เมื่อิญญาาถูกกลืนกิน จู่ ๆ บนร่างกายของชิงหลงเว่ยก็ปรากฏาแขนาดใหญ่ พร้อมกับกระอักเื เขาต้องตาค้างด้วยความใจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็ความจริง
อาณาจักรเล็ก ๆ ที่ติดพรมแดนอย่างอาณาจักรจ้าว คาดไม่ถึงว่าจะมีคนปลุกิญญาาที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ มันช่างน่าเหลือเชื่อมาก
“ิญญาาัครามขั้นเขียว ช่างน่าขันสิ้นดี!” เย่เฟิงเย้ยหยันชิงหลงเว่ย จากนั้นเขาแทงหอกัเงินประกายอย่างต่อเนื่องโดยไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป
“วูบ!” ชิงหลงเว่ยหน้าถอดสีและพยายามหลบหนีอย่างสุดความสามารถ แต่ยังคงถูกหอกแทงที่หน้าอก อวัยวะภายในถูกทำลายก่อนร่างจะล้มลงไปกองกับพื้น
“ฆ่า ฆ่าจริง ๆ งั้นหรือ! ชิงหลงเว่ยหนึ่งในสี่มหาองครักษ์แห่งอาณาจักรเว่ยผู้อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ถูกเย่เฟิงที่อยู่เพียงขั้นรวมชี่ที่ 5 ฆ่าตายจริง ๆ อย่างนั้นหรือ!” ผู้คนต่างตะลึงงัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 คนเดียวสู้กับผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่สองคน คนหนึ่งถูกโจมตีจนได้รับาเ็สาหัส ส่วนอีกคนถูกพลังอันแกร่งกล้าฆ่าตาย พลังเช่นนี้คงมิอาจใช้คำว่าวิปริตมาอธิบายได้
การต่อสู้ที่ดูไม่เท่าเทียมกันนี้ หากเป็ก่อนหน้านี้เ้าคิดว่าเย่เฟิงจะคว้าชัยชนะมาได้หรือไม่?
จ้าวซินอี๋เผยสีหน้าเบิกบานพร้อมระบายรอยยิ้มสดใส ส่วนจ้าวเยี่ยก็เช่นกัน ศึกนี้ไม่ใช่ศึกของเย่เฟิงเพียงคนเดียว แต่เป็ตัวแทนของอาณาจักรจ้าว ผลลัพธ์คือเย่เฟิงคนเดียวกำราบสี่มหาองครักษ์แห่งอาณาจักรเว่ยจนแพ้ราบคาบ ทำให้อาณาจักรจ้าวได้รับชัยชนะ
เว่ยฉีเทียนและเว่ยซินหย่าเผยสีหน้าดูไม่ได้พร้อมไอเย็นแผ่ออกจากร่าง พวกเขาต่างมองเย่เฟิงไม่ละสายตา แต่จากนั้นเว่ยฉีเทียนพูดขึ้นว่า “เ้ากล้าดียังไงมาฆ่าคนของอาณาจักรเว่ย หรือไม่กลัวข้าจะลงมือฆ่าเ้า?”
“น่าขัน!” เย่เฟิงหันไปมองเว่ยฉีเทียนด้วยสายตาดูแคลน แล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เป็ท่านเองที่สั่งให้ลูกน้องฆ่าข้า แล้วทั้งสองฝ่ายยังตกลงเป็ศึกเป็ตาย สองผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่สู้กับข้าคนเดียว บัดนี้ถูกข้าฆ่าตาย ท่านยังมีหน้ามาพูดจาเช่นนี้หรือ ข้ารู้สึกเสียใจแทนองค์ชายอย่างท่านจริง ๆ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากเว่ยฉีเทียน เย่เฟิงก็ยังคงไม่หวาดหวั่น ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร เช่นนั้นเขาจะเกรงใจไปไย อีกอย่างหากเย่เฟิงเผยด้านอ่อนแอ เว่ยฉีเทียนจะปล่อยเขาไปอย่างนั้นหรือ? คำตอบคือไม่แน่นอน เขาฆ่าชิงหลงเว่ยต่อหน้าสาธารณชน ดูถูกเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ของอาณาจักรเว่ย เว่ยฉีเทียนก็เห็นเย่เฟิงเป็หนามยอกอกแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายมิอาจดีขึ้นไปกว่านี้ได้ เช่นนั้นเขาเย่เฟิงจะอ่อนข้อไปทำไม?
