พวกเขาเลิกกันมาหกปี เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่
มองดูเหยียนจิ่งจื้อเดินมาทางนี้ทีละก้าว ความกดดันก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเนี่ยเซิงเสี่ยวตื่นเต้นจนยากที่จะบรรยาย มือที่ถือร่มอยู่กำแน่นจนขึ้นกระดูกขาวหากทำได้เธอก็อยากจะหนีไปตอนนี้ เหมือนกับเมื่อหกปีก่อน
“ผู้ช่วยเนี่ย เธอยังยืนนิ่งอะไรอยู่ล่ะ!” หวงเทาเห็นเธอแปลกไปก็จัดเนี่ยเซิงเสี่ยวไปอยู่ในหมวดสาวประเภทบ้าผู้ชายในทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับท่านประธานกลุ่มพวกผู้หญิงก็จะมีอาการแบบนี้เผยออกมาหวงเทาชินแล้ว เดิมทีคิดว่าเนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ใช่คนตื้นเขินแบบนั้นตอนนี้จึงรู้สึกผิดหวังกับเธอเล็กน้อย
ภาพตรงหน้าของเนี่ยเซิงเสี่ยวพลิกคว่ำ ถ้าหากรู้ว่าบริษัทเฉินตงเป็ของเหยียนจิ่งต่อให้ตายเธอก็ไม่มีทางมาสมัครที่นี่ แต่จะมาคิดมากตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ระยะใกล้ขนาดนี้เขาเองก็คงจะเห็นเธอแล้ว เนี่ยเซิงเสี่ยวก้าวขาเข้าไปหาเขา
ประโยคแรกควรจะพูดอะไร ควรจะใช้อารมณ์แบบไหน ในสมองของเธอว่างเปล่าไปหมด
ก้าวสุดท้ายก็มาหยุดลงต่อหน้าเหยียนจิ่งจื้อ “จิ่ง…” เสียงแรกเพิ่งจะผ่านลำคอออกมาเธอก็ชะงักไปเมื่อพบว่าเหยียนจิ่งจื้อได้เดินผ่านเธอไปยังทางออกสนามบินเท้าที่ก้าวยาวมาก ทำอะไรรวดเร็วเหมือนกับลม มีมาดของท่านประธานมากๆเหมือนกับเขาจะไม่รู้จักใครๆ ที่อยู่ที่สนามบินเลย รวมถึงเธอด้วย
เนี่ยเซิงเสี่ยวเรียกสติตัวเองอยู่นานแต่ก็ยังเรียกกลับมาไม่ได้เมื่อถูกผู้จัดการหวงพูดเตือนถึงจะรู้ตัวว่าตัวเองยังต้องไปกางร่มให้เขา จึงวิ่งเหยาะๆตามไปถึงจะตามทันแต่ว่าในตอนนี้ข้างกายของเขาได้รายล้อมไปด้วยผู้บริหารระดับสูงของบริษัททุกคนต่างกำลังพูดกับท่านประธานว่าเดินทางมาลำบากคุณแล้วเื่งานลำบากแล้วอะไรพวกนี้ ไม่มีพื้นที่ให้เธอเข้าไปยืนเลย
ความทรงจำมักจะผุดขึ้นมา ถ้าหากเป็เหยียนจิ่งจื้อเมื่อก่อนเขาจะสลัดทุกคนออกไป จากนั้นก็จะพยายามก้าวช้าๆ ให้เนี่ยเซิงเสี่ยวเดินตามได้ทัน
เมื่อถึงทางออกเหยียนจิ่งจื้อกลับหยุดลงเมื่อมองออกไปที่แสงอาทิตย์ที่ไม่ได้แรงมากก็ขมวดคิ้วแล้วหันกลับมามองกลุ่มคนสุดท้ายสายตาก็มองไปที่ร่มในมือของเนี่ยเซิงเสี่ยว ก่อนจะเหลือบขึ้นมามองเธอ
สายตานี้ก็เพียงพอให้เธอมั่นใจแล้วว่าเป็สายตาที่เอาไว้มองคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผลสรุปก็คือเขาไม่รู้จักเธอแล้ว
เขาไม่รู้จักเธอแล้ว!
