ฉู่อี้ตื่นขึ้นมาและพบว่าเขาไม่ได้อยู่บนเตียงของตนเอง สภาพรอบด้านเงียบสงบ สงบจนเข้าขั้นผิดปกติ ดวงตาของเขาคล้ายกับถูกคลุมด้วยอะไรบางอย่าง ใบหน้ารู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอม เขาปวดหัวมากจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมาสักพักหนึ่งแล้ว
เยี่ยมมาก เขานึกขอบคุณความเงียบสงบ ณ ห้วงเวลานี้ อย่างน้อยก็ทำให้เขามีเวลามากพอที่จะคิดทบทวนเศษซากความทรงจำ
ในความทรงจำ เขากำลังจัดการประชุมบอร์ดบริหารที่ยาวนาน และเพราะว่าฉู่จื้อเฉิง ลุงของเขาเข้าร่วมประชุมด้วย ทุกอย่างจึงไม่ได้ดั่งใจเลยแม้แต่น้อย ถึงจะเรียกว่าลุง แต่ฉู่จื้อเฉิงเป็แค่ลูกบุญธรรมของตระกูลฉู่ ไม่มีสายเืตระกูลฉู่ และไม่มีสิทธิ์รับมรดก แต่เห็นได้ชัดว่าฉู่จื้อเฉิงไม่ได้คิดเช่นนั้น ดังนั้นหลังจากพ่อของฉู่อี้จากโลกนี้ไป เขาจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะแย่งบริษัทฉู่ไปจากฉู่อี้ แต่น่าเสียดายที่ฉู่อี้โดดเด่นเกินไป จนเขาสามารถเปลี่ยนบริษัทฉู่จากบริษัทจดทะเบียนให้กลายเป็เครือบริษัทข้ามชาติได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี แผนการยุยงบอร์ดบริหารให้เปลี่ยนตัวซีอีโอไม่เป็ผล แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ขัดขวางเขาจากการร่วมมือกับกรรมการไร้สมองส่วนใหญ่เพื่อสร้างปัญหาให้กับเขา บางครั้งถึงกับคิดแผนการโง่ๆ ที่ไม่ได้ผลหรือเป็ไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
เนื่องจากการประชุมกินเวลายาวนานเกิน จึงต้องพักเบรกกลางคัน เพื่อให้ทุกคนมีเวลาจัดลำดับความคิดเสียก่อน และหลังจากที่เขาออกมาจากห้องน้ำ เขาก็สูญเสียความทรงจำหลังจากนั้นไปอย่างลึกลับ ฮ่า เยี่ยมไปเลย ซีอีโอหายตัวไประหว่างประชุมบอร์ดบริหาร เขาพอจะรู้แล้วว่าลุงของเขาจะกล่าวหาเขาด้วยเื่อะไร แต่นี่มันในบริษัท แถมเป็ตอนกลางวันแสกๆ ใครมันช่างใจกล้าถึงขั้นมาลักพาตัวเขาแบบนี้? แล้วจุดประสงค์การลักพาตัวเขามาคืออะไร? ลักพาตัว? แบล็คเมล์? หรือแค่กันไม่ให้เขาเข้าร่วมประชุมบอร์ดบริหาร จะได้ตั้งข้อกล่าวหาเขาได้ ถ้าเป็กรณีนี้ เขาพอจะรู้แล้วว่าใครเป็คนทำ ถึงอย่างนั้นฉู่อี้ก็อดเศร้าไม่ได้ เมื่อคิดว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป เขาต้องมีบอดี้การ์ดติดตามไปด้วยเสมอ แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำงั้นเหรอ?
