“อ้าก!!!”
เจียงฮ่วยพุ่งมาถึงด้านหน้าของหานหมาน โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว เขาระดมหมัดโจมตีหานหมาน จนมีเสียงกระดูกแตกร้าวผสานกับเสียงกรีดร้องดังขึ้น
“คนคนนี้ช่างไร้ยางอายจริงๆ แอบวางอุบายชั่วร้ายก่อนจะขึ้นลานประลองเป็ตาย” ผู้คนรอบลานประลองเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต่างกระซิบนินทากันเบาๆ
“ในลานประลองเป็ตายจะใช้วิธีการอะไรก็ได้” มีบางคนโต้แย้งขึ้นมา
แต่อย่างไรก็ตามหลินเฟิงไม่แยแสต่อคำซุบซิบนินทาของคนเหล่านี้ เขายังคงจ้องมองไปที่จิ่งฮ่าว ขณะที่กล่าวอย่างเ็าว่า “หลีกไป”
“เป็แค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 แท้ๆ แต่กลับกล้าทำยโสต่อหน้าข้า! ที่จิ่งเฟิงตายเ้าก็มีส่วนด้วย” จิ่งฮ่าวกล่าวอย่างเยือกเย็นโดยไม่สนใจหลินเฟิง
“ข้าเป็คนฆ่าน้องชายของเ้าเอง ตอนนี้เ้าสั่งให้คนของเ้าหยุดได้แล้ว และให้ข้าขึ้นไปแทนหานหมาน ไม่อย่างนั้นมันจะเป็การแก้แค้นให้น้องชายของเ้าได้อย่างไร” เพราะตัวเองจัดการไม่ดี ทำให้จิ่งฮ่าวสามารถหาช่องโหว่เล่นงานเขาได้ ยิ่งได้ฟังเสียงร้องโหยหวนด้วยความเ็ปของหานหมาน หลินเฟิงก็ยิ่งร้อนใจ
“หือ?” จิ่งฮ่าวชะงักไปชั่วขณะก่อนแววตาจะเย็นะเืออกมา แล้วะโว่า “เจียงฮ่วยหยุดก่อน”
เมื่อเจียงฮ่วยได้ยินคำพูดของจิ่งฮ่าวก็หยุดโจมตีหานหมาน และหันไปมองจิ่งฮ่าวด้วยความสงสัย
“เ้าจะขึ้นไปแทนที่มันก็ได้” จิ่งฮ่าวมองหลินเฟิงนิ่งๆ พลางปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
ไม่ต้องให้บอก หลินเฟิงก็ทะยานร่างขึ้นไปบนลานประลองในทันที เขามองใบหน้าของหานหมานที่เต็มไปด้วยเืและกระดูกหน้าอกที่แตกร้าวด้วยสายตาเสียใจ หลินเฟิงเช็ดเืที่เปรอะเปื้อนไปทั่วดวงตาของหานหมาน ทำให้หานหมานลืมตาขึ้นมองอย่างยากลำบาก
“หานหมาน เ้าลงจากลานประลองไหวหรือไม่?” หลินเฟิงคุกเข่าถามหานหมาน
“ไม่มีปัญหา ข้ายังไม่ตาย ช่วยแก้แค้นให้ข้าด้วย” หานหมานยิ้มออกมาจางๆ เขาพยายามอดทนต่อความเ็ปของร่างกาย
“วางใจเถอะ” หลินเฟิงเห็นรอยยิ้มของหานหมานก็อดถอนหายใจไม่ได้ ชายคนนี้ช่างปากแข็งเสียจริง
หลินเฟิงช่วยพยุงหานหมานขึ้นมาและพาไปส่งตรงขอบลานประลอง ทันใดนั้นเขากลับได้ยินจิ่งฮ่าวกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “เจียงฮ่วย เ้ารู้นะว่าต้องทำเช่นไร”
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะสังหารพวกมันทั้งคู่” เจียงฮ่วยตอบกลับขณะที่แสยะยิ้มชั่วร้าย ทำให้จิ่งฮ่าวพยักหน้าอย่างพอใจ
“บนลานประลองเป็ตาย ชีวิตของพวกเ้าจะไม่ได้เป็ของตนเองอีกต่อไป ในเมื่อเ้าอยากจะขึ้นไปแทนที่เขา ถ้าอย่างนั้นข้าจะฝังศพพวกเ้าไว้ด้วยกัน” จิ่งฮ่าวมองหลินเฟิงอย่างปราศจากความเมตตา
