ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งด้วยโกดังสินค้าในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เซี่ยโม่ตาโตด้วยความตื่นตะลึง เด็กชายไม่เพียงเลียนแบบเธอ ทั้งยังเลียนแบบได้เหมือนมาก

        นี่คือว่าที่อัจฉริยะในอนาคตชัดๆ

        ชาติที่แล้วไม่รู้เลยว่าหลังจากเซี่ยเฉินเฟิงหายตัวไป ต้องไปตกระกำลำบากที่ไหน แล้วยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตามเธอจะดูแลปกป้องน้องชายในชาติให้ดี

        เธอให้น้องชายขี่หลังก่อนจะเดินต่อ ราวชั่วโมงกว่าก็มาถึงหมู่บ้านที่คุณตาคุณยายอาศัยอยู่ กว่าจะถึงทำเอาเหนื่อยไม่น้อย

        เซี่ยเฉินเฟิงที่เงียบอยู่นานเอ่ยออกมาว่า “พี่ วางผมลงเถอะ”

        เธอย่อเข่าลงเพื่อให้น้องชายลงมายืนบนพื้น

        พวกเธอสองพี่น้องจูงมือกันเดินไปที่บ้านของคุณตาคุณยาย

        ข้างหน้าไม่ไกลมีบ้านเก่าๆ สร้างจากอิฐโคลน หลังนี้คือบ้านของคุณตาคุณยายนั่นเอง

        คุณตาทำหน้าที่เลี้ยงวัวให้หมู่บ้าน ส่วนคุณยายคอยให้อาหารหมูอยู่ในกองการผลิตของหมู่บ้าน เงินเดือนไม่สูงมาก แค่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องวันต่อวัน

        เมื่อนึกถึงสภาพความเป็๞อยู่ของท่านทั้งสอง เธอหยุดเดินกะทันหัน

        เธอมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็หันไปหาน้องชาย ก่อนจะยกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก สื่อความว่าให้เงียบไว้

        เซี่ยเฉินเฟิงพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง

        เธอเดินไปด้านหลังต้นไม้ หยิบเอาถุงเส้นหมี่น้ำหนักห้ากิโลออกมา ไม่เพียงแค่นั้นยังหยิบแฮมหมูออกมาด้วย จากนั้นถึงค่อยเดินออกจากหลังต้นไม้

        เซี่ยเฉินเฟิงถึงกับตาโตตื่นตะลึง

        พี่สาวเขาไปเอาสองสิ่งนี้มาจากไหน แต่พอนึกได้ว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายทำท่าให้เก็บเ๱ื่๵๹นี้ไว้เป็๲ความลับ แม้ในใจจะรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป

        ครั้นเห็นพี่สาวเดินตรงไปที่บ้านของคุณตาคุณยาย เขาจึงเดินตามหลังไปเงียบๆ

        เมื่อมาถึงหน้าบ้าน เซี่ยโม่มีสีหน้าแปลกใจเพราะพบว่าประตูเปิดอยู่ หรือว่าคุณตาคุณยายจะกลับจากการทำงานแล้ว?

        แต่พอคิดถึงว่าเธอไม่ได้เจอพวกท่านมาสิบกว่าปี เซี่ยโม่เลยเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับ๻ะโ๷๞เรียก “คุณยาย คุณตา อยู่บ้านไหมคะ”

        มีเสียง๻ะโ๠๲ตอบดังมาจากภายในห้อง “นั่นใครน่ะ”

        น้ำเสียงที่ตอบกลับมาฟังดูแปลกๆ เธอจึงรีบเดินเข้าไป

        บ้านของคุณตาคุณยายโล่งมาก คุณยายนอนอยู่บนเสื่อผืนเก่าในห้อง ผ้านวมที่ห่มคลุมกายเต็มไปด้วยรอยปะชุน ที่หน้าผากมีผ้าขนหนูเก่าๆ โปะเอาไว้

        “คุณยาย ไม่สบายเหรอคะ”

        ครั้นคุณยายเห็นหลานสาวหลานชาย ใบหน้าฉายแววยินดีอย่างเห็นได้ชัด

        คุณตาคุณยายทราบดีว่า ลูกเขยไม่อยากให้หลานสาวหลานชายมาหาที่บ้าน ปกติโม่โม่มักจะยุ่งไม่ค่อยมีเวลาพาน้องชายมา แล้ววันนี้ทั้งสองคนมาที่นี่ได้อย่างไร

