เกาะจิ๋วหวู่ ณ กลางป่าแห่งหนึ่ง ในแคว้นต้าเฉิน
ตูมๆ!
“อ๊ากๆ! อย่าเข้ามานะ! ข้าหาได้เกี่ยวข้องกับเื่นี้”
เสียงของการต่อสู้เคล้าเสียงร้องโหยหวนอย่างเ็ป ดังไปทั่ว
กลุ่มคนหลายสิบคนถูกจับกุม ก่อนพาตัวมาพบกู่ไห่
สีหน้าเฉินเทียนซานในตอนนี้ ไม่ค่อยสู้ดีนัก “นายท่าน ยังจำศึกเฉินซ่งได้หรือไม่? สาเหตุของาในครั้งนั้น ก็มาจากการค้นพบเหมืองหินิญญาแห่งนี้
หลังจากนั้นก็มีการทำข้อตกลง ว่าทั้งสองสำนัก จะใช้การประลองระดับพลังของเหล่าศิษย์เข้าตัดสิน ท้ายที่สุด พวกเราก็ชนะ และเหมืองหินิญญาระดับต่ำนี้ ก็ตกเป็ของสำนักชิงเหอเรา”
“นี่คือศิษย์สำนักซ่งเจี่ยอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่หรี่ตาลง ก่อนมองศิษย์สำนักซ่งเจี่ยหลายสิบคนที่ถูกมัดเอาไว้
“บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับสำนักชิงเหอ? เหตุใดจึงเป็พวกเ้า ที่มาดูแลเหมืองหินิญญาแห่งนี้?” เฉินเทียนซานก้าวไปด้านหน้า แล้วเหลือบตามองร่างที่โดนมัดเ่าั้
“ข้าไม่รู้! เราแค่ทำตามคำสั่งของท่านประมุขเท่านั้น” เหล่าศิษย์สำนักซ่งเจี่ยรีบเอ่ยแก้ตัวทันที
“คำสั่งของประมุขสำนักซ่งเจี่ย?” สีหน้าของเฉินเทียนซานพลันเปลี่ยนไป
“แล้วตอนนี้ ศิษย์สำนักชิงเหออยู่ที่ใด?” เกาเซียนจือถามเสียงต่ำ
“ไม่! พวกเราไม่อาจบอกได้!” ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยร้องตอบทันที
ทุกคนต่างถลึงตาใส่กลุ่มศิษย์สำนักซ่งเจี่ย เหล่าคนโฉดเดินเข้ามา แล้วลงมือทรมานทันที กระนั้นพวกเขาก็ยังตอบว่าไม่รู้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสำนักชิงเหอ
“นายท่าน อาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสํานักชิงเหอ” เฉินเทียนซานกล่าวด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก
“เฉินเทียนซาน เ้าจงนำกองทัพดินตรงไปยังสำนักชิงเหอ ตรวจสอบสถานการณ์ให้แน่ใจ ส่วนข้า จะเดินทางกลับบ้าน หากมีอะไรเกิดขึ้น ให้รีบมาหาข้าที่จวนสกุลกู่ทันที!” กู่ไห่สั่ง
“ขอรับ ขอบพระคุณนายท่าน!” เฉินเทียนซานกล่าว
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ท่านหัวหน้าสำนักชิงเหอ ก็เคยช่วยข้าไว้หลายต่อหลายครั้ง ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยกลุ่มนี้ เ้าพาไปด้วยเถอะ” กู่ไห่กล่าว
“ขอรับ!” เฉินเทียนซานตอบ
