ซือคงเซิ่งเจี๋ยมองเขาเขม็ง ราวกับตั้งใจจะหาพิรุธบนสีหน้าของเขา ทว่าสีหน้าของเซวียนหยวนเช่อไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น มองไม่ออกถึงพิรุธอันใด เขาถอนใจเบาๆ ในใจคิดว่าศิษย์พี่จะเป็ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเยียนได้อย่างไรกัน เป็เพราะเขาอยากพบศิษย์พี่มาก ดังนั้นจึงเกิดภาพหลอน
ขณะที่ซือคงเซิ่งเจี๋ยถอนสายตากลับมา แววตานิ่งลึกของเซวียนหยวนเช่อไหววูบเล็กน้อยทว่าเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนซือคงจวินเย่ยังคงจับจ้องเฟิ่งเฉี่ยน เขาถามขึ้นด้วยความสงสัย “อาเซิ่ง ไฉนเ้าจึงมาอยู่กับฮองเฮาของแคว้นเป่ยเยียนได้เล่า เป็เพราะนางยั่วยวนเ้าใช่หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้ว นางอับจนคำพูดไปอึดใจหนึ่ง เขาเห็นนางเป็อะไร เป็หญิงลามกที่มายั่วยวนน้องชายของเขาเช่นนั้นหรือ
ซือคงเซิ่งเจี๋ยตอบตามตรง “เป็ข้าที่มาหานางเอง ข้าอยากถามนางถึงใครคนหนึ่ง”
ซือคงจวินเย่อสีหน้าเคร่งเครียดจนไม่น่าดู
เฟิ่งเฉี่ยนลุกขึ้นและยิ้มให้เขา “จินตนาการของไท่จื่อช่างมีมากมายเหลือเกิน ไม่ไปเล่านิทานช่างน่าเสียดายจริงๆ!”
ซือคงจวินเย่หน้าดำทะมึน เขากำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเซวียนหยวนเช่อเอ่ยปากขึ้นตัดบทเขาก่อน “ท่านพี่ซือคงและองค์ชายสามเป็อาคันตุกะจากแดนไกล เจิ้นได้จัดเตรียมงานเลี้ยงกลางวันเพื่อต้อนรับทั้งสองท่าน ไม่สู้ไปตำหนักชิวหวาก่อนแล้วนั่งสนทนากันที่นั่น”
สายตาของซือคงจวินเย่ยังคงจับจ้องเฟิ่งเฉี่ยนเขม็ง ผ่านไปอึดใจหนึ่ง มุมปากของเขายกขึ้นเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์ “ได้! ไม่สู้เชิญฮองเฮาและหลานเฟยเหนียงเหนียงร่วมงานเลี้ยงด้วย คนมากจะได้ครึกครื้นสักหน่อย”
เซวียนหยวนเช่อขมวดคิ้วมองไปทางเฟิ่งเฉี่ยนราวกับใช้สายตาถามความเห็นของนาง
เฟิ่งเฉี่ยนจงใจหลบเลี่ยงสายตาของเขาและใคร่ครวญจริงจัง
นางรู้ดีว่าซือคงจวินเย่มีใจคิดร้ายด้วย้ากลั่นแกล้งนาง ให้นางและองค์หญิงหลานซินร่วมงานเลี้ยง ชัดเจนเหลือเกินว่า้าให้พวกนางเป็เสือสองตัวที่อยู่ร่วมถ้ำเดียวกันไม่ได้ ส่วนพวกเขาเป็พี่ชายขององค์หญิงหลานซิน สถานการณ์เช่นนี้ย่อมไม่ส่งผลดีต่อนางอย่างเห็นได้ชัด!
หากนางไปย่อมต้องถูกสร้างความลำบากใจ หากนางไม่ไป กลับทำให้ดูเหมือนนางเกรงกลัวพวกเขา ยอมแพ้พวกเขา
ไม่ นางไม่มีทางก้มหัวให้พวกเขา ไม่มีทางให้พวกเขาดูแคลนได้!
ไปก็ไป!
อย่างมากก็แค่แก้ปัญหาไปทีละเปลาะ!
“ได้สิ!” นางตอบรับเบาๆ
เซวียนหยวนเช่อมองนางนิ่งลึก
ตำหนักชิวหวา
เสียงดนตรีบรรเลง กลิ่นหอมของสุราอบอวลไปทั่ว
งานเลี้ยงในวันนี้จัดขึ้นเพื่อต้อนรับไท่จื่อและองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานเยียน ผู้ที่ร่วมงานเลี้ยงยังมีขุนนางใหญ่หลายท่าน ในนั้นรวมไปถึงมหาเสนาบดีเฟิ่งและเสนาบดีหลี่ผู้เป็คู่อริไม้เบื่อไม้เมา
เมื่อวานบุตรสาวชนะการเดินหมากล้อม มหาเสนาบดีเฟิ่งอารมณ์ดียิ่ง วันนี้มีราชโองการแต่งตั้งพระชายาลงมาแต่เช้าตรู่ ทำให้เขาปวดศีรษะและอารมณ์บูดบึ้งอย่างที่สุด!