“อย่างนั้นหรือ?” หลินเฟิงกล่าวพร้อมทั้งรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า เขาปล่อยหานหมานที่ขอบลานประลอง
ในตอนนั้นเอง เจียงฮ่วยก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมะเิลมปราณออกมา
“ะเิอัคคี พวกเ้าจงตายซะ” เจียงฮ่วยะโออกมา ในมือของเขาปรากฏเปลวเพลิงลูกหนึ่งออกมา ก่อนจะปาไปที่หลินเฟิงกับหานหมาน เสียงปะทุไหม้ของเปลวเพลิงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ไสหัวกลับไป” หลินเฟิงชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว ประกายคมดาบสว่างวูบ พร้อมกับเสียงฟ้าร้องดังลั่นในอากาศ เปลวเพลิงที่พุ่งเข้ามาพลันสลายหายไปทันที มิหนำซ้ำพลังดาบที่เหลือจากการปะทะกับเปลวเพลิง ก็พุ่งตรงไปยังเจียงฮ่วย ทิ้งรอยาแไว้ที่หน้าอกของเขา
“แปะ แปะ” หยดเืไหลลงมาจากปลายดาบของหลินเฟิง ในขณะเดียวกัน หลินเฟิงก็มองไปที่เจียงฮ่วยพร้อมปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
“ข้ากำลังจะตายหรือ?” หลินเฟิงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น ก่อนจะสะบัดดาบในมืออีกครั้ง เสียงคำรามของฟ้าผ่าดังลั่นขึ้นมา เจียงฮ่วยรีบะโถอยหลังอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าก็ไม่อาจหลบคมดาบพ้น ร่างของเขาลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกลงไปกระแทกพื้นอย่างจัง
เจียงฮ่วยไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้
“อัสนีกัมปนาท ยามที่ฟันดาบออกไปจะเกิดเสียงฟ้าร้องออกมา คนผู้นี้เป็ใครกัน? เขาสามารถใช้เคล็ดวิชาอัสนีกัมปนาทได้อย่างคล่องแคล่วเชียวนะ” ผู้คนเริ่มซุบซิบขึ้นมา แต่ทว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นใบหน้าของหลินเฟิงที่อยู่ภายใต้หน้ากากได้
จิ่งฮ่าวตกตะลึงไปชั่วขณะ สีหน้าของเขาดูปั้นยากขึ้นมา เจียงฮ่วยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิง น่าเจ็บใจนัก นี่เป็โอกาสสังหารที่หาได้ยากแท้ๆ แต่เจียงฮ่วยกลับไม่สามารถฆ่ามันได้ หากเขาขึ้นไปบนลานประลอง อย่างมากที่สุดก็ทำได้แค่ทำร้ายหลินเฟิงจนาเ็สาหัสเท่านั้น เพราะเขาไม่สามารถสังหารมันได้โดยตรง
เมื่อเจียงฮ่วยเห็นหลินเฟิงถือดาบยาวเดินเข้ามาหาตัวเอง ก็รีบคลานถอยหลังทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความสิ้นหวัง
“ข้าไม่สู้แล้ว ข้ายอมแพ้”
“ยอมแพ้?” หลินเฟิงหัวเราะออกมาราวกับว่าได้ยินเื่ที่ตลกที่สุด เจียงฮ่วยเกือบจะฆ่าหานหมาน และถ้าเจียงฮ่วยแข็งแกร่งมากกว่านี้ เขาจะต้องฆ่าหลินเฟิงและหานหมานอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้พอเห็นว่าตัวเองสู้ไม่ได้ ก็ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ แบบนี้ก็ได้เหรอ?