ตามที่กู่ไห่ได้จัดสรรกำลังพลไว้ คนโฉดที่ประจำอยู่ในกองทัพดินตอนนี้ อยู่ใต้อาณัติของเฉินเทียนซาน พวกเขาจึงคุมตัวศิษย์สำนักซ่งเจี่ย ก่อนจะพากันเดินหายเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว
กู่ไห่เดินทางมาถึงหน้าปากถ้ำเหมืองหินิญญา บนผนังถ้ำ สามารถมองเห็นร่องรอยการขุดเจาะได้อย่างชัดเจน หินิญญาระดับล่างก้อนหนึ่ง ราวกับถูกฝังอยู่ใต้กำแพงูเาก็ไม่ปาน
“นายท่าน นี่คือเหมืองหินิญญาระดับต่ำสุด และยังเป็เหมืองซึ่งซับซ้อนที่สุดด้วย พวกเราต้องค่อยๆ ละเมียดขุด เพื่อค้นหาหินิญญาออกมา มิเช่นนั้น หากใช้พลังมากเกินไป ไม่เพียงแต่จะทำลายูเาทั้งลูกเท่านั้น แต่หินิญญาเหล่านี้ก็จะแตกสลายเช่นกัน หากทำหินิญญาแตก คงไม่คุ้มค่าแรงแล้ว” ฮวางบูอธิบาย
“ข้าจะไปตรวจสอบหินิญญาที่ขุดได้จากบริเวณโดยรอบ ส่วนพวกเ้า รอข้าอยู่นอกถ้ำ!” กู่ไห่สั่งเสียงต่ำ
“ขอรับ!”
ทุกคนต่างเร่งเก็บหินิญญารอบตัวอย่างรวดเร็ว
กู่ไห่จกมือไปที่หน้าอกของตน ก่อนจะค่อยๆ ดึงกระบี่ออกมา
ฟู่!
ทันทีที่กระบี่เจวี๋ยเซิงถูกดึงออกมา พลันเกิดควันสีดำขึ้นรอบๆ ร่างของเขา
“เ้ากลืนกินพลังชี่จากหินิญญาได้หรือไม่? ลองดูเถอะ!” กู่ไห่กล่าว พลางสูดลมหายใจเข้าลึก
ฉึกๆ!
เขาแทงดาบเข้าไปในพื้นดินบนูเา
ฟู่!
ทันใดนั้น ควันสีดำก็ลอยออกจากกระบี่ แทรกตัวเข้าไปในผนังูเา
ฟึ่บๆๆ!
ควันสีดำ ไหลทะลักเข้าสู่หินิญญาในูเาอย่างต่อเนื่อง
แครกๆๆๆ
แล้วหินิญญาที่เคยฝังอยู่ในูเา ก็สลายกลายเป็ฝุ่นผง
พลังชี่ไหลพลุ่งพล่าน ไปทั่วตัวกระบี่
ไม่นานนัก ควันดำก็ค่อยๆ ลอยกลับเข้าสู่กระบี่กระดูกเช่นเดิม เห็นได้ชัด ว่าพลังชี่จากหินิญญาเหล่านี้ ถูกกลืนกินจนหมดสิ้นแล้ว
แกรกๆๆ!
หินิญญาในูเากลายเป็ผุยผง พื้นดินทรุดตัวลงเล็กน้อย
ฉึกๆ!
ชายหนุ่มดึงกระบี่กระดูกออกมา พลันพลังชี่ส่วนหนึ่งก็พุ่งเข้าสู่ร่าง
“ฮึ่ม!”
ร่างของกู่ไห่สั่นเทาเล็กน้อย ระดับพลังกระเตื้องเพียงน้อยนิด มิได้เป็ไปตามที่คาดเอาไว้
“หินิญญาเหล่านี้ คงจะน้อยเกินไปกระมัง?” ชายหนุ่มกล่าว พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
หินิญญาหนึ่งพันก้อนในเหมืองนี้ ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการเลื่อนระดับพลังของเขา?
ฟึ่บ!
กู่ไห่เก็บกระบี่กลับเข้าไปในร่างเช่นเดิม ก่อนเดินออกจากถ้ำอย่างไม่รีบร้อน
ตูม!