“อาณาจักรเว่ย มีใครจะประลองอีกไหม?” เย่เฟิงไม่สนเว่ยฉีเทียน แต่กวาดตามองเหล่าผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรเว่ยพร้อมกับกล่าวเช่นนั้น
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรเว่ยต่างมองหน้ากันกลับไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก เย่เฟิงฆ่าได้แม้แต่ชิงหลงเว่ย แล้วพวกเขาจะใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิงหรือ?
เมื่อเว่ยฉีเทียนได้ยินคำท้าของเย่เฟิงก็กัดฟันกรอด ในใจเต็มไปด้วยเพลิงพิโรธแต่ไม่มีที่ระบาย เขาอยู่ขั้นยุทธ์แท้ ต่อให้เย่เฟิงมีพลังเหนือธรรมชาติก็ไม่คุ้มที่เขาจะลงมือ มีแต่ต้องหาโอกาสกำจัดเย่เฟิงอีกครั้ง
“น้องเย่สู้หลายศึกแล้ว เ้าคงจะเหนื่อยล้า พักก่อนจะดีกว่า เ้ากับข้ามาดื่มกันเถอะ” จ้าวเยี่ยเห็นสถานการณ์ด้านเย่เฟิงกับเว่ยฉีเทียนกำลังตึงเครียดจึงกล่าวเช่นนั้น อย่างไรเสียเว่ยฉีเทียนก็เป็องค์ชายแห่งอาณาจักรเว่ย แม้อาณาจักรเว่ยจะมีชื่อเสียงเรียงนามไม่ค่อยดี แต่ก็มิอาจล่วงเกินมากไปกว่านี้ได้
เย่เฟิงเป็คนฉลาด เขาย่อมรู้ความหมายของจ้าวเยี่ย จึงพยักหน้า “ขอรับ!”
เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงกลับไปนั่งที่ของตัวเองพร้อมกับมีสายตาของผู้คนมากมายมองเย่เฟิงไม่วางตา โดยเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์หญิงหลาย ๆ คนในที่แห่งนั้นที่มองเย่เฟิงด้วยสายตาชื่นชมศรัทธา และอยากจะะโเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเย่เฟิง
“ตาบ้า เ้าแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วทำไมไม่บอกข้า ข้าก็เป็ห่วงไปเถอะ” เสียงของจ้าวซินอี๋ดังขึ้น เย่เฟิงมองใบหน้างดงามใบนั้นที่ใกล้เพียงคืบ พลันหัวใจเกิดความผันผวนก่อนจะกล่าวว่า “ข้าก็มีพลังเช่นนี้มานานแล้ว เพียงแต่องค์หญิงไม่เห็นเอง”
“อันดับหนึ่งแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน สมคำร่ำลือจริง ๆ พลังของน้องเย่ทำข้าประหลาดใจมาก ๆ” จ้าวเยี่ยกล่าวพลางยิ้ม
“องค์ชายรองชมเกินไปแล้ว ข้าก็แค่จัดการพวกไม่ได้เื่ ไม่มีค่าควรแก่การเอ่ยถึง” เย่เฟิงกล่าว
เพียงประโยคสั้น ๆ แต่กลับทำให้สีหน้าของเว่ยฉีเทียนและเว่ยซินหย่าดูบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
“พี่จ้าว วันนี้ผู้แซ่เว่ยถือว่าได้แลกเปลี่ยนวิชากับอัจฉริยะแห่งอาณาจักรจ้าวแล้ว วันหน้าหากมีโอกาสจะมาเยี่ยมเยียนอีก เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน!” เว่ยฉีเทียนลุกขึ้นยืนช้า ๆ ก่อนกล่าวกับจ้าวเยี่ยเช่นนั้น จากนั้นเห็นเขาโบกมือ พลันชาวอาณาจักรเว่ยลุกขึ้นยืนทั้งหมด แล้วก็เดินออกไป แต่ตอนจะผ่านเย่เฟิง ชาวอาณาจักรเว่ยหลายคนต่างหยุดมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยือก
“พี่เว่ยไม่ต้องรีบ จ้าวเยี่ยขอไม่ส่ง!” จ้าวเยี่ยกล่าวพร้อมโค้งคำนับเว่ยฉีเทียน
“หึ!” เว่ยฉีเทียนไม่พูดอะไร เพียงแค่นเสียงเ็าก่อนจะสะบัดชายเสื้อแล้วเดินออกไป
