สองเดือนต่อมา
จวนสกุลกู่ ภายในห้องหนังสือของกู่ไห่
ตอนนี้ กู่ไห่กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของตน ด้านหน้าของเขาคือกู่ฉิน ซ่างกวนเหิน เฉินเทียนซาน และพ่อค้าบางคนของจวนสกุลกู่ ที่ได้เดินทางมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้
“พ่อบุญธรรม แคว้นต้าจินและแคว้นลู่ถูกยึดครองโดยสมบูรณ์แล้ว ทว่ายังคงมีการก่อฏเล็กๆ ในแคว้นบ้างเป็ครั้งคราว แต่ก็ไม่เป็อันตรายมากนัก ใน่เวลาเปลี่ยนผ่านนี้ ถือเป็เื่ปกติ” กู่ฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถูกต้อง! ได้รับข่าวดีมาจากพ่อค้าหลายคน แคว้นไช่ แคว้นลู่ แคว้นต้าจิน และแคว้นเฉิน ยอมจำนนต่อสกุลกู่ของเราแล้ว
ยังเหลือเพียงแคว้นเจ่า ที่ยามนี้หัวหน้าพ่อค้าเจ่า ก็ยังวุ่นวายไม่น้อย ทว่า เมื่อเราส่งทหารไปยึดหลายเมือง พวกเขาก็เริ่มคิดที่จะยอมจำนน เชื่อว่าอีกไม่นาน แคว้นเจ่าคงจะยอมพ่ายแพ้แต่โดยดี” เถ้าแก่ผู้หนึ่งะโด้วยความตื่นเต้น
“แคว้นเจ่าอยู่ภายใต้การปกครองของสำนักหมู่ตาน คนที่ส่งไปแฝงตัวในสำนักหมู่ตาน ได้ความว่าอย่างไรบ้าง” กู่ไห่ถามเสียงเข้ม หลังจากดื่มชาในมือเสร็จ
“ไม่มีข่าวเลยขอรับ!” กู่ฉินส่ายหัว
“ทว่าสำนักหมู่ตานนั้น แม้จะมีผู้ฝึกตนจำนวนมากก็จริง แต่ถูกพวกเราล้อมเช่นนี้ พวกเขาจะดูแลแคว้นเจ่าได้อย่างไร?” กู่ฉินพูดกลั้วหัวเราะ
กู่ไห่พยักหน้า “ในกรณีนี้ ให้ออกคำสั่งไปยังเกาเซียนจือและพ่อค้าเจ่า ให้พวกเขาเข้ายึดแคว้นเจ่าให้ได้โดยเร็วที่สุด! บอกกองทัพฟ้า เหล่ากำลังพลผู้ฝึกตนของเกาเซียนจือ ว่าอย่าลากเวลาให้เนิ่นนานเกินไปนัก!”
“ขอรับ!” กู่ฉินขานรับอย่างเห็นด้วย
“เฉินเทียนซาน ข้าได้ยินมาว่ามีผู้ฝึกตนจำนวนมาก สมัครใจมาเข้าร่วมกับจวนสกุลกู่อย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่มองไปยังเฉินเทียนซาน
“ถูกต้องแล้วนายท่าน เมื่อสองเดือนก่อน ที่ท่านได้สำแดงพลังในการต่อสู้กับาาปีศาจทั้งห้า ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนจำนวนมากต่างตกตะลึง และมีหลายพันคนที่พร้อมใจจะเข้าร่วมกับจวนสกุลกู่” เฉินเทียนซานกล่าวด้วยความพึงพอใจ
“เมื่อมีคนเข้าร่วมมาก ปัญหาก็จะมากตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นเ้าต้องจัดการให้ดี” กู่ไห่กำชับ น้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ!” เฉินเทียนซานตอบ
“ซ่างกวนเหิน ทางเ้าล่ะ การค้นหาเป็อย่างไรบ้าง?” กู่ไห่มองไปทางซ่างกวนเหิน
ซ่างกวนเหินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนส่ายหัว และกล่าวว่า “นายท่าน ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าได้ทุ่มเทกำลังออกค้นหาแล้ว และกลับไม่พบร่องรอยใดๆ เลย คนของเฉินจีหยิงช่างรอบคอบนัก”
“ยังไม่พบ?” กู่ไห่ถามอย่างเคร่งขรึม
“ขอรับ!”
