เสียงโหวกเหวกโวยวายภายในห้องดังไม่น้อย เถาซื่อย่อมได้ยิน แม้ว่าจะใส่ยาให้อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ไปแล้ว แต่ยาคงยังไม่ออกฤทธิ์เต็มที่ หากลงมือตอนนี้ย่อมต้องถูกขัดขืน และมีเสียงดังออกมา
ดังนั้นไม่ว่าภายในห้องจะเป็เสียงอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ร้องะโ หรือเจียงเทียนเป่าด่าว่า เถาซื่อก็ทำเป็ไม่ได้ยิน ส่วนเจียงหลิ่วจือหายไปนานแล้ว เถาซื่อปิดประตูบ้าน ลงกลอนจากด้านใน นั่งแกะเมล็ดทานตะวันเฝ้าอยู่หน้าห้องโถง
อวิ๋นโส่วเย่ากลับมาถึงบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า เห็นประตูบ้านปิดสนิทก็รู้สึกใจคอไม่ดี ชนบทไม่ใช่ในเมือง เหตุใดต้องปิดประตูบ้านทั้งที่ยังกลางวันแสกๆ เช่นนี้?
เขาผลักประตูดู ปรากฏว่าประตูถูกลงกลอนจากด้านใน “เหลียนเอ๋อร์! เหลียนเอ๋อร์!” อวิ๋นโส่วเย่าจึงได้แต่ร้องเรียกเสียงดังลั่น “เหลียนเอ๋อร์! เหลียนเอ๋อร์! เ้าอยู่ในนั้นหรือไม่? เปิดประตูเร็วเข้า!”
เสียงของอวิ๋นโส่วเย่าทำให้เถาซื่อใแทบตกม้านั่ง แต่นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สองคนอยู่ในห้องมาพักใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่ตอนนี้อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ก็เสียชื่อเสียงไปแล้ว นางทำได้เพียงแต่งกับเจียงเทียนเป่าเท่านั้น
แต่หากบุตรชายจับได้ว่านางยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจะนับว่าเป็เื่อะไรเล่า นางอยากให้เจียงเทียนเป่าได้อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ไป แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากตกเป็แพะรับบาป
ก่อนหน้านี้เถาซื่อคิดไว้แล้วว่าจะโกหกว่าตนเองไปเข้าห้องน้ำแล้วลื่นล้มหมดสติไป ไม่รู้ว่าอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ฉวยโอกาสนี้ล่อลวงเจียงเทียนเป่า แต่ตอนนี้อวิ๋นโส่วเย่ามาทุบประตูอยู่ข้างนอก นางควรทำอย่างไรดี?
เถาซื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแข็งใจปลดกลอนประตูห้องออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ ทิ้งตัวลงนอนแสร้งทำเป็หมดสติโดยไม่สนใจว่าจะมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง
อวิ๋นโส่วเย่ายิ่งทุบประตูก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงก็พากันมามุงดู “พี่สามอวิ๋น ท่านกำลังทำอะไรอยู่?”
“เหตุใดบ้านตระกูลอวิ๋นเก่าถึงปิดประตูบ้านทั้งที่ยังไม่มืดค่ำเช่นนี้เล่า?”
“พี่สามอวิ๋น ข้าปีนกำแพงเข้าไปเปิดประตูให้เอง” กล่าวจบ ชายหนุ่มสองคนก็นำบันไดมาพาดปีนข้ามกำแพงเข้าไปในบ้านตระกูลอวิ๋นเก่าเพื่อเปิดประตู
เมื่อประตูเปิดออกอวิ๋นโส่วเย่าก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน “เหลียนเอ๋อร์!” เขาตามหาทั่วทั้งห้องของบ้านพวกเขาแต่ก็ไม่พบเหลียนเอ๋อร์
“เหลียนเอ๋อร์ เหลียนเอ๋อร์...” อวิ๋นโส่วเย่าร้อนใจยิ่งนัก บุตรสาวของเขาอยู่ไหนกัน เจียวเอ๋อร์บอกว่านางถูกเรียกตัวกลับมาที่บ้านตระกูลอวิ๋นเก่ามิใช่หรือ
ทันใดนั้น ชาวบ้านที่แวะมาปลดทุกข์เบาก็พบเถาซื่อ ชายหนุ่มคนนั้นปวดปัสสาวะจนทนไม่ไหว จึงรีบเปิดม่านห้องน้ำออกแล้วปลดเบาใส่เถาซื่อเต็มๆ
เถาซื่อสะดุ้งสุดตัว ลืมไปเลยว่าตนเองกำลังแสร้งทำเป็หมดสติ นางลุกขึ้นตบหน้าชายหนุ่มคนนั้นอย่างแรง “เ้าเด็กอายุสั้น รีบร้อนไปเกิดใหม่หรือไง บุกเข้ามาแบบนี้ได้ยังไง?”