“องค์ชายรอง ข้าก็ขอตัวเช่นกัน!” เมื่อเห็นชาวอาณาจักรเว่ยออกไป เหล่าทูตอีกห้าอาณาจักรต่างก็ทยอยขอตัวลากันออกไป พอเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป งานเลี้ยงก็จบลง เหล่าแขกผู้มีเกียรติก็ทยอยแยกย้ายกันไป
เย่เฟิงถูกจ้าวเยี่ยเชิญไปที่เรือนพักของตน ส่วนจ้าวซินอี๋ก็ถูกราชินีเรียกไปพบ จึงไม่ได้มาด้วยกัน
“ขอบใจน้องเย่มากที่วันนี้ต่อสู้เพื่ออาณาจักรจ้าว ข้าจ้าวเยี่ยขอขอบคุณน้องเย่ในนามตัวแทนราชวงศ์จ้าว” จ้าวเยี่ยกล่าวพร้อมโค้งคำนับให้เย่เฟิง เผชิญหน้ากับอัจฉริยะที่สามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่สองคนได้เช่นนี้ จ้าวเยี่ยคิดว่าคุ้มค่าแล้วที่จะทำเช่นนี้
“องค์ชายรองทรงตรัสเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าเย่เฟิงเกิดที่อาณาจักรจ้าว สมควรแล้วที่จะทำเพื่ออาณาจักรจ้าว” เย่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งราวกับว่าทั้งสองคุยในฐานะสหายธรรมดา
“น้องเย่มีพร์ไม่ธรรมดา ภายภาคหน้าจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ถึงยามนั้นข้าหวังว่าน้องเย่จะโดดเด่นและเก่งเหนือใคร” จ้าวเยี่ยกล่าวพลางยิ้ม
“ยวี่โหรว เข้ามาข้างในสิ!” จากนั้นจ้าวเยี่ยกล่าวโดยไม่รอให้เย่เฟิงพูดสิ่งใด นาทีต่อมาเห็นเงาร่างงดงามเดินเข้ามาข้างใน คนผู้นี้เป็หญิงสาวหน้าตาสะสวย อายุประมาณ 18-19 ปี รูปร่างดี ผิวพรรณขาวนวลละเอียด สวยงดงามประหนึ่งภาพวาดก็ไม่ปาน อีกอย่างอาภรณ์สีขาวที่นางสวมใส่ก็ขับเรือนร่างของนางให้เด่นชัด หากชายใดเห็นคงต้องอยากคว้าร่างนางมากอดอย่างแน่นอน และเกิดแรงกระตุ้นที่จะเสพสุข
“ยวี่โหรวคารวะองค์ชายรอง คุณชายเย่” หญิงสาวเดินมาหาเย่เฟิงและจ้าวเยี่ยพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน เพียงแวบแรกเย่เฟิงก็ต้องตกตะลึงกับความสวยของหญิงสาวผู้นี้ที่มีนามว่ายวี่โหรว ทั้งยังมีกลิ่นหอมแผ่ออกจากกายยวี่โหรวลอยมาแตะจมูกเย่เฟิง
“น้องเย่ ยวี่โหรวคือนางรับใช้ที่ข้าฝึกฝนมาเองกับมือ ไม่เพียงแต่งามที่สุดในแผ่นดิน แต่ยังดูแลได้เป็อย่างดีและซื่อสัตย์ต่อเ้านาย วันนี้น้องเย่สร้างผลงานให้กับประเทศชาติ หากน้องเย่ชอบ ยวี่โหรวจะเป็คนของเ้า” จ้าวเยี่ยกล่าว
“ยวี่โหรวยินดีติดตามคุณชายเย่ รับใช้ชั่วชีวิตข้า” หญิงสาวกล่าวด้วยสายตารอคอย จำต้องบอกว่าหญิงสาวนามว่ายวี่โหรวผู้นี้สวยงดงามมากจนดูเหมือนไม่มีผู้ใดปฏิเสธนางได้ง่าย ๆ
เย่เฟิงขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าในใจขององค์ชายรองผู้นี้มีแผนการอะไรอยู่ จากนั้นเขากล่าวว่า “ข้าชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียว ข้าจะขอรับความหวังดีของท่าน แต่จะให้ยวี่โหรวติดตามเกรงว่าข้าไม่สะดวก หวังว่าองค์ชายรองจะถอนคำสั่ง”
ยวี่โหรวได้ยินเช่นนั้นก็ดูผิดหวัง หากเป็ชายอื่น เขาต้องไม่ปฏิเสธนางอย่างแน่นอน
จ้าวเยี่ยระบายยิ้มก่อนจะโบกมือแล้วกล่าวว่า “เ้าออกไปก่อน!”
