“ขา! ขาของเขา!” จ้าวจือชิงมองชีเหนียงด้วยสายตาวาวโรจน์ดุจเปลวเพลิง ประหนึ่งว่าหากชีเหนียงไม่บอกความจริงกับเขา เขาจะไม่มีทางปล่อยไปอย่างเด็ดขาด
เพียงแต่ชีเหนียงเองก็รู้เื่นี้น้อยมากเช่นกัน นางส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะพูด “ใช่ว่าข้าไม่อยากบอกเ้า แต่ข้าก็รู้เื่นี้ไม่มากนัก จิ่งเฉินกับจิ่งซีก็ปิดปากเงียบไม่ยอมเอ่ยถึงเื่นี้ ทุกครั้งที่ข้าถาม หากทั้งสองไม่โกรธแค้นก็ซีดเซียวลง ข้าเห็นแล้วปวดใจยิ่งนัก ไหนเลยจะกล้าเอ่ยปากถามอีก”
ชีเหนียงพูดจบก็รู้สึกว่าท่าทีของจ้าวจือชิงดูผิดปกติ คงไม่ใช่ว่าเขารู้เื่เบื้องลึกอะไรหรอกนะ นางจึงถามอย่างร้อนใจ “หรือว่าเ้ารู้อะไรมา? เร็ว บอกกับข้าเร็วเข้า”
จ้าวจือชิงขยับริมฝีปากเล็กน้อย เื่เช่นนี้จำต้องให้ชีเหนียงรู้เื่ ไม่ว่าจะเพื่อทำให้นางตัดใจจากการรอจี้ฉงเหวินหรือเพื่อเื่อื่น แต่เขาไม่อาจจะให้นางถูกหลอกไปตลอดชีวิตแน่นอน
“ได้ ข้าจะบอกเ้า วันนี้ข้ารู้มาว่า ขาของอาเฉินที่ได้รับาเ็นั้นเกิดขึ้นเพราะถูกบิดาอย่างจี้ฉงเหวินหักเองกับมือ ซึ่งก็คือวันที่เขากลายเป็ซิ่วฉายวันนั้น!”
“เื่นี้เ้าไม่รู้จริงหรือ?”
ชีเหนียงคาดไม่ถึงว่าจะเป็ฝีมือของจี้ฉงเหวิน หัวใจของนางเหมือนถูกกระชากอย่างแรง จังหวะนั้นถึงกับต้องทุบหน้าอก
นางเอ่ยปากอย่างยากเย็น “เ้าแน่ใจนะว่าคือฝีมือของเ้าคนชั่วจี้ฉงเหวิน?”
นางกำมือแน่นและมองจ้าวจือชิง อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“เขาสมควรตาย!” ชีเหนียงขบริมฝีปากจนได้กลิ่นคาวเื นางถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่านางนั้นเกลียดชังจี้ฉงเหวินขนาดไหน จ้าวจือชิงเห็นนางเป็เช่นนี้ จึงรู้ว่าความเ็ปของชีเหนียงนั้นหาได้น้อยไปกว่าตนเองเลย
“แล้วเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้?” ชีเหนียงรู้สึกไม่เข้าใจจึงเอ่ยถามต่อ “หากเปลี่ยนเป็ครอบครัวอื่น จิ่งเฉินโดดเด่นเช่นนี้ คงมิวายจัดงานเลี้ยงฉลอง จุดธูปกราบไหว้ฟ้าดินเป็แน่ แต่นี่จิ่งเฉินกลับได้รับสิ่งตอบแทนคือการถูกหักขาและทำลายอนาคตจนหมดสิ้น!”
“เหตุใดเขาถึงได้โเี้เช่นนี้ โเี้เกินไป!” นางคว้าตัวจ้าวจือชิงแล้วถาม “ข้ารู้ว่าบุรุษผู้นั้นไม่ชอบลั่วชีเหนียง แต่หากไม่ชอบ แล้วเหตุใดตอนนั้นจึงต้องมายุ่งเกี่ยวกันด้วย เหตุใดต้องไปสู่ขอที่บ้านสกุลลั่ว ในเมื่อสู่ขอแล้วเหตุใดไม่หวงแหนให้ดี! เด็กคนนั้นก็เป็ลูกของเขา เหตุใดต้องปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงนี้? เพราะ…เพราะเหตุใด?”
ชีเหนียงตวาดถามเสียงดัง ขณะที่จ้าวจือชิงเองก็อยากบอกความจริงกับนางมาก เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ถึงเวลานั้น
เขาจึงได้แต่โอบลั่วชีเหนียงที่หัวใจแตกสลายไว้ในอ้อมกอด จากนั้นปลอบโยนนางเท่าที่จะทำได้
ทั้งสองโอบกอดกันในบ้าน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกพี่หลิวและคนอื่นๆ เข้ามาเห็นเข้า
“ว้าย!”