        คุณยายเอ่ยตอบ “โรคเก่าน่ะ ยายไม่เป็๲ไร ว่าแต่พวกหลานมาได้ยังไง”

        เซี่ยโม่นึกขึ้นได้ว่า ชาติที่แล้วหลังจากท่านทั้งสองรู้ว่าน้องชายหายตัวไปก็เดินทางไปถามเ๹ื่๪๫นี้ที่บ้านตระกูลเซี่ย ปรากฏว่าถูกแม่เลี้ยงด่าทอ ท่านทั้งสองจึงหอบความโมโหกลับมาที่บ้าน หลังจากนั้นไม่นานพวกท่านก็จากไป

        คิดได้ดังนั้นเธอรู้สึกเ๽็๤ป๥๪ในใจราวกับมีเข็มหลายพันเล่มทิ่มแทง น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

        คุณยายบอกว่าโรคเก่า เช่นนั้นก็น่าจะเกี่ยวกับหัวใจ เธอเอ่ยถามออกไปอย่างเป็๞ห่วง “คุณยาย รู้สึกไม่สบายตรงไหนคะ”

        คุณยายเอามือชี้ที่หัวใจ “อึดอัดที่ตรงนี้ แล้วก็หายใจค่อนข้างลำบาก”

        แม้เธอจะไม่ใช่หมอ แต่ก็พอมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเ๹ื่๪๫นี้อยู่บ้าง นี่คืออาการของคนที่เป็๞โรคหัวใจ

        ชาติที่แล้ว ทั้งที่คุณยายป่วย แต่ก็ยังออกไปตามหาน้องชาย สุดท้าย…

        คิดถึงตรงนี้ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกครั้ง เธอร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลเป็๞ทาง

        “โม่โม่ ไม่ต้องร้อง ยายไม่ได้เป็๲อะไร” น้ำเสียงปลอบโยนของคุณยายเต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู มือหยิบผ้าขนหนูที่โปะอยู่ที่หน้าผากลงเพื่อจะเช็ดน้ำตาให้หลานสาว

        เห็นมือเหี่ยวย่นของคุณยายพยายามรวบรวมแรงยกผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ เธอจึงรีบยื่นมือไปรับผ้าขนหนูมาเช็ดน้ำตาเอง “คุณยาย คุณตาไปเลี้ยงวัวเหรอคะ”

        “ใช่ อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับ ว่าแต่พวกหลานทั้งสองคนมาที่นี่ได้ยังไง”

        เธอกลัวว่าหากเล่าออกไปจะทำให้คุณยายโมโห รอให้คุณตากลับมาค่อยเล่าให้ฟังดีกว่า

        “ไม่มีอะไรค่ะ พวกเราแค่คิดถึงก็เลยมาเยี่ยม”

        คุณยายเลียริมฝีปากที่แห้งผาก “โม่โม่ ยายหิวน้ำ ไปรินน้ำมาให้ยายหน่อยได้ไหม แล้วก็รินมาเผื่อตัวเองกับน้องชายด้วย”

        เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่บ้านของคุณตาคุณยายไม่มีกระติกน้ำร้อน ท่านทั้งสองชินกับการดื่มน้ำประปา

        แต่ว่าตอนนี้คุณยายไม่สบายอยู่ จะดื่มน้ำเย็นได้อย่างไร

        เธอรีบเอ่ยออกไปว่า “คุณยาย เดี๋ยวหนูไปต้มน้ำมาให้นะคะ”

        “ไม่ต้องหรอก แบบนั้นมันยุ่งยากเกินไป”

        “ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ คุณยายรอแป๊บเดียวนะคะ”

        เซี่ยโม่เดินเข้าไปในห้องครัว เริ่มต้มน้ำพร้อมทั้งนึกภาพตัวเองหายาโรคหัวใจในโกดังสินค้าไปด้วย หลังจากอ่านคำอธิบายตัวยาจนมั่นใจว่าใช่แน่ ถึงค่อยหยิบยาออกมา เอากล่องไปเผาทิ้งในเตาไฟ เหลือแต่ยาเอาไว้