หลังจากเข้าใจเื่ราวทั้งหมดแล้ว ฉู่อี้ก็เริ่มพยายามขยับมือ ขยับเท้าของตน ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่ามีใครอยู่รอบตัวบ้าง แต่เชื่อว่าถ้ามีใครอยู่รอบๆ ตัว เพียงแค่เขาตอบสนองเหมือนกำลังตื่นอยู่ ต้องมีคนตอบคำถามของเขาแน่
เงียบ ยังคงเงียบสนิท ฉู่อี้กลับพบว่ามือและเท้าของตนถูกสิ่งที่คล้ายกับเชือกพันธนาการเอาไว้ แต่วิธีการมัดนั้นแปลกประหลาด แขนขาของเขากางออกและถูกตรึงไว้ที่ไหนสักแห่ง
ก่อนที่ฉู่อี้จะได้ทำความเข้าใจกับร่างกายและสภาพแวดล้อมไปมากกว่านี้ จู่ๆ ก็มีเสียงตัวล็อคประตูหมุนดัง 'กริ๊ก'
ฉู่อี้ไม่ได้อ้าปากยิงคำถามหรือกรีดร้อง นั่นเป็พฤติกรรมของคนโง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกลักพาตัว และจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่จำเป็ต้องตื่นตระหนกหรืออะไรทั้งสิ้น! ฉู่อี้เพียงแต่ปรับลมหายใจ แสร้งทำเป็หลับเหมือนเดิมแล้วตั้งใจฟังอยู่เงียบๆ
ประตูเปิดออกอย่างเงียบเชียบ กระแสลมวูบหนึ่งไหลผ่านเข้ามา ทำให้ฉู่อี้รู้แล้วว่าประตูถูกเปิดออก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้ตัวว่าตนไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า จากกระแสลมที่ไล้ผ่านเรือนร่างของตน ใช่แล้ว เปลือยเปล่า ล่อนจ้อน
"เขาเองเหรอ?" น้ำเสียงเรียบเฉยไร้ซึ่งความอบอุ่นใดๆ
"ใช่!" น้ำเสียงเย้าอารมณ์แต่ขี้เล่นตอบกลับ
"นายแน่ใจนะว่าเขาเหมือนทาสกามที่ไม่ยอมรับการฝึกฝน แถมยังคิดจะหนีซ้ำๆ ซากๆ?" เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เป็ที่แน่ชัดว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหาเขา
ฝึกฝน? ทาสกาม? ฉู่อี้รู้สึกอยากจะขมวดคิ้ว ที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่? แล้วคนพวกนี้เป็ใคร? เป็พวกตีนแมวเหรอ? แม้แต่เดินยังไม่มีเสียงเลย
"เหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นนะ" อีกเสียงหนึ่งอยู่ใกล้กับฉู่อี้มาก "แต่เราไม่มีสิทธิ์ถามนะเฟิงจื่อ"
"แม้แต่ครูฝึกยังมีจรรยาบรรณวิชาชีพเลย เข้าใจไหม?"
"ฉันรู้ว่านายมีจรรยาบรรณของตัวเอง แต่ว่านะเฟิงจื่อ อีกฝ่ายเขาเลือกนาย เขาเคยซื้อสัตว์เลี้ยงสองตัวที่นายเคยฝึกให้ แล้วก็พอใจกับมันมาก ถึงได้เลือกให้นายฝึกเ้าตัวนี้ไง อีกอย่างเราทำให้เขาคนนั้นขุ่นเคืองไม่ได้" น้ำเสียงยั่วเย้าเจือด้วยความใจร้อน ดูเหมือนอยากจะโน้มน้าวใจอีกคน
"นายเคยพูดไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น" น้ำเสียงยังคงเ็าอยู่เหมือนเดิม ไม่มีแววสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
"แล้วนาย้าอะไรล่ะ? เฟิงจื่อ พวกเราทำธุรกิจ เป็แค่ครูฝึก ผู้ให้ความสุขทางเพศ พวกเราไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลเื้ัลูกค้าเพื่อรู้แนวโน้มที่จะเป็ทาสกามได้ คนอย่างเขา ต่อให้ใครส่งมา หรือเขาเป็คนซื้อมาเอง หรือใครเอามาขัดดอกกับเขา เราก็ไม่มีสิทธิ์ถาม ตราบใดที่เราทำตามความ้าของลูกค้า ฝึกคนที่เขาส่งมาให้กลายเป็ทาสที่เชื่อฟัง ได้มาตรฐานก็โอเคแล้ว" ฝ่ายที่พูดโน้มน้าวเริ่มออกอาการโมโห
"หึๆๆ..." น้ำเสียงเ็านั้น ไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด แม้แต่ในเสียงหัวเราะก็ตาม ทว่าปลายนิ้วมือที่เย็นเฉียบกลับััแผงอก หน้าท้อง ต้นขา และยังเกี่ยวเข้ากับร่างกายท่อนล่างของเขาเบาๆ "โอเค เพราะฉันพอใจกับร่างกายนี้มาก ฉันตกลง..."