“ค้นหาต่อไป... อย่าหยุด!” กู่ไห่สั่งเสียงเคร่ง
“ขอรับ!” ซ่างกวนเหินตอบ
กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าแดงก่ำ เหมือนจะไม่ค่อยสบายตัวเท่าใดนัก
“พ่อบุญธรรม ท่านเป็อะไรหรือเปล่าขอรับ?” กู่ฉินถามด้วยความตื่นตระหนก
“ไม่เป็ไร!... ข้าสบายดี” กู่ไห่ส่ายหน้าปฏิเสธ
นี่เป็ความรู้สึกไม่สบาย อันเกิดจากการกลืนกินผู้ที่มีพลังระดับหยวนอิงไปถึงห้าตน ทำให้พลังยังคงสะสมอยู่ในร่างกาย และไม่อาจระบายมันออกไปได้
“ภัยแล้งในห้าแคว้นตอนนี้ รุนแรงมากหรือไม่?” กู่ไห่เอ่ยถาม พลางมองไปยังเถ้าแก่ตรงหน้า
“ขอรับ! นายท่าน มีข่าวมาจากทั่วสารทิศ ว่าปีนี้ภัยแล้งรุนแรงมาก มีความแห้งแล้งอย่างหนัก ไร่นาที่เคยอุดมสมบูรณ์หลายพันลี้ ไม่อาจเก็บเกี่ยวพืชผล
ทั้งยังเจอฝูงตั๊กแตนอีก ในหลายๆ พื้นที่ที่ปลูกข้าว เมื่อข้าวออกรวง ก็ถูกฝูงตั๊กแตนลง ทุกที่ที่มันกรายผ่าน ไม่หลงเหลือแม้แต่เศษซาก ไม่ว่าบนูเาหรือพื้นราบ
ผู้คนอยู่อย่างยากไร้ ต้องดำรงชีวิตด้วยการแทะเปลือกไม้ หนักหนาถึงขั้นฆ่ากินเด็ก ช่างน่าสลดใจนัก!” เถ้าแก่รายงาน
ได้ยินเช่นนั้น กู่ไห่จึงขมวดคิ้วแน่น พลางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะตรงหน้าเบาๆ อย่างใช้ความคิด
“ทำความดีเพื่อสั่งสมผลบุญ... บุญกุศล... พลังกุศล?” กู่ไห่หรี่ตาลงเล็กน้อย
“นายท่าน จวนสกุลกู่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ? แม้เราจะกักตุนเสบียงเอาไว้มากมายก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถช่วยผู้คนได้ทั้งโลก” เถ้าแก่เอ่ย
“ทำอย่างสุดความสามารถ เพื่อช่วยเยียวยาผู้คนจากภัยพิบัติในครั้งนี้!” กู่ไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่นายท่าน ข้าได้คาดเดาความเป็ไปได้เอาไว้แล้ว ภัยพิบัติในครั้งนี้หนักหนาเกินไป แม้เราจะรวบรวมเงินทองจากทั้งห้าแคว้น เปิดคลังสมบัติทั้งหมด และทุ่มเททรัพย์สมบัติในคลังของจวนสกุลกู่ เข้าช่วยเหลือ ก็สามารถช่วยพวกเขาได้เพียงสองเดือนเท่านั้น หากพ้นสองเดือนนี้ไป ข้าคิดว่าทรัพยากรของเราก็คงจะหมดลงเช่นกัน” เถ้าแก่กล่าวอย่างกังวล
“ข้าบอกเ้าแล้ว ว่าให้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือผู้คนจากภัยพิบัติ ส่งคำสั่งของข้าไปยังร้านค้าทุกแห่ง ว่าอย่าขึ้นราคาอาหาร”
“ขอรับ!” เถ้าแก่ตอบรับอย่างฝืนใจ
“ข้า้าผลบุญ เพื่อเกื้อหนุนตนเอง ส่วนอาหารในสองเดือน ข้าจะหาหนทางเอง” กู่ไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ!” เถ้าแก่ขานรับ
...
แคว้นต้าจิน
ผู้คนในหลายพื้นที่ หาได้สนใจการล่มสลายของแคว้น เพราะในยามนี้ พวกเขาไม่อาจดำรงชีพต่อไปได้อีกแล้ว ครอบครัวจะอดตายอยู่รอมร่อ จะมีเวลาไปใส่ใจเื่ของแคว้นได้อย่างไร?
