หลังจากได้เข้าไปในเมืองร้างของแดนลับในคราวนั้น หนิงเทียนช่วยปรับรากฐานของซิ่งอวี่เจวียนขึ้นใหม่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของนางจึงพัฒนาขึ้นมาก และกลายเป็ผู้โดดเด่นในหมู่สหายร่วมสำนัก
แม้จะเป็ศิษย์หลักของสำนักชื่อหยวนปัง แต่ก็เป็เื่ยากที่จะปราบปรามนางได้หากอยู่ในระดับเดียวกัน
ซิ่งอวี่เจวียนมีเป้าหมายสองประการในการเข้าสู่แดนลับในครั้งนี้ หนึ่งคือค้นหาหนิงเทียน สองคือคว้าโอกาสในการเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนผ่าน
ขณะที่เสิ่นซินจู๋กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหนิงเทียน นางจึงติดตามมาด้วย ด้วยนางคิดว่าตนจะได้รับการคุ้มครองจากสหายร่วมสำนัก ทว่าอยู่ดีๆ นางกลับต้องเผชิญกับอันตรายโดยไม่คาดคิด
ซิ่งอวี่เจวียนะโด้วยความโกรธ และพยายามเข้าไปหาเสิ่นซินจู๋ แต่ถูกศิษย์สำนักชื่อหยวนปังขวางเอาไว้
“ยอมรับชะตากรรมเสียเถอะแม่นาง นับว่าเป็โชคของเ้าแล้วที่ข้านึกชมชอบ”
คู่ต่อสู้ของเสิ่นซินจู๋มีท่าทีหยิ่งผยอง สายตาลามกกวาดมันไปทั่วร่างกายของนาง
“ไสหัวไปนะ!”
เสิ่นซินจู๋คำราม นางได้รับาเ็สาหัสและได้แต่ต่อต้านอย่างสิ้นหวัง อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองมีมากเกินไป
เมื่อหนิงเทียนได้ยินเสียงกรีดร้อง และเห็นซิ่งอวี่เจวียนกับเสิ่นซินจู๋อยู่ในการต่อสู้ระยะประชิด ปฏิกิริยาแรกคือความสุข เขาไม่เคยคาดหวังว่าพวกนางจะมาอยู่ที่นี่
ทว่าปฏิกิริยาที่สองคือความโกรธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นว่าเสิ่นซินจู๋เต็มไปด้วยาแ และกำลังต่อต้านอย่างสุดชีวิตด้วยสีหน้าสิ้นหวัง เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็โกรธจัดในทันที
สถานการณ์ของเสิ่นซินจู๋ค่อนข้างอันตราย ศิษย์ของสำนักชื่อหยวนปังตบนางด้วยฝ่ามือข้างเดียว แรงตบคราวนี้ทำให้เืของนางหลั่งไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด จนนางไร้แรงขัดขืน
ชายคนนั้นกางนิ้วออกด้วยรอยยิ้มลามก แล้วจับหน้าอกของเสิ่นซินจู๋ด้วยดวงตาลามกอนาจาร ก่อนจะหัวเราะออกมาดังลั่น
เสิ่นซินจู๋ทั้งอับอายและโกรธเคือง นางยอมตายดีกว่าถูกทำให้ขายหน้า แต่นางก็ไม่สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้
ซิ่งอวี่เจวียนกรีดร้องด้วยความโกรธ แต่นางก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้เช่นกัน
เพลิงแห่งความเกรี้ยวกราดพุ่งสูงอย่างฉับพลันใน่เวลาวิกฤติ ทั้งยังพุ่งเข้ามาอย่างไม่คาดคิดและแปลกประหลาดมากราวกับทูตแห่งความตายมาเยือนถึงที่
ลมคำรามแฝงเจตนาฆ่าอันเยือกเย็น โอบล้อมร่างของศิษย์หลักจากสำนักชื่อหยวนปัง ทำให้รอยยิ้มลามกบนใบหน้าของเขาชะงักไปทันที
“กล้าดีอย่างไรมาทำเื่หยาบคายกับศิษย์พี่ของข้า แม้แต่ความตายของพวกเ้าทั้งสิบยังไม่พอชดใช้!”
เสียงของหนิงเทียนเ็ามาก ทันทีที่เสียงดังขึ้น หมัดอันทรงพลังก็ตกกระทบร่างชายคนนั้นอย่างแรง ชายคนนั้นปราศจากความคิดใดๆ เขาไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง ร่างก็สลายกลายเป็ฝนโลหิตไปเสียแล้ว
ครู่ต่อมา หนิงเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเสิ่นซินจู๋ แล้วโอบร่างของนางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
“ปล่อยนะ อย่าแตะต้องตัวข้า...”