ทันทีที่ชายหนุ่มเดินออกจากถ้ำ ูเาสูงที่สูญเสียหินิญญาก็พังถล่ม
กลุ่มคนโฉดที่ยืนรออยู่ปากถ้ำ ต่างมองกู่ไห่ที่เดินออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ไปกันเถอะ! ในเมืองข้างหน้ามีคอกม้าของข้าอยู่ พักที่นั่นสักสามวัน แล้วค่อยเดินทางไปยังจวนสกุลกู่” ชายหนุ่มสั่ง
“ขอรับ!” ทุกคนต่างมองดููเาที่พังทลายอย่างสงสัย ก่อนหมุนตัว เดินตามกู่ไปทันที
...
ด่านหู่เหลา จวนสกุลกู่
แม้กู่ไห่ยังมาไม่ถึง แต่ข่าวของพรรคต้าเฟิงก็แพร่ไปทั่วสารทิศ
ทันใดนั้น เหล่าผู้ฝึกตนที่กำลังรอคอยการมาถึงของ ‘กระต่าย’ ต่างก็ปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง
“เ้า... เ้า... เ้าล้อข้าเล่นหรืออย่างไร? อาชญากรแห่งหุบเขาคนโฉดทั้งสามพันคน ยอมสวามิภักดิ์ กลายเป็คนใต้อาณัติของกู่ไห่?”
“ท่านว่าอย่างไรนะ? กู่ไห่ทำลายพรรคต้าเฟิงจนหมดสิ้น?”
“เป็ไปไม่ได้! ค่ายกลกระบี่์ และค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้น จะถูกสร้างขึ้นที่เกาะจิ๋วหวู่ได้อย่างไร?”
“แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิง ก็ยังครั่นคร้ามกู่ไห่หรือ? เ้าพูดบ้าอะไรกัน!”
“เวรเอ๊ย! เ้าคิดว่าข้าโง่หรือไร? ถึงบอกว่าผู้ฝึกตนสองหมื่นคน ถูกกู่ไห่สังหารสิ้น?”
ผู้ฝึกตนทั้งหลายเมื่อได้ยินข่าวลือ ต่างตื่นตระหนก ความมั่นใจที่เคยมีสูญสลาย เพราะคำบอกเล่า ถึงโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าของพรรคต้าเฟิง ที่หลายๆ คนเล่าออกมา
ในตอนแรกก็ยังไม่มีใครเชื่อ... มันจะเป็ไปได้อย่างไร?
ก่อนมานี่ ทุกคนก็ได้สืบเื่ราวของเขาแล้ว เมื่อครึ่งปีก่อน กู่ไห่ยังมีพลังอยู่ในระดับก่อ์เท่านั้น ตอนนี้เขาจะมีพลังมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ออกจากปากของใครคนใดคนหนึ่ง ผู้ฝึกตนกลุ่มใหญ่ที่เห็นความอำมหิตของกู่ไห่ ต่างก็นำมาบอกเล่ากันทั้งสิ้น บางคนก็เตือนเพื่อนรักของตน ให้ล่าถอยหรือระวังกู่ไห่ เช่นนั้นเื่นี้คงไม่ได้กล่าวเกินจริงแล้ว
คนผู้นี้ทำลายพรรคต้าเฟิง? ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงพ่ายแพ้เขา? กู่ไห่สังหารกลุ่มผู้ฝึกตนสองหมื่นคนจนสูญสิ้น? ทั้งยังมีกองกำลังคนโฉดอยู่ใต้อาณัติถึงสามพันคน?
