท้จริงแล้วเื่งานไม่ใช่ความจริงทั้งหมดมันเป็เพียงแค่ข้ออ้างที่เขายกขึ้นมาเพื่อขอปลีกตัวกลับเกาะเท่านั้น เพราะเขาสังหรณ์ใจว่ามันต้องมีเื่อะไรเกิดขึ้น
“นายคือ พี่ชัยนาย พี่ชัยตายแล้ว!!!”
“ว่ายังไงนะ?!” ร่างสูงรุดไปยังสถานที่เกิดเหตุซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยชาวบ้านและตำรวจที่มาจากฝั่ง ผู้คนเกือบสามสิบชีวิตต่างพากันทำตัวเป็ไทยมุงบ้างก็ชี้ไม้ชี้มือออกไปยังกลางทะเล
“เป็ผู้หญิงทั้งสองคนเลยครับ”
เ้าของแพหอยมุกที่เพิ่งเดินมาสมทบในที่เกิดเหตุขมวดคิ้วมุ่นทันที
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณตำรวจ”
“อ้าวนายหัวรามสูรเจอกันอีกแล้วนะครับ ทางเราได้รับแจ้งว่าเจอศพลอยอยู่ข้างกระชังหอยมุกของชาวบ้านที่กลางทะเลน่ะครับ ตอนนี้ทำการเก็บกู้เสร็จแล้ว แต่ว่าพบศพผู้หญิงอีกสองศพลอยมาติดที่บริเวณโขดหินโสโครกท้ายเกาะน่ะครับ”
“ศพผู้หญิงเหรอครับ”
“ใช่ครับ”
รามสูรเดินตามนายตำรวจใหญ่ไปบริเวณที่พบศพ ผ่านกลุ่มคนที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญกันอยู่พบว่าเป็ผู้หญิงและเด็กน้อยอีกสองคนเมียและลูกของพี่ชัยที่กำลังฟุบร้องไห้กับศพของสามีอยู่โดยรอบข้างก็มีญาติและทีมเก็บกู้ศพต่างก็มองสามแม่ลูกด้วยความเวทนา
เ้าหน้าที่ตำรวจและทีมเก็บกู้ภัยสามารถกู้ร่างที่ลอยมาติดโขดหินออกมาได้แล้วและวางศพทั้งสองไว้เคียงกัน สิ่งที่ทำให้รามสูรใคือศพทั้งสองที่เขากำลังเห็นอยู่ตอนนี้คือศพของผู้หญิงแปลกหน้าที่เมื่อหลายวันก่อนพวกเธอมาพบเขาที่บ้านและบอกเล่าเื่ราวของม่านหยี่และนายหัวศิลาให้เขาฟัง ไม่คิดว่า...
“มีรอยช้ำที่ท้ายทอยเหมือนกับศพผู้ชายคนนั้นเลยครับ”
ศพของหญิงแปลกหน้าทั้งสองมีรอยรัดที่ข้อมือและลำคออีกทั้งตำรวจยังพูดว่าพวกเธอมีรอยช้ำที่ตำแหน่งเดียวกันกับพี่ชัยอีกด้วย ดูท่าว่าสาเหตุการตายครั้งนี้คงไม่พ้นโดนทุบด้วยของแข็งทั้งสามคนและบางทีอาจเป็การฆาตกรรม ส่วนคนที่ลงมือหรือสั่งให้ลงมือฆ่านั้นอาจเป็นายหัวศิลา...
“นายหัวรู้จักผู้หญิงสองคนนี้มั้ยครับ”
“ผมไม่เคยรู้จักสองคนนี้แต่ว่าอาทิตย์ที่แล้วเธอมาที่บ้านผมแล้วเราก็คุยกันแต่ไม่ได้ยืดยาวอะไร พวกเธอเหมือนกลัวอะไรอยู่แล้วก็รีบกลับไป”
“ถ้าอย่างนั้นหลังจากเก็บกู้ศพแล้วผมขอเชิญนายหัวไปให้ปากคำที่โรงพักทีนะครับ”
“ได้ครับ”
หลังจากที่นายหัวรามสูรถูกเชิญไปให้ปากคำที่โรงพักเรียบร้อยแล้วเขาก็ต้องรีบกลับเกาะเพื่อมาร่วมแสดงความเสียใจกับพี่นกภรรยาพี่ชัยและร่วมงานฌาปนกิจศพที่จัดขึ้นในวันนี้
“พี่นกครับ ผมขอโทษที่เสียมารยาทแต่ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
“ได้ค่ะนาย นายจะถามอะไรคะ” หน่วยตาของพี่นกยังคงแดงก่ำแต่คงเป็เพราะเกรงใจเ้านายเก่าของสามีผู้ล่วงลับเธอเลยไม่ปฏิเสธที่นายหัวรามมีคำถามที่้าจะถามเธอในตอนนี้
“พี่รู้จักนายหัวศิลามั้ยครับ”
“เอ่อ...”