เสิ่นซินจู๋กรีดร้อง นางได้รับาเ็สาหัสจนแทบสิ้นชีพแล้ว ยามนี้ทำได้เพียงดิ้นรนอย่างสิ้นหวังด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง
“ศิษย์พี่ ข้าเอง”
หนิงเทียนกอดร่างอันสั่นเทา แล้วกระซิบข้างหูของนาง
จิตใจของเสิ่นซินจู๋สั่นไหว นางรู้สึกว่าเสียงนั้นค่อนข้างคุ้นเคย เมื่อนางลองมองดีๆ นางก็ต้องหลั่งน้ำตา
“หนิงเทียน...ฮือ ฮือ...”
“ข้าเอง ไม่เป็ไรแล้ว”
หนิงเทียนปลอบนางเบาๆ รับรู้ถึงความคับข้องใจและความโศกเศร้าของนาง
พลังจิติญญาทั่วทั้งร่างพลุ่งพล่าน แล้วเจาะเข้าไปในร่างของเสิ่นซินจู๋ที่อยู่ในอ้อมแขนของหนิงเทียน
ซิ่งอวี่เจวียนที่อยู่ไม่ไกลนักซึ่งกำลังต่อสู้อย่างสิ้นหวังด้วยความโกรธจัด นางอยากช่วยเสิ่นซินจู๋ให้เร็วที่สุด แต่ทันใดนั้นนางก็เห็นร่างที่คุ้นเคยโดยไม่คาดคิด
“หนิงเทียน...”
“ระวัง!”
ซิ่งอวี่เจวียนะโอย่างตื่นตระหนก ทั้งยังเพิกเฉยต่อศัตรูของตนไปชั่วครู่
รูปแบบทางจิติญญารวมตัวกันใต้เท้าของหนิงเทียน แล้วพาเขาเคลื่อนตัวเข้าเตะคู่ต่อสู้ของซิ่งอวี่เจวียนจนกระเด็นออกไป
“เ้าอยู่ที่นี่จริงๆ”
ซิ่งอวี่เจวียนตื่นเต้นอย่างมาก เสียงที่สั่นเครือของนางทำให้เสิ่นซินจู๋ที่กำลังร้องไห้อย่างเศร้าโศกรู้สึกเขินอายขึ้นมา
“อืม ข้าเพิ่งมาที่นี่ได้สักพัก”
หนิงเทียนยิ้มอย่างเป็มิตร ขณะที่ดวงตาที่แวววาวและสดใสของเขาให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวรอบตัว
เสิ่นซินจู๋พยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนของหนิงเทียน นั่นเพราะท่าทางเช่นนี้ดูน่าอายเกินไป
“ห้ามขยับ ท่านาเ็สาหัส”
หนิงเทียนกำลังรักษาอาการาเ็ของนาง ทั้งยังเรียกซิ่งอวี่เจวียนให้มาอยู่ข้างๆ
เหตุการณ์โดยรอบในยามนี้วุ่นวายมากจนศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักร้อยบุปผาไม่มีเวลาดูแลสาวๆ ทั้งสอง พวกเขาถูกยอดฝีมือจากหลายฝ่ายทำให้ต้องกระจายตัวออกไปนานแล้ว และทุกคนกำลังพยายามดิ้นรนเพื่อตนเอง
“ซูอวิ๋นจากสำนักหานเทียนก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ดูเหมือนว่านางจะเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนผ่านแล้ว”
ทันใดนั้นคำพูดของซิ่งอวี่เจวียนก็เปลี่ยนท่าทีของหนิงเทียนไป นางนั่นอยู่ที่นี่จริงๆ!
