“ฮูหยิน ท่านอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลยขอรับ แค่นี้ท่านโหวก็มีโทสะมากมายแล้ว ตอนนี้ข้างนอกนั้นเต็มไปด้วยสายลับและนักฆ่าของเซวียนหยา หากท่านออกนอกจวนเป็อะไรไปอีกคน ท่านโหวเอาพวกข้าตายแน่ๆ”
ทหารยามที่เฝ้าประตูจวนเอ่ยกับไป๋ลู่ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความวิตกกังวล
“เขาน่ะหรือจะใส่ใจว่าข้าจะเป็หรือตาย?”
ทหารยามได้แต่ก้มหน้า พยายามรักษาท่าทีให้มั่นคง แต่แววตากลับฉายแววอ้อนวอน
“ฮูหยิน หากท่านอยากได้อะไรเดี๋ยวข้าให้บ่าวคนอื่นออกไปซื้อให้ แต่ตัวท่านนั้นไม่สามารถออกจากจวนได้ขอรับ นี่เป็คำสั่งของท่านโหว”
ด้วยท่าทางที่ดูหวาดกลัวในยามที่คำว่า “ท่านโหว” นั้นหลุดออกมาจากปากทหารยามที่รักษาประตูจวน ไป๋ลู่จึงยอมอ่อนข้อให้ เพราะดูทรงแล้วหวังจิ่นหรงผู้นั้นน่าจะเหี้ยมโหดกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเป็อย่างมาก นางไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะตน
ไป๋ลู่จึงถอดใจจากการออกนอกจวน ตรงเข้าไปในโรงครัวเพื่อหากิจกรรมทำเพื่อฆ่าเวลาแก้เบื่อ หลายวันมานี้หนังสือสมุนไพรและยาถูกหญิงสาวนำมาศึกษา เมื่อเหลือบมองไปเห็นดอกเก๊กฮวย ใบบัวหลวงแห้ง และน้ำผึ้งแล้ว ความคิดดีๆ ก็พลันแล่นขึ้นมาในหัวสมอง
“น้ำสมุนไพรหยกใส” จึงเป็เมนูแรกที่ไป๋ลู่ทำขึ้นมาโดยอาศัยทักษะเดิมของตน โดยการนำใบบัวหลวงแห้ง ดอกเก๊กฮวย น้ำผึ้ง น้ำลิ้นจี่
ไป๋ลู่ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันตามสัดส่วนที่คิดขึ้นมา ด้วยทราบมาว่าตอนนี้น้ำผึ้งแท้ที่กำลังเป็ปัญหาเพราะมันล้นตลาดจนราคาตก หากเอามาแปรรูปได้โดยนำมาเป็วัตถุดิบเพื่อเพิ่มความหอมได้ก็คงจะดีไม่น้อยกับการค้าในอนาคต
หลังจากที่ทำมันขึ้นมาและลองลิ้มรสจนคิดว่ามันได้ที่แล้ว นางก็แจกจ่ายกับคนงานในจวนโหว ทำให้เครื่องดื่มนี้กลายเป็ที่ชื่นชอบของคนในจวนอย่างมิต้องสงสัย
“ฮูหยินเ้าคะ...” ผิงผิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านน่าจะนำเครื่องดื่มนี้ไปมอบให้กับท่านโหวด้วยนะเ้าค่ะ เห็นว่าตอนนี้ท่านโหวกำลังมีแขกมาเยือน หากท่านนำไปมอบให้ตอนนี้ ท่านโหวน่าจะดีใจมาก”
ไป๋ลู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนของผิงผิง นางก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบ
“ก็ได้...”
นางยกถาดเครื่องดื่มด้วยตัวเอง เดินตรงไปยังเรือนรับรองที่อยู่ไม่ไกลนัก ขณะที่ฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวของจวนกำลังก้าวเข้ามาในเขตเรือนรับรอง เสียงสตรีหวานใสก็ดังขึ้นมาจากในห้อง
“หากท่านโหวมีเวลา ก็ควรออกจากจวนเพื่อมาหาข้าบ้าง อย่างไรเสียข้าก็เป็สตรี หากให้ข้าเป็ฝ่ายออกมาหาท่านบ่อยๆ เช่นนี้ ข้าเกรงว่า...”