"เยี่ยมเลย!" อีกเสียงหนึ่งส่งเสียงเชียร์
"อย่าเพิ่งรีบดีใจไป" น้ำเสียงเ็านั้นเจือด้วยความไม่สบอารมณ์เล็กๆ ฉู่อี้เดาว่าคนคนนี้น่าจะไม่ชอบให้ใครพูดแทรก "ฉันมีเงื่อนไข"
"ว่ามาสิ" ฝ่ายตรงข้ามรู้อยู่แล้ว จึงรีบตอบรับด้วยความยินดี ตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
"หนึ่งเดือน ฉันจะฝึกหมอนี่แค่หนึ่งเดือนเท่านั้น หลังจากนั้นไม่ว่าจะฝึกสำเร็จหรือไม่ นายก็ต้องส่งเขากลับไป" หลังจากสิ้นคำพูด ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบกันไปเป็เวลานาน นานจนฉู่อี้คิดว่าทั้งคู่ออกไปแล้วซะอีก
"...ตกลง" หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงเย้าอารมณ์นั้นก็ยอมโอนอ่อนให้โดยไม่เต็มใจ "แต่ฉันไม่เขื่อว่าจะมีคนที่นายฝึกไม่ได้"
"ฮ่า ขอบคุณสำหรับคำชมครับ" น้ำเสียงแบบขอไปที คล้ายจะหัวเราะแต่ก็ไม่
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียง 'กริ๊ก' ดังขึ้นอีกครั้ง อากาศที่โลมเลียร่างกายของเขาหายไป ทำให้ฉู่อี้รู้ว่าประตูถูกปิดลงแล้ว
ไปกันหมดแล้วเหรอ? ฉู่อี้กะพริบตา แต่สิ่งที่อยู่บนเปลือกตายังคงขัดขวางไม่ให้เขาเห็นสิ่งใด
"หึๆ..." เสียงหัวเราะเบาๆ แว่วมา เป็ของผู้ที่มีน้ำเสียงเ็าสุดขั้วนั่นเอง "เลิกแกล้งหลับได้แล้ว นายตื่นนานแล้วใช่ไหม? ได้ยินไปแค่ไหนล่ะ?"
ฉู่อี้เงียบ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจับไต๋ได้ว่าเขาตื่นแล้วจริงๆ หรือแค่แกล้งลองใจ?
"ไม่ว่านายจะได้ยินไปเท่าไหร่ แต่จากนี้ไปจงยอมรับการสั่งสอนของฉันแต่โดยดีเถอะ ฉันไม่อยากทิ้งรอยแผลลบยากบนร่างการที่ได้รับการฝึกฝน และดูแลเป็อย่างดี" ขณะที่อีกฝ่ายพูด นิ้วมือของเขาก็ไล่ไปตามส่วนโค้งของร่างกายฉู่อี้จากล่างขึ้นบน จากน่องไปยังต้นขาด้านใน เลี่ยงจุดยุทธศาสตร์ไป ลากผ่านพุ่มเนินไปยังท้องน้อย ไล่ไปตามหน้าท้อง ขึ้นไปถึงกล้ามอก ใช้ปลายเล็บเขี่ยเม็ดถั่วบนเนินอกของเขาแล้วค่อยไล้ไปตามเส้นเืแดงบริเวณลำคอ จนไปสุดที่ใบหน้า จากนั้นผ้าปิดตาของฉู่อี้ก็ถูกดึงออก
ดวงตาคู่สวย แน่วแน่ ชัดเจน นอกจากจะไม่ตื่นตระหนกแล้ว ยังไม่มีแม้แต่ความสงสัยหรือความสับสนแม้แต่น้อย
ขณะที่กู้เฟิงเฝ้ามองฉู่อี้อยู่นั้น ฉู่อี้ก็มองคนตรงหน้าเช่นกัน
จะว่ายังไงดีล่ะ? รู้สึกเซอร์เรียลเป็บ้าเลย ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกถึงตัวตนหรือเป็เพราะคนคนนี้ไม่โดดเด่น ตรงกันข้าม เขาดูเจิดจ้า ผอมเพรียว สูงระหง พร้อมด้วยดวงตาและใบหน้าที่เ็า แต่จะอธิบายยังไงดี? คนคนนี้ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกเข้าไม่ถึง แตะต้องไม่ได้ ราวกับเขาอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับเหมือนไม่มีอยู่จริง พร้อมจะเลือนหายไปได้ทุกเมื่อ
แต่ไม่ว่าคนคนนี้จะเป็อย่างไรก็ไม่ใช่เื่ของเขา! ฉู่อี้พูดอย่างใจเย็น แม้ว่าเสียงของเขาจะฟังดูแหบพร่าในทีแรกที่ตื่นขึ้น แต่เขาก็พยายามฝืนพูดจนจบโดยไม่เว้นวรรค "ผมชื่อฉู่อี้ เป็ประธานกรรมการและซีอีโอของบริษัทฉู่กรุ๊ป ผมว่าพวกคุณต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆ"
อีกฝ่ายหัวเราะออกมา ซึ่งยังคงเป็เสียงหัวเราะที่เ็าเช่นเคย แต่คราวนี้ฉู่อี้เห็นรอยยิ้มของเขาแล้ว เส้นโค้งมุมปากหยักขึ้นบางๆ ช่างเป็รอยยิ้มที่ไม่มีความจริงใจเอาเสียเลย "ฉันชื่อกู้เฟิง ทุกคนเรียกฉันว่าเฟิงจื่อ จากนี้ไปฉันมีหน้าที่เป็ครูฝึกให้กับนาย ฉันจะใช้โอกาสนี้สอนบทเรียนแรกให้กับนาย สัตว์เลี้ยงไม่มีชื่อเป็ของตัวเอง อย่างน้อยก็ต่อหน้าครูฝึกกับเ้านาย นายจะมีชื่อเป็อะไรก็ได้ตามที่เ้านาย้า เข้าใจไหม?"
