เล่มที่ 1 บทที่ 22 ปราณกระบี่ไท่อี๋
หลินเฟยรู้ดีหากปราณเหล่านี้หลุดจากการควบคุมแล้วล่ะก็ มันจะวิ่งพล่านไปทั่วจุดตันเถียง และไม่นานตันเถียงจะต้องถูกชนจนเป็รูแน่ๆ หากเป็เช่นนั้น ต่อให้เขาทำลายรากฐานตนเองเพื่อเริ่มใหม่อย่างไร ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเกิดผลลัพธ์ตามที่้าหรือไม่
คิดได้ดังนั้นหลินเฟยจึงไม่รอช้า พยายามอดทนต่อความเ็ปราวกับอวัยวะกำลังถูกฉีกเป็ชิ้นๆ เขาโคจรพลังปราณเข้าสยบกลุ่มปราณขาวปนทองเ่าั้ เพื่อไม่ให้มันทำลายตันเถียงได้อีก ยังดีที่ร่างกายนี้มีรากฐานค่อนข้างดี แม้จะมีขั้นบำเพ็ญแค่จู้จี แต่กลับฝึกฝนจนมีรากฐานมั่นคง สามารถต้านการทำลายของปราณเ่าั้ได้
ทว่าหลินเฟยรู้ดีว่ามันไม่ได้ยั่งยืนเพียงนั้น พลังปราณที่โคจรเข้าขวางก็ทำแค่ถ่วงเวลา หากยังคงยืดเยื้อต่อไป ก็เกรงว่าตัวเขาเองนั้นจะใช้พลังปราณไปจนหมดแน่ๆ
เวลานี้จึงได้แต่แอบเสียใจอยู่...
พลังปราณถูกใช้ไปทีละน้อย ส่วนปราณอีกกลุ่มกลับเริ่มเข้าใกล้จุดตันเถียนมากขึ้นเรื่อยๆ หยดเหงื่อมากมายผุดพรายขึ้น หลินเฟยเข้าใจสถานการณ์ดีเขาจวนจะต้านทานต่อไปไม่ไหวแล้ว เต็มที่ก็คงยื้อได้อีกเพียงสิบอึดใจเท่านั้น พลังปราณที่ก่อตัวอย่างยากลำบากคงจะถูกปราณขาวปนทองเ่าั้ชนจนแตกสลายไปหมด ถึงตอนนั้นก็อาจจะเป็เวลาตายของเขาในที่สุด...
‘ช้าก่อน ปราณสีทอง...’
‘ใช่แล้ว ไม่ลองพนันดูสักตั้งล่ะ’
ชั่วขณะที่พลังปราณกลุ่มนั้นกำลังจะพุ่งชนทำลายอยู่นั้น ก็มีห้วงความคิดหนึ่งเลื่อนผ่านภายในสมองน้อยๆของหลินเฟยเข้า ดูเหมือนหลินเฟยจะรับรู้ได้แล้วว่าตนเองพลาดที่จุดไหน...
ไม่เหลือเวลาที่จะลังเลอีกต่อไป หลินเฟยรีบคว้ากระบี่ที่ใช้ขุดดินขึ้นมา เขาไม่สนใจแล้วว่าคันกระบี่นั้นจะเปรอะดินเพียงใดก็ตาม เขารีบโคจรเคล็ดวิชาจูเถียนฝูถูใส่ไปยังกระบี่ ใช้เวลาเพียงไม่นานกระบี่ยาวในมือก็หลอมสลายกลายเป็ปราณสีทองสายหนึ่ง หลินเฟยเห็นดังนั้น จึงรีบอ้าปากกลืนกินเข้าไปอีกครั้ง...
เมื่อเทียบกับแร่ไท่อี๋ที่มีมนต์สะกดหนึ่งสายแต่กำเนิด ในส่วนของกระบี่เล่มนี้นั้น ได้ถูกสร้างจากเหล็กทั่วไปเท่านั้น เมื่อมันถูกเคล็ดจูเทียนฝูถูหลอมจนกลายเป็ปราณสีทองแล้ว ความรุนแรงของมันไม่สามารถเทียบกับปราณสีขาวทองที่เกิดจากแร่ไท่อี๋ได้เลย ไม่นานนักปราณสายนี้ก็ถูกเขาหลอมรวมเข้ากับพลังปราณของตนเอง...
