เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงะโขององค์หญิงฉางผิง หานอวิ๋นซีก็แสดงความเป็มืออาชีพของหมอโดยการไม่สนใจ สีหน้าของนางสงบและแฝงไปด้วยความจริงจัง ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอำนาจและรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
นางไม่ตอบ ใช้ปลายนิ้วลูบแก้มขององค์หญิงฉางผิงเบาๆ ทำให้องค์หญิงฉางผิงสงบลงทันที แม้แต่ฮองเฮาเองก็ยังประหม่าและไม่กล้าถามอะไร
หานอวิ๋นซีแตะด้านขวาและด้านซ้าย เมื่อพิจารณาจากการสแกนพิษเมื่อครู่แล้ว พิษขององค์หญิงฉางผิงคงปะทุขึ้นอีกครั้งในเร็วๆ นี้
นางััอยู่เป็เวลานาน ทว่าไม่ส่งเสียงใดๆ องค์หญิงฉางผิงและฮองเฮากระวนกระวายมาก แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าถามอะไร และยิ่งไม่กล้าพูดจาไร้มารยาทออกมา แม้แต่กู้เป่ยเยวี่ยที่รออยู่นอกม่านก็ยังประหม่าเล็กน้อย
เขารู้ว่าหานอวิ๋นซีสามารถล้างพิษได้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่านางจะสามารถล้างพิษบนใบหน้าขององค์หญิงฉางผิงได้หรือไม่ เขาแค่แนะนำไปเท่านั้น
ทั้งห้องเต็มไปด้วยความเงียบและบรรยากาศตึงเครียด!
แต่ใครจะรู้ว่าจู่ๆ หานอวิ๋นซีจะปล่อยมือออกมาราวกับว่าใอย่างไรอย่างนั้น รีบลุกขึ้นยืนและถอยห่าง ร้องอุทานว่า “พระเ้า พิษเปลี่ยนไปแล้ว อีกไม่นานมันจะสามารถติดต่อได้!”
อะไรนะ?
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮองเฮาก็ถอยห่างราวกับจะหนีเอาชีวิตรอด สาวใช้ทุกคนที่อยู่รอบตัวนางเองก็ถอยหนีด้วยความกลัวเช่นกัน มันน่ากลัวเกินไป!
ถ้าติดโรคร้าย นับประสาอะไรกับองค์หญิง ต่อให้เป็ฮองเต้ก็ยังถูกพาตัวออกจากวังไปขังไว้ในวังอื่นที่อยู่ชานเมือง ถ้ารักษาไม่หายดี ก็จะไม่ได้กลับมาอีกเลย
องค์หญิงฉางผิงผงะไปครู่หนึ่งแล้วคร่ำครวญด้วยความใ “ข้าไม่เอา! ข้าไม่เอา! ฮือฮือ...เสด็จแม่ โปรดช่วยข้าด้วย! ข้าไม่อยากถูกส่งไป! ข้าไม่้า!”
ฮองเฮาคือคนหนึ่งที่ถอยห่างออกมาไกลที่สุด ใบหน้าของนางซีดเซียวด้วยความกังวล และถามอย่างกระวนกระวายว่า “อวิ๋นซี สรุปแล้วรักษาได้หรือไม่?”
หานอวิ๋นซีเลี่ยงที่จะตอบ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม “ดูเหมือนว่าพิษกำลังจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง”
แน่นอนว่าทันทีที่นางพูดจบ องค์หญิงฉางผิงก็เริ่มดิ้นรน “คัน! เสด็จแม่ ใบหน้าของข้าเริ่มคันอีกแล้ว! ท่านปล่อยข้านะ!”
“พวกเ้าปล่อยมือข้า!”
“เสด็จแม่ ท่านช่วยข้าเถอะนะ! ข้าขอร้องล่ะ!"
ในไม่ช้า เท้าของนางก็เริ่มคันเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เท้าทั้งสองถูกมัดไว้ นางเตะอย่างแรงแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนต่างใ ไม่คาดคิดว่าหานอวิ๋นซีจะมีทักษะจริงๆ ทั้งยังพูดถูกทั้งหมด
ฮองเฮาที่รู้สึกหวาดกลัว นางกล้าก้าวไปข้างหน้าเสียที่ไหนกัน คว้ามือของหานอวิ๋นซีแล้วถามว่า “เ้าพูดถูกแล้วจริงๆ! อวิ๋นซี เ้าเก่งกาจเหลือเกิน เ้าต้องมีวิธีช่วยฉางผิงใช่หรือไม่?”