ฉู่อี้กัดฟันกรอด แต่ไม่พูดอะไร ถ้าบอกว่าไม่โกรธเลยก็คงจะเป็การหลอกตัวเอง อีกอย่างไม่เคยมีใครเมินคำพูดของเขาไปโดยสิ้นเชิงแบบนี้ อันที่จริง ทุกคนมักจะตั้งใจรอฟังเขาพูดก่อนที่เขาจะเอ่ยปากเสียด้วยซ้ำ แม้แต่พ่อผู้หยิ่งยโสของเขาก็ไม่เว้น เพราะเขาไม่ใช่คนช่างพูด และไม่เคยพูดเื่ไร้สาระ
"ดีมาก" กู้เฟิงตบที่แก้มของเขา เหมือนชอบที่เขาสงบปากสงบคำ "นายบอกว่าชื่อฉู่อี้ใช่ไหม? โอเค งั้นั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ฉันจะเรียกนายว่าเสี่ยวอีก็แล้วกัน หวังว่าหนึ่งเดือนต่อจากนี้ พวกเราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข"
ฉู่อี้คิดว่ากู้เฟิงจะแก้มัดแล้วพาเขาออกจากห้องด้วยซ้ำ แต่เปล่า กู้เฟิงกลับหยิบไมโครโฟนข้างประตูที่ดูเหมือนเป็อุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา และเรียกคนสองสามคนเข้ามา
ฉู่อี้ใช้โอกาสนี้สังเกตดูสถานที่ที่เขาอยู่ในปัจจุบันอย่างละเอียด แสงภายในห้องสลัว โคมไฟสลัวๆ ทั้งห้องเต็มไปด้วยอุปกรณ์แปลกประหลาด และตู้ที่เต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือหน้าตาพิลึก อุปกรณ์บางอย่างฉู่อี้พอจะรู้จัก แต่บางชิ้นเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่ามันคืออะไร
ฉู่อี้กัดฟันกรอด หัวใจเต้นถี่ ไม่ต้องสงสัยเลย ที่นี่ต้องเป็ห้องฝึกตามที่เขาว่าแน่ๆ และคนที่เรียกตัวเองว่ากู้เฟิง ก็คือครูฝึกตัวจริง ฉู่อี้เริ่มรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ นี่ไม่ใช่การลักพาตัวและขู่กรรโชกทรัพย์ธรรมดาแล้ว อย่าว่าแต่ความกังวลเื่จะถูกฆ่าตายหรือเปล่าเลย ตอนนี้เขาถูกมัดขึงพืดเนื้อตัวเปลือยเปล่า ไม่มีแม้แต่โอกาสหลบหนีด้วยซ้ำ แถมคนเดียวที่สามารถปลดปล่อยเขาไปสู่์ได้ ก็ดูจะดื้อรั้นจนเข้าขั้นน่ารังเกียจ ไม่ใช่เพราะเขาไม่ฟังคำของตน แต่เขาเห็นคำพูดของตนเป็เหมือนลมตดเท่านั้น
"ผมจะพูดอีกครั้ง ผมชื่อฉู่อี้ เป็ประธานกรรมการและซีอีโอของบริษัทฉู่กรุ๊ป ผมว่าพวกคุณต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆ" ตอนนี้น้ำเสียงของฉู่อี้หนักแน่นขึ้น แม้ว่าคำพูดจะฟังดูไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ความไม่พอใจของเขาแสดงออกชัดผ่านทางน้ำเสียงแล้ว อันที่จริง นี่เป็ครั้งแรกในชีวิตที่ฉู่อี้ต้องย้ำคำพูดเดียวกันถึงสองครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้