เมื่อพูดถึงอวิ๋นอี้ หรงซิวก็เต็มไปด้วยความโกรธ
ยิ่งความโกรธมากเท่าใด พลันยิ่งดื่มมากขึ้นเท่านั้น
หรงหลินที่อยู่ข้างๆ มองอย่างตะลึง “ท่านพี่ เป็กระไรก็พูดสิพ่ะย่ะค่ะ! พูดออกมาแล้วเราจะได้หาทางกัน ท่านดื่มคนเดียวเช่นนี้จะแก้ปัญหากระไรได้หรือ?”
ดื่มเหล้าแก้ไขปัญหามิได้ ทว่าดื่มเยอะจะทำให้กล้า กล้าแล้วเื่กระไรก็พูดออกมาได้
หรงซิววางจอกเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรง วินาทีถัดมาพลันดึงแขนของหรงหลิน เริ่มหน้าบึ้งเล่าความ
“เ้ามิรู้หรอกว่าพี่ชายของเ้าอย่างข้าต้องใช้ชีวิตอย่างไร!”
“สตรีผู้นั้นเป็สตรีบ้า! นาง้าหย่ากับข้าจริงๆ!”
“มีที่ใดกันที่สตรีขอหย่าสามี? ข้ายังเป็ถึงองค์ชายอีกด้วย เื่แพร่ออกไปมิขายขี้หน้าตายเลยหรือไร!”
“อย่างไรข้าก็ไม่ตกลง!”
“ให้ตายข้าก็ไม่เห็นด้วย!”
“อยากหย่ากับข้าเพื่อไปหาบุรุษผู้อื่นะสิ! ฝันไปเถิด! ฝันให้หัวโตไปเลย!”
ยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์ขึ้น อารมณ์ที่กว่าจะสงบลงก็เพิ่มสูงขึ้นอีกครา คว้าหม้อเหล้ามาแล้วดื่มไปอีกสองอึก
จากการโวยวาย หรงหลินเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว
เขาใและถามอย่างไม่แน่ใจ “ท่านพี่สะใภ้จะหย่ากับท่านหรือ?”
“ได้เพียงคิดนั่นแหละ!” หรงซิวพูดอย่างโกรธจัด “เข้ามาในจวนข้าแล้ว ทั้งชีวิตนี้ต้องเป็ของข้า ตายไปก็ต้องเป็ผีของข้า! ใช่! ล้วนเป็ของข้า!ชาตินี้นางอย่าได้คิดหนีเชียว!”
“พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ” หรงหลินพูดตามน้ำเขาไป “ท่านพี่ เหตุใดพระชายาอยากจะหย่าเล่าพ่ะย่ะค่ะ? ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของพวกท่านดีนี่ มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? หรือว่าจะเป็เพราะ...”
เขากลอกตาไปมาแล้วพูดชื่อของหว่านฉือออกมาเบาๆ
หรงซิวพยักหน้าอย่างโกรธเคือง ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด "ั้แ่วันที่ไปเล่นว่าวนั่น สตรีผู้นี้ก็หาเื่ข้ามิได้หยุด”
“วันนั้นยังดีอยู่เลยมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? ข้าว่าพระชายายังใจกว้าง หว่านฉือเกิดเื่ ยังให้ท่านอยู่ดูแลนาง หากเป็ชายาข้า เกรงว่าจะหักขาข้าไปแล้ว” แน่นอนว่าหรงหลินจำได้ชัดเจน ตอนนั้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอวิ๋นอี้ เขาประหลาดใจจนตาแทบจะถลน
หรงซิวหัวเราะเย้ย “นางมิได้หักขาของข้า ทว่านางกลับตัดความสุขของขาที่สามของข้าไปแล้ว”
“......”
หรงหลินหัวเราะและรินชาให้เขา “ท่านพี่ ดื่มชาดึงสติหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวแสร้งทำเป็มิได้ยิน คว้าจอกเหล้าอีกจอกแล้วดื่มอย่างเศร้าสร้อย
เขาไม่พูด หรงหลินที่เป็เสนาธิการหัวหมา [1] พูดด้วยการคาดเดาที่ไม่มั่นใจ “ท่านพี่ เท่าที่ข้ารู้ พระชายาคงมิได้โกรธเพียงเพราะเื่นั้นนะพ่ะย่ะค่ะ ข้าได้ยินมาว่า ท่านไปจวนหว่านฉือมา มิได้กลับบ้านเลยทั้งคืน”
“เ้ารู้ได้อย่างไร?” หรงซิวเลิกคิ้ว “สตรีบ้านั่นพูดหรือ?”
“หยุดเลยพ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจผิด หรงหลินอธิบายอย่างรวดเร็ว “พระชายามิได้โง่เช่นนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าผู้ใดพูด ทว่าท่านเป็ถึงองค์ชาย มีคนเฝ้าดูอยู่ทุกย่างก้าวมิรู้หรืออย่างไรกัน?”