จากนั้นหลินเฟยก็พบว่าได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับพลังปราณของตัวเองขึ้นแล้ว
เพราะการฝึกเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่นั้น จึงทำให้พลังปราณของหลินเฟยเกิดเป็สีขาว ทว่าหลังจากหลอมรวมปราณสีทองนั่นเข้าไป พลังปราณเดิมของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยมีสีทองปนอยู่เล็กน้อย
บ่งบอกได้ว่าเริ่มมีบางอย่างเข้ามาเจือปนในปราณของเขาเสียแล้ว
แต่หลินเฟยก็ไม่ได้มีท่าทีใ แต่กลับดีใจด้วยซ้ำ เพราะเขาได้ค้นพบว่าหลังจากหลอมรวมปราณสีทองเข้าไปนั้น ปราณสีขาวทองที่ยากจะควบคุมแต่เดิม ก็ดูสงบลงมาก...
ท่ามกลางความดีใจนี้เอง หลินเฟยรีบเอาสิ่งของที่ทำจากโลหะในตัวออกมาทั้งหมด ก่อนจะใช้เคล็ดจูเทียนฝูถูหลอมจนเกิดเป็ปราณสีทองเช่นเดิม เขากลืนกินปราณเ่าั้จนหมด ท้ายสุดก็พบว่าพลังปราณของตนถูกห่อคุ้มไปด้วยชั้นปราณสีทอง
เห็นเช่นนั้นหลินเฟยจึงปลดปล่อยเ้าปราณขาวปนทองที่เคยอาละวาด ให้หลุดออกจากการควบคุม
ทว่าผลก็คือพลังปราณขาวปนทองนั้นก็ได้หยุดชนจุดตันเถียนเสียที และทำได้เพียงลอยไปมารอบๆพลังปราณของเขาแทน
“เข้าใจแล้ว...” ในที่สุดหลินเฟยก็คิดไม่ผิดจริงๆ ว่าตนเองได้กระทำผิดพลาดอะไรลงไป หนทางการบำเพ็ญที่เคยถกเถียงกับผู้าุโจีในอดีตล้วนไม่มีจุดบกพร่องเลย แต่พวกเขาดันลืมไปอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือผู้บำเพ็ญไม่ใช่ศาสตราวุธ ปราณทั้งสองจึงเกิดการขัดแย้งขึ้นมา นอกเสียจากทำให้ปราณทั้งสองมีส่วนคล้ายกัน และยิ่งใช้ปราณของตนกดข่มรุนแรงเท่าไร ปราณอีกกลุ่มก็จะยิ่งต่อต้านรุงแรงเท่านั้น ท้ายสุดจุดตันเถียนที่เป็แหล่งรวมพลังปราณก็จะถูกชนแตกกระจาย!
วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดก็คือทำแบบหลินเฟย คือการใช้เคล็ดจูเทียนฝูถู ค่อยๆหลอมเอาโลหะธรรมดาให้กลายเป็ปราณ ก่อนจะกลืนกินเข้าไปรวมกับปราณเดิม หากทำเช่นนี้แล้ว ก็จะค่อยๆสะสมปราณสีทองมากขึ้น จนสามารถแปรสภาพปราณเดิมได้ในที่สุด จึงจะสยบปราณสีทองที่แข็งแกร่งลงได้...
“พนันถูกจริงๆด้วย...” พอเข้าใจทุกอย่าง หลินเฟยก็ไม่เหลือความกลัวอีกต่อไป เขาโคจรพลังปราณขาวปนทองของตนเอง ก่อนจะสลักอักขระแรกของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ลงไป...
หนึ่งชั่วยามให้หลัง อักขระแรกก็สลักเสร็จสิ้น...
หลังจากที่อักขระแรกถูกสลักลงไป ปราณสีขาวทองที่ลอยไปลอยมาก็สงบนิ่งขึ้นทันที
“ได้ผล!”
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หลินเฟยมั่นใจมากขึ้น ไม่รอช้าก็รีบโคจรพลังสลักอักขระที่สองลงไป...
จากนั้นก็อักขระที่สาม...
อักขระที่สี่...