“อวิ๋นซี โรคติดเชื้อไม่ใช่เื่เล็กน้อย เ้าต้องมีวิธีแก้ไขใช่หรือไม่?”
หากเื่นี้ถูกแพร่กระจายออกไป อย่าว่าแต่องค์หญิงฉางผิงเลย แม้แต่ฮองเฮาและคนอื่นๆ ที่แตะต้องตัวนางก็จะถูกกักกันเป็เวลานาน และฮองเฮาที่แม้ว่าจะไม่ติดเชื้อ ก็อาจไม่ได้พบฮ่องเต้เป็เวลาหนึ่งปีครึ่ง!
ในตำหนักเซินกง มีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องฮองเฮา ฮองเฮาไม่ยอมเสียเวลาหนึ่งปีครึ่งอย่างแน่นอน
“ช่วยข้าด้วย…เสด็จแม่ รีบให้นางช่วยข้าสิ!”
“ข้าคันจะตายอยู่แล้ว ใครก็ได้ช่วยข้าที!”
“เสด็จพ่อ ฮือฮือ...ข้าอยากเจอเสด็จพ่อ!”
…
องค์หญิงฉางผิงที่กำลังถูกทรมานอย่างไร้เยื่อใย ขณะเดียวกัน หานอวิ๋นซีก็ผลักของฮองเฮาออกไปแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าขอลองก่อน”
“ตกลง!” ฮองเฮาพยักหน้าซ้ำๆ
หานอวิ๋นซีเดินไปนั่งข้างๆ องค์หญิงฉางผิง เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนต่างประหม่าและจ้องมองอย่างตั้งใจ สตรีผู้นี้มีวิธีจริงๆ หรือ?
องค์หญิงฉางผิงะโอย่างบ้าคลั่ง ส่ายหัวอย่างแรงและบิดตัวไปมา ทันทีที่เห็นหานอวิ๋นซี นางก็สงบสติอารมณ์และด่าทอว่า “ทั้งหมดเป็เพราะเ้า! มันเป็เพราะเ้า!”
“เป็เ้าที่ทำให้ข้าเป็แบบนี้!”
“ข้าเตือนเ้าไว้เลยนะ หากเ้าช่วยข้าไม่ได้ เสด็จแม่ของข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไปแน่!”
“ฉางผิง!”
ฮองเฮาพูดเสียงดัง “พูดเื่บ้าอะไร?”
ทันใดนั้นนาง้าขอโทษและอธิบายกับหานอวิ๋นซี แต่หานอวิ๋นซีกลับยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้นางเงียบ
ฮองเฮาเงียบ แต่องค์หญิงฉางผิงกลับคลุ้มคลั่งยิ่งขึ้น “หานอวิ๋นซี ถ้าเ้า...”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะพูดจบ หานอวิ๋นซีก็ทายาขี้ผึ้งบนใบหน้าของนาง เพียงพริบตา องค์หญิงฉางผิงก็ปิดปาก และดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ!
ยานี้...
สุดยอดไปเลย!
บริเวณที่ทายานั้นรู้สึกเย็น และคิดไม่ถึงว่าจะไม่คันเลย!
“ถ้าข้า...ทำไมหรือ?” หานอวิ๋นซีกระซิบ
องค์หญิงฉางผิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะ “ไม่...ไม่...”
หานอวิ๋นซีทายาลงบนตุ่มพิษอีกครั้ง ความรู้สึกเย็นเฉียบในการบรรเทาอาการคันนั้นดีกว่าการเป็ะเสียอีก องค์หญิงฉางผิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพ่นลมหายใจออกมา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า “สบายจัง!”
“สบายหรือ?” หานอวิ๋นซีถามด้วยรอยยิ้ม
องค์หญิงฉางผิงพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ข้า้าอีก! เอาอีก!”