หรงซิวถูกเขาจ้องมองอย่างไม่สบายใจ เขาขมวดคิ้วยอมรับ "ใช่ ข้าอยู่ที่จวนหว่านฉือวันหนึ่ง ทว่ามิได้ทำกระไรทั้งสิ้น"
“แน่นอนว่าข้าเชื่อว่าไม่มีกระไร ทว่าคนภายนอกมิรู้นี่สิพ่ะย่ะค่ะ” หรงหลินพูด “ยกตัวอย่างพระชายา นางมิรู้ และนางดูออกว่าความสัมพันธ์ของท่านกับหว่านฉือไม่ธรรมดา นี่ไม่พอให้นางคิดมากหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“คิดมากแล้วจะปรักปรำข้าได้เช่นนั้นหรือ?” ฤทธิ์เหล้าเต็มหัวหรงซิว “ข้า... ข้ามีความรู้สึกอย่างไรกับนาง นางรู้สึกมิได้หรือ?”
“หากพูดถึงเื่ความรู้สึก ท่านพี่ ข้าจำเป็ต้องเตือนท่าน” หรงหลินน้ำเสียงจริงจัง “ข้ารู้ว่าท่านเป็คนรักเดียว ดังนั้นระหว่างหว่านฉือกับพระชายาท่านจำเป็ต้องเลือกเพียงหนึ่งคน หากท่านยังเป็เช่นนี้ต่อไป ลังเล สับสน อยากเก็บไว้ทั้งสองคน ท่านอาจจะต้องเสียทั้งสองไปในที่สุด”
“เลือกเพียงหนึ่งหรือ?” หรงซิวเหนื่อยเล็กน้อย เขาเอามือหนุนหัว มองไปด้านข้าง แล้วถามเบาๆ "เลือกอย่างไร?"
หรงหลินเก็บใบหน้ายิ้ม พูดแนะนำจริงจัง “ข้าคิดว่าท่านเลือกหว่านฉือจะดีกว่า พวกท่านเคยมีความรักต่อกัน เพราะว่าแผนการการแก้แค้นจึงทำให้การอภิเษกของพวกท่านล่าช้าไป ทั้งยังในเวลานั้นหว่านฉือยังป่วยหนัก จะเป็หรือจะตายเป็ปัญหาใหญ่ ทว่าในเมื่อเพลานี้มิเป็เช่นนั้นแล้ว นางกลับมาแล้ว ใช้โอกาสนี้ ในเวลาที่ท่านกับพระชายากำลังมีปัญหากัน อภิเษกหว่านฉือเข้าจวนเลยสิพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากหยุดไปสักพัก เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบ หรงหลินจึงพูดต่ออย่างจริงใจว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับพระชายาเป็เพียงการแสดง ส่วนสาเหตุการตายของบิดาท่าน เชื่อว่าอีกไม่นาน น้ำจะลดตอจะผุด หากเป็อวิ๋นเส่าต้าวที่ทำจริงๆ ดังนั้นนางจะกลายเป็ลูกสาวของศัตรู หากท่านเลือกพระชายาเล่า ในคราที่ท่านจัดการกับบิดาของนาง จะเผชิญหน้านางได้อย่างไร? หากนางได้รับรู้เื่ที่ท่านทำ ท่านยังคิดว่านางจะอยากอยู่เคียงข้างกายท่านหรือไม่? ถึงแม้นางจะยังอยู่ข้างกายท่าน ท่านจะวางใจนอนหมอนเดียวกันกับนางได้อีกหรือ?”
หรงซิวฟังแล้วหัวเราะเบาๆ
ั์ตาลึกของเขาถูกย้อมด้วยชั้นของสีแดงเืนก เมื่อเขายิ้ม ดวงตาของเขาพลันหรี่ลงเล็กน้อย ดูเกียจคร้านและสบาย
หรงหลินงุนงง “ท่านพี่?”
เขาเปลี่ยนท่าทางและโบกมืออย่างสง่างาม “เ้าพูดต่อสิ ข้าอยากฟัง”
หรงหลินรู้สึกว่าเขาผิดปกติไป ราวกับกำลังปิดกระไรบางอย่างไว้ ทว่าการคาดเดาไม่ง่ายเลย จึงทำได้เพียงพูดต่อว่า “ข้ารู้ว่าท่านกับพระชายามีความรักกันแล้ว ทว่าความสัมพันธ์นี้อาจเป็แค่ภาพลวงที่เกิดขึ้นขณะแสดงได้ ใช้โอกาสตอนนี้ที่ยังรู้สึกกับนางไม่มาก รีบถอนตัวออกจะดีกว่า จะช่วยลดปัญหาในอนาคตอีกด้วย”
เขาพูดจบก็มองหรงซิว
บุรุษหนุ่มนั่งพิงพนักเก้าอี้ มือข้างหนึ่งวางไว้้า อีกมือหนึ่งโบกจอกเหล้าเบาๆ
ข้อต่อนิ้วของเขาชัดเจน การเคลื่อนไหวช้า คิ้วที่งดงามราวภาพวาดของเขา ท่าทางที่มีเสน่ห์ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเป็ที่น่าพอใจ
ทันใดนั้น มือของเขาสั่นและเหล้าไหลออกมา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้ววางจอกเหล้าลงบนโต๊ะ
“ท่านพี่?”