และความไม่สบอารมณ์ของเขา คือความสุขของเสนาบดีหลี่
“ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง วันนี้เหตุใดจึงมีสีหน้ากลัดกลุ้มเล่า คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าท่านไม่ต้อนรับไท่จื่อและองค์ชายสาม!”
มหาเสนาบดีเฟิ่งถลึงตาใส่เขา กำลังคิดจะตอบโต้ ซือคงจวินเย่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันหน้ามาพูดเสียงสูง “มหาเสนาบดีเฟิ่ง เป็เช่นนั้นจริงหรือ?”
มหาเสนาบดีเฟิ่งรีบลุกขึ้นตอบว่า “ไท่จื่ออย่าได้ฟังวาจาเลอะเลือนของใต้เท้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่มีความคิดเช่นนั้นเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”
ซือคงจวินเย่ยกยิ้มเ็าแล้วพูดเสียงหนัก “ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่งอารมณ์ไม่ดี มิใช่เป็เพราะข้า หรือเป็เพราะเื่ที่องค์หญิงหลานซินได้รับแต่งตั้งเป็พระชายา”
มหาเสนาบดีเฟิ่งสะท้านไปทั้งร่าง รู้ว่าจงใจกลั่นแกล้งเขา สะกิดาแของเขา ขณะที่เขากำลังคิดไม่ตกว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดีนั้น เฟิ่งเฉี่ยนที่อยู่บนที่ประทับพลันเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “หากว่ากันตามตรรกะของไท่จื่อแล้ว ขอเพียงมีคนไม่ยินดีหรืออารมณ์ไม่ดีล้วนเกี่ยวข้องกับเื่ที่องค์หญิงหลานซินได้แต่งตั้งเป็พระชายาทั้งสิ้นหรือ เช่นนั้นภายในวันนี้ คนทั้งหมดที่ต้องส่งศพและร้องไห้เพื่อแสดงความอาลัยล้วนต้องจับตัวมาให้หมด แล้วนำมาตัดหัวเพื่อให้ไท่จื่อระบายโทสะจึงจะถูกต้อง! แต่ข้าเป็กังวลแทนไท่จื่อเหลือเกิน ตัดหัวครั้งเดียวคงทำได้ไม่หมด ตับไตของท่าน...จะรับไหวหรือ”
“พรืด! ฮ่าๆๆๆๆ...” ซือคงเซิ่งเจี๋ยที่นั่งถัดมาจากซือคงจวินเย่เพิ่งจะดื่มสุราผลไม้ไปอึกหนึ่ง ได้ยินคำพูดของนางถึงกับทนไม่ไหวสำลักสุราออกมา เขาหัวเราะงอหงายไม่หยุด
ซือคงจวินเย่หน้าเคร่ง เขาถลึงตาใส่น้องชาย แต่ก็หักใจตำหนิน้องชายไม่ลง จึงได้แต่พูดอย่างจนใจ “น่าขันนักหรือ?”