“ไปตายซะ” จู่ๆ เจียงฮ่วยก็ะโออกมา เขาขว้างผงสีขาวไปที่หลินเฟิง จากนั้นก็หันหลังวิ่งลงลานประลองอย่างรวดเร็ว
“จิ่งฮ่าว ช่วยข้าด้วย” เจียงฮ่วยวิ่งไปยังทิศทางที่จิ่งฮ่าวยืนอยู่ โดยมีหลินเฟิงวิ่งตามหลังเขาไปติดๆ
ตุบ! ร่างของเจียงฮ่วยล้มลงอยู่ใต้ลานประลองเป็ตาย แต่เขากลับหัวเราะออกมา เพราะจิ่งฮ่าวยืนขวางด้านหน้าให้เขา
จิ่งฮ่าวไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้บนลานประลองได้ แต่ถ้าลงมาจากลานประลองแล้วก็ถือว่าเป็อีกเื่หนึ่ง
“น่าเสียดาย ที่เ้าไม่สามารถฆ่าเขาบนลานประลองได้” จิ่งฮ่าวกล่าวขณะที่มองไปยังหลินเฟิงอย่างเย้ยหยัน เมื่ออยู่บนลานประลองเป็ตายก็จะสามารถสังหารอีกฝ่ายได้โดยไม่ผิดกฎ เพราะมันต้องเดิมพันกันด้วยชีวิต ถึงแม้ว่าเจียงฮ่วยจะลงจากลานประลองได้ แต่ตราบใดที่ยังอยู่ในหุบเขาเมฆพายุ หลินเฟิงก็สามารถตามฆ่าทีหลังได้ แต่ตอนนี้จิ่งฮ่าวยังอยู่ที่นี่ ดังนั้นหลินเฟิงจึงฆ่าเจียงฮ่วยไม่ได้
“จริงหรือ? แต่ว่าเมื่อข้าขึ้นมาที่ลานประลองแล้ว ชีวิตของเขาอยู่ในมือข้า ไม่ใช่์”
จบประโยค หลินเฟิงก็ปล่อยคลื่น์เก้ากระแทกไปที่จิ่งฮ่าว
จิ่งฮ่าวยิ้มเยาะเย้ย ก่อนจะยื่นฝ่ามือไปรับคลื่น์เก้ากระแทก
“อัสนีกัมปนาท”
หลินเฟิงกระโจนร่างลงไปพร้อมกับตวัดฟันคลื่นดาบ เสียงคำรามของฟ้าร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
จิ่งฮ่าวชักดาบออกมา แล้วโต้กลับด้วยเคล็ดวิชาอัสนีกัมปนาทแบบเดียวกัน
“คลื่น์เก้ากระแทก หลีกไปซะ” หลังจากที่ปล่อยอัสนีกัมปนาทไปแล้ว ร่างของหลินเฟิงก็กระโจนลงมาราวกับพยัคฆ์ร้าย จากนั้นเขาก็ใช้คลื่น์เก้ากระแทกอีกครั้ง โดยไม่เว้นจังหวะให้อีกฝ่ายได้พัก
จิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าทักษะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เคล็ดวิชาอัสนีกัมปนาทก็ไร้ที่ติ ทุกคมดาบที่แทงลงมาล้วนตรงจุดอ่อนของเขา ทุกครั้งที่คลื่นพลังลูกหนึ่งถูกทำลาย ก็จะมีอีกคลื่นหนึ่งตามมา สำหรับจิ่งฮ่าวแล้วมีแต่จะถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ
เมื่อจิ่งฮ่าวทำลายการโจมตีของหลินเฟิงเสร็จ เขากลับพบว่าหลินเฟิงได้ยืนอยู่ตรงหน้าของเจียงฮ่วย และดาบของเขาก็เล็งไปที่เจียงฮ่วยอยู่!!!