“การแสดงหรือ? เหอะ” เขากระตุกมุมปากของเขา “ข้าจริงใจกับนางจนจะมิรู้จะจริงใจอย่างไรแล้ว”
“ท่านพี่หมายความว่า…”
หรงซิวเงยหน้าขึ้นทันใด ั์ตาสีเข้มจ้องไปที่ใบหน้าของเขา “ถ้าสิ่งที่ข้าทำก่อนหน้านี้ทำให้เ้าเข้าใจความรู้สึกของข้าที่มีต่ออวิ๋นอี้ผิดไป เช่นนั้นจากนี้ก็จำไว้ให้ดี ข้าจะมีเพียงนางเท่านั้น ข้ามีเพียงอวิ๋นอี้คนเดียว ส่วนหว่านฉือ อดีตผ่านพ้นไปแล้วก็ให้ผ่านไป ครานี้ข้าจะถือว่าเ้ามิรู้ความ จึงขอเตือน หากมีคราหน้า อย่ามาโทษว่าข้าทำเป็มิรู้จักเ้าก็แล้วกัน”
หรงหลินยอมรับว่าคำพูดของเขาค่อนข้างไร้มนุษยธรรม ทว่า...
เขาพยักหน้าและพูดเสริม “แล้วสาเหตุการตายของบิดาท่าน เื่นี้ยังต้องสืบต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ท่านยังอยากจะแก้แค้นอีกหรือไม่?"
ความหงุดหงิดในใจหรงซิวขึ้นมาอีกครา เขาพูดอย่างลวกๆ ว่า “เื่นั้นข้ามีขอบเขตของตนเอง ข้าจะแยกแยะความรักกับความชัง เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับนาง ดังนั้นข้าจึงจะตรวจสอบอีกครา ผู้คนหรือเื่ที่เกี่ยวข้อง ข้าจะลงไปตรวจสอบเอง”
เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่เป็ระเบียบชัดเจนของเขา หรงหลินทำกระไรมิได้นอกจากจะต้องเห็นด้วย
“จริงสิ” หรงซิวเรียกเขาไว้ “เื่ที่จะอภิเษกกับหว่านฉือเ้ามิต้องพูดแล้วนะ แม้ว่าข้าจะมีเื่ขัดแย้งกับนาง ทว่าข้าไม่เคยคิดจะหาคำปลอบโยนจากบุคคลที่สาม”
“ข้าพูดอย่างมิสมควรเองพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากสะสางเื่เสร็จ หรงซิวพลันมิมีอารมณ์ดื่ม ตอนนี้เขาอยากเจอหญิงสาวตัวน้อยที่น่าหงุดหงิดผู้นั้นมาก เขาจึงลงไปชั้นล่างเพื่อจะกลับบ้าน
ทว่ามิคิดเลยว่าทันทีที่ก้าวลงบันไดไป จะได้ยินหลายคนคุยกันอย่างกระตือรือร้นในโถงของร้านอาหาร
เนื้อหาที่พูดกันคือเื่ที่หรงซิวมิได้กลับบ้าน
ในฐานะผู้อยู่ในเหตุการณ์ เขาหยุดชั่วขณะหนึ่งเพื่อ้าฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูด
สุดท้ายยิ่งฟังก็ยิ่งขมวดคิ้ว พูดอยู่นานไปจนพูดถึงเื่บนเตียงของเขากับหว่านฉือ
หรงซิวกลอกตาขาวอย่างโกรธจัด พูดไร้สาระกระไรกัน! นี่มันบ้าไปหมดแล้ว ไร้เหตุผลไร้แก่นสารเสียจริง! ไม่มีกระไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับหว่านฉือ!
หรงหลินมองดูท่าทางเศร้าโศกและหมดหนทางของเขาก็เดินก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข “ท่านพี่ ทำสิ่งใดต้องคิดให้รอบคอบนะพ่ะย่ะค่ะ เพลานี้รู้สึกเสียใจแล้วใช่หรือไม่? ข่าวลือนั้นน่ากลัวมากนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เชิงอรรถ
[1] เสนาธิการหัวหมา 狗头军师 หมายถึง คนที่ชอบพูดออกความเห็น แต่ความเห็นนั้นไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้