"เจิ้นชอบมือคู่นี้ของเ้า มือคู่ที่นวดให้เจิ้น" น้ำเสียงอ่อนนุ่มราวกับคู่รักที่กำลังกระซิบกระซาบกันอย่างนุ่มละมุน
ยามที่นางรู้สึกถึงอุณหภูมิจากฝ่ามือของบุรุษผู้นั้น ใบหน้าของชิงหร่านพลันแดงระเรื่อ ทันใดนั้นหัวใจของหญิงสาวดูเหมือนถูกบางสิ่งเข้ามาััให้อลหม่านสั่นไหวและเต้นระรัว
ไม่ง่ายเลยที่จะสงบจิตใจให้กลับมั่นคง ชิงหร่านสูดหายใจลึกและลอบถามอย่างไม่มั่นใจว่า “เช่นนั้น...เช่นนั้นชิงหร่านจะนวดพระเศียรให้ฝ่าาต่อนะเพคะ”
ฮ่องเต้หยวนเต๋อตอบรับ ชิงหร่านลุกยืนขึ้นและก้าวเข้าไปยืนด้านหลังฮ่องเต้ ยื่นมือนวดขมับของพระองค์อีกครั้ง
ความรู้สึกผ่อนคลายทำให้อารมณ์ของฮ่องเต้หยวนเต๋อผ่อนคลายลงในทันที
“เจิ้นชอบความไร้เดียงสาของเ้า ครั้งหนึ่ง…” ฮ่องเต้หยวนเต๋อเอ่ยขึ้นทันใด ทว่าครั้นเอ่ยถึงตรงนี้กลับชะงักไปทันใดและมิได้เอ่ยสิ่งใดต่อ ครู่ใหญ่ต่อมา ฮ่องเต้หยวนเต๋อพลันยกมือขึ้นลูบไล้มือชิงหร่านที่นวดขมับของตนเอง “จำไว้ เ้าจงรักษาความไร้เดียงสาของเ้าไว้เสมอ อย่าให้สิ่งใดมาทำให้แปดเปื้อนได้”
ในน้ำเสียงนั้นราวกับกำลังกล่าวเตือนนาง ทั้งยังเหมือนว่าเขากำลังเสียใจ
ชิงหร่านขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ ยิ่งไม่เข้าใจเลยว่า ‘ความเสียใจ’ ที่ออกมาจากคำพูดนั้นมาจากสิ่งใด ทว่านางกลับมิได้ถามอะไรมาก
“ชิงหร่านเข้าใจแล้วเพคะ"
ในห้องทรงพระอักษร ทั้งสองมิเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก ฮ่องเต้หยวนเต๋อปิดเปลือกตาลง ในหัวครุ่นคิดถึงเพียงการรายงานของฉู่ชิง วงคิ้วขมวดเป็ปมเข้าหากัน
พิษกู่...หนานเยวี่ย...สุดท้ายแล้วนางมีความเกี่ยวข้องเกี่ยวข้องกับเื่นี้หรือไม่?
ณ ตำหนักชีอู๋
ภายในห้อง ฮองเฮาอวี่เหวินมีสีหน้ามืดมน
มู่อ๋องจ้าวอี้ยืนอย่างเรียบร้อยอยู่ด้านข้าง ต่างไปจากนิสัยอิสระเช่นวันเก่าๆ เขาเปลี่ยนมาใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงิน แลดูองอาจห้าวหาญ
เขาเหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวินเป็ครั้งคราว ครั้นเห็นว่ามารดากริ้วโกรธมานานมากแล้ว ในที่สุดเขาก็อดรนทนไม่ไหว สองมือนำของว่างเข้าไปวางบนโต๊ะข้างๆ ใบหน้าแย้มยิ้มเอาใจ “เสด็จแม่ ลองเสวยนี่ดูสิพ่ะย่ะค่ะ นี่คือขนมที่ท่านโปรดปรานที่สุดมิใช่หรือ?”
ทันทีที่เอ่ยจบ ฮองเฮาอวี่เหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาราบเรียบ ในสายตาของนางแฝงความรู้สึกฉุนเฉียวราวกับถูกจุดเพลิง ความโกรธเกรี้ยวของนางเพิ่มมากขึ้น ฉับพลันนางตรัสออกมาอย่างเฉียบขาด “อีกหน่อยเ้าคงได้สิ้นพระชนม์ลงไปแล้ว เปิ่นกงจะรับเื่นี้ไหวได้อย่างไร?”