“พี่ใหญ่ หรือไม่น่าขัน ข้าเพิ่งจะได้ยินเป็ครั้งแรกว่ามีคนเป็ห่วงตับไตของท่าน อีกทั้งยังเป็สตรีคนหนึ่ง! ฮ่าๆๆๆๆ...” ภายใต้หน้ากากสีเงิน ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะอย่างมีความสุข อาภรณ์สีขาวตัวหลวมของเขาขยับเคลื่อนไหวตามร่างที่กำลังหัวเราะของเขา ทุกๆ อิริยาบถช่างชวนมองยิ่งนัก
ซือคงจวินเย่หน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม
องค์หญิงหลานซินเห็นพี่ชายหาทางลงไม่ได้จึงยกจอกสุราขึ้นและลุกขึ้นเดินมาเบื้องหน้าเฟิ่งเฉี่ยน นางยิ้มเยือน “พี่หญิงฮองเฮา วันนี้น้องสาวได้รับความเมตตาจากฝ่าา ได้เลื่อนตำแหน่งเป็พระชายา ตามหลักแล้วควรยกน้ำชาคารวะพี่สาวจึงจะถูกต้อง ตอนนี้ขอใช้สุราแทนน้ำชาคารวะพี่สาวหนึ่งจอก หวังว่าวันหน้าพี่สาวจะดูแลน้องสาว!”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ยกจอกสุราขึ้น นางหลุบตาลงหัวเราะเบาๆ “เ้าเป็ถึงหลานเฟยแล้ว ยังต้องให้ข้าดูแลเ้าอีกหรือ หรือเ้าคิดจะมาแทนที่ แย่งชิงตำแหน่งฮองเฮาของข้า”
องค์หญิงหลานเฟยถูกย้อนกลับเข่นนี้ ดวงตางดงามนั้นกลอกไปมาแล้วปิดปากหัวเราะ “ดูพี่สาวพูดเข้า น้องสาวกล้าที่ไหนกัน”
เฟิ่งเฉี่ยนยกยิ้มมุมปากมองไปทางมหาเสนาบดีเฟิ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแฝงนัยว่า “ท่านพ่อ ตกลงท่านมีน้องสาวให้ข้ากี่คนกันแน่ เหตุใดคนในวังพบข้าล้วนเรียกข้าว่าพี่สาว”
เฟิ่งชังพูดไม่ออก มุมปากกระตุก เขากระจ่างแจ้งว่าบุตรสาวกำลังปะทะคารมกับหลานเฟย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหุบปากอย่างรู้กาลเทศะ
ดวงตางดงามขององค์หญิงหลานซินปรากฏให้เห็นความโเี้พาดผ่าน นางยังคงรักษาท่าทีสง่างามของนางเอาไว้และจงใจแสดงท่าทีเปราะบางและโอดครวญ “พี่สาวถากถางน้องสาวเช่นนี้ คงไม่ได้กำลังโมโหที่น้องสาวได้เลื่อนขั้นเป็พระชายา? นั่นเป็การตัดสินพระทัยของฝ่าา น้องสาวเพียงแค่ปฏิบัติตามราชโองการเท่านั้น หรือพี่สาวไม่พอใจราชโองการของฝ่าาเพคะ”
พูดไปพูดมากลับเบนหัวหอกไปโยนใส่เซวียนหยวนเช่อ ครั้งนี้นางคำนวณแม่นยำและเหี้ยมโหด เลือกที่จะทิ่มแทงจุดอ่อนของเฟิ่งเฉี่ยน!
ทั้งๆ ที่รู้ว่านางกำลังยุแยงตะแคงรั่ว ทว่าในหัวใจเฟิ่งเฉี่ยนยังคงเ็ปอย่างรุนแรง ราวกับถูกก้อนหินขนาดมหึมากดทับอยู่ นางแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
สายตาของเซวียนหยวนเช่อตกลงบนร่างของนางตลอดเวลาั้แ่พบกันที่ทะเลสาบ รุนแรงเช่นนั้น และไม่อาจมองข้ามได้ จ้องร่างของนางจนแทบจะเผาไหม้ แต่นางยังคงพยายามควบคุมตนเองไม่ให้หันไปมองเขา เกรงว่าเพียงแค่สบตากับเขาเพียงครั้งเดียวจะส่งผลให้นางต้องลดปราการหัวใจของตนเองทิ้ง!
ต่อมานางหันกลับไปมองเซวียนหยวนเช่อด้วยแววตาสงบนิ่งแล้วยกจอกสุราขึ้น “จอกนี้ อวยพรฝ่าา ยินดีกับฝ่าาที่มีพระชายาใหม่!”
พูดจบนางก็เงยหน้าดื่มสุราหมดจอก!
เซวียนหยวนเช่อจับจ้องมองนาง ดวงตานิ่งลึกราวกับวังน้ำวนนั้นค่อยๆ แข็งค้าง คิ้วเข้มนั้นขมวดเล็กน้อย
เขารู้ว่าเป็เพราะเื่แต่งตั้งพระชายา นางมีโทสะแล้ว แต่นี่มิใช่ความตั้งใจของเขา...
การไม่ยอมสบตาของนาง การหลบเลี่ยงของนาง เป็เช่นเข็มอันแหลมคมที่ทิ่มแทงเขาจนเ็ป
นาทีนี้ คำพูดเพียงประโยคเดียวของนางเป็เช่นมีดสั้นเล่มหนึ่งที่ปักลงมากลางใจของเขา!
เ็ปเสียจนแทบจะหายใจไม่ออก!
หรือเขาทำผิดจริงๆ ใช่หรือไม่
เขาควรอธิบายกับนางอย่างไร นางจึงจะคลายโทสะลงได้
มีคนเข้ามารายงานจากด้านนอกตำหนักในเวลานี้เอง “ทูลฝ่าา ทูตที่ราชินีอวิ๋นซูส่งมา ได้มาถึงด้านนอกประตูตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ รอให้ฝ่าาเรียกตัวเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”
คนทั้งหมดในท้องพระโรงได้ยินแล้วถึงกับตกตะลึง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้