ชายหนุ่มสังเกตเห็นอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเธอก็พอเดาได้แล้วว่าครอบครัวพี่ชัยคงน่าจะรู้จักนายหัวศิลาและน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันอยู่พอสมควร
“ตอบมาเถอะครับ”
“รู้จักค่ะ พวกเราไปกู้หนี้ยืมสินนายหัวศิลามาก้อนหนึ่งเพื่อที่จะส่งลูกเรียน แต่ว่าไป ๆ มา ๆ หนี้มันก็เพิ่มขึ้น จนมา่นี้นายหัวศิลาเลยบอกว่าให้ไอ้ชัยมันทำงานให้แลกกับใช้หนี้ก้อนนั้น ชัยมันก็เลยรับไว้ พี่ก็ไม่รู้ว่านายใช้ให้ไอ้ชัยมันทำอะไรบ้าง แต่ก่อนวันที่มันจะตายวันนึงนายหัวโทรมาให้มันไปหาที่เกาะมันก็ไป วันถัดมามันก็ตายแล้ว”
ภรรยาเล่าเื่ทั้งหมดด้วยความโศกเศร้าเสียใจและเขาก็เชื่อว่าลึก ๆ แล้วตัวเธอเองนั้นก็พอจะรู้ว่าสาเหตุการตายและฆาตกรที่ฆ่าสามีเธอคือใคร
“เื่มันเกี่ยวกับที่ฟาร์มหอยมุกโดนวางยามั้ยครับ”
“พี่...พี่ไม่รู้หรอกค่ะนายหัว”
รามสูรนั่งคุยกับพี่นกอยู่อีกครู่ใหญ่ก่อนที่จะขอตัวกลับ จิตใจของเขาเริ่มว้าวุ่นอยู่ไม่สุขเมื่อพบว่าเื่ราวหลาย ๆ อย่างมันเริ่มจะรุนแรงขึ้น ผู้หญิงแปลกหน้าสองคนนั้นมาหาเขาได้เพียงอาทิตย์เดียวพวกเธอก็ถูกฆ่าพบกลายเป็ศพลอยมาติดอยู่ที่ท้ายเกาะ พี่ชัยที่เขาเพิ่งรู้ว่าทำงานให้นายหัวศิลาก็ถูกฆาตกรรมเช่นเดียวกันกับผู้หญิงสองคนนั้น แต่ที่น่าเป็ห่วงที่สุดคือ...
“ม่าน...”
มือแกร่งคว้าเอาเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาแล้วกดเบอร์โทรออกไปหาพี่ชายที่่นี้เขากับมันคุยกันบ่อยขึ้นกว่าเดิมมาก
“อัส กูจะไปเกาะไอ้ศิลา”
//มึงจะไปทำไม กูบอกมึงแล้วใช่มั้ย-...//
“แต่มึงก็รู้เื่ที่เกาะมีคนตายแล้วไม่ใช่เหรอวะ”
//แล้วไง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมึงซักหน่อย//
“แต่มันเกี่ยวกับม่าน มึงจำผู้หญิงสองคนที่กูเล่าให้มึงฟังได้มั้ย”
//...//
“สองคนนั้นตายแล้ว และพี่ชัยก็ตายแล้ว คนตายสามคนวันและเวลาเดียวกัน และทั้งสามคนนั้นทำงานให้ไอ้ศิลา”
//...//
“มันฆ่าคนของมันได้ มันก็ฆ่าม่านได้ กูไม่...”
//...//
“กูปล่อยให้ม่านหยี่เป็อะไรไปไม่ได้มึงเข้าใจกูมั้ย” จนตรอกถึงขั้นที่เขาต้องขอให้พี่ชายเข้าใจถึงความรักที่มีให้กับอดีตคนรัก
//...เออเดี๋ยวกูจะแจ้งตำรวจ//
“อืม”
//รู้นะว่าปืนอยู่ไหน อย่าไปคนเดียวเอาคนของมึงไปด้วย//
“อืม อย่าบอกแม่นะ”
//เออ//