“เ้าค่ะ!” ยวี่โหรวรับคำสั่ง แต่ขณะที่ถอยหลังออกไป นางก็มองไปที่เย่เฟิงด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ที่น้องเย่ไม่ถูกใจยวี่โหรว หรือว่าจะชอบพอน้องซินอี๋?” จ้าวเยี่ยซักถามเย่เฟิง
ยิ่งเย่เฟิงมองก็ยิ่งพบว่าจ้าวเยี่ยไม่ใช่คนธรรมดา และยังมองอีกฝ่ายไม่ค่อยออก
“น้องเย่เงียบ เช่นนั้นข้าจะคิดว่าเ้ายอมรับ!” จ้าวเยี่ยระบายยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “หากน้องเย่ชอบพอน้องซินอี๋จริง ๆ ข้ากราบทูลเสด็จพ่อให้ได้นะ เพื่อให้เ้าทั้งสองแต่งงานกัน ไม่ทราบว่าน้องเย่สนใจหรือไม่?”
เย่เฟิงกะพริบตาปริบ ๆ ระคนใ เขานึกไม่ถึงว่าจ้าวเยี่ยจะพูดเช่นนี้ เห็นทีหญิงสาวนามว่ายวี่โหรวเมื่อครู่นี้จะเป็การหยั่งเชิงของอีกฝ่าย เพื่อทดสอบเขาเย่เฟิงว่าลุ่มหลงหญิงงามหรือไม่ และนำมาสู่หัวข้อดังกล่าวในตอนนี้ จำต้องบอกว่าองค์ชายรองจ้าวเยี่ยชาญฉลาดมาก เขาสามารถทำสิ่งที่ง่ายที่สุด เผยแสดงให้เห็นถึงความลึกลับซับซ้อนที่ไม่สอดคล้องกับอายุอานามของเขาได้
“องค์หญิงคือผู้สูงศักดิ์ ข้าเย่เฟิงมีอะไรดีถึงคู่ควรกับนาง?” เย่เฟิงกล่าว
“ตราบใดที่เ้ายินยอม เหตุใดจะไม่ได้ล่ะ?” จ้าวเยี่ยกล่าว
เย่เฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ยิ่งเขามองก็ยิ่งมองจ้าวเยี่ยผู้นี้ไม่ออก เมื่อเขาเงียบกริบ จู่ ๆ จ้าวเยี่ยก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ฮ่า ๆ ๆ ไม่พูดแล้ว เื่ของน้องสาวกับน้องเย่คือเื่ของเ้าสองคน ข้าเชื่อว่าตราบใดที่ฝีมือถึง ทุกอย่างย่อมบรรลุผลสำเร็จ”
เย่เฟิงไม่รู้ว่าการที่จ้าวเยี่ยเรียกเขามาที่เรือนพักแห่งนี้มีจุดประสงค์อะไร แต่อย่างไรเสียเวลานี้คนผู้นี้มีเจตนาดี เขาจำต้องรักษาความสัมพันธ์นี้ให้คงอยู่ตลอดไป แต่สุดท้ายแล้วก็มีอุปสรรคขวางกั้น เย่เฟิงถูกกำหนดไม่ให้เข้าใกล้จ้าวเยี่ยมากเกินไป
คนของราชวงศ์เห็นแก่ตัวและเห็นค่าผลประโยชน์ทุกอย่าง พวกเขาถึงกับยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้เป้าหมายของตนสำเร็จลุล่วง คนประเภทนี้เหมาะที่จะคบกับสหายที่เห็นแก่ผลประโยชน์เหมือนกัน แต่ไม่เหมาะที่จะคบเป็มิตรสหาย