หม่าต้าฮัวส่งเสียงอุทาน ทำให้ชีเหนียงที่ดำดิ่งกับความเ็ปได้สติ นางรีบผละออกจากอ้อมกอดของจ้าวจือชิง เมื่อเห็นว่าเป็พวกพี่หลิว มุมปากก็เผยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้มือปาดน้ำตา
“พี่หลิว มีเื่อะไรหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงไร้ซึ่งอารมณ์ของชีเหนียง พี่หลิวเองก็ไม่สะดวกถามมากไปกว่านี้ เพียงแค่เอ่ย “ดอกไม้ป่าบนเขาออกดอกแล้ว ก่อนหน้านี้เ้าบอกว่าจะเก็บดอกไม้ต้นอ่อนที่สุดเพื่อใช้ทำน้ำปรุงกับเครื่องประทินโฉม ของที่เพิ่งได้มา่นี้ตากเรียบร้อยดีแล้ว พวกข้าเพียงแค่มาถามว่าเ้าจะทำเมื่อใด? จะให้ส่งมาเลยหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเื่นี้ ชีเหนียงก็รวบรวมสติ “วันรุ่งขึ้นดีกว่า อีกไม่กี่วันเกรงว่าคงต้องใช้แล้ว”
พูดจบก็ไม่ได้ทักทายพวกนางมากมาย พี่หลิวกลัวจะรบกวนการพักผ่อนของชีเหนียง จึงรีบพาหม่าต้าฮัวจากไป
……
“ดูแลปากของตนเองให้ดี อย่าเที่ยวพูดไปเรื่อย” พี่หลิวออกมาก็รีบกำชับหม่าต้าฮัวในเื่ที่เห็น หม่าต้าฮัวเองก็รีบรับปาก
“ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
แม้ว่าพี่หลิวเองก็อยากให้ชีเหนียงแต่งงานใหม่ แต่คู่ครองใหม่ก็ไม่ควรเป็จ้าวจือชิงนี่นา แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับกอดกันกลม โชคดีที่วันนี้คนที่เห็นคือตนเอง หากเป็ผู้อื่น เกรงว่าทั้งสองคงถูกเอาไปนินทาเป็แน่
ในใจยังคงพร่ำบ่นชีเหนียงว่า ทำอะไรก็ไม่รู้จักปิดประตูให้ดีก่อน
……
ชีเหนียงเ็ปเป็ทวีคูณ ไหนเลยจะยังใส่ใจเื่เหล่านี้ กลับกลายเป็จ้าวจือชิงที่มองดูอ้อมกอดที่ว่างเปล่า พลันรู้สึกโหยหา
“จ้าวจือชิง เื่นี้เ้าฟังมาจากผู้ใด รู้เหตุผลหรือไม่?” เมื่อชีเหนียงใจเย็นลงจึงวถามขึ้นมา เดิมทีหลายวันก่อนหน้านี้นางเองก็ได้ยินตู้ิเจวียนเชิญไปเมืองหลวง หากแต่นางยังคงลังเล
……
ซึ่งเป็ดั่งที่จ้าวจือชิงคาดคะเนไว้ก่อนหน้านี้ หยางหนิงคุมการสอบระดับจังหวัดเรียบร้อยก็จะถูกโยกย้ายไปที่เมืองหลวง ตู้ิเจวียนเล็งร้านค้าในเมืองหลวงไว้และตั้งใจจะย้ายทุกอย่างในอำเภอเฉาไปเมืองหลวงด้วย แน่นอนว่าส่วนที่อยู่ในอำเภอเฉาจะมีคนอยู่ดูแลโดยเฉพาะ นางจงใจเชิญลั่วชีเหนียงไปขยายการค้าที่เมืองหลวงด้วยกัน
“ข้าได้ยินสามีของข้าบอกว่า จิ่งเฉินเล่าเรียนดียิ่ง ช้าเร็วเขาก็จำเป็ต้องไปเมืองหลวง ถึงเวลานั้นเ้าคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไปด้วย เมื่อเป็เช่นนี้ เราสองคนพี่น้องก็มาร่วมมือกันในเมืองหลวง ไม่เท่ากับดีงามทั้งสองฝ่ายหรือ”
ตู้ิเจวียนดูออกว่าลั่วจิ่งเฉินคือบุคคลที่ไม่ธรรมดา อีกทั้งชีเหนียงเองก็เป็คนมองการณ์ไกล ส่วนนางเองก็มักจะพึ่งพาชีเหนียงอยู่ตลอด ทำให้เมื่อคิดว่าจะไม่มีชีเหนียงอยู่ข้างกายแล้วจึงขาดความมั่นใจขึ้นมา
“ข้ายังไม่ได้คิดไปไกลถึงเพียงนั้น เื่พวกนี้เอาไว้ค่อยคุยกันหลังจากจิ่งเฉินสอบเสร็จดีกว่า”