ในตอนนั้นเองที่เหล่าผู้บริหารถึงจะเปิดทางให้กับเนี่ยเซิงเสี่ยวซึ่งเธอก็ฝืนยิ้มแล้วเดินเข้าไป จากนั้นก็กางร่มปังแดดให้กับร่างใหญ่ๆ ของเขาถึงในตอนนี้ที่ได้ยืนอยู่ข้างเขาจะยังคุ้นเคยมากแต่ว่าความรู้สึกแปลกหน้าที่น่ากลัวนั่นก็ยังคงวนเวียนไม่ยอมจากไปไหน
เขากลัวพระอาทิตย์หรือ? แต่ก่อนวันๆเอาแต่ลากเขาไปวิ่ง ไปเล่นกีฬาจำพวกบาสเกตบอลอะไรแบบนี้อยู่เลยนิสัยของเขาเ็าขนาดนั้น? แต่ก่อนคนก็ต่างเรียกเขาว่าเ้าชายหน้ายิ้มนี่เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่านี่จะต้องไม่ใช่เขาตัวจริงแน่ๆหรือแค่หน้าตาเหมือนกันเท่านั้น
ขณะที่เดินตัวของเธอก็จะไปโดนชุดสูทของเขาอยู่บ่อยครั้งเนื้อผ้าที่ทำให้คนรู้สึกห่างไกลนั่นทำให้มือของเนี่ยเซิงเสี่ยวที่เมื่อครู่แอบเหม่อไปสั่นน้อยๆจนทำให้เขาหันมามอง เธอถึงต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้แล้วตั้งใจกางร่มให้เขา
ในตอนนั้นเองที่หวงเทาตามเข้ามาพร้อมพูดว่า “ท่านประธานผู้ช่วยพิเศษและเลขาของท่าน ครั้งนี้…”สามารถเห็นได้ว่าข้างกายของท่านประธานในครั้งนี้มีแค่บอดี้การ์ดเพียงสองคน คนอื่นๆไม่มีเลย จะต้องจัดคนให้ไหม นั่งคือสิ่งที่หวงเทากำลังชี้แจง
“ทางอเมริกายังมีเื่ที่ต้องจัดการผู้ช่วยพิเศษเลยต้องอยู่จัดการที่นั่น”
เหยียนจิ่งจื้อส่งเสียงออกมาแต่ถึงจะเป็เสียงที่เบามากก็ยังทำให้หูของเนี่ยเซิงเสี่ยวสั่นจนใกล้จะแตกแล้วเสียงนี้คุ้นเคยจนถึงขั้นที่เธอมักจะได้ยินในฝันอยู่บ่อยๆ ไม่มีทางผิดอย่างแน่นอน
เขาก็คือเหยียนจิ่งจื้อคนที่เคยเป็ของเธอเพียงคนเดียวคนนั้น!
แต่ว่าเหยียนจิ่งจื้อกลับรู้สึกว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างๆตัวเขานั้นแปลกอยู่หน่อยๆ ไม่เพียงจะเป็สายตา แต่จากทั้งภายในและภายนอกที่ทำให้เขารู้สึกแปลกร่มก็เอนมาทางเขาเหมือนเป็ผู้เชี่ยวชาญในการกางร่มมาให้เขาหลายปีเข้าใจถึงจังหวะการก้าวเดินของเขา เงาร่มก็บังได้พอดิบพอดี
แถมผมที่มัดขึ้นมาน้อยๆ นั่นก็เป็สีลินินที่เขาชอบมองั้แ่หัวจรดเท้าแล้ว เขาก็มความรู้สึกนิ้วกระตุก บ้าเอ๊ย รู้สึกปวดหัวหน่อยๆแล้ว เขานวดขมับก่อนจะเข้าไปนั่งในรถไมบัคที่เตรียมเอาไว้ให้เขา
“ถ้าหากท่านประธาน้าทางบริษัทสามารถจัดเตรียมผู้ช่วยพิเศษกับเลขาให้ได้ทันทีครับ” หวงเทายังพูดต่อ
“ค่อยว่ากัน” เหยียนจิ่งจื้อปิดกระจกกั้นให้หวงเทาอยู่ด้านนอกน้ำเสียงที่พูดติดรำคาญอยู่หน่อยๆ แล้ว
หวงเทาเหงื่อตกตอนที่ผู้รับผิดชอบทางอเมริกาโทรมาบอกเขาว่าท่านประธานค่อยข้างละเอียดในการใช้ชีวิตมากอย่างน้อยจำเป็จะต้องเตรียมเลขาที่เป็สไตล์คนดูแลเอาไว้คนหนึ่ง เขาจึงเรียกใช้เนี่ยเซิงเสี่ยวในตอนนี้ท่านประธานไม่พูดอะไร เขาไม่มั่นใจจริงๆ ว่าจะยัดคนเข้าไปอยู่ข้างกายเขา
“เอ่อ… ผู้จัดการหวง ท่านประธานอาจจะความดันต่ำทำให้เมาเครื่องเล็กน้อยสามารถให้ทางบริษัทเตรียมน้ำหวานอุ่นๆ เอาไว้ให้เขานะคะ”
เห็นท่าทางมั่นใจของเนี่ยเซิงเสี่ยวแล้วหวงเทาก็เหมือนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เสี่ยวเนี่ย ตอนมหาลัยเธอเรียนหมอหรือ?”