ทันใดนั้นหนิงเทียนก็หันกลับไปและมองเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า มีเงาเคลื่อนไปมาอยู่ตรงนั้น แต่ไม่เห็นซูอวิ๋นเลย
ซิ่งอวี่เจวียนคว้าแขนของหนิงเทียนและแนะนำเขาว่า “อย่าประมาท สถานะในขอบเขตเปลี่ยนผ่านไม่ใช่เื่เล็ก ไม่จำเป็ต้องรีบแก้แค้น”
หนิงเทียนมีอารมณ์ไม่มั่นคง ในใจหวังจะรีบเข้าไปฆ่านางสุนัขตัวเมียซูอวิ๋น แต่เมื่อมองศิษย์พี่ที่ได้รับาเ็สาหัสในอ้อมแขน เขาก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
ที่นี่วุ่นวายมาก ด้วยความแข็งแกร่งในขั้นแรกของขอบเขตผนึกดารา คงเป็เื่ยากสำหรับเสิ่นซินจู๋ที่จะอยู่รอด
ในสำนักร้อยบุปผา คนที่ดูแลเขาดีที่สุดคือซิ่งอวี่เจวียน และคนที่สนับสนุนเขามากที่สุดคือเสิ่นซินจู๋ เขาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนางทั้งสองเป็อย่างแรก
“พวกเราออกไปก่อนเถอะ”
หนิงเทียนฉลาดและสงบ เขาอุ้มเสิ่นซินจู๋ไว้ในอ้อมแขน รีบพวกนางออกจากพื้นที่ต่อสู้ในทันที ยามนี้ต้องรีบรักษาเสิ่นซินจู๋ก่อน
เสิ่นซินจู๋และหนิงเทียนต่างก็อยู่ในขั้นแรกของขอบเขตผนึกดารา แต่ความแตกต่างในด้านความแข็งแกร่งนั้นราวกับคนละโลก
“ภายในเส้นลมปราณแรกของศิษย์พี่มีกระแสวังวนพลังเจ็ดแห่งควบแน่นอยู่หรือ?”
เสิ่นซินจู๋พึมพำ การที่นางสามารถเข้าสู่ขอบเขตผนึกดาราได้ ทั้งหมดนี้เป็เพราะหินิญญาที่หนิงเทียนมอบให้นางเมื่อคราก่อน
หนิงเทียนขมวดคิ้ว หลังจากมองซิ่งอวี่เจวียน เขาก็ถามว่า “ศิษย์พี่เล่า?”
ซิ่งอวี่เจวียนกล่าวว่า “ข้ามีกระแสวังวนพลังเก้าแห่งควบแน่นอยู่ในเส้นลมปราณแต่ละเส้น ซึ่งถือได้ว่าเป็จำนวนที่สมบูรณ์แบบแล้ว”
สมบูรณ์หรือ?
หนิงเทียนไม่คิดเช่นนั้น วังวนทั้งเก้าเป็เพียงมาตรฐานสำหรับคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น
จื๋อซิวบนดินแดนหยวนซิงประสบกับการล่มสลายครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ และในยามนี้วิธีการบ่มเพาะส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากหยวนซิวซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจผิด
หนิงเทียนกำลังตรวจสอบสภาพร่างกายของเสิ่นซินจู๋ เส้นลมปราณของนางบางราวกับผ้าไหม รากฐานอยู่ในระดับปานกลาง หากยังคงปฏิบัติเช่นนี้ต่อไป แม้นางจะเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนผ่านในอนาคต นางก็คงไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
รากฐานของซิ่งอวี่เจวียนนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก แต่ก็ยังห่างไกลจากการเทียบเคียงกับหนิงเทียน
“ศิษย์พี่มีรากฐานอ่อนแอเกินไป ข้าจะพยายามเสริมความแข็งแกร่งให้กับท่าน ทว่ามันอาจเจ็บนิดหน่อย ท่านต้องอดทนไว้นะ”
ดวงตาของเสิ่นซินจู๋วาวขึ้น นางรู้ว่ารากฐานของซิ่งอวี่เจวียนได้รับการเสริมความแข็งแกร่งโดยหนิงเทียน และั้แ่นั้นมาประสิทธิภาพการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
หนิงเทียนฉีดแหล่งชีวิตเข้าไปในร่างกายของเสิ่นซินจู๋ พร้อมเปิดใช้ยันต์เต๋าอนันต์ เพราะกลัวว่าเส้นลมปราณของนางจะแตกไปเสียก่อนจึงพยายามควบคุมความเข้มของการเสริมแกร่งไว้ให้มากที่สุด
นี่คือวิถีแห่งเต๋าธรรมชาติ แต่มันส่งผลต่อเสิ่นซินจู๋เพียงหนึ่งในสิบของผลกระทบที่มีอยู่เท่านั้น ทว่าเพียงเท่านี้ก็ทำให้นางอึดอัดมากแล้ว ยามนี้นางรู้สึกเหมือนเส้นลมปราณกำลังจะะเิก็ไม่ปาน