หนึ่งเดือนให้หลัง หลินเฟยค่อยๆลืมตาขึ้น อักขระทั้งหนึ่งร้อยแปดชุดของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ ได้ถูกเขาสลักลงไปที่พลังปราณเรียบร้อย และพลังปราณที่เคยอยู่ไม่สุขนั้น ก็ถูกหลินเฟยหลอมรวมเข้ากับปราณตนเอง กลายเป็ปราณกระบี่ไท่อี๋
การถือกำเนิดของปราณกระบี่ไท่อี๋ และการเปลี่ยนกายเนื้อให้เป็ศาสตราวุธด้วยการชี้นำของเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถู ทำให้ร่างกายหลินเฟยเกิดมนต์สะกดขึ้นสิบแปดสาย เทียบได้กับศาสตราวุธขั้นอิงฝู ทำให้ขั้นบำเพ็ญที่ตันอยู่ในขั้นจู้จีมานาน ก็สามารถบรรลุเข้าสู่ขั้นย่างหยวน ร่างกายนั้นราวกับถูกชะล้าง รวบรวมเอาพลังจากฟ้าดินเข้ามา แม้แต่อายุขัยก็มากขึ้นนับร้อยปี
“ดูท่าหนทางนี้น่าจะไปรอด..” จนถึงตอนนี้หลินเฟยเพิ่งจะรู้สึกวางใจ ในการรอดพ้นจากเสี้ยวความเป็ความตายมาได้ นั่นก็แปลว่าเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถู ที่ต้องใช้กายเนื้อเป็ดั่งศาสตราวุธนั้นสามารถทำได้จริง และสิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือบำเพ็ญได้ถึงปราณขั้นที่เก้า ก็จะบรรลุขั้นมิ่งหวนได้ในที่สุด
แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น คงต้องหาแร่ขั้นเซียนเทียนก้อนที่สองให้ได้เสียก่อน
เพราะว่ามีเพียงแร่และเหล็กขั้นเซียนเทียนเท่านั้น เมื่อเคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูหลอมละลายแล้ว จึงจะเกิดเป็มนต์สะกด หากไม่มีมนต์สะกดเหล่านี้ ต่อให้บำเพ็ญจนได้ปราณขั้นที่เก้า กายเนื้อก็ไม่อาจหลอมเป็อาวุธขั้นหยางฝู หากเป็แบบนั้นแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงบำเพ็ญจนบรรลุขั้นมิ่งหุนอะไรนั่นเลย รับประกันได้เลยว่าไม่มีทางสำเร็จได้อย่างแน่นอน
นี่ต่างหากล่ะ…คือหัวใจของการบำเพ็ญโดยใช้กายเนื้อให้เป็ศาสตราวุธ
แร่ขั้นเซียนเทียนมีเก้าชนิด และเหล็กเซียนเทียนเองก็มีสิบแปดชนิด ทั้งหมดล้วนได้มาอย่างยากลำบากต่อให้หลินเฟยมีความรู้มาถึงสองชาติก็ตาม แต่บัดนี้เขาก็รู้แล้วว่าควรจะไปหาแร่ก้อนที่สองจากไหน ความหวังเดียวที่มีตอนนี้คือลองไปดูที่ขุมทรัพย์ลับทั้งเจ็ดแห่งที่ตาเฒ่าทิ้งไว้ ด้วยอำนาจล้นฟ้าของสำนักเวิ่นเจี้ยนในอดีต ขุมทรัพย์เ่าั้คงจะมีสมบัติขั้นเซียนเทียนไม่น้อย แต่ส่วนเื่จะพบแร่เซียนเทียนหรือเหล็กเซียนเทียนหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้วล่ะนะ...
เวลาผ่านไปอีกเดือน หลินเฟยฝึกฝนจนปราณกระบี่ไท่อี๋มีสีโปร่งใส พลังปราณของตนเองก็บรรลุขั้นที่หนึ่ง ดังนั้นรากฐานขั้นย่างหยวนของเขาตอนนี้ถือว่ามั่นคงมากทีเดียว เขาเก็บกระจกโจ่วกวงที่แตกเป็สองซีกเข้ากระเป๋า มือหนึ่งถือกระบี่ อีกมือถือตะเกียง ก่อนจะก้าวออกจากสุสานแห่งนั้น...
ภายใต้เปลวไฟชื่อหยางหลิวหลี ไอเสวียนอิงรอบๆก็พลันสลายหายไป หลินเฟยมุ่งหน้าออกจากผาน้ำแข็ง ก่อนจะเดินเลาะไปตามกระแสแม่น้ำหยิน ทว่าระหว่างทางกลับเงียบสงบอย่างน่าประหลาด
กระทั่งมาถึงผาปากเหยี่ยว หลินเฟยเงยหน้าสำรวจมองฟ้า ที่แท้ไอปีศาจเข้มข้นได้สลายไปหมดแล้วนี่เอง เห็นดังนี้หลินเฟยก็รู้สึกเบาใจขึ้นมา
“สงสัยจะมีคนมาเพิ่มความแข็งแกร่งของผนึกเสียแล้ว...”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้