หญิงค้าทาสเป็คนฉลาด พูดจาไพเราะยิ่งนัก แม้หรูเยียนจะอยู่ข้างๆ ก็พูดให้ทั้งสองฝ่ายพอใจได้
ซ่งอวี้ยิ้มแล้วขานตอบ แกล้งทำเป็เลือกผู้คุ้มกันจากห้าสิบคนในลานกว้าง สุดท้ายยังถามสองสามคำถาม เช่นชื่อและเชื้อชาติของพวกเขา
"เรียนคุณหนู พวกเราสองคนเป็ฝาแฝดกัน ร่ำเรียนวรยุทธ์ด้วยกันมาั้แ่เด็ก ครั้งนี้เป็เพราะเกิดาขึ้นที่ชายแดน พวกเราเสียทั้งที่นาและบ้านเรือน จึงจำเป็ต้องออกมาทำงานเลี้ยงชีพขอรับ"
คนที่ตอบคำถามซ่งอวี้คือหรงต้า ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน หรงต้าเป็ผู้นำ หลังจากซ่งอวี้แสร้งเปรียบเทียบแล้ว สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกซื้อหรงต้าและหรงเอ้อร์
เมื่อครู่ตอนที่หรูเยียนจะซื้อตัวหรงต้าและหรงเอ้อร์ ทั้งคู่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น ครั้งนี้ถึงคราวซ่งอวี้จะซื้อ หญิงค้าทาสก็กลัวว่าพวกเขาจะปฏิเสธอีก ทว่าวินาทีต่อมานางก็เห็นหรงต้าและหรงเอ้อร์ตอบตกลงทันที
ปิดการค้าขายได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ หญิงค้าทาสดีใจยิ่งนัก ซ่งอวี้ที่พาคนกลับเรือนอย่างถูกต้องก็ดีใจเช่นเดียวกัน มีเพียงคนเดียวที่ไม่สบอารมณ์ คือหรูเยียนที่อยากจะซื้อตัวหรงต้าและหรงเอ้อร์ในตอนแรก แต่กลับถูกทั้งสองคนปฏิเสธกระมัง
สายตาของหรูเยียนเฉียบแหลมยิ่งนัก นางมองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าทั้งสองคนฝีมือดี ดังนั้นจึงอยากจะซื้อตัวกลับไป คนที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็อย่างดีเช่นนี้ วันข้างหน้าต้องช่วยงานได้เป็อย่างดีแน่นอน
แต่สุดท้ายหรูเยียนกลับถูกปฏิเสธ ทำให้นางอับอายขายหน้ายิ่งนัก
พอหรูเยียนเห็นซ่งอวี้หมายตาชายทั้งคู่เช่นเดียวกับตน ตอนแรกยังดีใจคิดว่าจะได้เห็นซ่งอวี้เสียหน้าต่อหน้านาง แต่สุดท้ายชายทั้งสองกลับไม่ปฏิเสธ ทั้งยังตอบตกลงทันที
เ้าว่าน่าโมโหหรือไม่?
หรูเยียนโมโหจนจมูกเกือบจะเบี้ยวอยู่แล้ว มือทั้งสองข้างขยำผ้าเช็ดหน้าแน่น จนแทบจะฉีกผ้าเช็ดหน้าเป็ชิ้นๆ
ซ่งอวี้เป็ที่ชื่นชอบถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ท่านอาจารย์ที่นางอยากฝากตัวเป็ศิษย์ไม่เลือกนาง แต่กลับเลือกซ่งอวี้ ผู้คุ้มกันที่นางอยากซื้อ ปฏิเสธนาง แต่กลับตอบตกลงซ่งอวี้ ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายเพิ่งพบเจอกันไม่นาน เวลาเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป หรูเยียนก็เกลียดชังซ่งอวี้เข้ากระดูกแล้ว นางอยากจะให้ซ่งอวี้หายตัวไปซะ
หรูเยียนมองไปที่ซ่งอวี้ปราดหนึ่ง ความเกลียดชังในแววตาฉายออกมาอย่างชัดเจน 'เ้าอย่าเพิ่งลำพองใจไป สักวันหนึ่งข้าจะทำให้เ้าร้องไห้ไม่ออก!’