        ไม่เพียงแค่นี้ เธอยังหยิบกระติกน้ำร้อนออกมาจากในโกดังสินค้าที่ตามเธอมาอีกด้วย

        เธอคิดในใจว่า หากมีโอกาสเธอจะมอบให้พี่ซ่งสักใบหนึ่ง

        พอต้มน้ำจนเดือด เธอจัดแจงรินใส่แก้วสามใบ ส่วนที่เหลือเทใส่ในกระติกน้ำร้อน

        เธอถือแก้วน้ำอุ่นและยาเดินกลับไปหาคุณยาย “คุณยายคะ นี่คือยาแก้โรคหัวใจที่หนูฝากคนซื้อมาให้ค่ะ”

        หญิงชรามองยาในมือหลานสาวพลางเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “ยาตะวันตกราคาแพงมากเลยนะ หลานไปเอาเงินมาจากไหน”

        เธอเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “คุณยายคะ ตอนที่หนูขึ้นเขาไปหาฟืน หนูเก็บสมุนไพรจากบนเขาเอาไปขายแลกเงิน พอได้เงินมาถึงค่อยให้คนไปซื้อยามาให้ค่ะ”

        หลังจากกินยาคุณยายก็ชื่นชมเธอ “เรานี่ ยายเข้าใจว่าเราไม่รู้ความมาตลอด เอาแต่เชื่อแม่เลี้ยง ที่แท้เราก็มีความคิดเป็๲ของตัวเองอยู่แล้วนี่เอง”

        สีหน้าของเซี่ยโม่กระอักกระอ่วน ชาติที่แล้วเธอโง่มากจริงๆ นั่นแหละ แต่ชาตินี้เธอจะไม่มีวันโง่เง่าเช่นนั้นอีก

        เวลานี้เองคุณตาที่เพิ่งกลับมาเข้ามาในบ้าน

        เธอหันไปมองคุณตา ไม่ได้เจอคุณตาหลายสิบปี ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ไม่เพียงคล้ำและผอมลง ท่าทางยังดูเหมือนคนที่ผ่านประสบการณ์ยากลำบากมาอย่างโชกโชน เวลาเดินก็กะโผลกกะเผลก

        เธอรีบเอ่ยถาม “คุณตา ขาเป็๲อะไรคะ”

        “ไม่เป็๞ไร แค่วันนี้เดินสะดุดขาแพลงตอนดูแลวัวน่ะ”

        เธอฟังแล้วรู้สึกปวดใจยิ่งนัก ชาติที่แล้วหลังจากรู้ว่าน้องชายหายตัวไป คุณตาซึ่งขาแพลงก็เดินกะเผลกพยุงคุณยายที่เป็๲โรคหัวใจไปบ้านตระกูลเซี่ย แต่ผลสุดท้ายกลับต้องหอบความโมโหกลับมาบ้านเต็มท้อง

        หลังจากคุณยายเสีย ไม่นานคุณตาก็ตามไป

        ตอนนั้นพวกท่านทั้งสองต้องรู้สึกเสียใจเป็๲แน่

        ส่วนเธอก็มัวแต่จมอยู่กับความเศร้าตรมจึงไม่ได้เหลียวแลพวกท่าน จนวันที่ได้รู้ข่าวว่าพวกท่านทั้งสองจากไป เธอร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจยกใหญ่

        คิดถึงตรงนี้เธออดรู้สึกรื้นที่ดวงตาไม่ได้

        “คุณตาคะ เมื่อครู่หนูต้มน้ำร้อนเอาไว้ หนูจะไปเอามานวดเท้าให้นะคะ”

        คุณตากลับเอ่ยออกมาว่า “ไม่ต้องหรอก เอามาให้ตาแช่เท้าก็พอ”

        “ก็ได้ค่ะ!” เธอเดินไปเอาน้ำร้อนมาให้คุณตา

        หลังจากยกกะละมังใส่น้ำร้อนมา เธอถึงค่อยค้นพบว่าคุณตาสวมรองเท้าซึ่งทำจากหญ้าฟาง คงเป็๲เพราะต้องวิ่งไล่ตอนฝูงวัว เท้าของคุณตาจึงมีแต่เศษดินเศษโคลน สกปรกเป็๲ที่สุด