อันที่จริงชีเหนียงไม่้าไปเมืองหลวง ในเมืองหลวงมีจี้ฉงเหวินอยู่ หากนางไปจริง ไม่แน่ว่าคงต้องได้เจอกัน เมื่อถึงเวลานั้นนอกจากจะอึดอัดแล้ว หากมีคนรู้เข้า จิ่งเฉินที่อยู่ในเมืองหลวง คงต้องถูกคนประณามแน่ ด้วยเหตุนี้เดิมทีนางตั้งใจว่าหากจิ่งเฉินต้องไปปรับตัวที่เมืองหลวง ก็จะให้โจวย่าอวิ๋นกับภรรยาตามไปดูแล ส่วนตนเองก็จะอยู่ที่นี่ เพราะถึงอย่างไร แม้ว่าจะอบรมผู้ดูแลร้านไปบางส่วน แต่ก็ยังขาดนางไปไม่ได้
ตอนนี้พอได้ยินเื่จากจ้าวจือชิง นางแทบอยากจะพุ่งไปเมืองหลวงตอนนี้เสียให้ได้ จะได้ไปถามเ้าคนสารเลวว่าตกลงเพราะเหตุใด! เหตุใดต้องทำเื่ต่ำช้าเยี่ยงเดรัจฉานเช่นนี้
“ไม่รู้เหตุผล แต่ที่คนผู้ที่พูดน่าจะเป็เื่จริง”
เมื่อคนทั้งสองสนทนากันจบ หลิงชางไห่ก็กลับจากที่ไปบนเขามาพอดี ตอนนี้หลิงชางไห่กำลังเพาะปลูกสมุนไพรชนิดหนึ่งไว้บนเขาที่ชีเหนียงซื้อเอาไว้ เวลาไม่มีอะไรทำก็จะไปยืดเส้นยืดสายทำงานบนเขา เมื่อกลับมาแล้วกลับเห็นคนทั้งสองสีหน้าไม่สู้ดีหากแต่ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใดกัน
“ผู้เฒ่าหลิง ข้ามีธุระกับท่านพอดี” จ้าวจือชิงเรียกหลิงชางไห่ไว้ จากนั้นจึงเอ่ยกับชีเหนียง “เื่นี้ข้าจะจับตาดูให้ดี ไม่มีทางให้อาเฉินต้องทรมานเสียเปล่าเด็ดขาด”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อชีเหนียงได้ยินคำพูดของจ้าวจือชิงจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมา แล้วยังหวั่นไหวเล็กน้อย หากบิดาของจิ่งเฉินเป็เช่นนี้ ก็คงไม่ต้องลำบากถึงเพียงนี้
เมื่อมีความคิดนี้ออกมา ทำให้นางถึงกับสะดุ้งโหยง
นางรีบตบหน้าตนเองเพื่อเรียกสติ ความคิดเช่นนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด ส่วนที่ว่าเหตุใดถึงห้ามมี นางกลับพูดไม่ออก แต่คิดว่านี่ไม่ถูกต้อง บางทีคงเพราะนี่ไม่ใช่ร่างกายของตนเอง นางอาจแค่มาร่างกายชั่วคราวนี้ สักวันความสุขนี้ก็ต้องคืนกลับไปอยู่ดี
หลิงชางไห่ตามจ้าวจือชิงไปที่ห้อง เมื่อเห็นเขาถามถึงชิงเฉิง ขณะที่ลูบเคราก็ชะงักเล็กน้อย
“ท่านหญิงชิงเฉิงคือหญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวง ปีนี้ใกล้จะถึงวัยที่เหมาะแก่การออกเรือน เหตุใดเ้าถึงรู้จักได้?” หลิงชางไห่พูดอย่างเชื่องช้า สายตาที่มองจ้าวจือชิงไม่ค่อยเป็มิตรนัก เสียแรงที่เ้าหนุ่มนี่ยังบอกว่าอยากแต่งงานกับชีเหนียง นี่ยังไม่ทันเริ่มก็ไปคิดถึงหญิงอื่นเสียแล้ว
“ข้าจะบอกเ้าให้ นางเป็ถึงท่านหญิง มิใช่คนที่เ้าทึ่มที่รูปโฉมอัปลักษณ์อย่างเ้าจะอาจเอื้อมได้”
จ้าวจือชิงโต้กลับอย่างไม่แยแส “ไยข้าถึงต้องนึกถึงนางด้วย ข้าก็แค่อยากรู้ว่านางคือคนตระกูลใด?”
“นางคือท่านหญิง แน่นอนว่าต้องเป็เชื้อพระวงศ์ มารดาของนางคือองค์หญิงเฉาหยางที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมากที่สุด ส่วนบิดาคือเหวินหย่วนโหว สถานะและต้นตระกูลล้วนสูงศักดิ์”
“ท่านไม่จำเป็ต้องพูดให้ใหญ่โตเกินเหตุ ข้าไม่มีความสนใจในตัวท่านหญิงชิงเฉิงอะไรนั่นแม้แต่น้อย”
“ไม่สนใจ แล้วเ้าจะสืบเื่นางเพื่ออะไร?”
“เื่นี้ท่านไม่ต้องยุ่ง”
-----