หลังจากนั้นหรูเยียนก็หมุนตัวหันหลังเดินออกไป ผู้คุ้มกันที่ก่อนหน้านี้อยากจะซื้อก็ไม่ซื้อสักคนแล้ว
ไม่ว่าเวลานี้อารมณ์ของหรูเยียนจะเป็เช่นไร แต่ซ่งอวี้อารมณ์ดียิ่งนัก ถึงแม้ว่าระหว่างการซื้อขายจะมีอุปสรรคเล็กน้อย แต่อย่างน้อยคนที่อยากซื้อก็ซื้อกลับเรือนได้สำเร็จ นางเองก็สามารถดำเนินแผนการของตนได้แล้ว
ตอนที่แยกกับท่านจ้าว เขายังขอร้องอย่างอ้อมค้อมว่าอยากจะเจอหน้าหรงจิ่ง ทว่าก็ถูกซ่งอวี้ตอบกลับด้วยความหนักแน่นเช่นเดิม
นางไม่อยากประมาทเพียงครู่เดียว แล้วสร้างหายนะให้กับตนเอง
สำหรับหรงต้าและหรงเอ้อร์ ยามอยู่กับซ่งอวี้พวกเขาเงียบและเ็าอย่างมาก ระหว่างทางกลับเรือนก็ไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียว ส่วนสีหน้านั้นเรียกได้ว่าเคร่งขรึม
ซ่งอวี้รู้สึกปวดหัวกับท่าทางเช่นนี้ อย่างน้อยก็เป็นายและบ่าวในนาม แกล้งทำเป็เคารพและเชื่อฟังกันสักหน่อยไม่ได้หรือ? หากพากลับไปเช่นนี้ ผู้อื่นต้องเห็นพิรุธอย่างแน่นอน
หลังจากคิดเช่นนั้น ซ่งอวี้จึงพูดถึงความปลอดภัยของหรงจิ่ง ให้ข้อคิดอันลึกซึ้งแก่หรงต้าและหรงเอ้อร์
เขียนเสือให้วัวกลัวได้ผลจริงๆ เมื่อได้ยินว่าการวางตัวของตนจะส่งผลต่อความปลอดภัยของหรงจิ่ง ท่าทีของทั้งสองก็เปลี่ยนไปทันที แม้จะไม่ได้เคารพซ่งอวี้มากนัก แต่อย่างน้อยก็ไม่เ็าเท่าตอนแรก
ช่างเถอะ เื่อื่นไว้ค่อยว่ากัน
ตอนที่หรงต้าและหรงเอ้อร์เพิ่งมาถึงอำเภอ ท่านจ้าวก็สั่งก็ให้พวกเขาเชื่อฟังซ่งอวี้ ทว่าตอนนั้นพวกเขาไม่ได้เก็บซ่งอวี้มาใส่ใจ แค่รู้สึกว่านางเป็เพียงหญิงชาวบ้านโง่เขลา ยามปกติเมินเฉยกับนางก็พอแล้ว
แต่หลังจากที่ได้เจอกัน พวกเขาก็รู้สึกคล้ายว่าตนจะประเมินซ่งอวี้คนนี้ต่ำเกินไป หลังจากถูกนางอบรม ก็...อื้ม หญิงชาวบ้านมากความรู้เช่นนี้เชียวหรือ? สามารถอธิบายความร้ายแรงของการวางตัวให้พวกเขาฟังได้อย่างละเอียด? ทั้งยังบอกพวกเขาว่าควรทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยที่สุด?
ความคิดรอบคอบเช่นนี้ เกรงว่าคงจะมีเพียงบุตรีตระกูลใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติเช่นนี้กระมัง?
สองฝาแฝดมองตากันครู่หนึ่งก่อนจะเก็บความเย้ยหยันในแววตาของตนกลับไปพร้อมกัน แล้วตั้งใจฟังทุกอย่างที่ซ่งอวี้พูด
ซ่งอวี้สอนพวกเขา กระทั่งรถม้ามาจอดที่หน้าเรือน นางจึงหยุดพูด หวังเสี่ยวลิ่วที่คอยดูชาวบ้านสร้างเรือนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นรถม้ามาถึงก็เดินมาทักทาย พร้อมกับบอกซ่งอวี้ว่าขาดเหลือวัสดุใดบ้าง ไม้และกระเบื้องเริ่มไม่พอใช้แล้ว
ซ่งอวี้จดจำเื่นี้เอาไว้ในใจ ตั้งใจว่าอีกสักระยะหนึ่งจะไปจัดการเื่นี้พร้อมกับหวังเสี่ยวลิ่ว
หรงต้าและหรงเอ้อร์มองหน้ากัน ไม่รู้ว่าเวลานี้พวกตนควรทำสิ่งใด จึงก้มมองต่ำเอาไว้ รอซ่งอวี้ออกคำสั่ง
หลังจากพูดคุยกันจบ หวังเสี่ยวลิ่วก็เพิ่งเห็นว่าข้างกายซ่งอวี้มีชายหนุ่มสองคน ตัวของพวกเขามีรัศมีความน่าเกรงขามแผ่ซ่านออกมาจนรู้สึกได้ เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็คนมีวรยุทธ์
"นี่...นี่คือญาติของเ้าหรือ?" หวังเสี่ยวลิ่วถามด้วยความฉงน ไม่ใช่กระมัง ได้ยินว่าซ่งอวี้เป็เด็กกำพร้าไม่มีญาติมิตรไม่ใช่หรือ? เหตุใดจู่ๆ จึงมีญาติเพิ่มขึ้นมาสองคนได้?