หานอวิ๋นซีลังเลด้วยสีหน้าลำบากใจ องค์หญิงฉางผิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก มองไปที่ขวดยาขนาดใหญ่ในมือของหานอวิ๋นซีและรีบขอร้อง “เสด็จอาหญิง ได้โปรด ได้โปรดล่ะ! ข้าผิดไปแล้ว เป็ข้าที่หาเื่ใส่ตัว ข้าผิดไปแล้ว ท่านช่วยข้าเถิดนะ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮองเฮาก็พูดอย่างรีบร้อนว่า “อวิ๋นซี ฉางผิงยังเด็กและไม่รู้เื่รู้ราว หากนางทำให้เ้าขุ่นเคืองก็อย่าไปใส่ใจเลย!”
หานอวิ๋นซีหันกลับมามอง “ฮองเฮาพูดตลกแล้ว อวิ๋นซีจะไปแค้นนางได้อย่างไรกัน เพียงแต่ว่าบนใบหน้าของนางมีรอยแผลอื่น หากใช้ยานี้ อวิ๋นซีกลัวว่ามันจะทิ้งรอยแผลเป็ไว้ นั่นเป็เหตุผลที่ข้าลังเล”
ขณะที่นางพูด ก็นั่งลงที่ปลายเตียง ในขณะที่กำลังยื่นยาให้องค์หญิงฉางผิง ก็พูดอย่างจริงจังว่า “หยุดอาการคันที่เท้าก่อน ส่วนอาการคันที่ใบหน้า ข้าแนะนำว่าองค์หญิงอดทนไปก่อนจะดีกว่า เพื่อไม่ให้ใบหน้าเสียโฉม ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมยาแก้พิษก่อนที่พิษจะแพร่กระจาย”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ฮองเฮาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุด “ดีมาก ยอดเยี่ยมไปเลย!”
นางรีบบอกกับองค์หญิงฉางผิงว่า “เ้าอดทนไว้ก่อนนะ หากเสียโฉมไป พี่ชิงอู่จะไม่้าเ้านะ!”
องค์หญิงฉางผิงที่น้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลาตอบกลับไปว่า “ได้เลย! ข้าทนได้ ข้าทนได้...ฮือฮือ...ข้าทนมาหลายครั้งแล้ว”
นางพยายามเพ่งความสนใจไปที่ความรู้สึกเย็นที่เท้า แต่ในขณะที่กำลังพูดว่าทนได้ ทั้งสองมือก็ยังคงควบคุมไม่ได้ มันคันและเ็ปเกินไป!
หลังจากหานอวิ๋นใส่ยา นางบอกแค่เพียงว่า “่นี้อาจเป็่แพร่ระบาด การไม่เข้าใกล้นางจะเป็การดีที่สุด”
ประโยคนี้ ส่งองค์หญิงฉางผิงลงนรกอย่างไม่ต้องสงสัย
ความรักของครอบครัวในราชวงศ์นั้นไม่เคยมีความจริงแท้
ฮองเฮาคงไม่มาเยี่ยมองค์หญิงฉางผิงอีก ปล่อยให้สาวใช้สองสามอยู่คนรับใช้ และรีบออกไปกับหานอวิ๋นซี
เมื่อเห็นว่าหานอวิ๋นซีกำลังออกไป องค์หญิงฉางผิงก็ทนแทบไม่ไหว แต่นางไม่รู้ว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานไปอีกกี่วัน
ก่อนถึงห้องรับแขก ฮองเฮาถามอย่างกระวนกระวาย
“อวิ๋นซี สรุปแล้วมันคือพิษชนิดใดหรือ?”
“พิษเกลื้อน น่าจะติดเชื้อจากคุก สถานที่แห่งนั้นสกปรกเกินไป ทั้งยังมีพิษจำนวนมาก”
หานอวิ๋นซีพูดแสร้งทำเป็จริงจัง “ฮองเฮา องค์หญิงเป็เชื้อพระวงศ์ชาติกำเนิดสูงส่ง หากไม่มีเื่อันใดก็อย่าไปที่คุกจะดีกว่า”
แน่นอนว่าฮองเฮารู้เื่ที่องค์หญิงฉางผิงไปรุมประชาทัณฑ์ในคุก ขณะนี้ เมื่อเผชิญกับการเยาะเย้ยของหานอวิ๋นซี นางก็หน้าแดงก่ำ ทั้งละอายใจและรำคาญ แต่ก็ต้องกัดฟันและอดทนไว้
กู้เป่ยเยวี่ยที่อยู่ข้างๆ แอบชำเลืองมองหานอวิ๋นซี พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปาก สตรีผู้นี้ไม่สามารถเอาเปรียบได้เลยจริงๆ เป็หนี้นางก็ต้องชดใช้ให้นาง
หลังจากนั้นไม่นาน ฮองเฮาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ต้องใช้เวลานานเพียงใดในการฟื้นตัว?”