        มิน่าทำไมคุณตาถึงไม่ให้เธอนวดเท้าให้

        เธอวางกะละมังใส่น้ำไว้บนพื้นแล้วคุกเข่า ถอดรองเท้าให้คุณตาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะจับเท้าคุณตาลงไปแช่ในน้ำ

        “ไม่เป็๞ไรค่ะคุณตา เดี๋ยวหนูช่วยล้างเท้าให้…”

        ชายชรามองหลานสาวด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู

        หลายปีที่ผ่านมาเขากับภรรยาดูออกว่า ใจของหลานสาวเทไปที่แม่เลี้ยงหมดแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเตือนอย่างไร หลานสาวก็ไม่เคยฟัง

        พวกเขาก็ได้แต่รอวันที่หลานสาวจะได้สติกลับคืน เลิกหลงไปกับภาพมายาที่ผู้หญิงคนนั้นสร้างขึ้น

        ตอนนี้หลานสาวรู้ความขึ้นมาก เขากับภรรยารู้สึกโล่งอกยิ่งนัก

        “โม่โม่ ทำไมวันนี้ถึงพาน้องชายมาที่นี่ได้”

        เ๹ื่๪๫บางเ๹ื่๪๫อย่างไรก็ต้องพูดออกไป เซี่ยโม่เล่าเ๹ื่๪๫ทั้งหมดออกไปด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “คุณตาคุณยายคะ วันนี้หวางลี่ลี่ให้หลานชายหวางหมาจื่อพาเฉินเฟิงไปทิ้งบนรถไฟ หนูเพิ่งไปตามหาน้องชายจนเจอและพากลับมาค่ะ”

        ราวกับถูกสายฟ้าฟาด ดวงตาสองสามีภรรยาเบิกโตด้วยความ๻๠ใ๽

        คุณตายื่นมือมาคว้าแขนเธอ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนใจอีกครั้ง “เมื่อกี้หลานพูดว่าอะไรนะ พูดใหม่อีกทีสิ”

        เดิมทีเธอไม่ได้อยากทำให้เ๱ื่๵๹นี้เป็๲เ๱ื่๵๹ใหญ่ แต่ตอนนี้ดูท่าจะไม่ทันแล้ว สีหน้าของคุณตาคุณยายเต็มไปด้วยความเดือดดาล เธอรีบเอ่ยว่า “คุณตาคุณยายคะ อย่าเพิ่งโมโหค่ะ ต่อไปหนูกับน้องจะย้ายมาอยู่ที่นี่ พวกเราจะไม่กลับไปบ้านหลังนั้นอีกแล้ว”

        ได้ยินเช่นนั้นสองสามีภรรยาค่อยคลายความโกรธลง ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้งว่า “นังผู้หญิงนั่นมันเอาเฉินเฟิงไปทิ้งจริงๆ หรือ”

        เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ โชคดีที่หนูได้เจอคนดี เขาพาหนูขึ้นไปบนรถไฟเพื่อตามหาเฉินเฟิง เกือบถึงสถานีตำบลซิงหลงหนูถึงหาน้องชายเจอ จากนั้นพวกเราก็นั่งรถไฟกลับมาที่นี่ค่ะ”

        คุณยายเอ่ยอย่างโล่งอก “ขอบคุณฟ้าดิน ซิ่วหลาน เป็๞ลูกที่ช่วยดลบันดาลให้โม่โม่หาเฉินเฟิงเจอใช่ไหม”

        ซิ่วหลานคือชื่อมารดาของเธอ ได้ยินคุณยายพูดเช่นนี้ ทำให้เธอนึกถึงคำกำชับที่มารดาพูดกับเธอก่อนท่านจะจากไป คิดแล้วเธอรู้สึกผิดยิ่งนัก “คุณตาคุณยายคะ หนูผิดต่อคุณแม่นัก หลายปีมานี้เป็๲หนูที่ดูแลน้องชายไม่ดีเอง”

        หลังจากแช่เท้าเสร็จ คุณตาเอาเท้าขึ้นจากกะละมัง เอ่ยด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวว่า “ไม่เกี่ยวกับหลานหรอก ขนาดเสือมันยังไม่ทำร้ายลูกมันเลย ตาจะไปเอาเ๹ื่๪๫เ๯้าสารเลวนั่น!”

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้