แหล่งข่าวเหล่านี้ ทำให้พวกเขาเกิดความสับสน
นี่พวกเรากำลังรอกระต่ายอยู่จริงๆ หรือ? ต่างก็คิดไม่ตก เมื่อได้ประจักษ์ความจริงว่า คนที่เขาจะเจอที่มิใช่ ‘กระต่าย’ แต่กลับเป็ ‘เสือร้ายผู้โเี้’
จับกู่ไห่ แย่งชิงลูกท้อร้อยปี? แต่อาจต้องแลกด้วยชีวิต
คนผู้นั้นสามารถสังหารคนสองหมื่นคนได้ โดยไร้ซึ่งความลังเล
บางคนเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น จึงถอยกลับไป แต่บางคนก็เอาแต่คิดถึงเหตุการณ์หฤโหดนั่น ด้วยดวงตาแดงก่ำ “พี่ชายของข้า ตายในค่ายกลกระบี่์อย่างนั้นหรือ? ข้าจะแก้แค้นให้พี่!”
“ศิษย์น้องของข้าก็ตายในค่ายกลใหญ่เช่นกัน กู่ไห่ เ้าฆ่าศิษย์น้องของข้า ข้าจะสังหารลูกชายเ้า!”
โทสะเข้าเกาะกุมจิตใจของกลุ่มผู้ฝึกตน ที่ต่างก็สูญเสียผู้เป็ที่รัก แต่เพราะกู่ไห่ช่างเืเย็นนัก หลายคนจึงไม่กล้าเอาชีวิตของตนไปทิ้ง
แค่้าแย่งลูกท้อร้อยปี กู่ไห่ก็สังหารผู้ฝึกตนไปมากถึงสองหมื่นคน ถ้าจับตัวบุตรของเขาไปจริงๆ ละก็ ไม่รู้ว่าต้องเจอกับการแก้แค้นแบบไหน?
ภาพของกลุ่มผู้ฝึกตนสองหมื่นคน ที่ร้องโหยหวนอย่างเ็ป ซากศพกระจัดกระจายไปทั่ว ผู้คนต่างรู้สึกสังเวชเมื่อคิดถึงมัน
ความหวังที่จะจัดการกับกู่ไห่ ค่อยๆ กลายเป็ความหวาดผวา
บรรยากาศรอบจวนสกุลกู่เริ่มแปรเปลี่ยน
ผู้ที่้าแก้แค้นต่างรอคอย หวังให้มีใครสักคนสั่งการ เขาก็พร้อมเข้าโจมตีทันที แต่ก็ยังมีคนส่วนน้อยที่รู้สึกลังเลใจ
...
แสงจันทร์สาดส่องไปยังจวนสกุลกู่
ในตอนนี้ อาณาเขตจวนกว้างขวางขึ้น ทั้งยังสร้างอาคารน้อยใหญ่เพิ่ม โดยหนึ่งในเรือนซึ่งพิเศษที่สุด ก็คืออาคารสูงทรงกลม ที่ดูคล้ายกับกำแพงเมืองจีนแห่งนี้
กู่ฉินและกู่ฮั่น กำลังยืนอยู่บนหลังคาอาคารสูง พลางรับลมชมวิวในยามค่ำคืน
รอบๆ อาคารเป็พื้นที่เปิดโล่ง มีไม้ดอกไม้ใบประดับประดาเต็มสวน
สองพี่น้องกู่ฉินและกู่ฮั่นค้ำราวระเบียง พลางทอดมองบริเวณโดยรอบ พวกเขาได้รับข่าวของพ่อบุญธรรม จากคนของตนแล้ว
“เอาละ! พ่อบุญธรรมกำลังจะกลับมาแล้ว ตามรายงาน ท่านได้สังหารผู้ฝึกตนไปถึงสองหมื่นคน เช่นนี้แล้ว พวกที่ยืนเฝ้าอยู่นอกจวน จะกลัวจนหัวหดเพียงใด?” กู่ฮั่นกล่าวกลั้วหัวเราะ
กู่ฉินได้ยินเช่นนั้น ก็หลุดยิ้มกว้าง ก่อนเอ่ย “พ่อบุญธรรมกลับมาแล้ว อีกทั้งยังพาคนโฉดสามพันคนกลับมาด้วย พวกที่เฝ้าตอรอกระต่ายคงจะผิดหวังมิใช่น้อย”
“พี่ใหญ่ ข้างนอกมีคนกำลังเคลื่อนไหว” กู่ฮั่นกล่าว พลางขมวดคิ้วแน่น