ในป่านอกเมืองบางแห่ง ผู้คนพากันแทะเปลือกไม้ เคี้ยวเอื้อง กินทุกอย่างที่สามารถกินได้ เพื่อประทังชีวิต แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่อดตายเพราะขาดอาหาร มีศพผอมแห้งซุกอยู่ในมุมมืดบางแห่ง ทั้งในและนอกเมือง
ในครอบครัวที่อยู่เหนือหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มเด็กน้อยที่เอาแต่ร้องไห้ คู่สามีภรรยาชรานั่งอยู่ข้างๆ เธอ พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้าง ก็แสดงความเ็ปออกมาเช่นกัน
“ข้าได้คุยกับบ้านหวังที่หมู่บ้านข้างๆ ไปแล้ว ว่าจะยกเสี่ยวเปาให้เขา และเขาก็จะยกลูกของเขาแลกเปลี่ยนกลับมาให้เรา” ชายวัยกลางคนพูดอย่างเ็ป
“ไม่ๆ! ข้าไม่อยากยกเสี่ยวเปาให้เขา... ข้าไม่อาจยกลูกของตัวเองให้พวกเขาได้… ฮือๆๆ!” หญิงสาวอุ้มเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้จ้า ด้วยความหวาดกลัว
“ท่านแม่ข้าหิว!” เด็กน้อยในอ้อมแขนเอ่ย พลางสะอื้นไห้หนัก
ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนก็คุกเข่าลง “เสี่ยวเปา พ่อขอโทษ แต่ถ้าหากไม่ยกเ้าให้ครอบครัวหวัง พวกเราก็ต้องอดตาย เพื่อพ่อแม่ ลูกไม่อาจอกตัญญู รอพ้นปีแห่งภัยพิบัติไป ทุกอย่างก็จะดีขึ้น… ฮือๆๆ!”
“ไม่ๆ! ข้าไม่แลกลูกกับสกุลหวัง ข้าจะไม่ยกเสี่ยวเปาให้กับพวกเขา... ข้าไม่เอาๆ!” หญิงสาวร้องไห้อย่างน่าสังเวช
พลันชายชราก็ถือไม้ขึ้นมา และตีชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น “ทำเช่นนี้ได้อย่างไร? เหตุใดเ้าถึงกล้าตกลง ที่จะมอบเสี่ยวเปาให้กับพวกเขา... ข้าจะฆ่าเ้าเสีย!”
ชายชราทุบตีชายวัยกลางคนด้วยความโกรธเกรี้ยว เมื่อหญิงชราเห็นเช่นนั้น จึงรีบเข้าไปห้ามทันที “อย่าตี! ลูกของเรามันบ้าไปแล้ว ใช่แล้ว! บ้านหลี่ที่อยู่ข้างๆ ก็แลกเปลี่ยนลูกชายไปแล้ว เราเป็คนที่บีบบังคับให้ลูกต้องทำเช่นนี้! เราทำให้พวกเขาต้องมายุ่งกับเื่นี้!!”
ชายชราทุบตีชายวัยกลางคน ทว่าบนใบหน้า กลับเผยให้เห็นถึงความขมขื่น ดวงตาคู่นั้นมองดูหญิงชรา ที่กำลังยกยิ้มอย่างขื่นขม และกล่าวว่า “ภรรยาของข้า เสี่ยวเปาตัวเล็ก เขาคงไม่อาจทำให้ครอบครัวของเราอิ่มได้ ลูกชายและหลานของเรากำลังหิว ให้พวกเขากินเราแทนเถอะ!”
หญิงชรามองสามีของตน พลางคลี่ยิ้มเศร้าสลด ก่อนจะพยักหน้า
“ไม่! ท่านพ่อ ท่านแม่... ไม่เอา! ลูกสำนึกผิดแล้ว ท่านอย่าได้คิดที่จะทำเช่นนี้เลย” ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนก็ร้องไห้ พลางกอดขาของผู้เป็พ่อ
“บ้านหลี่ที่อยู่ห้องข้างๆ ได้แลกลูกชายกับคนอื่นเพื่อกินเป็อาหาร รอจนกินเสร็จ พวกเขาก็หิวอีก ถึงตอนนั้น ถึงได้นึกย้อนขึ้นมา และเสียใจจนฆ่าตัวตาย ลูกข้า กินพวกเราเถอะ อย่ายกเสี่ยวเปาให้คนอื่นเลย เขาเป็ดั่งแก้วตาดวงใจของครอบครัวเรานะ” ชายชราพูด พลางร่ำไห้
“ไม่! ไม่…!” ชายวัยกลางคนคร่ำครวญ
หญิงสาวที่ยังคงอุ้มเด็กอยู่ในอ้อมกอด แสดงท่าทีสิ้นหวังแล้วในตอนนี้ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกสะใภ้คนนี้ไม่อาจอกตัญญูได้ โปรดให้เสี่ยวเปาไปที่บ้านหวังเถอะ… ฮือๆๆ!”