ชายหนุ่มที่เข้ามาปลดทุกข์เบาในห้องน้ำอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี หน้าห้องน้ำไม่มีผ้าคาดเอวแขวนอยู่นี่น่า เขาก็คิดว่าข้างในไม่มีคน พอถูกเถาซื่อตบหน้าเข้าก็ใจนหยุดกลางทาง รีบดึงกางเกงขึ้นแล้ววิ่งหนีไปด้วยใบหน้าซีดเผือด
เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่ามีคนอยู่ในห้องน้ำแบบนี้ ยายแก่คนนี้ช่างมีนิสัยประหลาดนัก เหตุใดถึงมานอนหลับในห้องน้ำเช่นนี้
“ท่านแม่ เหลียนเอ๋อร์อยู่ที่ไหน?” อวิ๋นโส่วเย่าได้ยินเสียงเถาซื่อก็รีบวิ่งเข้ามาถามด้วยดวงตาแดงก่ำ
เถาซื่อจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองควรแสร้งทำเป็หมดสติ “อยู่... อยู่ในห้องข้า”
อย่างไรเสียเื่ก็เกิดขึ้นแล้ว ยิ่งมีชาวบ้านมามุงดูมากมายเช่นนี้ อวิ๋นโส่วเย่ายิ่งไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบ
อวิ๋นโส่วเย่ารีบวิ่งไปที่ห้องหลัก ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป กลิ่นคาวเืก็โชยออกมา
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ใบหน้าบวมเบี้ยวครึ่งซีก ในมือกำกรรไกรเปื้อนเืแน่น นางนั่งขดตัวอยู่บนเตียงอุ่นด้วยท่าทางหวาดกลัว สภาพผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ดวงตาทั้งสองข้างฉายแววหวาดกลัวและสิ้นหวัง
ส่วนบนเตียงอุ่นอีกด้านหนึ่งมีร่างของเจียงเทียนเป่านอนอยู่ บนไหล่มีรอยแผลถูกแทงหนึ่งแผลแต่เืหยุดไหลแล้ว
พอเห็นภาพตรงหน้าอวิ๋นโส่วเย่าก็เข้าใจทุกอย่าง หัวใจของเขาราวกับถูกมีดแหลมคมนับพันนับหมื่นเล่มกรีดแทง
“ไอ้สารเลว ข้าจะฆ่าเ้า!” อวิ๋นโส่วเย่าะโอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะพุ่งเข้าไปชกหน้าเจียงเทียนเป่าอย่างแรง ชาวบ้านที่มามุงดูเกรงว่าจะเกิดเื่ใหญ่โต จึงมีชายร่างกำยำรีบเข้าไปจับตัวอวิ๋นโส่วเย่าเอาไว้
ส่วนเถาซื่อเห็นท่าทางดุร้ายของอวิ๋นโส่วเย่าก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ นางทรุดตัวลงร้องไห้โอดครวญอยู่หน้าประตู “โธ่เอ๊ย... ข้าทำกรรมอะไรไว้หนอ แค่เข้าห้องน้ำไปไม่นาน หลานสาวก็ไปล่อลวงหลานชายข้าเสียแล้ว!”
“หลานสาวผู้น่าสงสารของข้า คงถูกเฉาซื่อแม่ใจร้ายคนนั้นสอนมาเป็แน่ อะไรดีๆ ก็ไม่สอน ดันสอนให้ไปล่อลวงหลานชายของข้า หลานสาวคนนี้ช่างทำให้วงศ์ตระกูลอับอายขายขี้หน้ายิ่งนัก! ์ เหตุใดข้าถึงน่าเวทนาเช่นนี้...”