“ข่าวของพ่อบุญธรรม คงแพร่ไปทั่วทะเลพันเกาะแล้ว คิดว่าอีกไม่นานท่านคงจะกลับมา อย่าได้กังวล ระหว่างที่รอ พวกเราก็แค่ปกป้องที่นี่เอาไว้ให้ได้ก็พอ
อีกอย่าง ตอนนี้พวกเราอยู่ในค่ายกลั์ ที่ท่านพ่อบุญธรรมได้วางเอาไว้ พวกเขาไม่สามารถบุกเข้ามาได้แน่” กู่ฉินมองออกไปข้างนอก ก่อนกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น
กู่ฮั่นพยักหน้า พร้อมยิ้มกว้าง “เช่นนั้น ไยเราไม่ลองเลียนแบบพ่อบุญธรรมดูบ้างล่ะ?”
“ก็ดี… ผู้ใดบุกรุกค่ายกล มีโทษถึงตาย!” กู่ฉินกล่าว พลางยกยิ้ม
....
เช้าวันรุ่งขึ้น
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบจวนสกุลกู่ ต่างพากันตื่นขึ้นมา พร้อมมองไปยังกำแพงจวน ด้วยความประหลาดใจ
บนกำแพง มีป้ายบางอย่างแขวนเอาไว้
“ค่ายกลของจวนสกุลกู่ได้ถูกวางเอาไว้แล้ว ผู้ใดบุกรุกค่ายกล มีโทษถึงตาย!”
เมื่อได้อ่าน กลุ่มคนภายนอกพลันตะลึงงัน
“ล้อเล่นอะไร? ค่ายกลใหญ่? พวกเขาคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้น แบบเดียวกับที่พรรคต้าเฟิงหรืออย่างไร?”
“มีเพียงกู่ไห่เท่านั้น ที่จะสามารถวางค่ายกลได้ เพราะเขาได้มันมาจากดินแดนแรกสาบสูญ ไม่มีทางที่จวนสกุลกู่จะวางค่ายกลได้”
“รอบจวนสกุลกู่ หาได้มีกลุ่มหมอกไม่ เช่นนี้แล้วจะมีค่ายกลั์ได้อย่างไร?”
ดูเหมือนเหล่าผู้ฝึกตนจะไม่หลงกลง่ายๆ ตอนนี้ไม่มีใครสักคน เชื่อคำเตือนที่เขียนไว้บนป้าย.. นี่พวกเ้าคิดที่จะแกล้งเล่นหรืออย่างไร? ไม่มีหมอกเช่นนี้ จะมีค่ายกลได้อย่างไร?
แต่กระนั้น ผู้ฝึกตนหลายคน ก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปข้างใน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในพรรคต้าเฟิงนั้น น่าพรั่นพรึงเกินไป
คนสองหมื่นคนถูกสังหารสิ้นในคราเดียว?
ดังนั้น ที่นี่อาจจะมีค่ายกลจริงๆ ก็เป็ได้?... พวกเขาคิดเช่นนั้น
ผู้ฝึกตนบางคนที่คิดจะแก้แค้น กลับยิ่งลังเลมากขึ้น กระทั่งผู้ฝึกตนในชุดขาวหลายร้อยคน เดินทางมาถึงจวนสกุลกู่
“ศิษย์สำนักซ่งเจี่ย? พวกเขามาที่นี่ได้อย่างไร?” ใครคนหนึ่ง เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หนึ่งในคนของสำนักซ่งเจี่ย ที่ดูคล้ายจะเป็หัวหน้า มองจวนสกุลกู่ด้วยแววตาเ็า
ผู้ฝึกตนคนหนึ่ง เดินออกจากฝูงชนอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ารออยู่ที่นี่มานานหลายชั่วยามแล้ว เขาเดินไปข้างหน้า ก่อนกล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านอาจารย์อาไป๋ ท่านมาได้อย่างไร?”