“ล้างพิษแล้วก็จะดีขึ้น หม่อมฉันจะเขียนใบสั่งยาสำหรับแก้พิษและให้คนไปเอายามาโดยรวดเร็ว”
หานอวิ๋นซีพูดพลางเดินเข้าไปในประตู ตามด้วยฮองเฮาที่รีบร้อนสั่งคนให้เอาพู่กันและหมึกมา
โดยปกติแล้ว ใบสั่งยาแก้พิษมีเพียงสมุนไพรไม่กี่ชนิดเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีเขียนไปมากมาย กระดาษเปล่าเต็มสองหน้า และมียาหายากอยู่ในนั้นด้วย
ฮองเฮาที่อ่านไม่เข้าใจ แต่กู้เป่ยเยวี่ยซึ่งอยู่ด้านข้างแทบจะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ
ผู้หญิงคนนี้ แน่ใจหรือว่านางกำลังเขียนยาแก้พิษ?
เห็นได้ชัดว่านางฉวยโอกาสที่คนอื่นกำลังเผชิญวิกฤตอยู่ ตักตวงเอาผลประโยชน์! ยาหลายชนิดในที่นี้ขัดแย้งกันเอง และไม่มีทางที่จะอยู่ในใบสั่งยาเดียวกันได้
สุดท้าย กู้เป่ยเยวี่ยคิดว่าหานอวิ๋นซีจะหยุดเขียนแล้ว แต่ใครจะรู้ว่านางนำกระดาษเปล่าแผ่นที่สามมาเขียนยาตัวสุดท้าย “คราบจักจั่นสิบปล้อง”
คราบจักจั่นคือเปลือกลอกคราบของจักจั่นดำซึ่งเป็ยาจีนโบราณที่ใช้กันแพร่หลาย อย่างไรก็ตามคราบจักจั่นธรรมดาบนท้องของพวกมันจะมีเพียงเก้าปล้อง แต่คราบจักจั่นที่มีสิบปล้องนั้น เรียกได้ว่าเป็สิ่งที่หายากอย่างมาก
ฮองเฮาที่ไม่เข้าใจ แต่กู้เป่ยเยวี่ยผู้ซึ่งคุ้นเคยกับคลังยาที่ใช้กับฮ่องเต้ มีสายตาที่ดูซับซ้อนและยังคงสงบนิ่ง
“ฮองเฮา นี่คือใบสั่งยา หาทุกอย่างตาที่เขียนไว้บนกระดาษ ยิ่งเร็วยิ่งดี ข้าจะปรุงยาด้วยตนเอง” ใบหน้าของหานอวิ๋นซีเต็มไปด้วยความจริงจัง
ฮองเฮารับใบสั่งยาแล้วมอบให้กู้เป่ยเยวี่ยทันที “หมอหลวงกู้ เื่นี้ข้าฝากเ้าด้วยล่ะ เ้าต้องหายาทั้งหมดนี้มาโดยเร็วที่สุด”
ฮองเฮาคิดว่าเื่นี้เป็เพียงเื่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามก็ไม่โทษนาง คลังยาในพระราชวังมียาชนิดใดที่ไม่มีบ้างล่ะ?
กู้เป่ยเยวี่ยพยักหน้าและออกไปทันที
แน่นอนว่าในตอนบ่าย เขาพบยาทั้งหมดตามใบสั่งและส่งให้หานอวิ๋นซีทันที แต่สิ่งเดียวที่ขาดหายไปคือคราบจักจั่นสิบปล้องเท่านั้น
“สิ่งนี้ในวังไม่มีหรือ?” ใบหน้าของฮองเฮาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “เ้าหาดีๆ หรือยัง?”