หนิงเทียนใช้ทักษะม่านตาเพื่อมองผ่านเสื้อผ้าและิัของเสิ่นซินจู๋ มองเข้าไปถึงการเปลี่ยนแปลงของในเส้นลมปราณในเนื้อหนังของนาง ในเวลาเพียงหนึ่งเค่อเส้นลมปราณของนางก็มีขนาดใหญ่ขึ้นถึงสามเท่าและยังคงขยายต่อไป
เสิ่นซินจู๋มีสีหน้าเ็ปมาก ใบหน้านางบิดเบี้ยว และส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน
ซิ่งอวี่เจวียนพูดอย่างเป็กังวล “หนิงเทียนอย่ากดดันมากเกินไป ร่างกายของเราไม่แข็งแกร่งเท่าเ้า”
“ข้ารู้ขอบเขต”
ลำธารที่ล้อมรอบร่างกายของหนิงเทียนกำลังหล่อเลี้ยงร่างกายของเสิ่นซินจู๋ ในเวลาเดียวกันเปลวเพลิงก็ลุกไหม้ น้ำและไฟเติมเต็มซึ่งกันและกัน เสริมสร้างกระดูกของนางให้แข็งแรงขึ้น
เสิ่นซินจู๋แทบตายจากความเ็ป เส้นลมปราณของนางใหญ่ขึ้นถึงห้าเท่า และผลการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ กระดูก เนื้อ และเืเพิ่มขึ้นสามเท่า
“ยามนี้ท่านต้องเริ่มหมุนวนพลัง ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งอื่นใด หากข้าไม่บอกให้หยุดท่านก็ต้องทำต่อไป”
หนิงเทียนหยิบหินิญญาออกมาหลายร้อยก้อนเพื่อเป็พลังงานให้แก่เสิ่นซินจู๋เพื่อควบแน่นกระแสพลัง
“การควบแน่นกระแสพลังต้องใส่ใจกับทักษะ วังวนพลังทั้งเก้าที่ท่านเคยคิดว่าสมบูรณ์แบบในอดีตนั้นเป็สิ่งที่ผิด ข้าคำนวณตามรากฐานของท่านแล้ว จากผลของการเปลี่ยนแปลงสามอย่าง หากท่านทำได้สำเร็จ ประสิทธิภาพการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นสิบเท่า”
จิตใจของเสิ่นซินจู๋สั่นไหว ประสิทธิภาพดีขึ้นสิบเท่า นี่ไม่น่ากลัวเกินไปหรือ?
ซิ่งอวี่เจวียนที่อยู่ด้านข้างก็ใเช่นกัน สิ่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่เหนือจินตนาการ
เสิ่นซินจู๋เริ่มมุ่งความสนใจไปที่การควบแน่นกระแสวังวนพลัง ในขณะที่หนิงเทียนให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดและให้คำแนะนำตลอดเวลา
ในขณะนี้เถาวัลย์สีเขียวแต่ละเถาทยอยกลับมาแล้ว พวกมันรวบรวมเหวนมิติมาได้นับพัน ทั้งยังมีหินิญญาอีกจำนวนมาก
ภายใต้การแนะนำของหนิงเทียน จำนวนกระแสวังวนพลังในเส้นลมปราณแรกของเสิ่นซินจู๋ก็เกินสิบสองเส้นในไม่ช้า
“ในบรรดาสามอย่าง หนึ่งกระแสวังวนพลังสามชั้น สองกระแสวังวนพลังเก้าชั้น และสามกระแสวังวนพลังยี่สิบเจ็ดชั้น...”
สตรีทั้งสองใมากเมื่อได้ยินว่ามีวังวนพลังมากมายเกินจินตนาการของพวกนาง เช่นนี้จะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนเท่าใด?
หนิงเทียนจัดหาหินิญญามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังกระตุ้นให้เสิ่นซินจู๋เร่งความเร็ว เร่งขึ้น และยังให้เร่งขึ้นอีก เขาให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับการพัฒนาเส้นลมปราณของนาง
เมื่อจำนวนกระแสวังวนพลังมาถึงสามสิบสาย การปลูกถ่ายเส้นลมปราณของเสิ่นซินจู๋ก็แสดงให้เห็นปรากฏการณ์เชิงลบอย่างยิ่ง
“อย่าหยุด ทำต่อไป”
เสิ่นซินจู๋กัดฟันยืนหยัด เมื่อจำนวนกระแสวังวนถึงสามสิบหก ทวารทั้งเจ็ดก็เริ่มหลั่งหยาดโลหิต
“อีกนิด เหลือวังวนเพียงสามแห่งเท่านั้น”
หนิงเทียนยังคงให้กำลังใจต่อไป แต่ซิ่งอวี่เจวียนกลับเต็มไปด้วยความกังวล
“จะไม่เป็ไรจริงหรือ?”