จ้าวอี้ถูกตอกกลับมาจนหงายหลัง เขารู้ว่าตนเองทำให้มารดาเป็ห่วง ทว่าเขายังคงยิ้มรับ “เสด็จแม่ ลูกคนนี้มิใช่ลูกที่ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ดีหรือ? เ้ารู้หรือไม่ว่า ยามที่แม่ได้ยินข่าวเื่การสิ้นพระชนม์ของเ้า แม่สิ้นหวังเพียงไหน? แล้วเ้ายังกล้าถือดีกับแม่อีก เ้า...” ฮองเฮาอวี่เหวินจ้องจ้าวอี้เขม็ง ชี้ไปที่เขาอย่างโกรธเคือง ความรู้สึกของนางในยามนี้ซับซ้อนเกินจะบรรยาย
นางรู้สึกขอบคุณ์ที่ช่วยปกป้องให้อี้เอ๋อร์ปลอดภัย
ทว่าพฤติกรรมที่ประมาทเลินเล่อของเขา ด้วยการพาตัวเองเข้าไปในกองไฟโดยไม่สนใจห่วงชีวิตตัวเองเลย ทำให้นางรู้สึกโกรธเคืองมากเสียจน ไม่ว่าอย่างไรก็ยากจะหาหนทางดับลงได้
“ลูกรู้ตัวหรือไม่ว่าฐานะของตนเองคืออะไร จะไม่สนใจชีวิตของตนเองเช่นนี้ได้หรือ?” ฮองเฮาอวี่เหวินตบลงบนโต๊ะด้านข้าง นางคิดถึงทุกเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ แค่คิดนางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ฉางไทเฮามีความทะเยอทะยานมาก ยังมีตระกูลหนานกงที่ไม่น่าไว้วางใจอีก
“รู้หรือไม่ว่าอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น วันนี้...อีกนิดเดียว อนาคตของพวกเราแม่ลูกคงขาดสะบั้นลงไปแล้ว”
ยามที่ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ย นางรู้สึกเหนื่อยล้าราวกับว่าโดนสูบพลังออกจากร่างกายไปทั้งหมด แม้กระทั่งลมหายใจยังเบาบางลงทันใด
หากจ้าวเยี่ยนได้ขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งแม่ทัพฝ่ายกองทหารขึ้นมาจริง ผนวกกับฐานะของเขา รวมถึงแผนการของนางสตรีชั่วช้าฉางหนิง เมื่อไม่มีอี้เอ๋อร์แล้ว ตำแหน่งฮ่องเต้เกรงว่าคงมิตกเป็ของใครอื่น นอกจากเขา ทว่าโชคยังดี...
ฮองเฮาอวี่เหวินโล่งใจอย่างมาก นางหันมองจ้าวอี้อีกครั้งด้วยสีหน้าซับซ้อน “จำไว้ให้ดี หลังจากนี้ ไม่ว่าเหตุการณ์ใด ห้ามไปเสี่ยงชีวิตเพียงผู้เดียวอีกเด็ดขาด ชีวิตของลูกมีค่าไร้สิ่งใดเปรียบ!”
จ้าวอี้เข้าใจความหมายฮองเฮาอวี่เหวิน ทว่าในใจเขากลับไม่คิดสนใจ
เสด็จแม่ตั้งความหวังกับเขามาก เพราะเช่นนั้น นางย่อมรู้สึกว่าชีวิตของเขามีค่าไร้สิ่งใดเปรียบ ทว่าเื่ตำแหน่งนั่น เขาไม่เคยรู้สึกสนใจมาแต่ไหนแต่ไร ทว่ายามนี้ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวของฮองเฮาอวี่เหวิน เขาไม่ควรยั่วแหย่นาง
รอยยิ้มบนใบหน้ารูปงามเบ่งบานเป็ประกาย “ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ หลังจากนี้ ลูกจะระมัดระวังตัวตลอดเวลา ไม่ทำให้ตัวเองต้องเสี่ยงอันตรายใดๆ อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
"เช่นนั้นก็ดี" ฮองเฮาอวี่เหวินชำเลืองมองจ้าวอี้ ทว่ายามที่เอ่ยจบ ไม่ว่าจะทำอย่างไร นางก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ นางคิดว่าจ้าวอี้จะตามหาเหนียนยวี่ทันทีที่เขากลับมา สีหน้านางจึงดูย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ
“เหนียนยวี่นั่นช่างเป็ตัวหายนะเสียจริง ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เ้าจงรักษาระยะห่างกับเหนียนยวี่จะเป็การดีที่สุด มิเช่นนั้น...”
ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสอย่างเฉียบขาด ในใจของจ้าวอี้พลันเคร่งเครียด รอยยิ้มบนใบหน้าเขาแข็งค้างทันใด ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง เขาจึงค่อยฉีกยิ้มและเอ่ยว่า “เสด็จแม่ ท่านเข้าใจผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ เื่ทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับยวี่เอ๋อร์พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เกี่ยวกับนางหรือ? หึ เ้าคิดว่ามารดาของเ้าโง่หรืออย่างไร? เ้าพุ่งเข้าไปค่ายเสินเช่อทำไม ในใจเ้ารู้ดีที่สุด อย่าคิดว่าเปิ่นกงไม่รู้ความรู้สึกของเ้า แต่ไม่ว่าเ้าคิดเยี่ยงไร ขอให้หยุดเพียงแค่นี้ เ้าเป็เชื้อสายของฝ่าา ส่วนนางเป็เพียงบุตรอนุผู้หนึ่ง มิคู่ควรกับฐานะของเ้า ทั้งยังช่วยสิ่งใดเ้าไม่ได้ ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงชีวิตไปช่วยนางเช่นนั้น!”