“คนคนนี้เป็ใครกันแน่ ทั้งๆ ที่อยู่แค่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 แต่สามารถใช้คลื่น์เก้ากระแทกและอัสนีกัมปนาท บังคับให้จิ่งฮ่าวต้องถอยหลังไป ถึงแม้ว่าจะเป็เพียงไม่กี่ก้าวก็เถอะ แต่มันก็มากพอที่จะรู้สึกภูมิใจในตัวเอง”
“จิ่งฮ่าวถูกจัดให้เป็ศิษย์ลำดับที่ 6 ของศิษย์สายนอก ความแข็งแกร่งมีมากกว่าแค่ไหนใครๆ ก็เดาได้ ประกอบกับฝึกเคล็ดวิชาอัสนีกัมปนาทจนถึงระดับสูง แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า อัสนีกัมปนาทของคนคนนั้นจะดีกว่าจิ่งฮ่าว แถมยังทำให้จิ่งฮ่าวก้าวถอยหลังไปอีกด้วย”
ผู้คนต่างเริ่มซุบซิบ หลินเฟิงอยู่แค่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 ส่วนจิ่งฮ่าวกลับเป็หนึ่งในศิษย์สายนอกที่แข็งแกร่ง แม้แต่ศิษย์บางคนที่อยู่ในขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 9 ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ตอนนี้หลินเฟิงกลับทำให้จิ่งฮ่าวต้องถอยหลัง แถมยังสามารถกุมชะตาชีวิตของเจียงฮ่วยได้อีกด้วย
ได้ยินผู้คนรอบข้างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการต่อสู้ สีหน้าของจิ่งฮ่าวก็ดูย่ำแย่ขึ้นมา เขามีชื่อเสียงในหมู่ศิษย์สายนอกมาก แต่ตอนนี้เป็เพราะหลินเฟิงที่ทำให้เขาต้องเสียหน้าและถูกทำให้อับอาย
“ถ้าเ้ากล้าฆ่าเขาก็ลองดูสิ ข้าจะทำให้เ้าไม่ตายดีแน่” จิ่งฮ่าวมองหลินเฟิงที่ถือดาบอยู่อย่างเกรี้ยวกราด
“ปล่อยข้าไปเถอะ” เจียงฮ่วยร้องอ้อนวอนด้วยร่างกายอันสั่นเทา
“ปล่อยเ้า? หึ ชาติหน้าถ้าได้เกิดเป็สุนัขก็ต้องเลือกนายดีๆ” เพียงพริบตาเดียวดาบของหลินเฟิงก็ฟันไปที่คอ จบชีวิตเจี่ยงฮ่วยทันที
“ช่างกล้าหาญยิ่งนัก” เสียงชื่นชมดังขึ้นมาในกลุ่มฝูงชน ทันใดนั้นจิ่งฮ่าวก็ปลดปล่อยจิตสังหารออกมา หลินเฟิงไม่สนใจคำพูดของเขาและสังหารเจียงฮ่วย ขณะจิ่งฮ่าวกำลังโกรธแค้นอยู่นั้น เขาก็ลืมไปเลยว่าไม่ว่าหลินเฟิงจะสังหารเจียงฮ่วยหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่คิดที่จะปล่อยหลินเฟิงไป ในเมื่อเป็แบบนั้นหลินเฟิงยังต้องฟังคำพูดเขาอยู่ไหม?
“เ้าทำให้ข้าโกรธ ถึงแม้จะไม่สามารถสังหารเ้าได้ แต่ข้าจะทำให้เ้าต้องอ้อนวอนร้องขอชีวิตให้จงได้” จิ่งฮ่าวกล่าวออกมาด้วยความโกรธแค้น ทุกคนคิดว่าคราวนี้หลินเฟิงต้องซวยแน่ๆ เพราะเขาดันไปยั่วยุจิ่งฮ่าว คนไม่ตายก็ต้องพิการ น่าเสียดายที่ต่อให้หลินเฟิงจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจิ่งฮ่าว หนึ่งในสิบศิษย์สายนอกที่แข็งแกร่ง ไม่มีใครคิดว่าหลินเฟิงจะสามารถเอาชนะเขาได้
จิ้งหยุนกังวลมากจนแทบจะลืมหายใจ น่าเสียดายที่นางอ่อนแอและไม่สามารถช่วยอะไรได้ เกรงว่าจิ่งฮ่าวจะสามารถฆ่านางได้ในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น
ทุกคนจ้องมองไปที่หลินเฟิงที่ยังคงดูสงบนิ่ง เขาค่อยๆ หันกลับมาและะโขึ้นไปบนลานประลอง
“เขากำลังจะทำอะไร?” เมื่อฝูงชนเห็นหลินเฟิงะโขึ้นไปบนลานประลอง ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
หลินเฟิงเดินมาถึงใจกลางของลานประลอง จากนั้นก็หันกลับไปมองไปที่จิ่งฮ่าว แล้วกล่าวออกมาว่า “ขึ้นมาสิ”
วินาทีนี้ ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วลานประลอง หลินเฟิงขึ้นไปบนลานประลองและท้าทายจิ่งฮ่าวที่เป็ศิษย์สายนอกอันดับ 6
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้