“ท่านแม่ข้าหิว!” เด็กน้อยยังคงร้องไห้จ้า
ทั้งครอบครัวตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนรู้สึกสิ้นหวังนัก ไม่ว่าจะมองไปที่ใด ก็ไร้ซึ่งทางออกสำหรับสถานการณ์ในยามนี้
ยิ่งกว่าภัยพิบัติ... ครอบครัวส่วนใหญ่ต่างต้องประสบกับความหายนะเช่นนี้
โหม่งๆๆ!
จู่ๆ เสียงตีฆ้องก็ดังออกมาจากนอกบ้านหลังเล็ก
“นายท่านกู่ เปิดยุ้งฉาง เพื่อแจกเสบียงและข้าวต้ม คนที่ไม่มีหม้อที่บ้าน ก็สามารถนำชามมาเข้าแถวรอรับได้!
นายท่านกู่ เปิดยุ้งฉาง เพื่อแจกเสบียงและข้าวต้ม คนที่ไม่มีหม้อที่บ้าน ก็สามารถนำชามไปเข้าแถวรอรับได้!”
คนตีฆ้องประกาศเสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณ
นี่เป็ดั่งความหวังสุดท้าย ซึ่งหยิบยื่นให้กับครอบครัวที่กำลังจะสิ้นหวัง ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้น มองซึ่งกันและกัน
“คนข้างนอกกล่าวว่า นายท่านกู่เปิดยุ้งฉางเพื่อแจกเสบียงและข้าวต้ม?”
“นายท่านกู่ คือผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในหกแคว้น? ลูกชาย ลูกสะใภ้ หลานชาย เราได้รับการช่วยเหลือแล้ว”
“เปิดยุ้งฉางแจกเสบียง? ข้าวต้ม?”
“ฮือๆๆ! เสี่ยวเป่า… เสี่ยวเป่าของเรา.. ฮือๆๆ!” หญิงสาวกล่าวพร้อมกระชับอ้อมแขนแน่น
คนในครอบครัว ต่างก็หยิบหม้อและชามของพวกเขา แล้วเร่งเดินออกจากกระท่อมไป
ผู้คนหลั่งไหลมารวมตัวกันในยุ้งฉาง
ขณะนี้ ยุ้งฉางขนาดใหญ่ ได้เป็ที่ชุมนุมของเหล่าผู้ประสบภัยจำนวนนับไม่ถ้วน ที่ทั้งผอมแห้งและซีดเซียว แต่ละคนลากครอบครัวของพวกเขามา พร้อมกับถือหม้อและชามในมือ
ในยุ้งฉาง มีหม้อขนาดใหญ่นับสิบใบตั้งอยู่ และต้มข้าวต้มไม่หยุด หลังจากต้มเสร็จแล้ว ก็เทลงในถังขนาดใหญ่ทันที จากนั้นจึงนำไปวางเพื่อตักแจกจ่ายให้กับผู้คน เมื่อข้าวต้มหมดแล้ว หม้อก็จะถูกล้าง และต้มข้าวต่ออีกรอบทันที
ผู้ประสบภัยมากมาย ต่างก็เข้าแถวต่อๆ กัน ยาวจนไกลลิบเป็สิบแถว ก่อนจะค่อยๆ เดินไปยังถังข้าวต้มทีละคนอย่างเป็ระเบียบ
ครอบครัวห้าคนนั้น ได้ยืนต่อที่ปลายแถวยาวแถวหนึ่ง และในที่สุดก็มาถึงหน้าถังข้าวต้ม มือผอมสั่นระริก ยื่นชามใบใหญ่ออกไป
“ขอบคุณๆ!” ชายชราเอ่ยด้วยความปีติยินดี
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ขอบคุณนายท่านของข้าเถิด นายท่านของข้าคือท่านกู่ไห่ นายท่านกู่!” คนแจกข้าวต้มหัวเราะ
“ใช่ๆ! ต้องขอบคุณนายท่านกู่… ขอบพระคุณนายท่านกู่!” ดวงตาของชายชราเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
ครอบครัวที่ได้รับข้าวต้ม ต่างก็แสดงความขอบคุณอย่างซาบซึ้ง ในหมู่พวกเขา เด็กน้อยคว้าชามใบใหญ่ขึ้นซดจนหมดในรวดเดียว มือเล็กกำชามใบใหญ่แน่น อย่างไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย
“เสี่ยวเปาเ้ารอดแล้ว... ฮือๆๆ!” หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างกล่าว พลางร้องไห้โฮอย่างโล่งใจ
“เข้าใจแล้ว! เช่นนั้นเอาชามมา ข้าจะตักเพิ่มให้อีกชาม เพื่อมอบให้เด็กคนนี้” ชายที่ถือกระบวยกล่าว พลางยกยิ้ม
“ขอบคุณๆ!” หญิงสาวร้องไห้ด้วยความขอบคุณ
“ทั้งหมดนี้เป็ความตั้งใจของเ้านายข้า นายท่านของข้า กู่ไห่ หากพวกท่าน้าขอบคุณ ก็ขอบคุณนายท่านกู่เถอะ เราแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น” ชายคนนั้นหัวเราะ
“ขอบคุณนายท่านกู่!”