คำพูดนั้นทำให้ไป๋ลู่ชะงัก โทสะที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกลับตีขึ้นมาทันทีโดยไม่รู้ตัว นางตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป และภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้นางต้องหยุดนิ่ง
สตรีโฉมงามนางหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนตั่งลมใหญ่ แถมยังนั่งใกล้หวังจิ่นหรงเสียจนดูไม่เหมาะสม อาภรณ์ของนางเป็สีฉูดฉาด กลิ่นน้ำอบหอมฉุนราวกับพวกนางคณิกา
ไป๋ลู่ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะรวบรวมสติ นึกขึ้นได้ว่าตนมาเพียงเพื่อส่งเครื่องดื่ม แต่สายตาของหวังจิ่นหรงที่หันมามองนางในทันที กลับทำให้ใจนางเต้นแรงขึ้น ราวกับว่านางเข้ามาขัดจังหวะของเขากับคนในใจอย่างไรอย่างนั้น
สงสัยข้าคงจะเข้ามาขัดวาสนารักของทั้งคู่สินะ
หากเขามีคนในใจจริงๆ บางทีข้าคงใช้โอกาสนี้สร้างเส้นทางสู่การหย่าได้...
ในขณะที่ไป๋ลู่กำลังคิดถึงหาแผนการต่างๆ อยู่นั่นเอง
"ปัง!"
เสียงกำปั้นกระแทกลงบนโต๊ะดังสนั่นทำให้บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดขึ้นมาทันที หวังจิ่นหรงแสดงท่าทีดุดันจนสตรีอีกคนที่นั่งอยู่พลันทำตัวไม่ถูกกับความเกรี้ยวกราดที่จู่ๆ ก็ปะทุขึ้นมาของเขา
“ไป๋ลู่ เ้ามิเห็นหรือว่าข้ากำลังคุยธุระสำคัญอยู่!” เสียงของเขาเ็าและหนักแน่น
“สงสัยมารยาทของเ้าคงหล่นหายไปตอนที่เ้าดำน้ำเล่นในสระน้ำของจวนโหวแล้วกระมัง!”
สีหน้าของหวังจิ่นหรงยิ่งครึ้มลงหลังจากถ้อยคำเสียดสีนั้นถูกกล่าวออกมา
ไป๋ลู่บีบมือแน่นจนถาดในมือสั่นไหวไปตามแรงบีบ เขาไม่มีสิทธิ์ต่อว่านางต่อหน้าสตรีอื่นเช่นนี้ ส่วนนางคณิกาคนงามที่นั่งอยู่ระหว่างท่านโหว มองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมาอย่างเกรงกลัว
“ท่านโหว” น้ำเสียงอันแสนราบเรียบถูกเปล่งออกมาจากปากของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็ฮูหยินของจวนโหว
“ดูท่าธุระของท่านคงสำคัญมาก จนข้าแทบมองไม่เห็นความสำคัญของตนเองในฐานะฮูหยินของจวนนี้เลย หากท่าน้าให้ข้าพ้นจากตำแหน่งนี้ ก็แค่เอ่ยปากมา ข้าจะเป็คนเขียนหนังสือหย่าเอง”
ดวงตาสีทองที่เคยแข็งกร้าวไหววูบเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น หวังจิ่นหรงก็กลับมาควบคุมสีหน้าให้เรียบเฉยได้ดังเดิม
ไป๋ลู่ไม่อยากสนใจอะไรอีกแล้ว นางกระแทกถาดน้ำสมุนไพรหยกใสไว้บนโต๊ะด้วยโทสะอันครุกรุ่น และก้าวออกจากห้องไปทันทีโดยไม่เหลียวหลังไปมองคนที่ยังนั่งอยู่ในห้องรับรอง
หลังจากนั้น สตรีผู้มีอาภรณ์ฉูดฉาดจึงหยิบถ้วยเครื่องดื่มขึ้นมาชิม สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
“น้ำนี้ไม่มีส่วนประกอบของใบชา แต่ทำไมมันกลับมีรสชาติที่เลิศรสนัก ท่านโหว ฮูหยินของท่านคนนี้ดูท่าทางว่าจะเป็คนเก่งกว่าที่คาดคิด”
หวังจิ่นหรงไม่ตอบ เขาเพียงเอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงเ็า
“เข้าเื่เถอะ เถ้าแก่เนี้ยะ... ไม่สิ ว่าที่ฮูหยินของรองแม่ทัพตง”
สตรีโฉมงามยิ้มบางๆ พลางวางถ้วยเครื่องดื่มลงเบาๆ
“การกระทำของท่านโหวนั้น... จะไม่ทำให้ฮูหยินของท่านเข้าใจผิดหรือ?”
นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่แฝงด้วยความห่วงใย
“ที่ท่านนั่งคุยกับข้าสองต่อสองในห้องเช่นนี้ก็มากพอแล้ว ยิ่งวาจาที่ท่านเอ่ยกับนางอีก... อย่าหาว่าข้าสั่งสอนท่านเลยนะ แต่สตรี ไม่ว่าจะเป็วัยไหนหรือชนชั้นใด ต่างก็้าคำพูดที่ไพเราะและชวนฟังจากผู้ที่ได้ชื่อว่าสามี”
“ให้นางคิดแบบนี้แหละ มันน่าจะดีกับแผนของพวกเรามากกว่า”
“แต่...” สตรีผู้นั้นเอ่ยขึ้นอย่างลังเล
“ไหนจะองค์ชายใหญ่ ไหนจะพวกชนเผ่าเซวียนหยาอีก เข้าเกรงว่าเื่ราวจะบานปลาย หากมีนางเข้ามาเกี่ยวข้อง”
สตรีผู้นั้นถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ชีวิตของข้าพบกับแสงสว่าง เพราะท่านโหวช่วยไว้ ทำให้ข้าไม่พบเจอกับความแร้นแค้น ไม่ถูกกดขี่เฉกเช่นเดิม และยังทำให้ข้าได้พบรักกับคนที่ดี...”
หวังจิ่นหรงพยักหน้าเล็กน้อย ยอมรับคำพูดของนาง แต่ยังคงความสงบนิ่งในท่าที
“ที่ข้ามาในวันนี้ ก็เพื่อรายงานข่าวของพวกมัน... พวกสายลับที่แวะเวียนมาที่หอคณิกาของข้า”
ในอีกมุมของจวน ไป๋ลู่ที่กำลังเดินหงุดหงิดกลับไปยังเรือนของตน พลันพึมพำเบาๆ ด้วยความขุ่นเคือง
“ทำไมคนยุคโบราณชอบทำอะไรยุ่งยากแบบนี้กันด้วย สมรสพระราชทานนี่ช่างบ้าบอเสียจริง...”
ความสัมพันธ์ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันนั้น ไม่เคยเป็สิ่งที่นาง้าเลยสักนิด โดยเฉพาะเมื่อการแต่งงานครั้งนี้นำพาเพียงความดูถูกเหยียดหยามจากคู่ชีวิต
“ถ้าหากข้ามีเงิน ข้าก็ไม่จำเป็ต้องพึ่งพาเขาอีก...”
การอยู่กับหวังจิ่นหรง ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับคำพูดเสียดสี แต่ยังต้องแบกรับความเสี่ยงจากการเป็เป้าหมายของศัตรูที่เขาสร้างไว้รอบด้าน
ทุกครั้งที่ไปไหนมาไหน ไป๋ลู่มักจะรู้สึกว่ามีสายตาลึกลับจ้องมองมาตลอดเวลา ยังมีการเฝ้าระวังในจวนที่แสนจะเข้มงวดราวกับกำลังคุมขังนักโทษอีก ยิ่งทำให้นางอึดอัดจนแทบทนไม่ไหว
จากนั้นไป๋ลู่จึงไปเดินไปยังห้องหนังสือ นางหยิบหนังสือที่มีแผนที่แดนใต้ พร้อมกับการบรรยายภูมิทัศน์ของแดนใต้
“ไปเปิดโรงน้ำชาหรือโรงเตี๊ยมที่เมืองทางแดนใต้น่าจะดีไม่น้อย เพราะแดนใต้เป็เมืองอบอุ่น หากว่าเราทำเครื่องดื่มวางขาย น่าจะทำได้ดีที่เดียว”
จวนที่ไร้รัก ชีวิตที่ต้องรอความรักและเมตตาจากสามีนั้นถึงจะมีชีวิตรอด ไม่ใช่สิ่งที่ไป๋ลู่นึกใฝ่ฝัน มิฉะนั้นสู้ออกไปใช้ชีวิตตามทางของตัวเองดีกว่า
ที่จริงแล้ว ไป๋ลู่ควรจะดีใจ... การมีโอกาสหลุดพ้นจากสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็สิ่งที่นางปรารถนามากที่สุด แต่ทำไมนางกลับไม่ได้รู้สึกยินดีอย่างที่ควรจะเป็
ภายนอกห้องหนังสือนั้น แม้ว่าเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากของหญิงสาวนั้นจะเบาราวกับเสียงกระซิบ แต่ทว่าสำหรับคนที่ฝึกยุทธมาตลอดชีวิต มันก็เพียงพอที่จะได้ยินทุกอย่างแล้ว
“ลู่เอ๋อร์... เ้าไม่ไปจากข้าได้ไหม” เอกบุรุษผู้มีั์ตาสีน้ำตาลทองเอ่ยออกมา น้ำเสียงสั่นเครือผิดกับเมื่อตอนกลางวัน
กว่าข้าจะได้เ้ามาอยู่ข้างกาย รู้ไหมว่าข้าต้องลำบากมากแค่ไหน ข้าต้องเป็ศัตรูกับคนมากมายก็เพราะเ้า
“ข้าจะไม่ปล่อยเ้าไปง่ายๆ... ลู่เอ๋อร์ของข้า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้