เหยียนจิ่งจื้อกดกระจกรถลงมาแล้วพูดตะคอกเสียงต่ำ “ทำไมถึงยังไม่ไป!”ทำเอาหวงเทาใจนรีบให้ทุกคน โดยไม่ลืมผลักเนี่ยเซิงเสี่ยวเข้าไปนั่งที่นั่งด้านข้างคนขับในรถของท่านประธานด้วยเลขาแบบคนดูแลยังไงก็ต้องตามไป
เนี่ยเซิงเสี่ยวคาดเข็มขัดเสร็จรถก็ออกพอดี เธอแอบมองเหยียนจิ่งจื้อที่นั่งอยู่ที่นั่งเ้านายด้านหลังรถผ่านทางกระจกหน้าก่อนคิ้วจะขมวดเข้าหากันน้อยๆ แต่ก่อนทุกครั้งเวลาเมาเครื่องก็จะเป็แบบนี้อารมณ์ไม่ดีมักจะกุมขมับแล้วมุดเข้ามาในอ้อมกอดของเธอแล้วบ่นว่าปวดหัว
ทันใดนั้นลูกอมหนึ่งเม็ดก็ถูกส่งมาตรงหน้าเหยียนจิ่งจื้อมองตามลูกอมนั้นจนเห็นกับมือเรียวสวยข้างหนึ่ง จากนั้นก็เป็แขนยาวต่อมาก็เป็ใบหน้าสวยและอ่อนโยน
เนี่ยเซิงเสี่ยวถูกเขามองจนรู้สึกผิด “ท่านประธานฉันดูท่าทางคุณแล้วเหมือนจะเป็ความดันต่ำอยู่หน่อยๆ ที่ฉัน…มีลูกอมอยู่พอดี”หลายปีมานี้ในกระเป๋าของเธอไม่เคยขาดลูกอมเหตุผลเกินครึ่งในนั้นก็เพราะเหยียนจิ่งจื้อ
ซึ่งเหยียนจิ่งจื้อเองก็ไม่เกรงใจ ยื่นมือเข้าไปรับลูกอมมาจากที่เขาคิดนี่ก็อยู่ในหน้าที่ของคนดูแล เขาค่อยๆแกะห่อออกก่อนจะเอาใส่ปากแล้วหลับตาลงพิงพนักด้านหลังอย่างสบายแต่ว่าเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งทันที ลูกอมผลไม้ รสสับปะรดเขามองไปยังแผ่นหลังของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างหน้าด้วยความตกตะลึง ความชอบแบบเด็กๆนี้ตัวเขาเองยังไม่กล้าบอกกับผู้ช่วยพิเศษของเขา เธอรู้ได้อย่างไร?
“ยังมีอีกไหม?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวใ รีบเปิดกระเป๋า “มีค่ะมี”
“ไม่ต้องแล้ว”
เนี่ยเซิงเสี่ยว “…”
ตลอดทางก็ไม่ได้มีการพูดคุยใดๆ แล้วคนขับรถก็เป็คนขับที่มีความเป็มืออาชีพตาไม่เหล่มองไปไหนและก็ไม่เอ่ยคำใดใดออกมาเนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกถึงโทรศัพท์ในมือสั่นเมื่อมองลงไปก็เห็นว่าคนที่โทรมาคือผู้จัดการหวง จึงหันไปแจ้งกับเหยียนจิ่งจื้อ“ผู้จัดการหวงโทรมาค่ะ”
เหยียนจิ่งจื้อไม่ได้พูดอะไร เนี่ยเซิงเสี่ยวจึงรับสาย “ค่ะผู้จัดการหวงใช่ค่ะ ท่านประธานไม่ได้มีคำสั่งอะไรพิเศษ ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินสำเนียงเจียงหนานนุ่มๆ ของเธอเหยียนจิ่งจื้อก็พิงไปที่พนักด้านหลังแล้วก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนกับเจินเนี้ยน
ทันใดนั้นเหยียนจิ่งจื้อก็โยนโทรศัพท์เครื่องหนึ่งมาให้เป็เครื่องที่เธอเคยเห็นในโทรทัศน์เมื่อหลายวันก่อนเหมือนว่าจะเป็รุ่นใหม่ที่มีจำนวนจำกัด ก่อนจะได้ยินเขาพูดออกคำสั่งตามมา“ในบันทึกการโทรมีชื่อจินเป้ยน่าอยู่ เธอจะบอกสิ่งที่ฉันชอบให้”พูดจบก็เงียบลงใหม่อีกครั้ง
เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้ว่าเขาเริ่มี้เีอีกแล้วของที่ชอบมีเยอะเกินไปจนี้เีจะพูดให้เธอฟัง เธอจึงทำได้แค่โทรไปจินเป้ยน่าเสียงของเป้ยน่านั้นสบายๆ มากพร้อมหยิบสมุดที่จดสิ่งที่เหยียนจิ่งจื้อชอบขึ้นมาเพื่ออ่านเื่ที่ควรระวังมีอะไรบ้างให้ฟังรอจนเธอพูดเสร็จทางนี้ก็ใกล้จะถึงแล้วสุดท้ายเป่ยน่ายังถามปลายสายด้วยความสงสัยว่า “ไม่ต้องจดเธอก็สามารถจำได้หมดจริงๆหรือ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวยิ้มขมขื่นความชอบของคุณชายเหยียนจิ่งจื้อคนนี้รวมถึงชอบใส่กางเกงในลูกไม้อะไรพวกนี้เมื่อหกปีก่อนเธอไม่เคยลืมมันเลย