หนิงเทียนพูดอย่างจริงจัง “ขั้นตอนนี้อันตรายอย่างยิ่ง แต่เมื่อข้ามไปได้ท่านจะประสบความสำเร็จ”
สามสิบเจ็ด สามสิบแปด สามสิบเก้า เสิ่นซินจู๋ทำทุกอย่างที่ทำได้ และในที่สุดก็เสร็จสิ้นขั้นตอนที่ยากลำบากที่สุด
“ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดใช้งานหอคอยกระแสวังวน”
หนิงเทียนหยิบหินิญญาออกมาจำนวนหนึ่งพันก้อน แล้วเปิดใช้ทักษะเก้าเนตร์ เปรียบเทียบสถานการณ์ของเสิ่นซินจู๋กับสถานการณ์ของตนอย่างระมัดระวัง
“มีความแตกต่างระหว่างการก่อตัวหอคอยและหอคอยพลัง”
เสิ่นซินจู๋ดูดซับพลังของหินิญญาห้าร้อยก้อนในคราวเดียว จุดประกายการก่อตัวของหอคอยกระแสวังวนพลังในทันที ประสิทธิภาพการต่อสู้เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า คลื่นพลังงานที่เล็ดลอดออกมา ทำให้แม้แต่ซิ่งอวี่เจวียนยังต้องประหลาดใจ
การก่อตัวหอคอยวังวนพลังทำงานโดยอัตโนมัติเหมือนกับการเผาไหม้ของเตาเผา แต่ก็ยังแตกต่างจากหอคอยพลังของหนิงเทียนมาก ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
เมื่อลืมตาขึ้น เสิ่นซินจู๋ก็ส่งเสียงคำรามยาวนาน นางรู้สึกมีพลังไปทั้งตัว พลังการต่อสู้ในยามนี้อย่างน้อยก็สามารถเทียบได้กับศิษย์หลักในขั้นสี่ของขอบเขตผนึกดารา นางสามารถข้ามสามขั้นเล็กๆ เพื่อต่อกรกับคู่ต่อสู้ของตนได้แล้ว
“ช่างเป็พลังที่รุนแรงจริงๆ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
เสิ่นซินจู๋รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ซิ่งอวี่เจวียนที่อยู่ด้านข้างคว้าแขนของนางไว้ แล้วตรวจสอบสภาพของนางอย่างระมัดระวัง
“มันทรงพลังจริงๆ แต่ใช้ทรัพยากรมากเกินไป เ้าเพิ่งใช้หินิญญาไปอย่างน้อยมากกว่าสองพันก้อน”
“มากขนาดนั้นเลยหรือ?”
เสิ่นซินจู๋ตกตะลึง แม้ว่าวิธีนี้จะได้ผลเกินคาด ทว่าน่าเสียดายที่ต้องใช้ทรัพยากรมากเกินไป
หนิงเทียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สำเร็จก็ดีแล้ว ยามนี้ศิษย์พี่ก็มาลองสักหน่อยเถิด”
ซิ่งอวี่เจวียนกระตือรือร้นที่จะลองอย่างยิ่ง หากนางทำสำเร็จ ประสิทธิภาพการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นเท่าใด??
ซิ่งอวี่เจวียนอยู่ในขั้นเก้าของขอบเขตผนึกดารา การบริโภคผลึกิญญาของนางยิ่งใหญ่กว่าของเสิ่นซินจู๋มาก นางมีกระแสวังวนพลังเก้าแห่งในเส้นลมปราณ และนางต้องควบแน่นเพิ่มอีกสามสิบเพื่อสร้างหอคอยขึ้นใหม่ตามหอคอยพลัง
กระบวนการนี้กินเวลานานกว่าหนึ่งชั่วยาม เมื่อหอคอยกระแสวังวนส่องสว่าง นางก็ดูดซับพลังของหินิญญาไปมากถึงหนึ่งพันสองร้อยก้อนในหนึ่งลมหายใจ พลังของนางเพิ่มสูง ประสิทธิภาพการต่อสู้ของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งเท่า สามเท่า และห้าเท่า ซิ่งอวี่เจวียนรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด แม้ว่าจะเป็เพียงเส้นลมปราณแรกที่สร้างแนวหอคอยวังวนพลัง แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้โดยรวมก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
ซิ่งอวี่เจวียนะโอย่างตื่นเต้น ดวงตาของนางฉายแววลุกโชนสว่างจ้า
หนิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ท่านได้ก้าวไปสู่ก้าวที่สำคัญแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการคว้าทรัพยากรและฝึกฝน เหล่ายอดฝีมือมารวมตัวกันที่นี่ และพวกเขาล้วนเป็แกะตัวอ้วนพี ดังนั้นจึงสามารถถูกฆ่าอย่างโเี้ได้!”