“กู่ฉินและกู่ฮั่นอยู่ที่ใด?” ผู้ฝึกตนชุดขาวเอ่ยถามเสียงต่ำ
“หา?”
“ท่านหัวหน้าสำนัก มีคำสั่งให้จับบุตรบุญธรรมทั้งสองของกู่ไห่ นั่นก็คือ กู่ฉินและกู่ฮั่น” อาจารย์อาไป๋กล่าวเสียงเย็น
“อา! อาจารย์อาไป๋ ศิษย์เฝ้าอยู่ที่นี่มานานสามเดือน คอยสังเกตอยู่ตลอด พบว่ากู่ฉินและกู่ฮั่น มักจะอยู่ในหอคอยลักษณะแปลกๆ ทั้งยังมีป้ายเตือนแขวนเอาไว้ เกรงว่าจะมีอันตราย” ชายคนนั้นรายงานอย่างระมัดระวัง
จากนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็เดินไปยังกำแพงจวนสกุลกู่ ผู้ฝึกตนทั้งหลาย ต่างหันไปมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น... ศิษย์สำนักซ่งเจี่ย? พวกเขาจะมาจับกู่ฉินและกู่ฮั่นอย่างนั้นหรือ?
“ผู้ใดบุกรุกค่ายกล มีโทษถึงตายอย่างนั้นหรือ? ฮ่าๆๆๆ!” อาจารย์อาไป๋กล่าวขึ้น พลางหัวเราะเสียงดังลั่น
“ไม่สิ! อาจารย์อาไป๋ ข้าได้ยินมาว่าที่พรรคต้าเฟิง กู่ไห่ก็แขวนป้ายเตือนแบบนี้ไว้เช่นกัน” ชายคนนั้นกล่าวอย่างกังวล
ดวงตาของอาจารย์อาไป๋สั่นไหวเพียงครู่ เื่ของพรรคต้าเฟิง เขาก็เคยได้ยินมาเช่นกัน ที่ท่านประมุขส่งเขามาจับบุตรชายของกู่ไห่ ก็เป็เพราะข่าวนี้นั่นเอง
แต่จวนตรงหน้าดูไร้พิษสง อยากรู้นัก ว่าจะใช้ค่ายกลอะไรมาจัดการกับพวกเขา?
“ตลกดี! ค่ายกลใหญ่ที่ว่าอยู่ไหนกัน? คงแค่ข่มขู่กระมัง กู่ไห่เคยทำเช่นนี้ก็ช่างเถอะ แต่เ้าเด็กสองคนนี้ กล้าดีอย่างไร?” อาจารย์อาไป๋แค่นเสียง แม้ปากจะบอกว่าไม่เชื่อ แต่ก็เรียกศิษย์มากลุ่มใหญ่ เพียงเพื่อบุกเข้าไปในกำแพงเท่านั้น
...
บนกำแพงใหญ่ กู่ฉินและกู่ฮั่นก็เพิ่งได้รับข่าว ยามนี้ทั้งสองกำลังยืนอยู่บนหอคอยสูง พลางหรี่ตาอย่างฉงน เมื่อเห็นกลุ่มคนที่อยู่ไกลออกไป
“พี่ใหญ่ พวกเขาคิดที่จะท้าทายข้อห้ามของเราอย่างนั้นหรือ?” กู่ฮั่นกล่าวเสียงต่ำ
“หากคิดว่าทำได้ ก็เข้ามา!” แววตาของกู่ฉินฉายแววเยียบเย็นขึ้นทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้