ซ่งอวี้คว้าโอกาสนี้ไว้ แนะนำหรงต้าและหรงเอ้อร์ให้หวังเสี่ยวลิ่วรู้จัก
"เ้าเองก็รู้ ่นี้ชีวิตของข้าวุ่นวายยิ่งนัก มักมีคนมาหาเื่ข้า ข้าแค่อยากศึกษาตำราแพทย์เงียบๆ ก็ทำไม่ได้ ดังนั้นข้าเลยไปซื้อผู้คุ้มกันมาจากร้านค้าทาสสองคน เพื่อคอยดูแลเรือนแทนข้า วันข้างหน้าคนในเรือนจะได้ไม่ถูกผู้อื่นรังแก"
นี่เป็ข้ออ้างที่ดียิ่งนัก ผู้ใดใช้ให้ในเรือนของนางมีเพียงสตรีและเด็กผู้ชายที่ยังเล็กกันเล่า ซื้อผู้คุ้มกันสองคนที่ฝีมือไม่ธรรมดามาคอยดูแล คงไม่มากเกินไปกระมัง
หวังเสี่ยวลิ่วนึกถึงเื่เมื่อวานที่แม่สื่อจ้าวมาก่อความวุ่นวายก็เข้าใจทุกอย่างทันที
"ก็จริง ในเรือนของเ้ามีเพียงสตรี อันตรายยิ่งนัก หากมีคนเจตนาร้ายลักลอบเข้ามาตอนกลางดึก พวกเ้าสามคนจะดูแลตนเองอย่างไร เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ซื้อผู้คุ้มกันมาดูแลเรือนสองคน น่าจะรับประกันความปลอดภัยของพวกเ้าได้ เื่เช่นเมื่อวานคงไม่เกิดขึ้นอีก"
"พูดไปแล้ว พวกเขาคงเห็นว่าในเรือนของเ้าไม่มีบุรุษ เลยรู้สึกว่าพวกเ้ารังแกได้ง่ายๆ"
หวังเสี่ยวลิ่วเห็นด้วยกับการกระทำของซ่งอวี้มาก เมื่อมีบุรุษอยู่ในเรือนถึงจะน่าเกรงขาม เช่นนั้นก็จะไม่ถูกรังแก
ซ่งอวี้ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร นางชื่นชมหวังเสี่ยวลิ่วในใจ เขาเป็คนที่ช่างใส่ใจยิ่งนัก เื่ที่นางแต่งขึ้นมา ยังไม่ทันพูด เขาก็ช่วยพูดไปหมดแล้ว
หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าหวังเสี่ยวลิ่วไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร ไม่อาจอ่านใจคนได้ ซ่งอวี้คงจะคิดว่านี่คือคนที่นางไหว้วานมาโดยเฉพาะ
"เ้าทำงานก่อนเถอะ พวกเขาเพิ่งมายังไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ข้าต้องหาห้องหับให้พวกเขาก่อน ไว้มีเวลาค่อยหารือเื่บ้านกับเ้า ่นี้ข้ามีความคิดใหม่ๆ อยากจะพูดกับเ้าอยู่พอดี"
ซ่งอวี้บอกลาหวังเสี่ยวลิ่ว แล้วพาหรงต้าและหรงเอ้อร์เข้าไปในเรือน
เมื่อประตูปิดลง หลังจากที่คนนอกมองไม่เห็นด้านในแล้ว ซ่งอวี้ก็บอกให้อาฝูและเสี่ยวหมานออกไปก่อน ส่วนตนพาชายทั้งสองคนไปหาหรงจิ่ง
ตอนที่หรงต้าและหรงเอ้อร์ได้พบหรงจิ่ง พวกเขาดีใจจนคุกเข่า
"นายน้อยเป็คนดี ์ย่อมคุ้มครอง ท่านผู้นำตระกูลเฝ้ารอข่าวของนายน้อย หวังว่านายน้อยจะปลอดภัย ในที่สุดเวลานี้บ่าวก็ได้เห็นนายน้อยกับตาตนเอง บ่าวสามารถรายงานท่านผู้นำตระกูลได้แล้ว"
หรงจิ่งวางตำราแพทย์ในมือลง ลงจากเตียงแล้วพยุงทั้งสองคนให้ลุกขึ้น "ลุกขึ้นเถอะ ลำบากพวกเ้าทั้งสองคนแล้ว เป็จอมยุทธ์แต่กลับต้องปลอมตัวเป็ทาส ลำบากแล้วจริงๆ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหรงต้าและหรงเอ้อร์ยิ่งฉายความดีใจ รีบตอบกลับไปว่าไม่กล้าๆ
สุขภาพร่างกายของหรงจิ่งยังไม่แข็งแรง แค่พูดเพียงไม่กี่ประโยค สีหน้าของเขาก็ซีดกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
ซ่งอวี้เห็นเช่นนี้จึงพูดขัดทั้งสามคน "หากมีสิ่งใดจะพูดมากกว่านี้ก็ค่อยพูดกันวันหลังเถอะ นายน้อยของพวกเ้าเสียเืมาก มีาแเต็มตัว ตอนนี้ยังไม่หายดี ไม่อาจเหนื่อยมากได้"