จ้าวอี้ขมวดคิ้ว ความรู้สึกของเขาหรือ?
เขามีความรู้สึกกับเหนียนยวี่หรือ?
เขาปฏิบัติกับนางเหมือนน้องสาว เสมือนญาติ
ยอมเสี่ยงแม้ชีวิต...
ทว่าน้องสาวหรือญาติ แม้ว่าจะเป็คนสำคัญก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาเข้าหาความเสี่ยง ทว่า...
ชั่วขณะหนึ่ง ความทรงจำที่พูดคุยกับฉู่เซียงจวินนอกค่ายเสินเช่อในวันนั้น พลันผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
ความคิดสับสนวุ่นวาย ราวกับด้ายพันกันวนเวียนอยู่ในหัวเขาทันที...
เขา...ไม่ได้้าเป็แค่พี่น้องกับยวี่เอ๋อร์หรือ?
ไม่ใช่ความรู้สึกแบบพี่น้อง เช่นนั้นมันคืออะไร?
วงคิ้วหล่อเหลาของจ้าวอี้ขมวดมุ่นเป็ปมกันเสียยิ่งกว่าเดิม หลายวันมานี้มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาเป็ระยะๆ ทว่าเขากลับหลีกเลี่ยงและไม่้าคิดเกี่ยวกับมัน ทว่าวันนี้เสด็จแม่ทรงตรัสว่า...
“เ้าจำคำที่แม่พูดได้หรือไม่?”
ทันใดนั้น ฮองเฮาอวี่เหวินพลันเอ่ยขัดจังหวะความคิดของจ้าวอี้
จ้าวอี้รู้สึกตัว
จำหรือ? จำสิ่งใด?
การตอบสนองที่ดูใเล็กน้อยของจ้าวอี้ ทำให้ฮองเฮาอวี่เหวินทวีความโกรธเคืองยิ่งขึ้น
ไม่นาน จ้าวอี้พลันตระหนักได้ เขาไล่ความคิดในใจตัวเองออกไป ใบหน้ารูปงามแย้มยิ้มพริ้มพราย “จำได้พ่ะย่ะค่ะ ต้องจำได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เหนียนยวี่เป็แค่บุตรีอนุ ข้าเห็นนางเป็แค่เปี่ยวเม่ย เป็แค่พี่น้องเท่านั้น เสด็จแม่ โปรดวางใจให้สบายเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวอี้เอ่ยปลอบฮองเฮาอวี่เหวิน เพราะกลัวว่ามารดาจะโกรธเคืองเหนียนยวี่
วางใจ...
ฮองเฮาอวี่เหวินเหลือบมองจ้าวอี้ โอรสของนางคิดอะไร เหตุใดนางจะไม่รู้?
อี้เอ๋อร์เป็คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเป็มิตร ใจดีและตรงไปตรงมา ชอบก็แสดงออก ไม่ชอบก็แสดงออก
เขาไม่เคยโกหก ไม่เคยทำตัวเย่อหยิ่ง ก่อนหน้านี้เขาปกป้องเหนียนยวี่ นางแค่ตื่นตัว ทว่าวันนี้มิรู้เพราะเหตุใด เขาที่กำลังปกป้องเหนียนยวี่ กลับทำให้นางรู้สึกถึงอันตราย
เหนียนยวี่...
ภาพเงาร่างหนึ่งผุดขึ้นในหัวนาง ฮองเฮาอวี่เหวินพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย เหนียนยวี่ผู้นั้นต่างจากผู้อื่นเสียจริง แม้อี้เอ๋อร์จะปฏิบัติกับเหนียนยวี่ต่างไปจากผู้อื่น ทว่าถึงอย่างไร ฐานะของนางไม่มีทางได้กลายเป็ชายาเอก ‘มู่หวางเฟย’ อย่างแน่นอน
การสมรสของราชวงศ์ แค่ “ความชอบ” สองคำนี้ ไหนเลยจะสามารถทำสิ่งใดได้?
ฮองเฮาอวี่เหวินสูดหายใจลึก นางถอนสายตากลับมาอย่างช้าๆ ดวงตาฉายแววลุ่มลึก ทว่ามิได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
ทว่าในใจนางกลับรู้ดี เหนียนยวี่...
หญิงสาวที่เคยช่วยชีวิตนางได้กลายเป็ภัยต่อโอรสของตนแล้ว นางจำต้องเฝ้าจับตาดูอย่างดี!