คำพูดของเถาซื่อดังก้องเข้าไปในโสตประสาทของอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ ราวกับคมมีดกรีดแทงหัวใจของนางให้แหลกสลาย
“กรี๊ด...” เื่ราวที่เพิ่งเกิดขึ้นฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวสมองของนาง อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์กุมศีรษะ ก่อนจะวิ่งพรวดออกไป บ้านตระกูลอวิ๋นเก่าตกอยู่ในความโกลาหล
“ลุงสามอวิ๋น ไอ้สารเลวนั่นปล่อยมันไปก่อนเถิด ตอนนี้ท่านรีบไปดูเหลียนเอ๋อร์ก่อนดีกว่า เหลียนเอ๋อร์วิ่งออกไปแล้ว” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เด็กสาวตัวน้อยๆ เช่นนั้น พวกผู้ชายอย่างเขาไม่กล้าเข้าไปห้ามปรามด้วยตัวเองหรอกนะ
อวิ๋นโส่วเย่าพอจะได้สติกลับคืนมา “เหลียนเอ๋อร์... เหลียนเอ๋อร์...” เขารีบวิ่งไล่ตามออกไป พอออกไปถึงหน้าประตูก็เห็นอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์วิ่งตรงไปที่แม่น้ำที่อยู่ต้นหมู่บ้าน
“เหลียนเอ๋อร์!” อวิ๋นโส่วเย่าะโอย่างสุดเสียง ก่อนจะวิ่งตรงไปที่แม่น้ำอย่างไม่คิดชีวิต
“แย่แล้ว มีคนโดดน้ำ!” อวิ๋นโส่วเย่ายังวิ่งไปไม่ถึงก็ได้ยินเสียงร้องะโโหวกเหวกของกลุ่มสตรีที่ซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำ
ร่างกายของอวิ๋นโส่วเย่าโซเซ น้ำตาไหลพรากลงมาอาบแก้ม “เหลียนเอ๋อร์! เหลียนเอ๋อร์...”
เื่ราววุ่นวายที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า มีคนวิ่งไปแจ้งข่าวที่บ้านอวิ๋นเจียวแล้ว เด็กๆ ในหมู่บ้านต่างก็รู้ดีว่าหากมาส่งข่าวที่นายท่านรองอวิ๋นจะได้รางวัล
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฟางซื่อกับอวิ๋นเจียวก็ใจหาย เถาซื่อช่างโเี้อำมหิตเกินไปแล้ว! พวกนางรู้จักนิสัยใจคอของอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ดี นางไม่มีทางทำเื่เช่นนั้นแน่
เถาซื่อเป็ย่าแท้ๆ ของอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์แท้ๆ ไม่เพียงแต่นางจะวางแผนหลอกล่อให้อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์กลับไปที่บ้านตระกูลอวิ๋นเก่า ตอนนี้นางยังใส่ร้ายป้ายสีอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ว่าล่อลวงเจียงเทียนเป่า สตรีอำมหิต!
“แย่แล้ว อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ะโน้ำแล้ว!” ชั่วครู่ก็มีคนมาแจ้งข่าวอีก
ฟางซื่อกับอวิ๋นเจียวใ อวิ๋นเจียวรีบสั่งโม่ซ่าน “เ้ารีบไปที่ริมน้ำ ถ้าช่วยคนขึ้นมาได้แล้วก็ให้แบกกลับมาที่บ้านเรา”
“เ้าค่ะ คุณหนู”
จากนั้นอวิ๋นเจียวก็สั่งโม่จู๋ “เ้ารีบไปตามท่านหมอต้วนกลับมา เขาน่าจะยังไปไม่ไกล”
ฟางซื่อเองก็หันไปสั่งการชุนเหมยเช่นกัน “ไปอุ่นน้ำแกงไก่โสมที่เตรียมไว้ให้ฉี่ซาน แล้วต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ด้วย”
“เ้าค่ะ ฮูหยิน”
“อากุ้ย ไปตามฮูหยินสามกลับมา แล้วตามนายท่านกับคนอื่นๆ กลับมาด้วย”
“ขอรับ ฮูหยิน”
หลังจากสั่งการเสร็จ ฟางซื่อก็เดินออกจากประตูบ้านพร้อมกับอวิ๋นเจียว มองไปทางทางเข้าหมู่บ้าน ครู่ใหญ่ก็เห็นโม่ซ่านแบกอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์กลับมา โดยมีอวิ๋นโส่วเย่าและถังสุ่ยเดินตามมาติดๆ แทบจะในเวลาเดียวกัน ท่านต้วนก็ถูกโม่จู๋เชิญตัวกลับมาอีกครั้ง
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ถูกวางไว้ที่ห้องชั้นนอกของห้องอวิ๋นเจียว ท่านต้วนเห็นคนไข้หมดสติไม่รู้สึกตัวก็รีบจับชีพจรเพื่อตรวจอาการแล้วเขียนเทียบยา พร้อมกับสั่งให้เด็กชายที่ติดตามมาไปหยิบยาตามเทียบยาที่รถม้า
“ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วง ดื่มยาขับพิษออกไปก็หายดีแล้ว เพียงแต่ต้องดูแลอย่างดี! ระวังอย่าให้มีไข้ก็พอ”
“อะ… อะไรนะ? พิษหรือขอรับ?”
พอได้ยินดังนั้น อวิ๋นโส่วเย่าก็เหมือนเสือที่ได้รับาเ็พุ่งตัวออกไปคว้ามือหมอต้วนแล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