“ฮองเฮา กระหม่อมยืนยันได้ว่าในคลังยาไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”
กู้เป่ยเยวี่ยพูดพลางชำเลืองมองหานอวิ๋นซีโดยไม่รู้ตัว และพูดต่อว่า “คราบจักจั่นสิบปล้องเป็สิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ จนถึงตอนนี้มีเพียงสองตัวเท่านั้นที่ปรากฏออกมา ตัวหนึ่งอยู่ในมือของฮองเฮาแห่งอาณาจักรทางเหนือ และอีกตัว...”
“มันอยู่ที่ไหน?” ฮองเฮาถามอย่างร้อนรน
“กระหม่อมรู้เพียงว่ามันอยู่ในมือของอี้ไท่เฟย ส่วนยังมืออยู่หรือไม่นั้น กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” กู้เป่ยเยวี่ยตอบตามความเป็จริง
“มันอยู่ในมือของหมู่เฟยหรือ?” ใบหน้าของหานอวิ๋นซีเผยใออกมา
ความจริงนางรู้เื่นี้มานานแล้ว มิฉะนั้นนางคงไม่สั่งยาตัวนี้ นางเห็นมันในห้องของอี้ไท่เฟย และมันถูกอี้ไท่เฟยใส่กรอบไว้อย่างพิถีพิถันราวกับว่าเป็งานฝีมือชิ้นหนึ่ง ว่ากันว่าเก็บไว้เพื่อเป็สินสอดให้กับมู่หรงหว่านหรู ทุกครั้งที่มู่หรงหว่านหรูเห็นสิ่งนั้นก็จะมีความสุขไม่น้อย
ตอนนี้ ฮองเฮากำลังตกที่นั่งลำบาก
ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะได้สิ่งที่อยู่ในมือของอี้ไทเฟยมา
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฮองเฮาก็พูดอย่างจริงจังว่า “อวิ๋นซี ทำไมเ้าไม่ลองไปคุยกับหมู่เฟยของเ้าล่ะ”
หานอวิ๋นซีถอนหายใจ “ฮองเฮา หมู่เฟยของข้ามีจิตใจเมตตา เื่การช่วยชีวิตคน นางต้องช่วยอย่างแน่นอน เพียงแต่...”
ฮองเฮารอนางพูดอย่างกระวนกระวาย
“เฮ้อ...ถ้าข้าไปขอมา เช่นนั้นข้าก็คงต้องบอกเกี่ยวกับอาการป่วยของฉางผิงนะสิ? ทว่าท่านกับฉางผิงก็ไม่ยอมให้พูดอยู่ดี” หานอวิ๋นซีรู้สึกลำบากใจอย่างมาก
คำพูดเหล่านี้ที่ทำให้ฮองเฮาตระหนักได้ถึงจุดสำคัญของเื่นี้ แววตาของนางฉายแววเคร่งเครียดและอดสงสัยไม่ได้ว่าหานอวิ๋นซีทำไปโดยเจตนา
หลังจากที่หานอวิ๋นซีรักษาฉางผิงและกลับไป อี้ไท่เฟยต้องบังคับให้นางพูดอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น นางคงกระอักกระอ่วนใจที่จะพูด หากพูดออกไปคงทำให้ฮองเฮาโกรธ แต่ถ้าหากไม่พูด อี้ไท่เฟยก็จะโกรธ
และการไปขอยาตอนนี้หมายความว่าฮองเฮาอนุญาตให้นางบอกความจริงกับอี้ไท่เฟย ถึงเวลานั้นก็ไม่มีใครสามารถมาโทษนางได้
ฮองเฮารู้สึกเดือดดาลอยู่ในใจ หานอวิ๋นซีผู้นี้เฉลียวฉลาดนัก ก่อนหน้านี้ประเมินนางต่ำไปจริงๆ
เมื่อเห็นความลังเลใจของฮองเฮา หานอวิ๋นซีก็รออย่างอดทน อันที่จริงนางมียาแก้พิษอยู่ในกระเป๋ายา นางเพียงแค่ขอวัตถุดิบยาเพื่อเป็ค่าปรึกษาเท่านั้น แล้วก็ถือโอกาสแก้ปัญหาของอี้ไท่เฟยและปูทางให้ตัวเองกลับไป