เมื่อครอบครัวนี้ได้อาหารแล้ว ก็ค่อยๆ ก้าวหลบออกไปทางด้านข้าง แล้วคนที่อยู่ข้างหลังก็จะก้าวขึ้นไปแทน เพื่อรับของต่อไป
เมื่อมาถึงสถานที่เงียบสงบ ครอบครัวห้าคนก็บรรจงซดอาหารในถ้วยของตนจนหมด ผิวพรรณที่ซีดเซียวก็ค่อยๆ ดูดีขึ้นเล็กน้อย
“ขอบคุณนายท่านกู่! ลูกชายของข้า ลูกสะใภ้ ภรรยา เสี่ยวเปา เราขอขอบคุณนายท่านกู่ ขอบคุณนายท่านกู่ที่ช่วยชีวิตเสี่ยวเปาของพวกเรา” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ใช่!”
เสี่ยวเปาถูกครอบครัวลากไปคุกเข่าอย่างไม่รู้ประสีประสา เขาคุกเข่า หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และโค้งตัวลงก้มคำนับไปยังจวนสกุลกู่จากที่ไกลๆ
บริเวณโดยรอบ มีเหล่าผู้ประสบภัยหลายคนที่รอดชีวิตจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ เมื่อเห็นครอบครัวนี้คุกเข่า จึงปฏิบัติตามโดยการคุกเข่าลง และหันไปยังทิศเดียวกัน เพื่อขอบคุณนายท่านกู่ที่อยู่ไกลออกไป
ภาพนี้ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ประสบภัย ทั่วทั้งสี่แคว้น อันได้แก่ แคว้นเฉิน แคว้นไช่ แคว้นลู่ และแคว้นต้าจิน
เป็ความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ และเป็การสร้างกุศลอย่างมหาศาล ที่เปิดยุ้งฉางและแจกจ่ายเสบียงเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
เพียงชั่วครู่ การขอบคุณอย่างจริงใจทั้งหมดก็ส่งไปถึงกู่ไห่ การสำนึกในบุญคุณ แปรเปลี่ยนเป็พลังกุศล ที่มุ่งหน้าเข้าสู่จวนสกุลกู่
ผลบุญในการทำคุณประโยชน์ในครั้งนี้ สะสมกันเป็จำนวนมากจนเกิดเป็พลังชี่พุ่งตรงไปยังกู่ไห่
...
ห้องโถง ภายในจวนสกุลกู่
กู่ไห่ที่นั่งอยู่บนหอคอย กำลังมองดูบางอย่าง ที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา คล้ายลมแรงที่กำลังพัดผ่านอากาศเบาบาง ก่อนจะพุ่งเข้าสู่ร่างของเขา
ความรู้สึกที่คุ้นเคยของการได้รับพลังกุศล! พลังแห่งผลบุญจากทั่วทุกมุมโลกรวมตัวกัน กลายเป็พลังชี่ และพุ่งตรงเข้าไปในร่างของกู่ไห่
เขารู้สึกราวกับว่ารูขุมขนทั่วทั้งร่างเปิดขึ้นทันที และความสดชื่นอย่างมาก ก็เข้าเติมเต็มร่างกายเขา
“พลังชี่? แน่นอนว่าการทำความดีสร้างบุญกุศล จะสามารถสะสมพลังกุศลได้ และนี่คือผลตอบแทนของการทำความดี ความรู้สึกนี้คือสิ่งที่ข้าสมควรได้รับ” กู่ไห่กล่าว พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่